เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 14-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ขับอย่างไรเมื่อน้ำท่วม

ขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการขนย้ายข้าวของและการส่งสิ่งของไปบรรเทาความเดือนร้อน ใครที่ต้องขับรถขณะสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัว แต่หากหลายท่านไม่รู้จะทำอย่างไร การเตรียมตัวรับมือกับสายฝนและน้ำท่วมนั้นเพียงแต่ผู้ขับขี่ เพิ่มความรอบคอบ และวินัยในการขับมากขึ้น รวมทั้งเทคนิคที่เรานำมาฝากกัน




**การขับรถเมื่อฝนตกหรือถนนลื่น**

จำเป็นต้องระวังเป็นอย่างมากขณะฝนตกใหม่ๆ ถนนจะลื่นมาก เพราะน้ำฝนฝุ่นโคลน จะรวมกันกลายเป็นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนนรถจะเกิดการลื่นเสียหลัก เมื่อวิ่งผ่านหากขับรถฝ่าสายฝนต้องลดความเร็วลงให้มากกว่าปกติ ควรใช้เกียร์ต่ำกว่าปกติ1 เกียร์จะทำให้รถเกาะจับถนนไดดีขึ้นขณะขับรถให้เปิดไฟหรี่หรือไฟใหม่ตามแต่ สถานการณ์ การเปิดไฟจะช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นเราควรหลีกเลี่ยงการเบรกอย่างรุนแรงและ กะทันหักจะทำให้รถลื่นไถลหรือหมุนกลางถนนได้ถ้ารถเริ่มเสียหลักให้ผู้ขับขี่ ถอนคันเร่งจะทำให้รถเกาะขับถนนได้ดีรถวิ่งผ่านแอ่งน้ำ ให้ยกเท้าออกจากคันเร่งโดยทันที อย่าเบรกอย่าหักพวงมาลัย จับพวงมาลัยให้แน่นเมื่อรถลดความเร็วลงหรือผ่านแอ่งน้ำไปแล้ว รถก็จะเริ่มจับเกาะถนนได้และก็สามารถควบคุมได้


*การขับระดับน้ำท่วมผิวถนน**

คือระดับความลึกของน้ำประมาณไม่เกิน 6 นิ้ว ไม่มีผลต่อรถของเราส่วนที่จมน้ำจึงมีเพียงลูกหมากและบูชยางของระบบรองรับและ ระบบบังคับเลี้ยวเท่านั้นชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้แช่น้ำชั่วคราวได้ โดยไม่เกิดความเสียหายสิ่งสำคัญที่สุด คือ การรักษาระดับความเร็วของรถโดยขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้น้ำที่ถูกล้อรถ รีดด้วยความเร็วจะทะลักพุ่งออกมาทางด้านข้างอย่างแรงฉีดไปที่ห้องเครื่อง ยนต์ อาจทำให้กระแสไฟจุดระดับลัดวงจร และเครื่องดับหรือไม่ก็ฉีดไปบนห้องเกียร์และเล็ดลอดเข้าไปภายในทำให้น้ำมัน เกียร์เสื่อมสภาพได้




**การขับระดับที่ผิวน้ำสูงถึงท้องรถ**

ระดับนี้อาจจะมีน้ำสูงถึงท้องรถเป็นครั้งคราวขณะขับรถจะได้ยินเสียงน้ำกระทบท้องรถค่อนข้างดังควรขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลีกเลี่ยงการตกหลุมที่มองไม่เห็นโดยสังเกตจากรถคันหน้าและพยายามจำแนวไว้ ความลึกระดับนี้จานเบรกจะจมอยู่ในน้ำตลอดเวลา รถที่ใช้ดรัมเบรกประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างมาก หากพ้นช่วงน้ำท่วมจะต้องทดสอบเบรกทันทีโดยการเบรกและเร่งความเร็วสลับกันไป เพื่อให้ผ้าเบรกรีดน้ำจากจานเบรกและเพื่อให้จากเบรก หรือดุมเบรกร้อนจนน้ำระเหยเป็นไอหมด


**การขับระดับน้ำท่วมเลยท้องรถ**

ไม่ว่าจะขับช้าเพียงใดน้ำก็อาจจะทะลักท่วมห้องเกียร์และเฟืองท้าย (รถขับเคลื่อนล้อหลัง)ผสมกับน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้าย ทำให้เสื่อมสภาพฟันเฟืองต่างๆภายในจะสึกหรออย่างรวดเร็วเนื่องจากน้ำใต้ท้อง รถจะแทรกซึมเข้ามาทางจุกยางหลายจุดจากพื้นรถพรมและฉนวนกันเสียงจะชุ่ม หากเจ้าของรถไม่รีบรื้อเก้าอี้และถอดออกมาผึ่งแดดรถบางรุ่นจะมีศูนย์ควบคุม ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E C U)อยู่ใต้เก้าอี้ซึ่งชิ้นส่วนนี้มีราคาสูงมาก หากความชื้นเล็ดลอยเข้าไปจะชำรุดภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ส่วนด้านหน้ารถก็เกิดความเสียหายไม่น้อยเช่น ใบพัดของพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ ซึ่งอยู่ด้านหลังของหม้อน้ำจะดูดน้ำจากด้านหน้าใบพัดซึ่งทำจากพลาสติก จึงงอไปทางด้านหน้าครูดกับรังผึ้งหม้อน้ำจนหัก น้ำซึ่งถูกกันชนหน้ารถดันจน สูงอาจทะลักเข้าทางขั้วของโคมไฟหน้ากลายเป็นไอน้ำสะสมอยู่ภายในและจะทำลาย ผนังโคมที่ฉาบปรอทไว้ซึ่งจะทำให้หลุดล่อนในเวลาไม่นาน




**ระดับน้ำท่วมจนถึงไฟหน้า**

ถือว่าระดับน้ำที่อันตรายที่สุดหากขับหรือจอดอยู่นานน้ำ ท่วมภายในห้องโดยสารจนถึงเบาะนั่งห้องเกียร์และเฟืองท้ายจะถูกท่วมมิด หากเครื่องยนต์ไม่ดับไปเสียก่อนเนื่องจากระบบจุดระเบิดขัดข้องและผู้ขับยัง ฝืนขับด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (โดยเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซลจึงไม่ต้องอาศัยกระแสไฟจุดระเบิด)น้ำจะทะลักเข้า ทางท่อดูดอากาศ ผ่านไส้กรองอากาศ ท่อไอดีและเข้าไปในกระบอกสูบลูกสูบที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นอย่างรวดเร็วจะ กระแทกกับปริมาตรน้ำอย่างรุนแรง(ไฮดรอลิกลอค) จนลูกสูบและก้านสูบชำรุดทันที

สรุปว่าระดับน้ำที่เรายังใช้งานได้โดยไม่เกิดความเสียหาย คือ ระดับน้ำท่วมผิวถนนและระดับที่ผิวน้ำสูงถึงท้องรถเป็นครั้งคราวเท่านั้น วิธีปฏิบัติตนที่ถูกต้องเมื่อต้องเผชิญกับถนนที่มีน้ำท่วมลึกจำเป็นต้องหลีก เลี่ยง โดยกลับรถเพื่อเปลี่ยนเส้นทางหรือหาที่จอดรถซึ่งน้ำท่วมไม่ถึงไว้ก่อนแทนเป็นการประหยัดค่าซ่อมรถได้มากทีเดียว

หากมีปัญหาความนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟือง ท้ายหลังจากลุยน้ำลึกมาทุกครั้งและให้เจ้าหน้าที่บริการถอดเก้าอี้และตรวจด้านล่างของพรมปูพื้นว่ามีน้ำรั่วเข้าถึงหรือไม่ รถที่ลุยน้ำลึกมาแล้วหากถึงที่หมายหรือรถพ้นน้ำห้ามดึงเบรกมือทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะเมื่อน้ำแห้ง ผ้าเบรกจะยึดกับจานเบรกจะทำให้เกิดสนิมจนไม่สามารถเคลื่อนรถออกไปได้

: ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก : บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด




จาก .................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 13 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 08-11-2011
ดอกปีบ's Avatar
ดอกปีบ ดอกปีบ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ข้อความ: 693
Default

ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลครับผม ..
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow

You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ประชันไอเดียเก๋ กลางวิกฤตน้ำท่วม นวัตกรรมใหม่ ชีวิตชาวน้ำ



ตั้งแต่มวลน้ำซึ่งท่วมพื้นที่ทางภาคเหนือเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ค่อยๆไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อออกทะเลอ่าวไทย ไหลผ่านพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งกระจุกตัวของชุมชนขนาดใหญ่ของประเทศ ทั้งบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา และนิคมอุตสาหกรรม ล้วนได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน

น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้เห็นว่า "เงิน ซื้อไม่ได้ทุกอย่าง" บางคนลงทุนเป็นเงินหลักร้อย-หลักหมื่น ป้องกันบ้านเรือนอย่างดี แต่เมื่อน้ำมาเงินที่ลงทุนก็ละลายหายไปกับสายน้ำ บางคนหนีน้ำไปเที่ยวต่างจังหวัดนานแรมสัปดาห์ กลับมาพบว่าบ้านยังแห้งสนิท ยิ่งรอน้ำนานเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการกักตุนอาหารและการกินอยู่ก็ยิ่งบานปลาย บางคนอาจคิดในใจ ทำไมไม่ท่วมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ภาวะเช่นนี้ หน่วยงานทั้งราชการและเอกชนต่างระดมไอเดียกันอุตลุด ประดิษฐ์สิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น กลายเป็นโอกาสอันดีในการใช้ชีวิตแบบชาวน้ำ สร้างรอยยิ้มแก่ผู้พบเห็น

สิ่งแรกที่คนนึกถึงเมื่อน้ำท่วมคือ เรือ รวมถึงสิ่งของต่างๆที่ลอยน้ำสามารถบังคับไปตามทิศทางที่ต้องการได้ ไม่เสี่ยงกับอันตรายที่มากับน้ำ ทั้งสัตว์ร้ายนานาชนิด วัสดุแหลมคม รวมทั้งไฟฟ้าที่รั่วอยู่


(ซ้าย) ชุดลุยน้ำ (บน) รถคันนี้ไปได้ทุกที่ที่น้ำท่วมน้อย (กลาง) ใช้ท่อพีวีซีกันน้ำ (ล่าง) การห่อรถด้วยถุงซิปพลาสติก

บางคนหาซื้อเรือ มีขายทั้งเรือไฟเบอร์ เรือยาง เรือเหล็ก เรืออะลูมิเนียม แต่คุณภาพอาจไม่สูงตามราคา

บางคนคิดว่าเรือยางรั่วง่าย ชนอะไรแข็งๆหน่อยก็เหี่ยว ส่วนเรือที่ทำจากวัสดุนำไฟฟ้าแม้จะพายไปในน้ำที่มีกระแสไฟวิ่งอยู่ ก็ยังปลอดภัยจากการถูกดูดแน่นอน หากร่างกายไม่สัมผัสกับน้ำที่มีไฟรั่วอยู่

หรือคนอีกกลุ่มอาจประยุกต์สิ่งของรอบตัวใช้เป็นเรือ ทั้งกะละมัง ถังน้ำ ยางในรถขนาดใหญ่ กระทะใบบัว แพไม้ไผ่ แพต้นกล้วย แพท่อพีวีซี เรือขวดพลาสติกหรือถังน้ำขนาดใหญ่ หรือสิ่งของอื่นๆ แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน

ในยามที่พาหนะซดน้ำมันใช้การไม่ได้ การหันมาใช้พาหนะแบบกินหญ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน ทั้งช้าง ม้า วัว ควาย แค่ไม่ขโมยคนอื่นมาก็พอ

ส่วนรถยนต์ซดน้ำมัน ทั้งรถเล็กรถใหญ่ต่างจอดสนิทเมื่อน้ำมา บ้างก็ขับไปจอดยังลานจอดรถที่อยู่สูง บ้างก็จอดรอน้ำอยู่ที่บ้านซึ่งมีวิธีป้องกันน้ำสุดเหลือเชื่อ

แผ่นโฟมอย่างหนาขนาดใหญ่ เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับถอยรถคันงามขึ้นไปจอด แล้วมัดโฟมให้ติดกับตัวรถ ผูกไว้กับที่มั่น เมื่อน้ำมาแล้วรถไม่ลอยไปไหนไกล



ที่พบเห็นบ่อยครั้ง คือ ถุงใส่รถ เท่าที่เห็นมีสองสี คือ สีขาวขุ่นแบบถุงซิปใส่ยา และสีดำดูคล้ายถุงขยะ นอกจากขนาดใหญ่พอที่จะถอยรถคันงามเข้าไปได้ ยังมีขนาดย่อมลงมา สำหรับเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ก่อนนำสิ่งของขนาดใหญ่ใส่ถุง อย่าลืมรองด้วยตาข่ายแข็งๆ เพื่อกระจายน้ำหนักไม่ให้อยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง เพราะแม้ว่าถุงของคุณจะหนาเพียงใดก็ตาม มันอาจรั่วได้ง่ายๆ

เมื่อบรรจุลงถุงแล้วปิดปากถุงให้สนิท ผูกไว้กับที่มั่น เพราะแม้ว่าสิ่งของที่อยู่ในถุงจะมีน้ำหนักเป็นตันๆ แต่มันก็สามารถลอยตุ๊บป่องๆไปกับน้ำ ออกทะเลอ่าวไทยไปได้

บางคนอาจหาถุงพลาสติกใส่รถไม่ได้ เพราะเป็นที่ต้องการเหลือเกินแม้ราคาจะสูงเพียงใด จึงใช้ผ้าใบที่ปกติคลุมบนตัวถังรถ เปลี่ยนเป็นการห่อจากด้านล่างตัวถัง ส่วนวิธีการกันน้ำเข้าท่อไอเสีย มีทั้งต่อท่อไอเสียกับสายยางบ้าง ท่อพีวีซีบ้าง เห็นแล้วทึ่งกับไอเดียจริงๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องสำรวจก่อนลงน้ำ คือ การตรวจว่าในน้ำมีไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ด้วยสิ่งที่เรียกว่าไม้ตรวจไฟที่มีความยาวอย่างน้อย 2 เมตร สำหรับวัดว่าน้ำที่ท่วมขังนั้นมีกระแสไฟฟ้ารั่วอยู่หรือไม่ แม้จะมีหลายหน่วยงานแนะนำวิธีทำไม้ตรวจไฟ หรือขายเป็ดน้อยตรวจไฟ แต่ถ้าไม่มีความรู้เรื่องวงจรไฟฟ้าก็ไม่ควรเสี่ยงประดิษฐ์เองตามคำแนะนำเป็นอันขาด ทางที่ดีคือเลี่ยงจากการอยู่ในที่ที่มีน้ำท่วมขัง

หากใครเลี่ยงไม่ได้ ก็แนะนำให้หารองเท้าบูตยางและกางเกงกันน้ำมาใส่ นอกจากจะป้องกันไฟฟ้าดูด ยังป้องกันอันตรายจากเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ ที่มากับกระแสน้ำ รวมถึงสัตว์มีพิษต่างๆ ด้วย

สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้อีกอย่างคือ สุขา ที่มีหลากหลายไอเดียที่พบเห็นได้ทั่วไปช่วงก่อนหน้านี้คือสุขาลอยน้ำ ทว่า ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงมีการคิดค้นสุขาชั่วคราว ที่ทำจากกระดาษบ้าง เก้าอี้พลาสติกบ้าง โดยขับถ่ายใส่ถุงดำ เมื่อเสร็จกิจก็เทผงอีเอ็ม 1 ช้อนชา ตามด้วยน้ำ 1 ถ้วยต่อการถ่าย 1 ครั้ง ถุงหนึ่งใช้ได้หลายครั้ง ก่อนจะนำถุงไปทิ้งต้องไล่อากาศออกให้หมด อย่ารังเกียจผลงานตัวเองเป็นอันขาด แล้วใส่ถังไว้ ไม่ทิ้งลงน้ำ

นวัตกรรมที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่คนไทยช่างคิด รังสรรค์ขึ้นเท่านั้น

หากไม่เกิดมหาอุทกภัยเช่นนี้

ไอเดียแปลกๆ ก็คงไม่เกิด




จาก .................. มติชน วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


รู้ไว้ใช่ว่ารอเวลาน้ำลด 'ซ่อมแซมบ้าน' เรื่องใหญ่ที่ 'เอาอยู่?'



หนักหนาสาหัส วิกฤติการณ์ครั้งเลวร้ายสุดๆ และอีกสารพัดคำจำกัดความทางร้ายๆ ถูกนำมาใช้กับภัย ’น้ำท่วมใหญ่“ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสมากมายหลายหลากที่เกี่ยวกับน้ำท่วม อย่างไรก็ดี ที่ดีที่สุดนาทีนี้สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม คือต้องพยายามทำใจ ปรับจิตปรับใจ เพื่อให้ปรับตัวเพื่อผ่านทุกข์ภัยที่ประสบได้

จากนั้นก็จะได้ก้าวสู่การ ’ฟื้นฟูซ่อมแซม“ ต่อไป...

น้ำท่วมใหญ่ปีนี้ มีทั้งร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน และอื่น ๆ อีกมาก ที่ต้องซ่อมแซมกันหลังน้ำลด รวมถึง ’บ้านเรือนที่อยู่อาศัย“ ที่เสียหายมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งว่ากันถึงเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เรื่องนี้ข้อมูลของ home care ในเชิงเกร็ดความรู้ ในเว็บไซต์ http://www.hm.co.th/data.asp?pg=knowledge ของ บริษัท โฮม เมนเทนแนนซ์ จำกัด ซึ่งทำเกี่ยวกับด้านการปรับปรุง ซ่อมแซม ก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย ก็น่าสนใจ ลองดู ๆ กันไว้ระหว่างที่น้ำยังท่วม-รอน้ำลด เมื่อถึงเวลาที่น้ำลดแล้วก็อาจช่วยให้ดำเนินการได้ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลในเชิงเกร็ดความรู้ที่ว่านี้ มีการแบ่งย่อยเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วมในหลายส่วน กล่าวคือ...การซ่อมแซมพื้นบ้าน พื้นบ้านที่เป็น พื้นไม้ปาร์เกต์ จะหลุดล่อนหลังจากเกิดน้ำท่วม วิธีแก้ไขคือนำแผ่นไม้ปาร์เกต์ไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงค่อยทาด้วยกาวลาเท็กซ์ กดลงให้แน่น หลังจากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 15 วัน จึงสามารถใช้งานได้ ถ้าเป็นพื้นบ้านที่เป็น พื้นพรม วิธีแก้ไขซ่อมแซมหลังถูกน้ำท่วมคือ ต้องลอกออก แล้วนำไปซักและตากแดดให้แห้งสนิท จากนั้นจึงค่อยนำกลับมาปูใหม่ โดยต้องให้พื้นคอนกรีตแห้งสนิทก่อน

การซ่อมแซมผนังบ้าน ถ้าเป็น ผนังยิปซัมบอร์ด ให้เลาะเอาแผ่นที่เสียออก ถ้าโครงเคร่าเป็นโลหะก็สามารถติดแผ่นใหม่ได้เลย แต่ถ้าโครงเคร่าเป็นไม้ต้องทิ้งให้ความชื้นในไม้ระเหยหมดก่อนจึงติดแผ่นใหม่ได้ ถ้าเป็น ผนังไม้ ต้องเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ผิวสามารถระเหยความชื้นได้ เมื่อแห้งดีแล้วใช้น้ำยารักษาเนื้อไม้ชโลมที่ผิว หรือทาสีด้านในบ้านก่อนทิ้งไว้ 5-6 เดือน แล้วค่อยทาสีด้านนอก ถ้าเป็น ผนังก่ออิฐฉาบปูน ให้ใช้วิธีเดียวกับผนังไม้ แต่ต้องทิ้งไว้เพื่อให้มีการระเหยความชื้นนานกว่าผนังไม้ เพราะจะมีความหนามากกว่า

การซ่อมแซมวอลเปเปอร์ ผนังวอลเปเปอร์ของบ้านที่ถูกน้ำท่วมนั้น วิธีแก้ไขคือให้ลอกแผ่นวอลเปเปอร์ออกให้หมด เพื่อให้ผนังที่ชื้นสามารถระเหยความชื้นออกมาได้ โดยต้องรอให้ผนังแห้งก่อน ลอกทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยปิดวอลเปเปอร์ทับลงไป ถ้าส่วนไหนขึ้นราหรือเช็ดไม่ออก ก็เปลี่ยนแผ่นใหม่

การซ่อมแซมฝ้าเพดานบ้าน ซึ่งหลายบ้านน้ำท่วมถึงฝ้ากันเลย กรณีเป็น ฝ้ายิปซัมบอร์ดหรือกระดาษอัด ถ้าเปื่อยยุ่ยมากเพราะอมน้ำ ก็ควรเลาะออกแล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ ทิ้งไว้ให้ทั้งหมดแห้งสนิทก่อนแล้วจึงค่อยทาสีทับ ถ้าเป็น ฝ้าโลหะ ให้เช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ถ้าเป็นสนิมให้ใช้กระดาษทรายขัดออกให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีทับ ส่วน ฝ้าไม้ เกิด
การแอ่นตัว ก็ต้องแก้ไขให้ได้ระดับก่อนแล้วจึงทำการติดตั้งแผ่นฝ้าใหม่

การซ่อมแซมประตู ถ้าเป็น ประตูไม้ เมื่อต้องแช่น้ำท่วมจะบวมและผุพัง วิธีแก้ไขคือ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วซ่อมแซมส่วนที่ผุให้เรียบร้อยก่อนจึงค่อยทาสีใหม่ แต่ถ้าผุมากก็ควรเปลี่ยนใหม่ ถ้าเป็น ประตูเหล็ก ที่ขึ้นสนิม วิธีแก้ไขคือ ใช้กระดาษทรายขัดสนิมออกให้หมด เช็ดให้แห้ง แล้วทาสีกันสนิมก่อน จากนั้นจึงทาสีใหม่

การซ่อมแซมบานพับ ลูกบิด รูกุญแจ อุปกรณ์ต่างๆที่ทำด้วยโลหะ เมื่อโดนน้ำท่วมมักจะมีปัญหาตามมา ซึ่งวิธีแก้ไขคือ เช็ดให้แห้งสนิท ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมด แล้วให้ใช้น้ำยาหล่อลื่นชโลมตามจุดรอยต่อให้ทั่ว และมีคำเตือนคือ อย่าใช้จาระบี หรือใช้ขี้ผึ้งทา เพราะจะทำให้ความชื้นระเหยออกไม่ได้

ต่อด้วย การทาสีบ้าน หลังผ่านพ้นน้ำท่วมบ้าน คำแนะนำคือ ก่อนจะทำการทาสีบ้านใหม่ ควรจะซ่อมแซมส่วนอื่นๆภายในและภายนอกบ้านให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องสีวิธีการคือ ต้องขูดสีเก่าออกก่อน ทำความสะอาดผนังและทิ้งไว้ให้แห้งสนิท เมื่อแห้งดีแล้วจึงทาสีรองพื้นชนิดกันเชื้อราก่อน แล้วทาทับด้วยสีจริง

ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้ ข้อมูลจาก home care ในเว็บไซต์ของ บริษัท โฮม เมนเทนแนนซ์ จำกัด เกี่ยวกับเรื่อง ’บ้าน“ กับ ’น้ำท่วม“ ซึ่งสำหรับผู้ที่พอจะมีกำลังทรัพย์ และจากการที่น้ำท่วมบ้านครั้งนี้ทำให้คิด ๆ อยู่ว่าจะปรับปรุงบ้านแบบไหนให้หนีน้ำท่วม คิดว่าจากระดับน้ำที่ท่วมที่เห็นๆ น่าจะพอทำได้ กับการยกบ้านเพื่อหนีปัญหาน้ำท่วม นั้น ถ้าโครงสร้างบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ก็คงไม่ยากเกิน เพราะไม้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่ถ้าโครงสร้างบ้านเป็นปูน จำเป็นต้องเสริมฐานรากใหม่ ซึ่งก็ทำได้ยากและมีน้ำหนักที่มากด้วย อีกทั้งยังมีงานระบบต่างๆที่ติดอยู่กับพื้นดิน เช่น ท่อประปา ท่อไฟฟ้า ต้องตัดออกแล้วเชื่อมใหม่ ก็ค่อนข้างยุ่งยาก และทำให้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากพอสมควร ซึ่งจากข้อมูลนี้ ควรจะทำหรือไม่ควรจะทำ ก็คงต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่

ทั้งนี้ ถึงตอนนี้หลายๆบ้านที่ถูกน้ำท่วม น้ำอาจจะลดแล้ว “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็ยินดีด้วย ขณะที่อีกหลายๆบ้านที่ยังท่วมอยู่หรือมีแนวโน้มว่าจะท่วม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวผ่านวิบากจากภัยน้ำครั้งนี้ไปได้

ส่วนเรื่อง ’ซ่อมบ้าน“ ก็ลองพิจารณาข้อมูลที่ว่ามาข้างต้น

เผื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจได้บ้างไม่มากก็น้อย.





จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์ สกู๊ปหน้า 1 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 10-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


สัญญาณเตือน "ไทย" แผนแก้ท่วมระยะยาว "จำเป็น" ต้องทำ



นับจากวันนี้ รัฐบาลจะต้องมองถึง "แผนระระยาว" ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขณะนี้ ถือเป็น "สัญญาณ" เบื้องต้นของอนาคตที่น่ากลัวสำหรับเมืองหลวงของไทย

เพราะตั้งอยู่บนที่ลุ่มต่ำและจมลงช้าๆอย่างต่อเนื่อง

กทม.เป็นเมืองที่ตั้งอยู่เหนืออ่าวไทยเพียง 30 กิโลเมตร

มีผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ อย่างธนาคารโลก คาดการณ์กันว่า อีกประมาณ 39 ปี หรือปี พ.ศ.2593 ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยจะสูงขึ้น 19-29 เซนติเมตร

กทม.เป็น 1 ใน 10 เมืองที่เสี่ยงต่อการจมน้ำ

เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับน้ำที่สูงขึ้นจะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักผ่ากลาง กทม.สูงขึ้นตามไปด้วย

ธนาคารโลกระบุถึงขนาดว่า กทม.จะเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า

เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ตรงกันคือ การขยายตัวของความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ กทม. เพราะเหลือทางให้น้ำไหลน้อยมาก

มีการเสนอทางออกว่า ทางการไทยจะต้องแก้ปัญหาการใช้ที่ดินใน กทม. ปัญหาการวางผังเมือง และอาจต้องพิจารณาเรื่องย้ายโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม

รุนแรงที่สุดอาจถึงขึ้นต้องพิจารณาย้ายเมืองหลวง

เหล่านี้คือการคาดการณ์ เมื่อบวกเข้ากับ "สัญญาณ" ที่คนกรุงประสบอยู่เวลานี้

ทำให้รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องเตรียมวางแผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหา

