#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงในระยะนี้ ในขณะที่บริเวณภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 19 - 22 ส.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 24 ส.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 23 - 24 ส.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 19-08-2021 เมื่อ 03:21 |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
อังกฤษแบน "หูฉลาม" ห้ามนำเข้า-ส่งออก และบริโภค ปกป้องนักล่าแห่งท้องทะเล รัฐบาลสหราชอาณาจักรออกคำสั่งห้ามการค้าและการบริโภค "หูฉลาม" อย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อร่วมกันปกป้อง "สัตว์นักล่าแห่งท้องทะเล" จากการสูญพันธุ์ สหราชอาณาจักรยังใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้มีการดำเนินการในระดับสากลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอดครีบฉลามในทะเล และการทิ้งร่างของฉลามที่ใกล้สิ้นลมหายใจกลับลงไปในน้ำ คำสั่งห้ามนี้ ยังรวมถึงการแบนครีบฉลามที่ถูกตัดแยกออกจากตัวฉลาม และซุปหูฉลาม ลอร์ด แซ็ก โกลด์สมิธ (Lord Goldsmith) รัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักรกล่าวถึงการประกาศบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ว่า ?การกระทำของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภัยคุกคาม และเพิ่มจำนวนประชากรฉลามเท่านั้น แต่ยังเป็นประกาศจุดยืนของเราว่า เราไม่สนับสนุนอุตสาหกรรมที่นำไปสู่การสูญพันธุ์ของสัตว์ทุกชนิด? ในแต่ละปี มีฉลามประมาณ 73 - 100 ล้านตัวถูกฆ่า ไม่เพียงแต่เพื่อนำครีบของพวกมันมาทำหูฉลาม แต่ผู้ล่ายังใช้ประโยชน์จากอวัยวะส่วนอื่นของพวกมัน อาทิ เนื้อ เหงือก และน้ำมันตับ เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงทวีปยุโรป Credit Photo https://www.straitstimes.com/singapore เนื่องจาก "การล่าหูฉลาม" ทำให้ฉลามหลายสายพันธ์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว โดยฉลามจำนวน 143 สายพันธุ์จากมากกว่า 500 สายพันธุ์ทั่วโลก ถูกบรรจุไว้ในบัญชีสายพันธุ์ที่ถูกคุกคาม และอยู่ในสถานะมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) ไปจนถึงสถานะเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์ (Critically endangered) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เปิดเผยข้อมูลจากรายงาน The Shark and Ray Meat Network: a deep dive into a global affairs ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์และตรวจสอบขบวนการส่งออก-นำเข้าเนื้อฉลามและกระเบนทั่วโลก ระหว่างปี พ.ศ.2555 ? 2562 พบเส้นทางการค้าเนื้อฉลามและกระเบนระหว่างทวีปรวมแล้วมีมูลค่าสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักฐานทั้งหมดชี้ว่า ?การประมงทำลายล้าง? เป็นภัยคุกคามเลวร้ายที่สุดที่กำลังจะทำให้ 36% ของสายพันธุ์ฉลาม รวมถึงกระเบนกว่า 1,200 ชนิดที่มนุษย์ค้นพบมาตั้งแต่อดีต กำลังจะสูญพันธุ์จากท้องทะเลในไม่ช้า การประกาศบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ระดับชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศมหาอำนาจ โดยก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ.2562 หนึ่งในประเทศที่นำเข้าครีบฉลามมากที่สุดในโลก นอกเหนือจากทวีปเอเชีย อย่างประเทศแคนาดา ได้ออกกฎหมายห้ามนำเข้าและส่งออกครีบฉลามที่ไม่ได้ติดมากับลำตัวฉลาม และยังเป็นเป็นชาติแรกในกลุ่ม G-20 ที่ออกกฎหมายแบนหูฉลาม ข้อมูลอ้างอิง https://www.gov.uk/government/news/g...hark-fin-trade https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000081591
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
เต่าตนุตัวนิดเดียว กินขยะในทะเลเข้าไป 158 ชิ้น หมอช่วยทัน เกือบไม่รอด!! วันที่ 18 สิงหาคม ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทะเลอันดามันตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รายงานผลการช่วยชีวิตเต่าตนุ วัยเด็ก ขนาดความยาวกระดอง 28 ซม. น้ำหนัก 3 กก. มีอาการอ่อนแรง เกยตื้นหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564จากนั้นนำมาอนุบาลพักฟื้นที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการรักษาเต่าตนุมีอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถว่ายน้ำได้ดีขึ้น กินอาหารได้เอง ผลการตรวจทางรังสีวิทยา พบการอุดตันภายในทางเดินอาหาร คาดว่าเป็นขยะทะเล และเต่าได้ถ่ายเป็นขยะทะเลออกมาทั้งหมด 6 ครั้ง แบ่งเป็นขยะประเภทพลาสติกชนิดบางร้อยละ 21 ประเภทเชือก สายรัดของ ผ้า-เส้นใยไฟเบอร์ร้อยละ 6 พลาสติกแข็งร้อยละ 16 และเศษถุงพลาสติกร้อยละ 57 นับจำนวนขยะได้ 158ชิ้น ชั่งน้ำหนักขยะแห้งรวม 60 กรัม https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_2891848
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|