เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 24-02-2023
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 262
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ

การท่องเที่ยวยั่งยืน 'คาร์บอนต่ำ' ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG



การท่องเที่ยว' มีความสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ ซึ่งต้องควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และ การบรรลุสู่เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน พัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เป้าหมายการสร้างเศรษฐกิจแบบใหม่ (BCG Model) และสังคมคาร์บอนต่ำ ประกอบด้วย การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย การจัดทำ Environment Map ส่งเสริมการประเมินมูลค่าทรัพยากรและการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า



ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำระบบบัญชีเศรษฐกิจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดทำผังภูมินิเวศระดับภาคเพื่อการพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่รองรับและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และสังคมคาร์บอนต่ำให้ครบทุกภูมิภาค ภายในปี 2570 รวมทั้ง การพัฒนาระบบ Digital Platform และการนำนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการ คือ เป้าหมายการทำงานของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เมื่อเร็วๆ นี้ 'วราวุธ ศิลปอาชา' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวบรรยายหัวข้อ ?Environment and Thailand?s tourism? ในงาน SKAL International Bangkok first Business Luncheon Talk of the year 2023 ว่าภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการบรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ ที่สามารถส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนได้



อาทิ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่น กลุ่มป่าแก่งกระจานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งล่าสุดของประเทศไทย และอุทยานธรณีสตูล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย โดยในอนาคตประเทศไทยจะเสนอหมู่เกาะอันดามัน และอุทยานธรณีโคราชเป็นแหล่งมรดกโลกต่อไป





ที่ผ่านมา ได้ให้นโยบายบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อมุ่งสู่การสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ อาทิ การจองคิวเข้าอุทยานแห่งชาติผ่านแอปพลิเคชัน QueQ และการจำหน่ายบัตรในรูปแบบ e-ticket การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอุทยานแห่งชาติภายใต้แนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) การส่งเสริมให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การมอบรางวัล Green national park และ Green Hotel เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจให้หันมาสนใจการจัดการสิ่งแวดล้อม



รวมถึงข้อกำหนดที่ห้ามทำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับรู้และนำไปเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจ และกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำให้เพิ่มมากขึ้น เช่น

การห้ามสูบบุหรี่บนชายหาด
การงดใช้ถุงพลาสติกและโฟมในเขตอุทยานแห่งชาติ
มีสำรวจถ้ำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย 15 ถ้ำ
อนุรักษ์โครงกระดูกวาฬอำแพง
การขอรับรองสถิติโลกไม้ตาก ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก
ประกาศจัดตั้ง 'อุทยานธรณีชัยภูมิ' จ.ชัยภูมิ เป็นอุทยานธรณีแห่งที่ 7 ของประเทศ
การประกาศให้ 'กลุ่มป่าแก่งกระจาน' ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นแห่งที่ 3 ของประเทศ
และการได้รับการรับรองให้ 'ดอยเชียงดาว' เป็น 'พื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลก' เป็นแห่งที่ 5 ของประเทศ



"การใช้ทรัพยากรจะต้องเกิดความคุ้มค่าสูงสุดเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับชุมชน รักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไว้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อส่งต่อถึงคนในรุ่นอนาคต และเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืนให้กับชุมชนเพื่อความสุขของคนไทยและการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนววิถีใหม่ ภายใต้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน? รมว.ทส. ระบุ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 24-02-2023
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 262
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ online

เจ้าท่าระยองแจ้งความเอาผิดเจ้าของคราบน้ำมันกลางทะเล หลังใช้สารฉีดขจัดจนเหลือแค่แผ่นฟิล์มบางๆ



ระยอง - เจ้าท่าระยองเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.มาบตาพุด ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน หลังพบคราบน้ำมันลอยเป็นวงกว้างกลางทะเล เผยหากหาตัวผู้กระทำผิดจะร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิดตาม ม.119 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ได้ถ่ายคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ขณะออกเรือหาปลากลางทะเล ได้พบคราบน้ำมันลอยเป็นวงกว้างห่างฝั่งบ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด ประมาณ 1-2 กม. ซึ่งคราบน้ำมันมีลักษณะเป็นแผ่นฟิลม์ใสสีรุ้ง

พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาต้นตอน้ำมัน และให้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของคราบน้ำมันดังกล่าว เนื่องจากยังคงพบคราบน้ำมันลักษณะเป็นกลุ่มก้อนสีดำขนาดใหญ่บริเวณชายหาดแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยนั้น



วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรพิน ท่วงที เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อตรวจสอบหาต้นตอผู้กระทำความผิดได้แล้วจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตาม ม.119 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ต่อไป

และยังบอกอีกว่า คราบน้ำมันที่กลุ่มประมงในพื้นที่พบเห็นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการตรวจของเจ้าหน้าที่พบว่ามีลักษณะเป็นก้อนกลมคล้ายดินน้ำมัน ขนาดความกว้างประมาณ 5 x 40 เมตร ซึ่งในเบื้องต้นได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบแล้ว

ขณะเดียวกัน ยังได้ใช้สารขจัดคราบน้ำมันฉีดพ่นจนสามารถขจัดคราบน้ำมันจนเหลือเพียงแผ่นฟิล์มบางๆ และสลายไปในที่สุด



ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:31


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger