เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 10-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


ส่อเคาะ "Land bridge ชุมพร-ระนอง" นักนิเวศทะเลชี้ "ไม่คุ้มสวล.-เศรษฐกิจ"

ผลศึกษา สนข.ส่อเลือก "Land bridge ชุมพร-ระนอง" เป็นเส้นทางสำหรับเมกะโปรเจกต์เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน 2 นักนิเวศวิทยาทางทะเลชั้นแนวหน้าเตือน "กระทบอันดามันมรดกโลก-ไม่คุ้มทางเศรษฐศาสตร์-ไม่สอดรับทิศข้อตกลงโลกร้อน COP26"


(ภาพ : สนข.)


ส่อเคาะ "แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง"

"การเชื่อมต่อสองฝั่งอ่าวไทยอันดามันเป็นเรื่องที่พูดถึงมาตลอด เพราะเป็นเมกะโปรเจ็คที่จะช่วยเปิดไทยสู่มหาสมุทรอินเดีย และสร้างเราเป็นฮัปสำคัญในด้านโลจิสติกส์ สำหรับตอนนี้ โครงการที่มีความเป็นไปได้มากสุดคือ Land bridge ชุมพร-ระนอง

สนข.ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อวางเส้นทางขนส่งระบบถนน/ระบบราง ปลายทางเป็นท่าเรือน้ำลึก 2 แห่งที่ต้องสร้างใหม่ ในฝั่งชุมพรเบื้องต้นสรุปว่าเป็นแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน ฝั่งระนองอยู่ที่อ่าวอ่าง ตำบลราชกรูด

ตอนนี้ยังไม่มีการศึกษาออกแบบท่าเรือน้ำลึก แต่เส้นทาง Land Bridge อาจมีมอเตอร์เวย์ ทางรถไฟ และท่อขนส่งน้ำมัน เพื่อใช้ทั้งการขนส่งสินค้าและน้ำมันข้ามไปมาสองฝั่ง" ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟสบุ๊กถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับทิศทางและแนวโน้มผลการศึกษา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)

สนข. ได้รับการมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน (Landbridge) โดยมีระยะเวลาศึกษาโครงการ 30 เดือน ซึ่งคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2566

8 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา สนข. ได้จัดการสัมมนาเพื่อแนะนำโครงการและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องโครงการฯ ณ ห้องราชาวดี โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดระนอง โดยมีนายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสื่อมวลชน จำนวน 130 คนเข้าร่วม


(ภาพ : สนข.)

"จากปัจจุบันที่การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มประเทศทางด้านมหาสมุทรอินเดียต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกผ่านช่องแคบมะละกา (สิงคโปร์) ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่อ้อมและมีระยะไกล การจราจรทางน้ำคับคั่ง จากข้อมูลปี 2561 ช่องแคบมะละกามีความหนาแน่นของปริมาณเรือสูงถึง 85,000 ลำ/ปี และในอีก 10 ปีข้างหน้าปริมาณเรือจะเพิ่มขึ้นกว่า 128,000 ลำ ซึ่งเกินกว่าความจุของช่องแคบมะละกาที่รองรับได้ 122,000 ลำต่อปี ก่อให้เกิดปัญหาการติดขัดและเสียเวลาในการเดินทาง

โครงการฯ ดำเนินการศึกษาภายใต้แนวคิดการพัฒนาสร้างท่าเรือชุมพร กำหนดให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัย โดยนำระบบออโตเมชันมาใช้เพื่อยกระดับท่าเรือสู่ Smart Port ส่วนแนวคิดการพัฒนาท่าเรือระนอง กำหนดให้เป็นท่าเรือสินค้าคอนเทนเนอร์และเป็นประตูการค้าฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือกลุ่มประเทศแถบเอเชียใต้ โดยมีขอบเขตการศึกษา ประกอบด้วย

1. ศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ การเงิน วิศวกรรม สังคม ของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เช่น ท่าเรือ รถไฟ ถนน เป็นต้น ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน

2. ออกแบบรายละเอียดเบื้องต้น และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน

3. จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน

4. วิเคราะห์จัดทำรูปแบบการพัฒนาและการลงทุน (Business Development Model) ของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เช่น ท่าเรือ รถไฟ ถนน เป็นต้น ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน สร้างความเข้าใจ พร้อมรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านตลอดระยะเวลาดำเนินงาน

นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้ศึกษาความเหมาะสมเพื่อบูรณาการการขนส่งทางท่อ ทางบก และทางราง เพื่อให้เชื่อมต่อกับ 2 ท่าเรืออย่างไร้รอยต่อ โดยศึกษาความเหมาะสมเพื่อพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) และรถไฟทางคู่ และการขนส่งทางท่อ โดยจะก่อสร้างคู่ขนานบนเส้นทางเดียวกันเพื่อลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินของภาคประชาชน

หลังการสัมมนาครั้งนี้ สนข.เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาโครงการฯ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุน (Market Sounding) และการลงพื้นที่เข้าสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อรวบรวมข้อมูลมาพัฒนาโครงการให้มีความสมบูรณ์ และเป็นประโยชน์ทั้งในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และในภาพการพัฒนาท้องถิ่นทุกระดับเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด" วิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการ สนข. กล่าวชี้แจงในการสัมมนาดังกล่าว