เพราะครั้งนี้จะเป็นโอกาสดี ที่จะต้องร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

ทั้งการพัฒนาพื้นที่ตลอดสองฝั่งเจ้าพระยา ด้วยการทำคันกั้นแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยระบบที่ทันสมัยคล้ายประตูเปิด-ปิดประตูน้ำ พร้อมๆกับถือโอกาสในการจัดระเบียบริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด

เช่นเดียวกับคลองสำคัญต่างๆใน กทม.ทุกคลอง จะต้องทำการขุดลอก บูรณาการใหม่หมด ทำให้ชุมชนริมคลองหมดไป ด้วยการจัดระเบียบการพักอาศัยให้กับประชาชนใหม่ทั้งหมด

พร้อมบูรณะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ นี่เป็นโอกาส

รัฐบาลควรนำแนวคิด "โครงการแก้มลิง" ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริมาดำเนินการผันน้ำเหนือลงสู่ทะเล ด้วยการเสริมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไป

เพราะลักษณะและวิธีการของโครงการแก้มลิง คือ

1.ดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลไปตามคลองในแนวเหนือ-ใต้ลงคลอง พักน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณชายทะเล เช่น คลองชายทะเลของฝั่งตะวันออก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ คือ แก้มลิง ต่อไป

2.เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลงกว่าระดับน้ำในคลอง ก็ระบายน้ำจากคลองดังกล่าวออกทางประตูระบายน้ำ โดยใช้หลักการทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ

3.สูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่แก้มลิง ให้ระบายออกในระดับต่ำที่สุดออกสู่ทะเล เพื่อจะได้ทำให้น้ำตอนบนค่อยๆ ไหลมาเองตลอดเวลาส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง

4.เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลองให้ปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำย้อนกลับ โดยยึดหลักน้ำไหลทางเดียว (One Way Flow)

นอกจากนั้น ก็วางแผนในการชะลอน้ำอย่างถูกต้องตามหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อน สร้างฝาย ตั้งแต่ด้านบนของประเทศ เรื่อยลงมาถึงพื้นที่ภาคกลาง เพื่อการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

จริงอยู่ เวลานี้รัฐบาลกำลังวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เยียวยาผู้ประสบภัย แต่จะต้องมองการแก้ไขปัญหาในอนาคตควบคู่กันไปด้วย

รัฐบาลจะต้อง "กล้า" กู้เงินเป็นแสนๆล้าน เพื่อทำระบบป้องกันภัยจากอุทกภัยที่ทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยของต่างประเทศมาปรับใช้

ซึ่งการแก้ปัญหาทุกอย่าง คงไม่มีอะไรที่ "สมองมนุษย์" ทำไม่ได้ เว้นแต่คิดจะทำหรือไม่

หากรัฐบาลคิดทัน ก็ควรจะต้องเร่งตั้งคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาระยะยาวขึ้นมาศึกษาโครงการระดับอภิมหาโปรเจ็กต์ โดยมีระยะเวลาที่ชัดเจน

เพราะมีบทเรียนมให้เห็นแล้วว่า น้ำจะท่วมจะมิดหัวอยู่แล้ว ศปภ.เพิ่งจะสั่งซื้อเครื่องสูบน้ำ ขยะ ผักตบขวางทางระบายน้ำ กทม.เพิ่งจะเร่งเก็บขยะ ลอกผักตบ

เข้าลักษณะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

เพราะไม่เช่นนั้น อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สังคมไทยจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเจ็บปวด สูญเสีย




จาก .................. มติชน วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 11-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


Food For Flood "สำรับ" ยามยาก



วันที่มวลน้ำมหาศาลยังไม่ระบายออกจากแผนที่ประเทศไทย นอกจาก "ที่หลับที่นอน" แล้ว "อาหารการกิน" ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องคิด

ระหว่างทาง "ลงทะเล" ของมวลน้ำก้อนโต หรือปลาวาฬฝูงใหญ่ (แล้วแต่ใครจะเรียก) มหากาพย์การเดินทางครั้งนี้ สร้างผลกระทบมากมายไม่ว่าจะ "ทางตรง" หรือ "ทางอ้อม"

กว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ เรือกสวนไร่นา อาคารบ้านเรือน ตลอดจนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ต่างถูกน้ำ "กวาดเรียบ"

น้ำ จึงกลาย "โจทย์สำคัญ" ให้คิด และปรับชีวิตไปโดยปริยาย

หลายบ้านต้องเทครัวอพยพไปยังศูนย์พักพิง ขณะที่อีกหลายบ้านยัง "ใจดีสู้น้ำ" รอเวลาอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน

จนวันนี้ ถึงคิว กรุงเทพมหานคร ที่ค่อยๆ "จม" ไปทีละเขต

แม้จะมีเสียงจากฟากบริหารออกมาพูดถึงความพยายามในการ "เอา" อุทกภัยให้ "อยู่" หมัด แต่กลับถูกน้ำไล่กระเจิงครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ว่าจะงัดกระสอบทราย ก่ออิฐ ยาแนว หรือคลุมพลาสติก เท่าที่ "คัมภีร์กันน้ำ" เล่มไหนจะการันตี

ที่สำคัญกว่านั้น หนึ่งในปัจจัยสี่ อย่าง "อาหาร" คงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

หวั่นน้ำท่วม สินค้าขาดตลาด แห่กักตุนข้าว

มาม่าหมดสต็อกหลังเกิดน้ำท่วม

วิตกคนกรุง กักตุนน้ำดื่ม มาม่า ปลากระป๋อง ขาดตลาด

พาดหัวข่าวต่างๆ สะท้อนถึงความกังวลเรื่องปากท้องของคนเมือง ตั้งแต่ "น้องน้ำ" ยังเดินทางมาไม่ถึง

คำถามคือ เราจะดูแล "ปากท้อง" ตัวเองได้อย่างไร เมื่อน้ำกำลังทั้ง "รุก-รุม-ล้อม" อยู่ตอนนี้


เตรียม-ตุนให้ท้องอิ่ม

"เป็นคนกินยากค่ะ เลยยังไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่" เป็นคำสารภาพจาก อ้อม-เพ็ญสิริ เกษมสุข ถึงการเตรียมตัวรับสถานการณ์น้ำที่กำลัง "งวด" เข้ามาทุกขณะ

ปกติชีวิตสาวออฟฟิศที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้หอพักของเธอแถวๆโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) ซอยรามอินทรา 109 ถนนพระยาสุเรนทร์ มักมีอาหารสำเร็จรูปติดห้องเอาไว้อยู่บ้าง หรือไม่ก็เป็นของขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆ เอาไว้แก้เหงาปาก

ข่าวน้ำท่วมบนหน้าจอทีวี ทำให้อ้อมเป็นกังวลอยู่พอสมควร เพราะห้องที่เธอพักอยู่ทุกวันนี้นั้น อยู่ชั้น 1 และตัวอาคารก็สูงจากถนนไม่มากเท่าไหร่ ก่อนจะออกมาทำงานเท่าที่รู้ เมื่อคืนน้ำก็ล้นท่อระบายน้ำขึ้นมาแล้ว

"ซอยข้างๆ ก็มีน้ำท่วมขังตั้งแต่สองวันก่อนแล้วค่ะ"

นอกจากเก็บของบางอย่างขึ้นที่สูง น้ำดื่ม นม และอะไรที่คิดว่าน่าจะ "กินง่าย" สำหรับตัวเองคือเสบียงที่เธอเตรียมเอาไว้รับน้ำเหนือตอนนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนที่กินอะไรยากมาเป็นทุนเดิม ที่สำคัญ หากท่วมขึ้นมาจริงๆ อ้อมเองก็ไม่คิดแช่น้ำอยู่เป็นสัปดาห์อยู่แล้ว

"กาแฟ นม บิสกิต เลย์ โจ๊ก แอปเปิ้ล ฝรั่งค่ะ" ที่นี่คือลิสต์เมนูในดวงใจ

แน่นอน ตอนนี้ เธอย้ายตัวเองไปพักบ้านญาติที่ต่างจังหวัดเรียบร้อย

ส่วน แจน - วรรณวิสา ฤทธิ์สกุลวงษ์ ตั้งหลักรับน้ำอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ย่านลาดพร้าว 101 ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมรับมือด้วยการ ก่อปูนกั้นประตูทางเข้าบ้าน และขนของขึ้นข้างบนเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว

"ทำตั้งแต่ท่วมบางบัวทองแล้วค่ะ" เธอยืนยัน

ไม่ได้โอเวอร์เกินเหตุ แต่ด้วยประสบการณ์จากตาและยายที่เคยผ่านน้ำท่วมมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 ทำให้ที่บ้านค่อนข้างพร้อมพอสมควร

"แค่เดือนเดียวค่ะ" คือระยะเวลาที่ให้โอกาสตัวเองเดือดร้อนกับน้ำท่วม พอๆ กับบริมาณเสบียงที่มี

"ส่วนใหญ่เป็นพวกปลากระป๋อง หรือ อาหารกระป๋องน่ะค่ะ เพราะที่บ้านก็เป็นร้านขายของชำด้วย" เธอบอก

ขณะที่ แตง - พิริยา ยงเพชร กับพ่อ และแม่ของเธอเตรียมตัวเพียงทำรั้วกันน้ำเท่านั้น แต่ไม่ได้ย้ายของขึ้นที่สูง เพราะที่บริเวณบ้านค่อนข้างสูงพอสมควร

"เตรียมเสบียงไว้บ้าง แต่ไม่เยอะ เอาแค่พอสมควร ซื้อน้ำเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็เป็นพวกอาหารแห้งเป็นบางส่วน ปลากระป๋อง, ข้าวสาร, มาม่า, น้ำพริกแบบแห้ง" เธออธิบาย

เหตุผลหลักที่ทั้ง 3 คนเลือกใช้อาหารแห้ง เครื่องกระป๋องก็เพราะ ความสะดวก และที่สำคัญยังสามารถเก็บได้นานด้วย

"ไม่มีไฟฟ้าใช้ อย่างน้อยปลากระป๋องก็ยังเปิดกินได้แหละค่ะ เพราะกว่าจะรอความช่วยเหลือจะเข้ามาถึงเรา เราก็คงเกือบตายก่อน" อ้อมออกความเห็น

แต่ถ้าถามถึงเรื่องสารอาหาร

"ชั่วโมงนี้ขอแค่พออิ่มก่อนดีกว่าคะ ยังไม่ต้องคิดว่าจะได้สารอาหารครบหรือไม่ครบหรอก" ทั้ง 3 สาวต่างยืนยันเป็นเสียงเดียว


น้ำนอง ท้องอิ่ม (+ครบ 5 หมู่)

เปรียบเทียบสภาพน้ำล้อมบ้าน อย่กว่าแต่จะหาซื้ออะไรกินเลย แค่คิดจะฝ่าระดับน้ำเหนือเข่าขึ้นไปก็ลำบากแล้ว หากย้อนมองสภาพความเป็นอยู่ท่ามกลางมวลน้ำที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดง่ายๆ เช่นนี้ ถ้าไม่หาพื้นที่ลี้ภัยชั่วคราวรอน้ำลด การทำใจยอมรับสภาพ และปรับตัวดูจะเป็นทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหุงหาอาหารในสถานการณ์ดังกล่าว คำตอบของทั้ง แตง อ้อม และแจน ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่อยู่ในใจของหลายๆ คน แต่สำหรับนักโภชนาการชำนาญการพิเศษ อย่าง ณัฏฐิรา ทองบัวศิริไล จากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เธอกังวลถึงสุขภาพในระยะยาว หากต้องพึงพาของกินเฉพาะอย่างเป็นเวลานานเกินไป

"คนเราต้องการสารอาหารต่างกันนะคะ" เธอตั้งข้อสังเกต

เพราะในจำนวนผู้ประสบภัยมีผู้คนหลากหลาย ทั้ง เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คนท้อง หรือคนป่วย ซึ่งต้องการสารอาหารเพื่อบำรุงร่างกายแตกต่างกัน การเอาใจใส่กับอาหารการกินโดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมอย่างนี้ แม้จะดูเป็นการเรียกร้องที่ "เกินไป" แต่ก็ไม่ควร "ละเลย"

"คุณอาจจะทานผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปได้ แต่ก็น่าจะดูด้วยว่ามีอะไรสามารถแทนแป้ง หรือแทนโปรตีนได้บ้าง"

เธอยกตัวอย่างกรณีที่ของกินยอดนิยมอย่าง "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" หรือ "ปลากระป๋อง" ขาดตลาด ผู้บริโภคก็ยังมี ขนมปังกรอบ ขนมเปี๊ยะ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ แทนได้อยู่ แต่ข้อควรระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ คือเชื้อโรคที่อาจ "แถม" มากับน้ำ

"ช่วงน้ำท่วม หมู หรือไก่ อาจติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เหมือนกับของกินที่มีส่วนประกอบของกะทิ หรือยำที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็อาจเสียได้ง่าย อาหารที่ต้องใช้มือสัมผัสโดยตรงก็อาจจะติดเชื้อโรคได้ง่าย"

"กล้วยน้ำว้า" และ "ส้ม" เป็นผลไม้ 2 ชนิดที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะผักใบเขียวดูจะเป็นอะไรที่ถือว่ายากพอควร ที่สำคัญ วิตามินพวกนี้ล้วนแต่ต้อง "ปรุงเพิ่ม"

แต่หากเป็นของขบเคี้ยว หรืออาหารแห้ง คุกกี้ แคร็กเกอร์ อาหารเช้าจำพวกซีเรียล กินคู่กับนมยูเอชที (นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิเกิน 135 องศาเซลเซียส) ก็เป็นตัวเลือกที่ทดแทนสารอาหารได้ค่อนข้างครอบคลุมเหมือนกัน

แต่ถ้าเด็กเล็กที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ

"โดยเฉพาะเด็กแรกเกิด - 3 เดือนแรก แนะนำให้กินนมแม่อย่างเดียว เพราะนมผงจะทำให้ท้องร่วงได้ง่าย" เธอยืนยัน

แม้เด็กจะหย่านม หรือตัวแม่ไม่มีน้ำนมแล้วก็ตาม ณัฏฐิรา อธิบายว่าสามารถกระตุ้นน้ำนมได้ ด้วยการให้ลูกดูดบ่อยๆ แต่ตัวแม่เองก็ต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติด้วยเหมือนกัน

สำหรับคนทั่วไป อาหารกระป๋องจำพวกข้าวกระป๋องที่สามารถกินได้เลย หรืออาหารปรุงสำเร็จบรรจุกระป๋องต่างๆ อาจมีราคาสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเลือกสำหรับสารอาหารยามยากจะขีดวงจำกัดอยู่เพียงเท่านั้น ถั่วตัด กระยาสารท หมูหยอง ไก่หยอง เนื้อสวรรค์ ไข่เค็ม เนื้อแดดเดียว ปลาแห้ง หรือปลาเล็กปลาน้อย ก็ล้วนแต่เป็นตัวเลือกที่ไม่น่ายากเกินความสามารถ

เพื่อให้ท้องอิ่ม และไม่ต้องพึ่งโรงหมอ หลังน้ำลดนั่นเอง.


จัดชุด (อาหาร) ลุยน้ำ

"เพราะนิสัยคนไทยยังไงก็ต้องกินข้าว" บางสุ้มเสียงจากฟากนักวิชาการเปรียบเทียบถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วงน้ำท่วมที่แม้จะอัดแน่นไปด้วยสารอาหาร และการคำนวณแคลอรี่มาให้ตรงเป๊ะสักเพียงใด ถ้าลอง "สวยแต่รูป จูบไม่หอม" แม้จะถูกส่งให้ถึงมือผู้ประสบภัย แต่ก็มักจะได้รับการหยิบเป็นลำดับท้ายๆอยู่ดี

เมนูน้ำท่วม จึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่าแค่ตาเห็น

ทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรมอนามัย จึงได้ เซตเมนู "ชุดอาหารอิ่มท้อง" ขึ้นมาสำหรับเป็นทางเลือก ทั้งผู้ช่วยเหลือ และผู้รับการช่วยเหลือจะสามารถนำไปประยุตก์ใช้เพื่อให้มากกว่าอิ่มท้องรอน้ำลดได้

แน่นอนว่า นอกจากจะถูกหลักโภชนาการ ยังสามารถเก็บเอาไว้ได้นานเกินกว่า 3 วัน โดยอาหารภายในชุดประกอบไปด้วย

กลุ่มข้าว-แป้ง ได้แก่ ขนมปังกรอบคุ กกี้ แคร็กเกอร์ ขนมเปี๊ยะไส ถั่ว ขนมปังไส้ สับปะรด ข้าวแต๋น ซีเรียล ข้าวตังหน้าธัญพืช ข้าวตู มันฉาบ เผือกฉาบ

กลุ่มถั่วและธัญพืช ได้แก่ ถั่วลิสงคั่ว ถั่วกรอบแกว ถั่วทองทอด ถั่วปากอ้า กระยาสารท ถั่วตัด งาตัด

กลุ่มผลไม้แห้ง ได้ แก่ กล้วยตาก กล้วยอบ กล้วยฉาบ เป็นต้น

กลุ่มน้ำพริก ได้แก่ น้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาปน น้ำพริกปลาสลิด น้ำพริกปลาย่าง

กลุ่มปลาและเนื้อสัตว์ ได้แก่ ปลานิลแดดเดียว ทอดหมูแดดเดียวทอด ไข่เค็ม ปลาหวาน หมู/เนื้อทุบ ปลาฉิ้งฉ้างอบกรอบ ไก่/หมู/ปลาหยองหมูแผ่น หมูยอ หมู/เนื้อสวรรค์

อาหารกระป๋องสำเร็จรูปต่างๆ ได้แก่ ปลากระป๋อง หัวไชโป๊ว ผักกาดกระป๋อง เป็นต้น

อื่นๆ ได้แก่ น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง นมสด UHT น้ำผลไม้


ตัวอย่างชุดอาหารอิ่มท้อง

แบบที่ 1 ประกอบด้วย ขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว คุ๊กกี้ ข้าวตู กล้วยตาก มันฉาบ น้ำพริกตาแดง หมูแดดเดียว ปลากระป๋อง ไก่หยอง ผักกาดกระป๋อง น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง/นมสดUHT

แบบที่ 2 ประกอบด้วย ขนมปังกรอบ ข้าวแต๋น กล้วยฉาบ ถั่วทองทอด น้ำพริกปลาย่าง ปลาแดดเดียว ปลากระป๋อง ไข่ เค็มหมูยอ ซีเรียล น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง/นมสดUHT

แบบที่ 3 (สำหรับชาวมุสลิม) ประกอบ ด้วยขนมปังกรอบ กล้วยตาก น้ำพริกเผา ปลานิลแดดเดียวทอด ไข่เค็ม ปลาหวาน ปลากระป๋อง ซีเรียล หัวไชโป้ว น้ำดื่ม น้ำผลไม้ นมถั่วเหลือง/นมสดUHT




จาก .................. กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ Life Style วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 30-11-2011
Kungkings Kungkings is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 430
Default

แค่คิด...นู๋ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วละคะ ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนดี หากน้ำแห้ง
__________________
คิดดี ทำดี ชีวีเป็นสุข
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 01-12-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


เช็กอาการ... เยียวยา 'เฟอร์นิเจอร์จมน้ำ'



ได้เวลาล้างบ้าน หลังปลาวาฬลงทะเล ไม่ว่าใครก็อยากได้บ้านหลังเก่ากลับคืนมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโปรดที่อยู่ด้วยกันจนเข้าใจ Taste มีเคล็ดลับชุบชีวิตเฟอร์นิเจอร์ให้กลับมาเคียงข้างคุณอีกครั้ง

ผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์ พิริยะ บุญกิตติวัฒนา บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด แนะว่า การดูแลรักษาในภาวะปกติอาจทำได้ง่ายๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์จากไม้ อาจใช้แค่ผ้านุ่ม ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นเท่านั้นก็เพียงพอ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านที่เสียหายหลังจากน้ำท่วม ที่สภาพยังสามารถนำมาใช้งานได้ มีหลักการทั่วไปในการทำความสะอาดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ คือ ต้องพยายามเอาความชื้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้



1.เฟอร์นิเจอร์ไม้

หากทำจากไม้จริง (Solid Wood) ให้ทำความสะอาดคราบสกปรก ตะไคร่น้ำ โดยใช้แปรงขนอ่อนชุบด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างจาน จากนั้นเช็ดให้แห้ง และวางไว้ในร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้ไม้คายความชื้นออกไป

ห้ามนำเฟอร์นิเจอร์ไม้ตากแดดโดยเด็ดขาด เพราะไม้อาจแตกหรือคดงอได้ เมื่อความชื้นหมดแล้ว อาจใช้สี หรือแลกเกอร์ทาเพิ่มเติม เพื่อความเงางามขึ้นก็ได้ (วิธีการทดสอบความชื้นแบบง่ายๆ ใช้แผ่นพลาสติกขนาดพอประมาณ ใช้เทปกาวแปะติดผิวบนเฟอร์นิเจอร์ ทิ้งไว้ 1-2 วัน สังเกตหากมีไอน้ำขึ้นที่พลาสติกแสดงว่ายังคงมีความชื้นหลงเหลืออยู่)

ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากชิ้นไม้อัด (Particle Board ) ในกรณีที่โดนความชื้นจากน้ำเพียงเล็กน้อยอาจนำมาวางในที่ร่ม เพื่อไล่ความชื้น ถ้ากังวลเรื่องการเกิดเชื้อราหรือกลิ่นอับ อาจใช้ Nonoclean by Nanoyo ฉีดพ่นเพื่อลดการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้นต่างๆได้


2.เฟอร์นิเจอร์โลหะ

โลหะมีทั้งประเภทที่เป็นสนิม เหล็ก,ทองแดง,ทองเหลือง เป็นต้น และประเภทปลอดสนิม เช่น สเตนเลส อะลูมิเนียม หากถูกความชื้นสูง หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดสนิมหรือเป็นคราบหมองได้ วิธีแก้ไขเบื้องต้น คือ ใช้แปรงขนนุ่มขัดสนิมออก โดยอาจใช้น้ำยาขัดสนิมเพื่อทุ่นแรงในการขัดถูได้ดีกว่า เช็ดล้างทำความสะอาด อย่าให้มีรอยเปื้อนค้างอยู่

จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ป้องกันการเกิดสนิมอีกขั้น ด้วยการทาสีทับ ซึ่งจะช่วยทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหม่ขึ้น หากเป็นโลหะประเภทสเตนเลสซึ่งปลอดสนิมใช้แค่แปรงขนนุ่มชุบด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดทำความสะอาด สำหรับ บานพับ ลูกบิด และรูกุญแจ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากโลหะ ให้เช็ดให้แห้งสนิท ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมด ใช้พวกน้ำยาหล่อลื่นชโลมตามจุดรอยต่อและรูต่างๆให้ทั่ว ห้ามใช้จาระบี หรือพวกขี้ผึ้งทา เพราะจะทำให้ความชื้นระเหยออกไม่ได้จะทำให้ฝังอยู่ข้างในและจะเป็นปัญหาในภายหลัง


3.เฟอร์นิเจอร์หนัง

ใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์ เทลงบนแปรงขนนุ่ม หรือผ้าที่เปียกหมาดๆ ทำให้เกิดฟองเล็กน้อย นำไปเช็ดถู เครื่องหนังที่ต้องการทำความสะอาด โดยอย่าให้เปียกน้ำมากเกินไป เช็ดฟองสบู่ออก ด้วยผ้าที่เปียกหมาดๆอีกผืน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดอีกครั้ง และอาจใช้น้ำยา แวกซ์ หรือ ครีมบำรุงรักษาเพิ่มความเงางามอีกครั้ง ไม่ควรนำเฟอร์นิเจอร์หนังไปตากแดดเพราะอาจทำให้หนังแตกและสีซีดจางได้



4.เฟอร์นิเจอร์ผ้า

เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบจากผ้า หากโดนน้ำขังเป็นเวลานานๆ จะสกปรกมีคราบเลอะ อาจก่อให้เกิดเชื้อโรคสะสมและมีกลิ่นเหม็นอับ หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ ที่สามารถแกะมาทำความสะอาดได้ ก็สามารถนำออกมาล้างน้ำทำความสะอาด และตากให้แห้งสนิท หากเป็นแบบสำเร็จรูป ที่ไม่สามารถแกะมาได้ ควรทิ้งในทันทีเพราะหากนำมาใช้จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และมีผลเสียต่อสุขภาพ ในกรณีที่เกิดรอยเปื้อนเพียงเล็กน้อยอาจหาผ้ามาหุ้มใหม่ได้ และหากต้องการยับยั้งการเกิดเชื้อราและลดกลิ่นอับของผ้า อาจใช้ Nonoclean by Nanoyo ฉีดพ่นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวได้


5.เฟอร์นิเจอร์หินหรือกระจก

หินหรือกระจก เป็นวัสดุที่ทนแดด ทนน้ำ แต่หากโดนน้ำท่วมขังนานๆ ก็จะก่อให้เกิดคราบสกปรกได้ เพียงแค่ใช้น้ำยาทำความสะอาด ใช้ผ้าหรือแปรงที่มี ขนอ่อนนุ่ม ขัดถูให้สะอาด ก็สามารถนำมาใช้งานต่อได้แล้ว

หลังทำความสะอาดและซ่อมแซม เฟอร์นิเจอร์ ที่โดนน้ำท่วมให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้แล้ว อย่าลืมว่าการดูแลรักษาบ้านให้สะอาด มีอากาศถ่ายเทสะดวกก็จะเป็นตัวช่วยให้เฟอร์นิเจอร์คงสภาพการใช้งานได้นานยิ่งขึ้นเช่นกัน




จาก ........................ ผู้จัดการรายสัปดาห์ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 02-12-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


น้ำแห้งน้ำลดยังมีอยู่! ระวังภัย 'งู' เสาวภาย้ำให้รู้เท่าทัน



แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายแล้ว หลายพื้นที่น้ำแห้งแล้ว หลายพื้นที่น้ำเริ่มลดแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายๆพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ซึ่งบางพื้นที่ทั้งยังท่วมสูงและน้ำเน่า โดยพื้นที่ที่น้ำยังท่วมนี้ทางผู้บริหารบ้านเมืองทั้งระดับจังหวัดหรือมหานครและระดับประเทศ ต้องเลิกต่างคนต่างทำ โยนกันไปมา เลิกหน่อมแน้มกันเสียที!!

ร่วมกันช่วยประชาชนไม่ได้...ก็ควรพิจารณาตัวเอง

ส่วนประชาชนเอง...ก็ ’อย่าละเลยภัยที่ยังมีอยู่!!!“

ทั้งนี้ กับภัยที่อาจจะมีแฝงอยู่ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม หรือแม้

แต่ตอนที่น้ำลดน้ำแห้งแล้ว ภัยจาก “สัตว์อันตราย” ก็เป็นหนึ่งในภัยที่ไม่ระวังไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น “จระเข้” หรือ ’สัตว์พิษ“ ต่างๆ โดยเฉพาะ ’งูพิษ“ ซึ่งในส่วนของงูนั้นทาง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.วิศิษฏ์ สิตปรีชา ผู้อำนวยการสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ก็ได้จัดส่ง “คู่มือป้องกันงูพิษในสถานการณ์ฉุกเฉิน” มาให้ทาง “เดลินิวส์” ช่วยแจ้งข่าวเน้นย้ำต่อประชาชน

เนื้อหาโดยสรุปคือ... สำหรับ งูมีพิษ ก็เช่น... งูเห่า พิษร้ายแรง พบได้ทุกภาคของประเทศไทย ลักษณะเด่นคือการแผ่แม่เบี้ยเมื่อถูกรบกวน บริเวณด้านหลังคอของงูเห่าไทยจะมีลายดอกจันเป็นวง ส่วน งูเห่าพ่นพิษ มีลายดอกจันเป็นรูปตัว V หรือ U หรือไม่มีลายดอกจันเลย, งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา ลักษณะเด่นคือแนวกระดูกสันหลังยกตัวสูง และเกล็ดตามแนวสันหลังมีขนาดใหญ่, งูจงอาง ลักษณะเด่นของงูจงอางคือเกล็ดท้ายทอย 1 คู่, งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง งูเขียวหางไหม้ตาโต ข้อพึงสังเกตในกลุ่มงูเขียวหางไหม้คือ อวัยวะรับความร้อน ซึ่งเป็นร่องลึกอยู่ระหว่างรูจมูกและตาทั้งสองข้าง, งูกะปะ งูลายสาบคอแดง งูแมวเซา ข้อพึงสังเกตสำหรับงูแมวเซา เมื่อถูกรบกวนในระยะกระชั้นจะขดตัวเป็นวงกลมพร้อมกับการส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ คล้ายเสียงแมวขู่ และทำตัวพองขึ้นลงเพื่อให้ดูน่ากลัว ซึ่งงูแมวเซานี้แม้ขดเป็นวงกลมก็สามารถฉกได้อย่างว่องไว

ในส่วนของ งูไม่มีพิษ ก็เช่น... งูเหลือม, งูหลาม, งูสิงหางลาย, งูทางมะพร้าว, งูเขียวพระอินทร์, งูเขียวปากจิ้งจก, งูก้นขบ, งูแสงอาทิตย์, งูลายสอ, งูงวงช้าง, งูปี่แก้วลายแต้ม, งูปล้องฉนวนสร้อยเหลือง

กับรูปร่างหน้าตาของงูต่างๆนั้น ถ้าใช้คอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต ลองคลิกเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ในเว็บไซต์ www.saovabha.com อย่างไรก็ตามทางสถานเสาวภาระบุไว้ว่า...

กรณีที่ถูกงูกัด มีข้อควรพึงระลึกไว้ว่า ถึงแม้ว่างูไม่มีพิษจะมีหลากหลายชนิดกว่างูมีพิษ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ลำบาก ขอให้พิจารณาว่างูทุกชนิดมีอันตรายไว้ก่อน ให้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นในทุกรายที่ถูกงูกัด ก่อนจะรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนในกรณีที่ถูกงูพิษกัดแน่นอน โดยมีรอยเขี้ยวให้เห็นอย่างชัดเจน ในความโชคร้าย ผู้ที่ถูกกัดอาจจะโชคดีถ้างูพิษกัดโดยไม่ได้ปล่อยน้ำพิษออกมา อย่างไรก็ดี ควรทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเช่นกัน

สำหรับลักษณะบาดแผลจากการที่ถูกงูไม่มีพิษกัดนั้น งูไม่มีพิษจะไม่มีเขี้ยวพิษ จึงปรากฏแต่รอยฟันให้เห็น อาจมีเลือดออกจากบาดแผลมากเนื่องจากฟันที่แหลมคมของงู และขึ้นอยู่กับความลึกของแผลด้วย

ทั้งนี้ กับเรื่อง “การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด” นั้น เริ่มจาก...

1. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือทันที ใช้ผ้าพันแผลหรือผ้าพันเคล็ดชนิดยืดหยุ่นได้เริ่มพันจากรอยแผลถูกกัดแล้วพันต่อจนถึงข้อต่อหรือสูงเหนือแผลให้มากที่สุด

2. หาไม้หรือวัสดุที่แข็งมาดามแล้วพันด้วยผ้าพันแผลทับอีกครั้ง เพื่อให้อวัยวะส่วนที่ถูกกัดเคลื่อนไหวน้อยที่สุด

3. นำผู้ถูกงูกัดส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาด้วยเซรุ่มแก้พิษงู

สิ่งที่ไม่ควรทำกับบาดแผลงูกัด… ไม่ควรใช้ไฟจี้หรือใช้มีดกรีดบาดแผล เพราะจะทำให้แพทย์วินิจฉัยผิดพลาด, ไม่ควรใช้การขันชะเนาะ เพราะอาจทำให้อวัยวะขาดเลือดได้, ไม่ควรใช้ปากดูดแผล, ไม่ควรให้ผู้ป่วยดื่มสุรา, ไม่ควรให้ยากระตุ้นหัวใจ มอร์ฟีน ยาระเหย หรือยาแก้แพ้ต่างๆ เพราะจะทำให้สับสนถึงอาการของพิษงูทางระบบประสาท ในรายที่ปวดบาดแผลมาก แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลได้

ปิดท้ายด้วย “วิธีหลีกเลี่ยงการถูกงูกัด” ซึ่งสถานเสาวภาแนะนำไว้ดังนี้คือ... ตรวจเช็กบริเวณที่นอน กองผ้าต่างๆก่อนทุกครั้ง เพราะงูมักจะหาที่อบอุ่นตามกองผ้า ที่นอน หมอน มุ้ง เพื่อหลบซ่อนตัว, หลีกเลี่ยงการเดินทางในเวลากลางคืน หากจำเป็น ควรมีไฟฉายส่องสว่างนำทาง, หากจำเป็นต้องเดินเข้าไปในพื้นที่ที่อาจจะมีงู ให้สวมรองเท้าบู๊ตยาวเพื่อป้องกัน และใช้ไม้ยาวๆเคาะไปตามพื้นหรือพื้นที่ด้านหน้าเพื่อไล่ให้งูหนีไปก่อน หรือเพื่อตรวจดูว่ามีงูอยู่หรือไม่, หากพบเห็นงูพยายามควบคุมสติไม่ให้ตกใจจนเกินไป, ถ้าพบงูในระยะห่าง อย่าเข้าใกล้งู เพราะงูก็จะไม่พยายามเข้ามาทำร้ายมนุษย์เช่นกัน, ถ้าพบงูในระยะใกล้ ให้อยู่นิ่ง ๆ รอให้งูเลื้อยหนีไป เพราะงูส่วนใหญ่สายตาไม่ดี มักจะฉกกัดสิ่งที่เคลื่อนไหวเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู, ถ้างูไม่ยอมเลื้อยหนี ให้ก้าวถอยหลังช้าๆจนพ้นระยะประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นระยะพ้นจากการฉกกัด

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของงู...การ ’ระวังภัยงู“

เน้นย้ำกันไว้...ถึงน้ำแห้งน้ำลดภัยนี้ก็ยังมีอยู่!!!.





จาก ....................... เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #10  
เก่า 05-12-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


10 แนวทางซ่อมบ้าน หลังการจากไปของน้องน้ำ



SCG จัดทำ คู่มือ 'ซ่อมบ้าน สร้างสุข กับ เอสซีจี' รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์สำหรับการฟื้นฟูบ้านหลังน้ำลด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ

ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในการใช้ชีวิต สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย เมื่อน้ำลด สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ก็คือ การเร่งฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็ว เอสซีจี (SCG) จัดทำ คู่มือ 'ซ่อมบ้าน สร้างสุข กับ เอสซีจี' รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการฟื้นฟูบ้าน โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้าง วิศวกร สถาปนิก จากตราช้างและคอตโต้ เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติอย่างง่าย 10 ข้อเบื้องต้น ดังนี้


1. การตรวจสอบสภาพก่อนเข้าบ้าน

ก่อนเข้าสำรวจบ้านที่พักอาศัย ต้องสอบถามการไฟฟ้าในพื้นที่เรื่องการจ่ายไฟ (Call Center การไฟฟ้านครหลวง โทร.1130, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โทร.1129) หากขณะนั้นมีการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ควรสวมใส่รองเท้ายาง ถุงมือยาง หรือสวมถุงพลาสติกแห้งหลายๆ ชั้น เพื่อป้องกันการถูกไฟฟ้าดูด

ตรวจสอบแผงไฟฟ้าหลักให้มั่นใจก่อนว่า ได้ปิดคัตเอาท์ หรือ เบรกเกอร์หลักที่จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่บ้านก่อนอพยพออกจากบ้านแล้วหรือไม่


2. การตรวจสอบระบบไฟฟ้า

ปลดเครื่องใช้ไฟฟ้า ดึงปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าออกทั้งหมด และปิดสวิตช์ไฟฟ้าทั้งหมด

ตรวจสอบ 'เต้ารับ' และสวิตช์ที่ติดตั้งบนผนังในส่วนที่โดนน้ำท่วมขัง ตรวจสอบหลอดไฟฟ้าและสายไฟฟ้าว่ามีสภาพสมบูรณ์หรือไม่ จากนั้นให้ลองเปิด 'คัตเอาท์' หรือ 'เบรกเกอร์' ดูมิเตอร์ไฟหน้าบ้านว่าหมุนหรือไม่ ทดลองเปิดหลอดไฟฟ้าทีละจุด


3. การตรวจสอบระบบน้ำประปา

ถ้ามีบ่อเก็บน้ำใต้ดิน หรือถังเก็บน้ำในระดับน้ำท่วมถึง ให้ตรวจสอบว่ามีการทรุดตัว-รั่วซึมของน้ำจากภายนอกเข้าไปหรือไม่

ตรวจสอบลูกลอยภายในถังเก็บน้ำใต้ดิน ว่ามีการงอเสียหายหรือไม่
บ้านที่มีระบบปั๊มน้ำ หากถูกน้ำท่วม ควรเรียกหาช่างมาดำเนินการ หรือหากปั๊มน้ำอยู่ในที่สูง ไม่ถูกน้ำท่วม หลังจากเปิดใช้งานแล้ว ให้สังเกตเสียงเครื่องทำงาน ดูแรงดันน้ำในท่อว่าแรงเหมือนเดิมหรือไม่ หากมีความผิดปกติ ควรตรวจสอบด้วยการเปิดทำความสะอาด นำเศษผง สิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตัน กีดขวางการทำงานของอุปกรณ์ออกมา


4. การตรวจสอบระบบท่อน้ำและสุขภัณฑ์

ก่อนอื่นควรดูว่า มีวัสดุต่างๆเข้าไปอุดท่อระบายน้ำ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน รวมถึงสุขภัณฑ์หรือไม่ จากนั้นตรวจสอบระบบระบายน้ำทิ้งในห้องน้ำ หากน้ำไหลช้าผิดปกติ ให้ใช้น้ำ หรือลมแรงดันสูง อัดดันให้สิ่งที่อุดตันหลุดออกจากท่อ

ส้วมแบบบ่อเกรอะ หรือ มีถังบำบัด ควรเปิดปากบ่อเกรอะหรือบ่อซึมเพื่อดูระดับน้ำ หากระดับน้ำสูงกว่าปกติให้ดูดน้ำออก

ควรตรวจสอบใต้ฐานโถสุขภัณฑ์ว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่ ถ้าพบเห็นการรั่วซึม แนะนำให้รื้อติดตั้งสุขภัณฑ์ใหม่


5. การซ่อมแซมประตู หน้าต่าง

หากประตูทำมาจากไม้จริง และเกิดอาการบวมจากการแช่น้ำ ให้ทิ้งไว้จนแห้งสนิท หากโก่งงอ แนะนำให้ถอดออกมาผึ่งลมและกดทับด้วยแผ่นสมาร์ทบอร์ดและหาวัสดุหนักๆ ทับทิ้งไว้จนแห้งสนิท จากนั้นจึงให้ช่างปรับแต่งขนาดให้ได้พอกับวงกบ และเก็บงานสีให้เรียบร้อย

ประตูไม้อัด มักจะเสียหายมากกว่าประตูไม้จริง เพราะวัสดุจะมีกาวและรังผึ้งกระดาษหรือโครงไม้อยู่ด้านใน ควรเปลี่ยนใหม่

ประตูเหล็ก อะลูมิเนียม ต้องตรวจสอบการเสียรูปและการบิดงอตัวบานประตู


6. การบำรุงรักษาพื้น

พื้นบ้านที่เป็นคอนกรีต หากมีรอยแตกร้าวมาก แนะนำให้หาช่างมาทุบและรื้อพื้นเดิมทิ้ง ถมดินหรือทราย บดอัด และเทคอนกรีตใหม่ หากเป็นลานนอกบ้านที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำจากแรงดันน้ำดันคอนกรีตจนแตกอีก อาจเปลี่ยนเป็นการปู 'บล็อก' แทน หากพบว่าเกิดความเสียหายไม่มาก อาจทำความสะอาดและซ่อมแซมเป็นจุดๆก็ได้

พื้นในบ้านที่เป็นแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป และตกแต่งด้วยวัสดุประเภทต่างๆ เช่น เซรามิค หินอ่อน แกรนิต วัสดุกลุ่มไม้ทั้งลามิเนตและไม้จริง วัสดุกรุผิวต่างๆ อาจเกิดความเสียหายได้ง่าย ควรเรียกช่างเข้ามาซ่อมแซม


7. การดูแลผนัง ฝา และ ฝ้าเพดาน

บ้านที่มีผนังหรือฝาแบบก่ออิฐ ถ้าเป็นรอยแตกร้าวที่ขยายอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดจากปัญหาทางโครงสร้าง ให้ซ่อมแซมตามคำแนะนำของวิศวกร

บ้านที่มี 'ผนังเบา' หรือฝาทำจากวัสดุประเภทสมาร์ทบอร์ด ไม้อัดซีเมนต์ ไม้อัด สามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดได้ หรือรื้อติดตั้งใหม่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น

กรณีฝ้าระแนงภายนอก ตรวจสอบได้โดยการปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท และดูด้วยสายตาว่ามีการโก่ง บิดงอ หรือเสียรูปหรือไม่

กรณีฝ้าภายใน ซึ่งมักจะใช้เป็นฝ้ายิปซัม หากถูกน้ำจะเกิดความเสียหายจากการเสียรูป แนะนำให้รื้อและติดตั้งด้วยของใหม่ทั้งหมด


8. การตรวจสอบกำแพงรั้วบ้าน

กำแพงรั้วบ้าน อาจเกิดปัญหาดินที่ฐานรั้วอ่อนตัวลง ให้สังเกตที่ความเอียงของรั้ว หากพบรั้วเอียงเพียงเล็กน้อย หาวัสดุมาค้ำยันไว้ก่อนได้ และติดต่อช่างมาปรับปรุงแก้ไขเมื่อพร้อม แต่หากรั้วเอียงมากเห็นได้ชัด หรือกำแพงรั้วล้มไปแล้ว ให้สกัดช่วงของกำแพงรั้วที่ล้มออกเสียก่อน เพื่อป้องกันการดึงให้กำแพงที่ยังสมบูรณ์เสียหายตามไปด้วย และติดต่อช่างเข้ามาปรับปรุงแก้ไขต่อไป


9. การดูแลเฟอร์นิเจอร์

เร่งเอาความชื้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถดูดซับน้ำไว้ภายในได้ หากไม่จำเป็น อย่านำกลับมาใช้อีก เพราะขณะที่นํ้าท่วมอาจดูดซับเชื้อโรคและสิ่งไม่พึงประสงค์เข้าไปเป็นจำนวนมาก

เฟอร์นิเจอร์ประเภทติดกับที่ (Built In Furniture) ให้พิจารณาจากชนิด ประเภทของวัสดุที่ใช้ หากทำด้วย 'ไม้' ไม่ควรนำไปตากแดดโดยตรง เพราะจะทำให้เกิดการโก่งตัว บิดเบี้ยว หรือ แตกเสียหายได้ หากเฟอร์นิเจอร์เกิดเชื้อราหรือรอย สามารถเช็ดหรือล้างออกด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ


10. การดูแลตรวจสอบเรื่องอื่นๆ

ขยะ วางแผนแบ่งชนิดและประเภทของขยะให้ชัดเจน และวางแผนแนวทางการจัดเก็บและกำจัด โดยแยกประเภทของขยะ

ต้นไม้ตกแต่งบ้าน สำหรับต้นไม้ขนาดเล็กที่จมน้ำ อาจต้องปลูกใหม่ หากเป็นไม้ยืนต้น รากจะอ่อนแอ ต้องใช้เวลาฟื้นตัว จึงไม่ควรให้ปุ๋ยในช่วงนี้

สัตว์เลี้ยง หากจำเป็นต้องทิ้งไว้ที่บ้าน ให้ปล่อยไว้ในบ้านโดยมีอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ ติดป้ายหน้าบ้านให้เห็นชัดเจนว่ามีสัตว์เลี้ยงอะไรอยู่ในบ้านและอยู่ที่บริเวณไหน พร้อมทั้งชื่อและเบอร์โทรที่ติดต่อได้

ชาวชุมชนออนไลน์ดาวน์โหลดคู่มือ 'ซ่อมบ้าน สร้างสุข กับเอสซีจี' ฉบับพกพา ได้ที่ www.scg.co.th และเริ่มแจกฟรีตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไปที่สำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี และร้านโฮมมาร์ทที่ร่วมโครงการ สอบถามโทร.0 2586 4141

ภาพประกอบ SCG, 'กรุงเทพวันอาทิตย์' ฉ.4 ธันวาคม 2554, แฟนเพจ http://www.facebook.com/sundaybkk






จาก ...................... กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ Art & Living วันที่ 5 ธันวาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:56


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger