![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
วันที่ 16 มีนาคม 2553.....วันรุ่งขึ้น หลังจากการร่วมประชุมเรื่อง "งานเปิดโลกทะเลชุมพร 2010" แล้ว เราออกเดินทางจากทุ่งวัวแล่น ที่เราไปพักค้างคืนอยู่ เพื่อมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ไปตามถนนเรียบอ่าวไทย...เส้นทางที่สวยและน่าเดินทางอีกเส้นทางหนึ่งของเมืองไทย... จากการบอกเล่าของอดีตท่านผู้ว่าฯ การัณย์....เราเลี้ยวรถเข้าไปตามทางขึ้น "เขาดินสอ" ยอดเขาสูงที่สุดที่อยู่ติดทะเล ที่ใช้เป็นจุดชมวิวและแหล่งศึกษาธรรมชาติ ของเมืองปะทิว ชุมพร
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-07-2010 เมื่อ 14:57 |
|
#2
|
||||
|
||||
|
เดิมทีการขึ้นเขาดินสอแสนจะยากลำบาก มีทางลูกรังขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อปีนขึ้นไปได้สักพักเดียว ก็ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไป
แต่ในปัจจุบัน....มีถนนลาดยางอย่างดี ทอดยาวขึ้นไปเกือบถึงยอดเขาแล้ว การปีนต่อไปจนถึงยอดเขานั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าผจญภัย เพราะต้องใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง ผ่านเข้าไปท่ามกลางป่าและพรรณไม้เฉพาะถิ่นภาคใต้ บนยอดเขาซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร เป็นลานเรียบกว้างปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลทั้งด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นท้องทะเลและชายหาดทุ่งวัวแล่น และด้านทิศตะวันตกที่จะมองเห็นทางรถไฟสายใต้ สวนผลไม้และสวนยางพารา และทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามทอดไกลไปจรดประเทศพม่า
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-07-2010 เมื่อ 06:18 |
|
#3
|
||||
|
||||
|
“แม่อนงค์” หรือ “ครูมาลัย ชูพินิจ” นักหนังสือพิมพ์และนักเขียนชั้นครูระดับอัจฉริยะ ได้พูดถึง "เขาดินสอ" แห่งเมืองปะทิว ชุมพร ไว้ในอมตะนิยายเรื่อง “แผ่นดินของเรา” ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนรวมทั้งตัวสายชลไว้ด้วยว่า "เมื่อวานนี้เราไปที่เขาดินสอ ได้กวางมาสองตัว จะย่างหรือตากเค็มฝากมาบ้าง......ทั้งหมูแลนกยูงก็กำลังชุม....." นั่นแสดงให้เห็นว่า...เมื่อหกสิบปีมาแล้วนั้น "เขาดินสอ" อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่านานาพันธุ์ ผิดกับสมัยนี้ที่สัตว์ป่าแทบไม่มีให้เห็นแล้ว อย่างไรก็ตาม....ใน ช่วงเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายน ของทุกปี จะมีนกล่าเนื้อ ประเภทนกเหยี่ยว และนกอินทรีย์ โดยเฉพาะนกเหยี่ยว จะมีด้วยกัน 6 สายพันธุ์ ได้แก่ เหยี่ยวผึ้ง เหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น เหยี่ยวหน้าเทา เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ และเหยี่ยวชิคร่า จำนวนนับล้านตัว ที่หนีอากาศหนาวจากประเทศจีน ได้ทยอยอพยพผ่านประเทศไทย เพื่อไปหาแหล่งอาหาร และที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือของประเทศอินโดนีเซีย โดยเขาดินสอเป็นหนึ่งในจุดที่เหยี่ยวมาพักอาศัยที่มีชื่อเสียงของไทย นอกเหนือจากที่ตำบลท่ายาง ยอดเขาเรดาร์ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 07-07-2010 เมื่อ 21:21 |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ตามพี่สองสายมาทัวร์ชุมพรต่อนะครับ .. เพลินดีจังเลย แถมได้ความรู้ัอีกด้วย
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow ![]() You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
|
#5
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณจ้ะน้องปี๊บ.... พรุ่งนี้จะพาเที่ยวต่อจ้ะ....คืนนี้ขอไปนอนก่อนนะจ๊ะ...
__________________
Saaychol |
|
#6
|
||||
|
||||
|
โพสของตัวเองเรียบร้อยแล้วขอมาเกาะเป็นเหาฉลามติดพี่สายชลไปด้วยคนครับ
|
|
#7
|
||||
|
||||
|
ไปเลยค่ะ....ตามไปเที่ยวด้วยกันต่อเลยค่ะน้องkeng@sk.....
__________________
Saaychol |
|
#8
|
||||
|
||||
|
ไปค้นหาข้อมูลของอ่าวทุ่งมหา ใน Google ได้พบว่า ที่อ่าวทุ่งมหานี้ มีปราชญ์ชาวบ้านที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วยท่านหนึ่ง เชิญอ่านดูนะคะ จาง ฟุ้งเฟื่อง ปราชญ์ชาวบ้าน นักอนุรักษ์ปูม้า แห่งอ่าวทุ่งมหา ที่มา http://www.santirat.net "ถ้าอยากรู้เรื่องปู ต้องมาดูลุงจาง" สโลแกนประจำตัวของประธานธนาคารปู จาง ฟุ้งเฟื่อง เฒ่าทะเลวัย 70 ปี แห่งบ้านเกาะตืบ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ผู้มีความสุขอยู่กับการอนุรักษ์พันธุ์ปู ที่มีจำนวนลดน้อยลงทุกวัน ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น วิธีการนี้ขยายไปสู่ฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน นับเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่น่ายกย่อง ภาพจาก http://share.psu.ac.th/blog/coasta-activities/6979 ฟื้นฟูคู่อนุรักษ์ รู้จักใช้อย่างยั่งยืน มันก็คล้ายๆ กับการฝากเงิน-ถอนเงินของธนาคาร แต่เปลี่ยนมาเป็นการฝากแม่ปูและจับปูแทน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ธนาคารปู ส่วนดอกเบี้ยก็คือ ลูกปู ที่ปล่อยลงทะเล ถึงเวลาก็ไปจับขึ้นมาขาย เป็นรายได้ของชาวบ้าน ส่วนแม่ปูที่ไข่หลุดจากกระดอง ก็เอาไปขายนำเงินเข้าเป็นสวัสดิการแก่สมาชิกในกองทุนต่อไป คนในวัย 70 คงถึงเวลาแก่การพักผ่อน มีความสุขอยู่กับลูกหลาน หลังต้องตรากตรำทำงานหนักมาค่อนชีวิต แต่สำหรับ ลุงจาง ฟุ้งเฟื่อง เฒ่าทะเลแห่งอ่าวทุ่งมหา เจ้าของแนวคิดธนาคารปู กลับมีความสุขอยู่กับการอนุรักษ์พันธุ์ปู ที่มีจำนวนลดน้อยลงทุกวัน ก่อนแนวคิดนี้จะแพร่กระจายไปสู่หลายพื้นที่ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ลุง จางได้ริเริ่มก่อตั้ง ธนาคารปู เมื่อปี 2545 หลังทะเลที่ทำกินอยู่เกิดวิกฤติหนัก หลังจากที่มีเรือประมงขนาดใหญ่ลักลอบเข้ามาหากินบริเวณชุมชนเกาะเตียบ อ่าวทุ่งมหา โดยเรือที่ว่าใช้ลอบที่มีขนาดตาถี่เกินไป หรือที่ชาวเลรู้จักกันดีว่าลอบ 1 นิ้ว 2 หุน แทนที่จะได้ปูตัวใหญ่อย่างเดียว แต่กลับลากลูกปูที่อยู่ในวัยอนุบาลขึ้นมาด้วย จากจำนวนปูม้าที่เคยจับได้อย่างเป็นกอบเป็นกำก็เริ่มลดจำนวนลงอย่างรวด เร็ว... เพียงหนึ่งปีภายหลังเกิดวิกฤติ ลุงจางจึงออกไปพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อรวบรวมสมาชิกสำหรับจัดตั้งเป็นกลุ่ม ได้รับความสนใจดีทีเดียว แต่ติดปัญหาที่ขาดแหล่งเงินทุน ในการทดลองและจัดซื้ออุปกรณ์ ลุงจึงเข้าไปปรึกษากับหน่วยงานประมงในจังหวัดชุมพร แม้จะเข้าไปท่ามกลางความกลัว เนื่องจากไม่แน่ใจว่าหน่วยงานจะเชื่อใจหรือไม่ เพราะไม่เคยมีคนใช้วิธีแบบนี้มาก่อน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีหลัง ทุกอย่างพร้อมลุงจางจึงเริ่มลงมือ เวลาผ่านไปไม่นานก็เห็นผลงาน เมื่อพบว่าจำนวนลูกปูมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสำเร็จก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น จากที่วันหนึ่งๆ แทบจะจับปูไม่ได้เลย แต่ภายหลังมีโครงการธนาคารปู จำนวนปูม้าก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความอุตสาหะดังกล่าวทำให้ลุงจาง ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นคนดีศรีชุมพรในปี 2549 และคว้ารางวัลชนะเลิศคนดีทำงานเพื่อสังคมดีเด่นจากบริษัท กรุงเทพประกันภัย ในปีเดียวกัน ผลงานเป็นที่ประจักษ์จนกล้าเอ่ยปากได้ว่า "ถ้าอยากรู้เรื่องปู ต้องมาดูลุงจาง" 0 อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งธนาคารปู จริงๆ แล้ว ในอดีตอ่าวทุ่งมหานี้ปูม้าประมาณ 80-92 เปอร์เซ็นต์ แต่พอในปี 2544 ปูม้าเริ่มหายไป ชาวบ้านอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็หันไปทำอย่างอื่น ผมก็มานอนคิดว่าทรัพยากรตัวนี้เราใช้มากเกินไป โดยที่เราไม่ได้เหลียวแลเลย บังเอิญได้ยินสมเด็จพ่อของเราท่านพูดไว้ว่าทรัพยากรยังมีอยู่ ถ้าเรารู้จักใช้ รู้จักดูแล ตรงนี้เขาจะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน ผมก็มาคิดตรงนี้ว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ดูแลเขาเลย มีแต่จับอย่างเดียว ก็เลยมาปรึกษากับผู้ใหญ่ว่าจะทำอย่างไรจะให้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์และขยาย พันธุ์ปูเพิ่มขึ้น ผู้ใหญ่ก็อนุเคราะห์กระชังมาให้ลูกหนึ่ง ต่อมาศูนย์วิจัยประมง จ.ชุมพร ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จากนั้นในปี 2547 อบต.บ้านปากคลอง ก็มาสร้างอาคารศึกษาดูงานให้ 1 หลัง 0 ที่ผ่านมามีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง เริ่ม ก่อตั้งกลุ่มเมื่อปี 2545 ตอนนั้นมีสมาชิก 4 คนก็บอกว่าทุกคนขอให้เอาแม่ปูมาฝากกับธนาคาร ผมเป็นประธานกลุ่ม เมื่อตกลงกันแล้วสมาชิกก็เอามาฝากไว้กับผม วันละตัว ทุกวันนี้นี้ผมจะเอาแม่ปูไปเลี้ยงในกระชังทุกวัน ช่วงแรกเราขอคนละตัว คุณได้ 4-5 ตัวเราขอวันละตัว เพื่อเสียสละนำร่อง เรามองว่าถ้าเราเอาของเขามาก เขาไม่ร่วมกับเราแน่ เพราะวิธีการอย่างนี้มันไม่มีที่ไหนทำ คนที่ไม่ร่วมกับเรา เขาพูดกันว่าลุงจางมันบ้า เพราะว่าถ้าโครงการนี้ดี ไม่ตกมาถึงมือผม มีคนทำหมดแล้ว ผมถามว่ามีคนที่คิดตรงนี้สักกี่คนถ้าเราไม่ทำ เราไม่ลอง เราก็ไม่รู้ ผมประกาศในกลุ่มว่าใครจะทำไม่ทำ ผมไม่ว่า แต่ผมจะทำ แม้จะมีผมคนเดียวก็จะทำ ผมตั้งปณิธานไว้อย่างนั้น คุณเอ๊ยมันมีอุปสรรคมาก ในช่วงแรกๆ คนเขาไม่ค่อยเห็นด้วย 0 กลุ่มวางกฎระเบียบไว้อย่างไร กฎที่วางไว้คือ1.ลอบที่ใช้ต้องใช้ ลอบตาห่าง 2.5 นิ้ว เพื่อให้ปูที่ตัวเล็กหรือปูที่กำลังเติบโตมีโอกาสหลุดรอดออกไปแพร่พันธุ์ 2.สมาชิกที่จะจับปูม้าในเขตอ่าวทุ่งมหา หรือเกาะเตียบนั้นจะต้องทำตามกติกาที่วางไว้ คือ นำแม่ปูมาฝากไว้เท่าไร ก็จับปูม้าได้แค่นั้น คือยิ่งฝากแม่ปูมาก ก็ยิ่งจับปูม้าได้มากขึ้น มันก็คล้ายๆกับการฝากเงินถอนเงินของธนาคาร แต่เปลี่ยนมาเป็นการฝากแม่ปูและจับปูแทน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ธนาคารปู ส่วนดอกเบี้ยก็คือลูกปูที่ปล่อยลงทะเลให้มันเติบใหญ่ถึงจะไปจับขึ้นมาขาย เป็นรายได้ของชาวบ้านต่อไป ส่วนแม่ปูไข่ที่ชาวบ้านนำมาฝากไว้ ผมก็นำไปเลี้ยงต่อประมาณ 7 วัน จนไข่แม่ปูหลุดจากกระดองไปแล้ว ก็จะนำแม่ปูของสมาชิกที่ฝากไว้ไปขายเพื่อนำเงินที่ได้เข้ากองทุนธนาคารปู ซึ่งขณะนี้ฝากไว้ที่ ธ.ก.ส.สาขามาบอำมฤต ซึ่งเงินก้อนนี้จะนำมาเป็นสวัสดิการแก่สมาชิกกองทุน 0 ทำไมทำเฉพาะปูม้า ปูอื่นก็ได้ครับแต่ขอ ปูม้าก่อน เพราะเป็นปูที่ขายได้ราคา ส่วนปูดำไม่มีวันหมด ตราบใดที่ยังมีป่าชายเลนสมบูรณ์ อย่างที่นี่ยังมีปูดำอีกมาก ตั้งแต่ป่าชายเลนสมบูรณ์นี่ ปูดำยั้วเยี้ยไปหมด แต่ราคาไม่ดีเท่าปูม้า 0 วางอนาคตโครงการธนาคารปูไว้อย่างไร ใน อนาคตให้สมาชิกได้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปคือทำเรื่อยๆ อย่างที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้อาจไหวอยู่ แต่ต่อไปคงทำเองไม่ไหว สมาชิกจะได้สานต่อไปได้ ทุกวันนี้ใครหรือหน่วยงานไหนจะมาขอแนวความคิด ขอการทำงาน ผมยินดีให้เป็นวิทยาทาน ตราบใดยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่ จริงๆ แล้วตรงนี้เป็นแนวความคิดของผมเอง มีฝรั่งจากเนเธอร์แลนด์มาดูงาน เขาก็ถามว่าลุงไปก๊อบปี้ใครมา ผมก็บอกว่าแนวทางนี้มีแต่คนมาก๊อบปี้ผม 0 คติประจำใจในการทำงานของลุง ถ้าคติ ประจำใจของผมก็คือฟื้นฟู คู่อนุรักษ์ รู้จักใช้อย่างยั่งยืน คือใช้ยังไงไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดไป ตรงนี้ผมยึดมั่นเลย แล้วก็กลุ่มที่มาดูงานต่างๆ ถ้าคุณหาคำขวัญไม่ได้ ขอให้นำคำขวัญของผมใช้ คำขวัญผมนี่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ (หัวเราะ) 0 มีความรู้สึกอย่างไรต่อรางวัลนี้ การทำงานของผมจริงๆไม่ได้ ตั้งเป้าหมายว่าจะได้รับรางวัล แต่การทำงานตรงนี้ทำเพื่อส่วนรวม การหวังรางวัลผมก็ไม่เคยหวังตรงนั้น แต่ขณะนี้ที่ผมได้รับรางวัลเมื่อปี 2549 รางวัลคนดีศรีชุมพร ก็ได้เข็มเกียรติยศ ป้ายประกาศเกียรติคุณ พออีกครั้งหนึ่งจากบริษัท กรุงเทพประกันภัย ก็มาให้รางวัลอีกในฐานะคนดีทำประโยชน์เพื่อสังคม เมื่อได้แล้ว มันก็ต้องดีใจ ทีนี้มาดีใจมากอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ไปประเทศญี่ปุ่น ขนาดญี่ปุ่นเรียกว่าประเทศพัฒนาแล้วเขายังสนใจโครงการของเรา แล้วเขาก็เชิญให้ผมเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับธนาคารปู ญี่ปุ่น แล้วก็มาครั้งนี้ที่จะให้ไปรับรางวัลแทนคุณแผ่นดิน (ในปี 2550 )ผมดีใจสุดๆ เหมือนกัน เพราะว่าคนทำความดี ความดีย่อมมาหา แต่จริงๆ เป้าหมายที่ผมทำโครงการธนาคารปูนั้น ผมพูดด้วยน้ำใสใจจริงว่าผมไม่ได้ทำเพื่อรางวัล แต่คนที่ทำความดีตรงนี้รางวัลมาหาเอง คิดว่าคนที่จะทำโครงการอะไรก็ตาม อย่าทำเพื่อหวังรางวัล ถ้าทำเพื่อหวังรางวัลถ้าผิดหวังจะเสียใจ ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ทำ ความรู้จักกับ "ธนาคารปู" http://share.psu.ac.th/blog/coasta-activities/6979 http://www.siangdek.com/index.php?la...414522&Ntype=3
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-07-2010 เมื่อ 06:29 |
|
#9
|
||||
|
||||
|
ติดตามพี่สองสายเที่ยวต่อไป
ทริปนี้เข้มข้นทั้งเนื้อหาสาระและแถมด้วยเจาะลึกวิถีชาวบ้าน สุดยอดไปเลยครับผม .. ที่ขัดอดขัดใจนิดหน่อยก็คือ หาดส่วนใหญ่มีแต่ขยะจริงๆนะครับ .. แย่จัง
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow ![]() You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
|
#10
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณจ้ะ...น้องปี๊บ...
ถ้ามีเวลา...พี่สองสายชอบขับรถเที่ยวแบบนี้มากค่ะ คืออยากจะดูอะไรก็จอดรถลงไปดู นอกจากได้รู้ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นแล้ว เรายังได้สัมผัสชีวิตชาวบ้านท้องถิ่นนั้นแบบใกล้ชิดอีกด้วย...
__________________
Saaychol |
![]() |
|
|