เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 29-03-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 29 ? 31 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป

หลังจากนั้นในวันที่ 1 - 3 เม. ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกจะมีลูกเห็บตกบางพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 1 ? 3 เม. ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย







__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 29-03-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชาวเกาะปันหยี หาหอยหวานประทังชีวิต หลังโควิด-19 ทำท่องเที่ยวฟุบไร้รายได้

ชาวบ้านเกาะปันหยี ลงหาหอยหวานริมชายหาด ลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนฝ่าวิกฤติโรคโควิค-19 เนื่องจากขาดรายได้หลักจากธุรกิจท่องเที่ยว ทาง อบต.เกาะปันหยี เร่งหาทางช่วยเหลือความเป็นอยู่คนบนเกาะ



เมื่อวันที่ 28 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน้าที่ทำการ อบต.เกาะปันหยี บ้านท่าด่าน ต.เกาะปันหยี อ.เมือง จ.พังงา มีประชาชนในพื้นที่นำอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองเข้าหาหอยหวาน บริเวณริมชายหาดบ้านท่าด่าน โดยชาวบ้านออกหาหอยหวานเพื่อนำประกอบอาหารลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เป็นผลกระทบเหตุการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องดิ้นรนหาอาหารเพื่อประทังชีวิตในครอบครัว

เนื่องจากชาวบ้านภายในเกาะปันหยี ส่วนมากประกอบอาชีพธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว พายเรือนำเที่ยว จำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ได้รับผลกระทบ จนต้องอาศัย การออกหาปู หาปลา สัตว์น้ำในทะเล และทำประมงพื้นบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและการขาดรายได้ ส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความช่วยเหลือจากท้องถิ่น ซึ่งทาง อบต.เกาะปันหยี ได้ประชุมสภา อบต.เกาะปันหยี เร่งด่วน หามาตรการช่วยเหลือความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ชุมชน เนื่องจากชุมชนเกาะปันหยี อาศัยอยู่บนเกาะ มีความหนาแน่นของประชาชน ทำให้ทาง อบต. ต้องหามาตรการที่ต้องเข้าใจกันภายในชุมชน ทั้งการตรวจหาผู้เดินทางเข้า-ออก หมู่บ้าน และการเฝ้าระวัง

นายดำรง สินโต นายก อบต.เกาะปันหยี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุม ทางท้องถิ่นจึงต้องเข้าช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ความรับผิดชอบ สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ขณะนี้หันมาจับอุปกรณ์ประมงพื้นบ้านมากขึ้น หลังจากอาชีพเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ส่วนใหญ่ชาวบ้านหาสัตว์น้ำเพื่อประทังชีวิตในครัวเรือนเพื่อรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย เบื้องต้นทาง อบต.เกาะปันหยี อนุมัติ เงินช่วยเหลือ เร่งจ้างงานภายในพื้นที่เพิ่มขึ้น และเร่งหาแนวทางการช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/1806549

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 29-03-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


มาตรการรัฐป้องกันฝุ่นควันภาคเหนือล้มเหลวซ้ำซาก ไฟป่ายังลามหนักทำเชียงใหม่จมใต้ฝุ่นหนา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งเพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ ด้านองค์กรสิ่งแวดล้อมและเครือข่ายภาคประชาชนใน จ.เชียงใหม่ ชี้ นโยบายแก้ไขปัญหาหมอกควันต้องคำนึงถึงรูปแบบการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น และให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายจัดการรักษาป่า

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา เข้าร่วมเป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เกิดไฟป่า ร่วมหารือแนวทางการฟื้นฟูสภาพป่าและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ บริเวณพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ? ปุย


เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถานีไฟป่าฯ หน่วยงาน และชุมชนในพื้นที่ ร่วมกันดับไฟป่าในพื้นที่ป่าดอยสุเทพ //ขอบคุณภาพจาก: อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

จากสถานการณ์ไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ ยังคงลุกลามต่อเนื่อง แม้ว่าทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าจะระดมสรรพกำลังเร่งดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่าสัปดาห์ โดยจากการตรวจสอบตำแหน่งจุดความร้อนด้วยดาวเทียมระบบ VIIRS โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ชี้ว่า เช้าวันนี้ (28 มีนาคม) พื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีจำนวนจุดความร้อนถึง 518 จุด เพิ่มขึ้นจากจำนวนจุดความร้อนที่ตรวจเมื่อเมื่อบ่ายวานนี้กว่า 100 จุด

มลพิษควันไฟป่าจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ? ปุย ยังส่งผลให้ปริมาณฝุ่นควัน PM2.5 ในพื้นที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ตอนช่วงเช้าของวันนี้ พุ่งถึงระดับวิกฤตถึง 1,000 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานของประเทศไทยที่ 50 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร กว่า 20 เท่า

โดยในการนี้ วราวุธ ได้สั่งการให้ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด มุ่งเป้าแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างเร่งด่วน โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจกับประชาชน ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พื้นที่ป่า

รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้พิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณสนับสนุน เพื่อจัดหาอุปกรณ์ที่มีความทันสมัย มีความเหมาะสมสำหรับเจ้าหน้าที่ทั้งทีมลาดตระเวน และทีมดับไฟป่า พร้อมทั้งพิจารณาแนวทางในการเสริมเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังการลอบเผาป่าในพื้นที่ที่พบว่ามีการเผาบ่อยครั้ง


รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เกิดไฟป่า พื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ? ปุย //ขอบคุณภาพจาก: TOP Varawut ? ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา

นอกจากนี้ วราวุธ ยังได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจตราการบุกรุกป่าในช่วงที่ประกาศปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และหากพบผู้บุกรุกก็ให้เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น

"อย่าลืมครับว่า 99% ของไฟป่า มาจากฝีมือมนุษย์ ในวันที่ประเทศชาติกำลังเผชิญภาวะโรคระบาด แล้วยังมีไฟป่าที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศมาซ้ำเติม สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับผลกระทบก็คือครอบครัว ลูกหลาน เพื่อนบ้าน และตัวผู้เผาเองนะครับ ขอให้หยุดซ้ำเติมประเทศด้วยการกระทำแบบนี้" เขากล่าว

อย่างไรก็ดี ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงความเห็นว่า ถึงแม้ว่าภาครัฐจะยกระดับการบังคับใช้มาตรการการจับกุมเอาผิดผู้บุกรุกลักลอบเผาป่าให้เข้มงวดขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว การดำเนินนโยบายห้ามเผาที่สั่งการตรงลงมาจากส่วนกลาง ก็จะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการลักลอบเผาป่าและมลพิษหมอกควันได้ ซ้ำร้ายยังเป็นการสุมไฟความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในท้องที่

"จากการที่ภาคเหนือประสบกับปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี แสดงให้เห็นว่ามาตรการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือของภาครัฐ ซึ่งมุ่งเน้นบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมการเผาในที่โล่งและการเผาป่าให้เป็นศูนย์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง กระนั้นเราก็ยังพบว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการเช่นนี้ทุกๆ ปี โดยไม่มีการทบทวนข้อผิดพลาด หรือปรับปรุงแก้ไขเลย" ธารา กล่าว

เขาชี้ว่า ความล้มเหลวของการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นควันของรัฐ แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล ซึ่งยังคงติดกับกรอบวิธีแบบราชการ และการบริหารจัดการทรัพยากรแบบเก่า ที่มุ่งเน้นการออกนโยบายที่มีรูปแบบเดียวและสั่งการจากส่วนกลางเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างหลากหลาย ทั้งทางด้านสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และรูปแบบการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ ดังนั้นมาตรการการแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์ จึงไม่สามารถแก้ปัญหามลพิษหมอกควันภาคเหนือ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ต่างก็มีความซับซ้อนไม่เหมือนกันได้

"ทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ คือรัฐบาลปฏิรูปรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น และควรถ่ายโอนอำนาจในการตัดสินใจ และกำหนดทิศทางนโยบายแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของตนได้ เพราะในแต่ละชุมชนท้องถิ่นภาคเหนือต่างก็มีภูมิปัญญาในการจัดการทรัพยากรและป่าไม้ที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้ว ให้ชาวบ้านเป็นผู้รักษาป่าและสามารถหาประโยชน์จากป่าอย่างยั่งยืน" ธารา เสนอ


ค่าตรวจวัดปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มีนาคม

ข้อเสนอแนะของธารา สอดคล้องกับข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหามลพิษอากาศอย่างยั่งยืน โดยสภาลมหายใจเชียงใหม่ ที่เน้นย้ำให้รัฐบาลทบทวนกรอบนโยบายและแผนแก้ปัญหาฝุ่นควันตามวาระแห่งชาติ เพราะนโยบายดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือได้จริง สนับสนุนให้มีการบริหารจัดการเขตป่าอนุรักษ์ระหว่างภาครัฐและชุมชน พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลไกเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและสิ่งแวดล้อม


https://greennews.agency/?p=20604

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:51


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger