![]() |
|
|
|
#1
|
|||
|
|||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
การท่องเที่ยวยั่งยืน 'คาร์บอนต่ำ' ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ![]() การท่องเที่ยว' มีความสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ ซึ่งต้องควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และ การบรรลุสู่เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน พัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป้าหมายการสร้างเศรษฐกิจแบบใหม่ (BCG Model) และสังคมคาร์บอนต่ำ ประกอบด้วย การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย การจัดทำ Environment Map ส่งเสริมการประเมินมูลค่าทรัพยากรและการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำระบบบัญชีเศรษฐกิจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดทำผังภูมินิเวศระดับภาคเพื่อการพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่รองรับและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และสังคมคาร์บอนต่ำให้ครบทุกภูมิภาค ภายในปี 2570 รวมทั้ง การพัฒนาระบบ Digital Platform และการนำนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการ คือ เป้าหมายการทำงานของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเร็วๆ นี้ 'วราวุธ ศิลปอาชา' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวบรรยายหัวข้อ ?Environment and Thailand?s tourism? ในงาน SKAL International Bangkok first Business Luncheon Talk of the year 2023 ว่าภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการบรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ ที่สามารถส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนได้ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่น กลุ่มป่าแก่งกระจานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งล่าสุดของประเทศไทย และอุทยานธรณีสตูล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย โดยในอนาคตประเทศไทยจะเสนอหมู่เกาะอันดามัน และอุทยานธรณีโคราชเป็นแหล่งมรดกโลกต่อไป ที่ผ่านมา ได้ให้นโยบายบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อมุ่งสู่การสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ อาทิ การจองคิวเข้าอุทยานแห่งชาติผ่านแอปพลิเคชัน QueQ และการจำหน่ายบัตรในรูปแบบ e-ticket การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอุทยานแห่งชาติภายใต้แนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) การส่งเสริมให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การมอบรางวัล Green national park และ Green Hotel เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจให้หันมาสนใจการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อกำหนดที่ห้ามทำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับรู้และนำไปเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจ และกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำให้เพิ่มมากขึ้น เช่น การห้ามสูบบุหรี่บนชายหาด การงดใช้ถุงพลาสติกและโฟมในเขตอุทยานแห่งชาติ มีสำรวจถ้ำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย 15 ถ้ำ อนุรักษ์โครงกระดูกวาฬอำแพง การขอรับรองสถิติโลกไม้ตาก ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก ประกาศจัดตั้ง 'อุทยานธรณีชัยภูมิ' จ.ชัยภูมิ เป็นอุทยานธรณีแห่งที่ 7 ของประเทศ การประกาศให้ 'กลุ่มป่าแก่งกระจาน' ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นแห่งที่ 3 ของประเทศ และการได้รับการรับรองให้ 'ดอยเชียงดาว' เป็น 'พื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลก' เป็นแห่งที่ 5 ของประเทศ "การใช้ทรัพยากรจะต้องเกิดความคุ้มค่าสูงสุดเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับชุมชน รักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไว้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อส่งต่อถึงคนในรุ่นอนาคต และเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืนให้กับชุมชนเพื่อความสุขของคนไทยและการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนววิถีใหม่ ภายใต้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน? รมว.ทส. ระบุ |
|
#2
|
|||
|
|||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ online
เจ้าท่าระยองแจ้งความเอาผิดเจ้าของคราบน้ำมันกลางทะเล หลังใช้สารฉีดขจัดจนเหลือแค่แผ่นฟิล์มบางๆ ระยอง - เจ้าท่าระยองเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.มาบตาพุด ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน หลังพบคราบน้ำมันลอยเป็นวงกว้างกลางทะเล เผยหากหาตัวผู้กระทำผิดจะร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิดตาม ม.119 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ได้ถ่ายคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ขณะออกเรือหาปลากลางทะเล ได้พบคราบน้ำมันลอยเป็นวงกว้างห่างฝั่งบ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด ประมาณ 1-2 กม. ซึ่งคราบน้ำมันมีลักษณะเป็นแผ่นฟิลม์ใสสีรุ้ง พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาต้นตอน้ำมัน และให้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของคราบน้ำมันดังกล่าว เนื่องจากยังคงพบคราบน้ำมันลักษณะเป็นกลุ่มก้อนสีดำขนาดใหญ่บริเวณชายหาดแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยนั้น วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรพิน ท่วงที เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อตรวจสอบหาต้นตอผู้กระทำความผิดได้แล้วจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตาม ม.119 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ต่อไป และยังบอกอีกว่า คราบน้ำมันที่กลุ่มประมงในพื้นที่พบเห็นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการตรวจของเจ้าหน้าที่พบว่ามีลักษณะเป็นก้อนกลมคล้ายดินน้ำมัน ขนาดความกว้างประมาณ 5 x 40 เมตร ซึ่งในเบื้องต้นได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกัน ยังได้ใช้สารขจัดคราบน้ำมันฉีดพ่นจนสามารถขจัดคราบน้ำมันจนเหลือเพียงแผ่นฟิล์มบางๆ และสลายไปในที่สุด |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|