"ท่าเรือน้ำลึกอยู่ตรงนี้ไม่ได้" อ.ศักดิ์อนันต์

อ.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง นักวิชาการด้านระบบนิเวศปะการัง และระบบนิเวศทางทะเลของประเทศไทย และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โพสต์ให้ความเห็นเรื่องนี้ผ่านเฟส Sakanan Plathong เนื้อหาดังนี้

"สนข. จ้างบริษัทที่ปรึกษา ศึกษาสภาพพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดระนองเพื่อเสนอพื้นที่ที่มีศักยภาพการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกระนองแห่งใหม่ โดยมีแนวคิดที่จะหาพื้นที่ใกล้เคียงกับเส้นทางบกสายพะโต๊ะ ลงมาแยกราชกรูด จ. ระนอง เพื่อให้มีพื้นที่ราบแนวด้านหลังท่าเรือน้ำลึก เพื่อให้มีโอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล ตั้งแต่ปิโตรเลียม อุตสาหกรรมต่อเนื่อง การบรรจุหีบห่อ การแปรรูปต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณความสนใจของธุรกิจการเดินเรือ และนักพัฒนาต่างๆ ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด

คณะผู้ศึกษา จิ้มทางเลือกที่มีศักยภาพที่สุดไปบริเวณ อ่าวอ่าง เกาะสน ในพื้นที่ทางตอนล่างของอุยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง ซึ่งต้องสร้างถนนผ่านป่าชายเลนผืนใหญ่ และตัวท่าเรือคร่อมอยู่ระหว่างเกาะสน กลางอ่าวที่มีน้ำตื้น เป็นหาดเลน ที่เป็นแหล่งทรัพยากรชายฝั่งที่สำคัญ

เรื่องการเลือกท่าเรือน้ำลึกระนองแห่งนี้ เปิดตัวมาในเวลาไล่เลี่ยกับที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้ยื่นเอกสารบัญชีรายชื่อแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเข้าสู่ศูนย์มรดกโลก เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และศูนย์มรดกโลกรับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว

ผมให้ความเห็นว่า ท่าเรือจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ขอให้พิจารณาเลือกสถานที่ใหม่" อ.ศักดิ์อนันต์ ให้ความเห็น


(ภาพ : ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์)


กระทบอันดามันมรดกโลก

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักสิ่งแวดล้อมทางทะเลเจ้าของรางวัล Thailand Sustainability Shaper Award 2021 ให้ความเห็นเรื่องนี้ผ่านเฟสบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ในหลายประเด็นรวมถึง ความเป็นไปได้สูงที่จะกระทบต่อการยื่นขอมรดกโลกทะเลอันดามัน ผลกระทบต่อป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งเก็บกักคาร์บอนที่ดีที่สุดและสามารถนำรายได้เข้าประเทศในระยะยาวผ่านกลไกการค้าคาร์บอนที่เพิ่งตกลงชัดเจนในเวทีเจรจาโลกร้อนระดับโลก (COP24) ที่กลาสโกว์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา การสูญเสียศักยภาพสร้างรายได้ประเทศจากการท่องเที่ยว และย้ำถึงความไม่เหมาะสมของการเลือกพื้นที่ในเส้นทางที่สนข.มีแนวโน้มจะเลือกนี้

นอกจากนี้ ดร.ธรณ์ยังเตือนอีกว่า "อาจมีส่งผลให้โครงการแลนด์บริดจ์สะดุดได้" และชี้ทางออกว่า ควรมีการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment-SEA)

"ผมขอเก็บฝั่งชุมพรไว้ก่อน เพราะเท่าที่ดูยังไม่มีประเด็นเท่ากับฝั่งระนอง จุดสร้างท่าเรืออ่าวอ่างอยู่ท่ามกลางระบบนิเวศและเขตอนุรักษ์สำคัญ

ระนองเป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งบางช่วงเป็นป่าชายเลน เป็นเขต Biosphere และเขตอุทยานทางทะเล ตำแหน่งที่ตั้งของอ่าวอ่างอยู่รอยต่อระหว่างอุทยานหมู่เกาะระนองและอุทยานแหลมสน เป็นพื้นที่ป่าชายเลนขนาดใหญ่

อุทยานทั้งสองแห่งยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตมรดกโลกอันดามันที่ประเทศไทยเสนอต่อUNESCO ซึ่งได้รับและใส่อยู่ในกระบวนการเรียบร้อยแล้ว

การกำหนดท่าเรือน้ำลึกในเขตประชิด/อยู่ในอุทยานที่กำลังเสนอเป็นเขตมรดกโลก อาจเกิดข้อสงสัยในเรื่องความเหมาะสม เพราะเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการขนส่งน้ำมัน (อุบัติเหตุ) ตลอดจนการขยายพื้นที่ชายฝั่งเพื่อรองรับระบบโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง" ดร.ธรณ์ ให้ความเห็น


(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:07


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger