#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 2 - 5 เม. ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 7 เม. ย. 63 บริเวณประเทศจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคกลาง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 2 - 5 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 5 เมษายน 2563)" ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 02 เมษายน 2563 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 2-3 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 4-5 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาว และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ส่อง "หอยแปลก" ต่างชาติชอบ นครศรีธรรมราช 1 เม.ย.-ธุรกิจแพรับซื้อหอยน้ำลึกจากอ่าวไทย มีไม่มากนัก 1 ในแพรับซื้อหอยแปลกตาที่ไม่ค่อยพบเห็นในตลาดทั่วไปแหล่งหนึ่งคือ "แพปูซันมา" หมู่ 7 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เปิดกิจการมานับ 10 ปี ซึ่งนอกจากจะรับซื้อปูทะเลเป็นหลัก ยังรับซื้อหอยจากประมงน้ำลึก หอยนานาชนิดที่หาซื้อไม่ได้ตามสดทั่วไป คือ หอยโนรี หอยยักษ์ หอยโข่งทะเล ล้วนแต่ตัวใหญ่ ซึ่งหอยนานาชนิดที่แกะเนื้อออกแล้ว เปลือกหอยที่เหลือมีสีสันสวยงาม แปลกตา นำมาแปรรูปเป็นกับดักหมึกสายที่ดัดแปลงมาจากเปลือกหอยโนรี ดัดแปลงเป็นเครื่องประดับ หรือ ปากหอยยักษ์ นำมาตากแห้งส่งจีน ปรุงยาตามตำราจีนโบราณ และเปลือกหอยโข่งยักษ์ ทำเป็นสินค้าหัตถกรรมประดับบ้าน นางมารีเก๊าะ ศรีอุทัย นักธุรกิจเจ้าของแพปูซันมา เปิดเผยว่า หอยที่รับซื้อส่วนใหญ่มาจากประมงน้ำลึก จากเรือประมงขนาดใหญ่ รับซื้อในราคาที่ขึ้นลงตามสภาพของตลาดส่งออกในช่วงนี้มีราคาตกต่ำเพราะช่วงนี้ต่างชาตินิยมบริโภคน้อยลงผลจากโควิด19 "การรับซื้อมาแล้วนั้นจะแกะเนื้อหอยออก ส่งออกไปเป็นเนื้อหอยสด ส่วนใหญ่ตลาดใหญ่เป็นเวียดนาม จีน ส่วนเปลือกที่เหลือจะมีคนงานมารับทำกับดักหมึกสายขายให้กับชาวประมงชายฝั่ง ส่วนเปลือกหอยมีนักสะสมมาขอซื้อสะสมอยู่บ้าง" สำหรับหอยสะสมนั้นเป็นหอยแปลกกว่าหอยทั่วไป ซึ่งในหลายแสนตัวถึงจะพบ 1 ตัว ที่มีลักษณะพิเศษ คือ ก้นหอยจะวนซ้าย แตกต่างจากหอยทั่วไปที่ก้นหอยจะวนขวา โดยก้นหอยที่วนซ้ายจะขายให้ผู้ซื้อไปสะสมในราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ชาวประมงที่นำมาขายเขาไม่ได้คัดแยกเพราะมีหอยจำนวนมาก แต่มาเจอที่แพตอนคนงานแกะเนื้อออกทีละตัว แต่หลายเดือนจะเจอสัก 1 ตัว เหมือนถูกหวยเพราะราคาแพง สำหรับเนื้อหอยที่แกะออกมาเกือบทั้งหมด จะส่งออกไปยังต่างประเทศเพราะนิยมบริโภค ส่วนตลาดในไทยยังบริโภคน้อย. https://www.mcot.net/viewtna/5e847b89e3f8e40af4431d58 ********************************************************************************************************************************************************* แต่งชุด PPE หาหอย ชลบุรี 1 เม.ย.-บรรยากาศหาหอยเขตพื้นที่ทะเลอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ท่ามกลางกระแสว่าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนหาหอยในทะเล เนื่องจากกลัวการติดเชื้อโรคโควิด แต่ก็มีชาวบ้านออกมาหาหอยไปรับประทาน เพราะช่วงนี้จะไม่มีรายได้ ชาวบ้านที่เดินทางมาหาหอยมีคนหนึ่งซึ่งสวมชุด ppe ชุดขาวที่ไว้สวมใส่ป้องกันโควิดและเชื้อโรคต่างๆ นางสาวออย ซึ่งสวมชุดที่เตรียมมาจากบ้านเป็นชุดขาวเหมือนเจ้าหน้าที่แพทย์ใส่ ได้เล่าว่า เป็นแม่บ้านซึ่งเดินทางมาจากอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พร้อมกับครอบครัวเพื่อมาหาญาติที่นาเกลือ เมืองพัทยา ด้วยภาวะฝืดเคืองทั้งเรื่องเศรษฐกิจโรคระบาดที่ส่งผลกระทบถึงการดำรงชีพ ภาระค่าครองครองชีพหน้าที่การงานที่ย่ำแย่ เมื่อมาที่นี่ซึ่งเป็นแหล่งที่หาอาหารจากธรรมชาติได้ จึงชวนกันเตรียมอุปกรณ์มา หาหอยกลับไปทำอาหาร ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารการกินได้ถึงมื้อสองมื้อ สวมชุดแปลกตาที่ใส่มาหาหอยนี่ก็เป็นชุดที่เตรียมมาจากที่บ้าน เป็นชุดป้องกันเชื้อโรค ที่หามาไว้ใช้ หากต้องออกจากบ้านในสถานการณ์โรคระบาด จึงคิดว่าสวมใส่มาด้วยก็น่าจะสร้างความอุ่นใจให้กับตัวเองได้แต่ก็ไม่อยากให้มองแบบดราม่าว่า ชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่จะต้องนำมาใส่ในการหาหอย แต่ตนอยากใส่มาป้องกันตัวเอง จึงอยากให้มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใคร นายสมทรง หรือ ลุงเปียก ชาวประมงพื้นบ้านนาเกลือ ที่มองว่าการที่ประชาชนชาวบ้านบางกลุ่มออกมาหาหอย กลับไปบริโภคในครัวเรือนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในบ้านในสถานการณ์แบบนี้น่าเห็นใจ บางคนตกงาน บ้างคนถูกเลิกจ้าง งานไม่มีเงินไม่ได้เท่าเดิม ต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่าย จึงอยากให้เห็นใจพวกเขาบ้าง. https://www.mcot.net/viewtna/5e847d6de3f8e40af842ae4b
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
เริ่มแล้ว มาตรการปิดอ่าว 3 เดือน ห้ามจับสัตว์น้ำฝั่งอันดามัน ฝ่าฝืนปรับสูงถึง 30 ล้าน กรมประมง เตรียมประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2563 ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ? 30 มิถุนายน 2563 เผยผลการศึกษาพบมาตรการฯ ที่บังคับใช้ เหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลการแพร่กระจายของสัตว์น้ำ สามารถคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงได้อย่างยั่งยืน อธิบดีกรมประมง มีศักดิ์ ภักดีคง กล่าวว่า มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ? 30 มิถุนายนของทุกปี ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนที่กรมประมงได้มีการประกาศใช้มาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี (เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2528) โดยที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะของทรัพยากรสัตว์น้ำ สิ่งแวดล้อม และสังคม กองเรือประมงพาณิชย์ไทยเป็นปัจจัยหลักที่ส่งให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก //ขอบคุณภาพจาก: เรื่องเล่าชาวประมง มีศักดิ์ อธิบายว่า การออกมาตรการดังกล่าว มีผลสืบเนื่องจากการเก็บสถิติข้อมูลทางวิชาการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า จำนวน และความหลากหลายของชนิดพันธุ์ของสัตว์น้ำ มีจำนวนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งมาจากด้วยเหตุปัจจัยหลายด้าน ทั้งความเสื่อมโทรมของแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำ สภาพแวดล้อม ความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้ง อาจจะมีเรือประมงที่ใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ จากการติดตามสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำในแต่ละปีหลังจากมาตรการปิดอ่าวพบว่าลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่เกิดขึ้นในช่วงมาตรการ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุของปริมาณสัตว์น้ำที่ลดจำนวนลงทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2561 กรมประมง จึงได้มีการออกประกาศ ลงวันที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อกำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในมาตรการปิดฝั่งทะเลอันดามันให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยพื้นที่การประกาศใช้มาตรการฯ ครอบคลุมพื้นที่ 5,000 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ระยะเวลา 90 วัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ? 30 มิถุนายน ของทุกปี และได้กำหนดชนิดของเครื่องมือประมงซึ่งไม่กระทบกับพันธุ์สัตว์น้ำในช่วงประกาศใช้มาตรการฯ ให้สามารถใช้ทำการประมงได้ ดังนี้ - เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ ที่ใช้ประกอบเรือกลที่มีขนาดความยาวไม่เกิน 14 เมตร และทำการประมงในเวลากลางคืนนอกเขตทะเลชายฝั่ง - เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตัก ให้ทำการประมงได้เฉพาะในเวลากลางวันและทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง - เครื่องมืออวนติดตาปลาที่มีขนาดช่องตาอวน ตั้งแต่ 4.7 เซนติเมตรขึ้นไป มีความยาวอวนไม่เกิน 2,500 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง และเครื่องมืออวนติดตาปลาที่มีช่องตาอวนตั้งแต่ 4.7 เซนติเมตรขึ้นไป มีความยาวอวนเกิน 2,500 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง - เครื่องมืออวนปู อวนลอยกุ้ง อวนหมึก - เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง - ลอบปูที่มีขนาดตาอวนโดยรอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป ใช้ทำการประมงไม่เกิน 300 ลูก ต่อเรือประมง 1 ลำ ให้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง และลอบปูที่มีขนาดช่องตาเฉพาะท้องลอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง -ลอบหมึกทุกชนิด - ซั้งทุกชนิดที่ใช้ประกอบทำการประมงพื้นบ้านในเขตทะเลชายฝั่ง - คราดหอยที่ใช้ประกอบเรือกล - อวนรุนเคย - จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เป็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก แผงยกปูจักจั่น - เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง - การใช้เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า ประกอบเครื่องมือทำการประมงที่มิใช่เครื่องมือทำการประมง ทั้งนี้ การทำการประมงโดยใช้เครื่องมือในข้อ 3 4 5 6 และ 7 จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 และจะต้องไม่เป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมง ตามมาตรา 67 69 หรือ 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 หากผู้ใดฝ่าฝืนจะเป็นความผิดตามตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 30 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย "ที่ผ่านมา กรมประมงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการปฎิบัติกฎหมายในมาตรการปิดอ่าวทะเลอันดามัน จนกระทั่งท้องทะเลค่อยฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ดังเช่นแต่ก่อน จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่ามาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน นั้นมีส่วนช่วยทำให้ประชากรสัตว์น้ำเพิ่มจำนวนมากขึ้นและช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลได้" อธิบดีกรมประมงกล่าว https://greennews.agency/?p=20626
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|