#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนบางแห่งในระยะนี้ อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณหัวเกาะสุมาตรา มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นและจะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบน ซึ่งจะส่งผลทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2563 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 5 - 10 พ.ค. 63 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ส่งผลทำให้มีบริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น สำหรับในช่วงวันที่ 4 - 5 พ.ค. 63 ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 พ.ค. 63 ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณหัวเกาะสุมาตราจะมีกำลังแรงขึ้น ในช่วงวันที่ 6 ? 9 พ.ค. 63 และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนล่าง ส่งผลทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกต่อเนื่อง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
อุดมสมบูรณ์! เผยคลิป "โลมาปากขวด" กว่า 100 ตัว แหวกว่ายทะเล จ.พังงา เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน เผยคลิปน่าประทับใจโลมาปากขวดร่วมร้อยชีวิต แหวกว่ายใกล้กับเกาะตาชัย-เกาะเมียง จ.พังงา เป็นการตอกย้ำถึงความอุดมสมบูร์ของท้องทะเลไทย วันนี้ (4 พ.ค.) เพจ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน" ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอน่าตื่นใจ ความยาวกว่า 1 นาที เผยให้เห็นฝูงโลมาปากขวดกว่า 100 ตัว ว่ายอยู่ใกล้กับเกาะบอน ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า "เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 63 เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน ได้ออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART PATROL) เส้นทางเกาะตาชัย-เกาะเมียง ทั้งนี้ ขณะลาดตระเวนได้พบโลมาปากขวดราวหนึ่งร้อยตัวได้รวมตัวว่ายน้ำด้านทิศตะวันตกใกล้เกาะบอนของอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ ขณะตรวจสอบพบว่าโลมาปากขวดฝูงดังกล่าวได้ทำการปิดล้อมเรืออุทยาน และไม่ได้มีการแสดงอาการเกรงกลัวเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด โดยมีพฤติกรรมยียวนด้วยการว่ายน้ำหลอกล่อ อีกทั้งยังมีการกระโดดลอยหน้าลอยตาท้าทายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกภาพและวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ อุทยานได้เข้มงวดและเพิ่มระยะเวลาในการลาดตระเวนหลังจากนี้ เนื่องจากเกรงว่าการกระทำของโลมาปากขวดอาจทำให้เกิดการลอกเลียนแบบของปลากระเบนราหู และฉลามวาฬได้" https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000046627
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
เศร้า! พบซาก 'โลมาหัวบาตร' เพศผู้เกยตื้น 4 พฤษภาคม? 2563 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก รับแจ้งจากชานเลรีสอร์ท ว่าพบซากโลมาเกยตื้นบริเวณ ต.พันท้ายนรสิงห์? อ.เมือง จ.สมุทรสาคร? ผลการตรวจสอบพบเป็น โลมาหัวบาตรหลังเรียบ เพศผู้ ยาว 55 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม สภาพซากเริ่มเน่า ผลชันสูตร พบบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกจากการเกยตื้น สะดือยังไม่ปิดสนิทดี มีรอยช้ำคั่งเลือดบริเวณคอเล็กน้อย เนื้อเยื่อไขมันมีสีเหลืองผิดปกติ เกิดจากการทำงานของตับที่ผิดปกติ แต่ไม่สามารถเก็บชิ้นเนื้อตับไปตรวจวิเคราะห์?ได้เนื่องจากสภาพตับเน่า ไม่พบอาหารในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ทดสอบการลอยน้ำพบว่าปอดลอยน้ำ สาเหตุการตายเกิดจากสาเหตุธรรมชาติ ความอ่อนแอแรกเกิดร่วมกับความผิดปกติของร่างกาย https://www.naewna.com/likesara/490660
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ระบบนิเวศฟื้นฟูช่วงโควิด พบฝูงฉลามหูดำอ่าวเกาะห้อง กระบี่ 4 พ.ค. - ธรรมชาติฟื้นฟู หลังหยุดกิจกรรมท่องเที่ยวช่วงโควิด19 ระบาด เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ พบฝูงฉลามหูดำหรือฉลามครีบดำความยาวประมาณ 1 เมตร ถึงเมตรครึ่งจำนวนหลายสิบตัว ว่ายน้ำภายในอ่าวหมู่เกาะห้อง เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ โดยฝูงฉลามหูดำไล่กินปลากระบอกนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนว่ายออกจากชายฝั่งไปบริเวณน้ำลึกซึ่งเป็นแนวปะการังที่สมบูรณ์ นายจำเป็น ผอมภักดี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะห้อง เปิดเผยว่า ฉลามและฝูงปลาหลากชนิด เริ่มเข้ามาตามแนวชายหาดภายในอ่าวเกาะห้องในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชประกาศปิดพื้นที่อุทยาน ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ไม่เกิดการรบกวนจากการทำกิจกรรมท่องเที่ยว สัตว์ทะเลหลายชนิดที่ไม่เคยเข้าใกล้ฝั่ง กลับว่ายน้ำมาให้เห็น ร่วมกับระบบนิเวศที่ได้รับการฟื้นฟูให้อุดมสมบูรณ์ขึ้นด้วย. https://www.mcot.net/viewtna/5eafd3a1e3f8e40af4443620
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ธรณ์" ยกปีนี้ปีทองทะเลไทย แทบไม่พบปะการังฟอกขาว นักวิชาการทางทะเล ยกปีนี้ปีทองทะเลไทย ระบุคนหยุดทำให้ทะเลสงบ ฝั่งอันดามันน้ำไม่ค่อยร้อนฝนมาเร็วปะการังแสดงอาการฟอกขาวน้อย แนะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูทะเลหลังเจอปัญหามาตลอดหลายปี วันนี้ 4 พ.ค.2563 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิชาการทางทะเล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แทบทุกปีในช่วงนี้เป็นเวลาที่เราอาจพบปะการังฟอกขาวแต่ปีนี้เป็นปีทองทะเลไทย นอกจากคนหยุดทำให้ทะเลสงบ ปะการังเกือบทั้งหมดยังดูดีไม่มีอาการ ผมตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายมีนาคม เมื่อเริ่มมีการแจ้งเตือนจากออสเตรเลียว่าปะการังชายฝั่ง Great Barrier Reef เริ่มแสดงอาการฟอกขาว มาถึงเดือนเมษายน หลายที่ฟอกขาวโดยเฉพาะเกาะแถว Townsville ที่คุ้นเคยสมัยเรียนอยู่ที่นั่น เคราะห์ดีที่ปลายเมษายน บางส่วนที่ฟอกเริ่มมีสีกลับคืนมา ลักษณะนี้คล้ายปะการังไทยเมื่อ 3-4 ปีก่อน นั่นคือฟอกขาวแต่ไม่ตายและฟื้นได้ ออสเตรเลียเจอปะการังฟอกขาวอย่างหนักในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกที่เหลืออยู่ในคงพอทนต่อน้ำร้อนและฟื้นตัวได้ระดับหนึ่ง ในเมืองไทยบางปีช่วงเมษายนต้นพฤษภาคม น้ำร้อนเกิน 30.5 องศาและแช่อยู่นาน บางปีขึ้นไปถึง 32-33 องศาด้วยซ้ำ "แต่ปีนี้ในฝั่งอันดามันน้ำไม่ค่อยร้อน ฝนยังมาเร็วปะการังแสดงอาการฟอกขาวน้อยมากจะมีบ้างก็หมู่เกาะริมฝั่ง เช่น ตรัง และเป็นบางก้อนเท่านั้น ปะการังที่ออกอาการก็ดูไม่ขาวมาก แค่ซีด เชื่อว่าคงฟื้นได้" ในฝั่งอ่าวไทยน้ำร้อนกว่าอันดามันแต่ดูแล้วยังไม่น่าเป็นห่วงมาก มีรายงานสีซีดแถวเกาะเต่า แต่ก็ไม่เท่าไหร่ ฝนมาเร็ว เมฆมากฟ้าครึ้ม ลดแสงแดดลดอุณหภูมิของน้ำ จะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยปะการังได้ "นี่เป็นข่าวดีมากและเชื่อว่า 2 ปัจจัย ทั้งทะเลไร้คนและปะการังไม่ฟอกขาว จะถือเป็นช่วงฟื้นตัวที่สำคัญยิ่งของทะเลบ้านเรา หลังจากโดนโน่นนี่แทบไม่หยุดมาตลอดหลายปี" ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่า เราจะอาศัยโอกาสนี้ในการทำเรื่องดี ๆ ให้เกิดขึ้นมาในอนาคตได้ไหม โลกให้โอกาสเราฟื้นฟูทะเลแล้วหากไม่ใช้จังหวะนี้ให้เป็นประโยชน์ก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ขอบคุณทุกหน่วยงานและทุกพี่น้องผู้ประกอบการคนในพื้นที่ผู้ช่วยกันสำรวจและรายงาน โดยเฉพาะที่เกาะเต่า เข้มแข็งกันดีมาก https://news.thaipbs.or.th/content/292057
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
พบไมโครพลาสติกปริมาณหนาแน่นสูงสุดที่ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กระเบนราหูแหวกว่ายในทะเลที่มีขยะพลาสติกลอยฟ่อง คณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ ซึ่งนำโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ของสหราชอาณาจักร รายงานว่าพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกในปริมาณที่มีความหนาแน่นสูงสุดเท่าที่เคยพบมา ในดินตะกอนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบริเวณนอกชายฝั่งของประเทศอิตาลี ชิ้นส่วนไมโครพลาสติกซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตรที่พบในครั้งนี้ มีจำนวนมากถึง 1.9 ล้านชิ้นต่อพื้นที่ก้นสมุทร 1 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยเส้นใยจากเสื้อผ้าและเศษใยสังเคราะห์จากสิ่งทอประเภทอื่น ๆ รวมทั้งชิ้นส่วนพลาสติกขนาดจิ๋วที่แตกตัวมาจากขยะพลาสติกชิ้นใหญ่ตามกาลเวลา จุดที่พบไมโครพลาสติกสะสมตัวในปริมาณหนาแน่นสูงสุดนั้น คือบริเวณแอ่งใต้ทะเล Tyrrhenian ซึ่งอยู่ระหว่างแผ่นดินใหญ่ของประเทศอิตาลี เกาะคอร์ซิกา และเกาะหลักของแคว้นปกครองตนเองซาร์ดีเนีย ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความกังวลว่ากระแสน้ำก้นสมุทรที่พัดพาเอาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปหล่อเลี้ยงบรรดาสัตว์ใต้ทะเลลึก จะถูกไมโครพลาสติกปนเปื้อนในปริมาณสูงไปด้วย แผนภาพแสดงกระบวนการที่ไมโครพลาสติกเคลื่อนจากแหล่งกำเนิดบนพื้นดินและผิวน้ำลงสู่ก้นมหาสมุทร Image copyrightSOURCE: I.KANE/UNI OF MANCHESTER ดร. เอียน เคน หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์บอกว่า ไมโครพลาสติกมักสะสมตัวหนาแน่นที่จุดใดจุดหนึ่งของพื้นมหาสมุทร เนื่องจากกระแสน้ำทรงพลังที่ก้นทะเลทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "กองตะกอนพัดพา" (drift deposit) ซึ่งคล้ายกับเนินทรายใต้น้ำ "กองตะกอนพวกนี้อาจรวมตัวเป็นแนวยาวได้หลายสิบกิโลเมตร และอาจหนาถึงหลายร้อยเมตร เป็นตะกอนที่สะสมตัวได้มากที่สุดประเภทหนึ่งบนโลกโดยมีตะกอนละเอียดเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ เราจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าจะพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกปะปนอยู่ในตะกอนชนิดนี้ด้วย" ดร. เคนกล่าว ไมโครพลาสติกจำนวนมากได้แก่เส้นใยจากเสื้อผ้าและเศษใยสังเคราะห์จากสิ่งทออื่น ๆ ทีมผู้วิจัยยังทดลองใช้แท็งก์น้ำขนาดใหญ่ จำลองกระบวนการที่ทราย โคลน และตะกอนต่าง ๆ ในหุบเหวและร่องลึกก้นสมุทร สามารถไหลไปอย่างทรงพลังได้เหมือนกับเหตุการณ์หิมะถล่ม ซึ่งการทดลองนี้ทำให้ทราบว่า กระบวนการดังกล่าวช่วยพัดพาเอาไมโครพลาสติกจากผิวน้ำให้จมลึกลงไปได้อีก และสามารถกระจายตัวออกไปได้ไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตรที่ก้นทะเล งานวิจัยก่อนหน้านี้ประมาณการว่า ขยะพลาสติกราว 4 ล้านตัน - 12 ล้านตันที่แม่น้ำสายต่าง ๆ พัดพามาได้ไหลลงสู่มหาสมุทรในทุกปี โดยผู้คนมักให้ความสนใจกับแพขยะขนาดยักษ์กลางมหาสมุทรหรือตามแนวชายฝั่งที่สะดุดตา ซึ่งเป็นเพียง 1% ของขยะพลาสติกในทะเลทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 99% ซึ่งหายไปไม่พบร่องรอย นักวิทยาศาสตร์คาดว่าได้สลายตัวกลายเป็นไมโครพลาสติกชิ้นเล็กจิ๋วที่จมลงสู่ก้นสมุทรในปริมาณมหาศาล https://www.bbc.com/thai/international-52527035
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|