เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 31-05-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,408
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประฃาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวังและควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 2 มิ.ย. 65


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 3 ? 5 มิ.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย. 65 ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง สำหรับประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ตลอดช่วงไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2565) ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง โดยเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 2 มิ.ย. 65












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 31-05-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,408
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


'โลมา' ฝูงสุดท้ายใน 'ทะเลสาบสงขลา' ตอนที่ 1



หลายปีที่ผ่านมาเรื่องของ "โลมา" หรือ "ปลาโลมา" ที่เป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ที่มีแหล่งอาศัยอยู่ใน "ทะเลสาบสงขลา" ได้ถูกนักอนุรักษ์, องค์กรภาคประชาชนด้านสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานด้านการประมงในพื้นที่ของ จ.สงขลา และ "อ่าวไทยตอนล่าง" ออกมาแสดงความ "คิดเห็น" ด้วยความห่วงใยในเรื่องของโลมาที่มีข่าวการเสียชีวิตเกิดขึ้นบ่อย ๆ

ด้วยความ "วิตกกังวล" ว่า "โลมา" ฝูงสุดท้าย ในทะเลสาบสงขลาอาจจะต้อง "สูญพันธ์ุ" หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถที่จะปกป้องชีวิตของโลมาฝูงนี้ ให้พ้นจากความตายที่เกิดขึ้น

ในอดีตทะเลสาบสงขลาเป็น "ทะเลสาบ" ที่ได้ขึ้นชื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำและพืชทะเลที่เป็นอาหารของผู้คน และสัตว์น้ำ โดยเฉพาะ "โลมา" ซึ่งอาศัยอยู่ใน "ทะเลสาบตอนบน" ตั้งแต่ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา จนถึง "ทะเลน้อย" อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งในอดีตในทะเลสาบแห่งนี้จะมี "ฝูงโลมา" นับร้อย ๆ ตัว หากิน ออกลูกออกหลาน แพร่พันธุ์อย่างอิสระเสรีเพราะไม่ถูกรบกวนจากผู้มีอาชีพทำการประมง และมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์โดยไม่ต้องออกมา "หาอาหาร" นอกพื้นที่ของ "ทะเลสาบตอนใน"

แต่ ณ วันนี้ "ฝูงโลมา" ที่เคยมีอยู่นับร้อยตัว เหลือรอดมีชีวิตอยู่ นับในเดือนพฤษภาคม 2565 เพียง 14 ตัว เมื่อข่าวนี้มีการเผยแพร่ออกไป ยิ่งทำให้มีเสียงถามจากภาคประชาสังคม นักอนุรักษ์ และประชาชน กลุ่มที่มีความ "หวงแหน" การอยู่รอดของ "โลมา" ฝูงสุดท้าย ด้วยการตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพิทักษ์ฝูงโลมาฝูงสุดท้ายเพื่อไม่ให้ถึงกาลต้องสูญพันธุ์อย่างไรบ้าง นักวิชาการ "บางคน" ถึงกับตั้งคำถามต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า "จำเป็น" ที่จะต้องอพยพฝูงโลมาฝูงสุดท้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้หรือไม่

หน่วยงานราชการ ซึ่งมีหน้าที่ในการปกป้องและซ่อมสร้างให้เกิดความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ได้แก่ ?ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง? ซึ่ง ณ ขณะนี้มี นางสาวราตรี สุขสุวรรณ์ เป็นผู้อำนวยการ และมีที่ทำการอยู่ที่หมู่ 8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาซึ่งศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง มีนักวิชาการที่ทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบ วิจัยสิ่งมีชีวิตในชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง โดยเฉพาะกับเรื่องของ "โลมา" ฝูงสุดท้าย ที่เป็นประเด็นของความ "ห่วงใย" เพราะหวั่นว่าการที่ "โลมา" ฝูงสุดท้ายที่มีอยู่ต้องเสียชีวิตไปเรื่อย ๆ ปีละหลาย ๆ ตัว โอกาสที่คนรุ่นต่อไปของ จ.สงขลา จะได้เห็น "โลมา" เป็น ๆ ที่อวดโฉมอยู่ในทะเลสาบสงขลา อาจจะไม่มีอีกแล้ว

หนึ่งในนักวิชาการของศูนย์วิจัยแห่งนี้ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของวิกฤติของโลมาฝูงสุดท้าย ในทะเลสาบสงขลาว่าขณะนี้มี "โลมา" เหลืออยู่ 14 ตัว โดยตัวที่ 15 เพิ่งจะเสียชีวิตจากการที่มี "บาดแผล" ของการเข้าไป "ติดอวน" ของชาวประมงที่ทำประมงในพื้นที่ "ทะเลสาบตอนบน" ซึ่งเป็นที่อาศัยและหากินของปลาโลมาฝูงนี้

สาเหตุการเสียชีวิตของปลาโลมาในทะเลสาบสงขลา มาจากการป่วยไข้และการบาดเจ็บจากการออกหากิน และเข้าไปติดเครื่องมือการทำประมงของชาวประมงทำให้เกิดบาดแผลและบาดเจ็บจนเสียชีวิตในที่สุด รวมทั้งการ "เจ็บป่วย" จาก
สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจจะมาจากเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ

นอกจากการเฝ้าติดตามเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของโลมาฝูงนี้เพื่อให้ความปลอดภัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราทำอย่างเข้มข้นคือการขอความร่วมมือจากชาวประมงที่ ทำการประมงในพื้นที่ของ "ทะเลสาบสงขลา" ทั้งตอนบน และตอนล่าง ที่ "โลมา" อาจจะเข้ามาหากิน เพื่อให้ช่วยกันระวัดระวัง อย่าให้โลมาเข้ามาติดเครื่องมือประมง และหากมี "โลมา" ติดเครื่องมือประมง ต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการช่วยชีวิตของโลมา ที่เข้ามาติดอวนหรือเครื่องมือประมงอื่น ๆ

ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบอาชีพประมงในทะเลสาบสงขลา ได้ให้ความร่วมมือในการดูแลและอนุรักษ์ฝูงปลาโลมาฝูงนี้เป็นอย่างใด แต่ด้วยที่เขามีอาชีพในการทำประมงซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเขา ที่เราไม่สามารถขีดเส้น หรือบริเวณในการทำประมง และ ขณะเดียวกัน "โลมา" ก็ออกหากิน ในพื้นที่ของ "ทะเลสาบ" ที่เราไม่สามารถกำหนดพื้นที่ของการหากินได้เช่นกัน การที่จะบอกว่าต้องทำให้ปลาโลมาฝูงนี้ปลอดภัย 100% จากเครื่องมือการทำประมง จึงเป็นไปไม่ได้ สำคัญที่สุดคือการขอความร่วมมือจาก "ชาวประมง" เท่านั้น

และพบกัน "โลมา" ฝูงสุดท้ายใน "ทะเลสาบสงขลา" ตอนที่ 2 ซึ่งจะพูดถึงการเสนอให้มีการอพยพปลาโลมาฝูงสุดท้ายในทะเลสาบสงขลา ไปอาศัยยังท้องทะเลที่อื่น ๆ ว่าเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน พบกันวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2565


https://www.dailynews.co.th/articles/1088928/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 31-05-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,408
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ปลดปล่อยแบคทีเรียดื้อยาจากแอนตาร์กติกา


Photo by Photo by Cristian FUENTES VALENCIA / Universidad de Chile / AFP

นักวิทยาศาสตร์จากชิลีพบแบคทีเรียที่มียีนดื้อยาปฏิชีวนะในแอนตาร์กติกา
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อันเดรส มาร์โคเลตา นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชีลีซึ่งเป็นหัวหน้าในการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Science of the Total Environment ค้นพบแบคทีเรียที่มียีนดื้อยาในทวีปแอนตาร์กติกา และมีศักยภาพที่จะแพร่กระจายไปนอกพื้นที่ขั้วโลก

มาร์โคเลตากล่าวว่า "เรารู้ว่าดินในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ขั้วโลกที่ได้รับผลกระทบจากน้ำแข็งละลายมากที่สุด มีแบคทีเรียหลากหลายชนิด และบางชนิดก็มีแหล่งของยีนที่มีศักยภาพในการดื้อยาปฏิชีวนะ"

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิลีได้เก็บตัวอย่างหลายตัวอย่างจากคาบสมุทรแอนตาร์กติกตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2019

มาร์โคเลตาตั้งข้อสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีผลกระทบต่อการเกิดโรคติดเชื้อหรือไม่ โดยชี้ว่าหากยีนเหล่านี้แพร่ออกไป อาจส่งเสริมให้เกิดโรคติดเชื้อที่แพร่ระบาดอีก

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าแบคทีเรีย Pseudomonas ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มแบคทีเรียที่เด่นในคาบสมุทรแอนตาร์กติกไม่ก่อให้เกิดโรค แต่สามารถเป็นแหล่งของยีนดื้อยา ซึ่งไม่สามารถยับยั้งได้โดยสารฆ่าเชื้อทั่วไป อาทิ คอปเปอร์ คลอรีน หรือควอเทอร์นารีแอมโมเนียม

นอกจากนี้ยังได้มีการวิจัยแบคทีเรีย Polaromonas ซึ่งพบว่ามีศักยภาพในการยับยั้งยาปฏิชีวนะชนิด beta-lactam ซึ่งจำเป็นสำหรับการรักษาโรคติดเชื้อต่างๆ


https://www.posttoday.com/world/684474
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:41


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger