![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
หลังแผ่นดินไหวญี่ปุ่น 2024 นักวิทย์ฯ พบพื้นดินยกตัวสูงขึ้น 4 เมตร บนคาบสมุทรโนโตะ ที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่น ![]() หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.6 เขย่าจังหวัดอิชิคาวะ ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างความเสียหายกับอาคารบ้านเรือน และทำให้เกิดสึนามิสูง 6 เมตร ตามแนวทะเลญี่ปุ่น แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ยังทำให้พื้นดินยกตัวสูงถึงประมาณ 4 เมตร อีกด้วย สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมขั้นสูงแห่งชาติของญี่ปุ่น ได้มีการเผยผลการสำรวจและเก็บข้อมูลในเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวว่า จากการสำรวจพื้นที่บริเวณรอบท่าเรือคาอิโซะในเมืองวาจิมะ ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของคาบสมุทรโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะ ได้มีการค้นพบการเกิดพื้นดินยกตัวขึ้นประมาณ 4 เมตร เมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเลทั้งก่อนและหลังแผ่นดินไหว โดยระดับก่อนแผ่นดินไหวนั้นกำหนดขึ้นโดยใช้ตำแหน่งของหอยและหนอนทะเลที่ตรงกำแพงกันคลื่น และทีมนักวิทยาศาสตร์ยังได้พบการยกตัวสูง 3.6 เมตร ในแนวหินโสโครกที่บริเวณทางเหนือของท่าเรือคาอิโซะ ชิชิกูระ มาซาโนบุ หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งชาติระบุว่า การที่พื้นดินยกตัวขึ้น 4 เมตรถือเป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน โดยชี้ว่าคาบสมุทรโนโตะก่อตัวขึ้นจากปรากฏการณ์นี้ แต่ระดับเช่นนี้เกิดขึ้นแค่ครั้งหนึ่งในรอบหลายพันปี แผ่นดินไหวบริเวณจังหวัดอิชิคาวะ 2024 ครั้งนี้ มีความรุนแรงสูงสุดที่ระดับ 7 ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุด นับตั้งแต่แผ่นดินไหวที่จังหวัดฮกไกโด เมื่อปี 2018 โดยแผ่นดินไหวได้เกิดขึ้นที่บริเวณขอบทวีปทางตะวันออกของทะเลญี่ปุ่น ที่เป็นเขตมุดตัวการแปรสัณฐานระหว่าง แผ่นอามูร์กับแผ่นโอค็อตสค์ ขอบทวีปนี้เคลื่อนตัวมาบรรจบกัน โดย "แผ่นโอค็อตสค์" (Okhotsk Plate) เป็นแผ่นธรณีแปรสัณฐานขนาดเล็ก ครอบคลุมทะเลโอค็อตสค์ คาบสมุทรคัมชัตคา เกาะซาฮาลิน โทโฮกุ และฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่น และ "แผ่นอามูร์" (Amur Plate) เป็นแผ่นธรณีแปรสัณฐานขนาดเล็กที่อยู่ในซีกโลกเหนือด้านตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่แมนจูเรีย คาบสมุทรเกาหลี ทะเลเหลือง และดินแดนปรีมอร์สกี คาบสมุทรโนโตะ ศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหว เป็นคาบสมุทรในจังหวัดอิชิกาวะ ที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่นทางทิศเหนือ ประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับคาบสมุทรอื่นๆ ตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น https://mgronline.com/science/detail/9670000004213 ****************************************************************************************************** ปักหมุดเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี อาจโชคดี พบ "วาฬบรูด้า" ![]() สุราษฎร์ธานี - ปักหมุดเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี อาจโชคดี พบ "วาฬบรูด้า" โผล่อวดโฉม ล่าสุดรับแจ้งพบแล้ว 4 ตัว คาดมาเป็นฝูง ระบุสถิติที่ผ่านมามีการพบปีละ 4 - 6 ตัว กลายเป็นกระแสสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อมีการเผยแพร่คลิปพบวาฬบรูด้าโผล่อวดโฉมให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกาะท้ายเพราหนึ่งในหมู่เกาะอ่างทอง ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด จำนวน 2 ตัว คาดเป็นวาฬบรูด้า แม่ลูก นายสุทิน พรหมปลัด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เปิดเผยว่า ตามที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ได้พบ "วาฬบรูด้า" จำนวน 2 ตัว เข้ามาหากินในพื้นที่ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้รับแจ้งจากเรือนำเที่ยวว่า พบ "วาฬบรูด้า" เพิ่มอีกจำนวน 2 ตัว คาดว่าเป็นวาฬ แม่-ลูก ได้เข้ามาหากินบริเวณด้านทิศตะวันออกของเกาะท้ายเพลา เพื่อให้เด็ก ๆและ นักท่องเที่ยวชม จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของอุทยานฯ เผยว่า ช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม ของทุกปี จะ มีฝูงวาฬบรูด้า เข้ามาหากินในพื้นที่ฯ 1 - 2 ตัว เป็นประจำทุกปี แต่หลังปิดการท่องเที่ยวช่วงโควิดระบาด ทำให้ระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลฟื้นฟู จำนวนวาฬบรูด้า ที่เข้ามาในพื้นที่ก็เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2564 พบจำนวน 4 ตัว ปี 2565 จำนวน 6 ตัว และ ปี 2566 จำนวน 4 ตัว สำหรับในปีนี้ก็ต้องรอลุ้นว่าจะมีวาฬบรูด้าเข้ามาหากินและอวดโฉมให้เห็นกี่ตัวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ยังกล่าวว่า วาฬบรูด้า เป็นสัตว์ทะเล ที่หายากและว่ายเข้าหากินช่วงฤดูการท่องเที่ยว ดังนั้น ทางอุทยานฯ จึงประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำเที่ยว ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการชม "วาฬบรูด้า" เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนวิถีชีวิต และ พฤติกรรมการหากินของวาฬบรูด้าและสัตว์ทะเลหายากอื่น ๆ ในท้องทะเลอ่าวไทย https://mgronline.com/south/detail/9670000003831
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ประชาชนร้องเรียนมลพิษ กับ คพ. กว่า 9,000 เรื่อง ![]() นางปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. มีช่องทางรับแจ้งเรื่องร้องเรียนปัญหามลพิษหลายช่องทาง ได้แก่ สายด่วน 1650 แฟนเพจกรมควบคุมมลพิษ เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ จดหมาย/อีเมล หรือมาด้วยตนเอง ช่องทางที่นิยมมากที่สุด คือ สายด่วน 1650 คิดเป็นร้อยละ 50 ปี 2566 มีประชาชนแจ้งเรื่องร้องเรียนเข้ามา รวมทั้งหมด 9,218 เรื่อง ซึ่งถ้าเป็นกรณีเหตุรำคาญต่าง ๆ คพ. จะให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นแก่ผู้ร้องเรียน และแจ้งหน่วยงานท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ซึ่งมีจำนวน 8,043 เรื่อง อีก 1,175 เรื่อง คพ. เข้าดำเนินการเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารประเภทต่าง ๆ การเลี้ยงสุกร โดยเรื่องร้องเรียนที่ คพ. ดำเนินการ ได้รับการแก้ไขแล้ว 836 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 71 ที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามการแก้ไขปัญหา นางสาวปรีญาพร กล่าวว่า เรื่องที่ คพ. ดำเนินการ บางเรื่องมีปัญหาหลายประเด็น โดยปัญหามลพิษที่ได้รับการแจ้งร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กลิ่นเหม็น 807 เรื่อง (ร้อยละ 40) รองลงมา คือ ปัญหาฝุ่นละออง/เขม่าควัน 531 เรื่อง (ร้อยละ 26) เสียงดัง/เสียงรบกวน 297 เรื่อง (ร้อยละ 15) แหล่งที่มาของปัญหา ร้อยละ 39 หรือ 464 เรื่อง มาจากโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์จากพืชผลทางการเกษตร การหลอมหล่อโลหะ รองลงมาร้อยละ 29 หรือ 337 เรื่อง เป็นสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เพื่อให้การจัดการเรื่องร้องเรียนให้กับประชาชนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คพ. มีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินงานของกรม ซึ่งประชาชนต้องการให้ คพ. ติดตามการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงอย่างต่อเนื่อง คพ. จะนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชนต่อไป นางสาวปรีญาพร กล่าว https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_4377441
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|