![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ตรังเปิดปฎิบัติการระดมเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายรื้อถอนโป๊ะผิดกฎหมายกว่า 18 หลัง เปิดปฎิบัติการ! บูรณาการเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมายประเภทโป๊ะ 18 หลังในพื้นที่อำเภอปะเหลียนเพื่อป้องกัน ยับยั้ง ขจัดการทำการประมงผิดกฎหมาย ![]() วันนี้ (9 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ทะเลจังหวัดตรัง มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมายประเภทเครื่องมือโพงพางและโป๊ะในเขตพื้นที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ปฏิบัติการรื้อถอนฯ โดยการนำของนายณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอำเภอปะเหลียน (หัวหน้าชุดปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยภาคพื้นดิน) พร้อมด้วยคณะทำงานจากป้องกันจังหวัดตรัง ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง สถานีตำรวจภูธรปะเหลียน จังหวัดตรัง ชุดอาสารักษาดินแดน และนางพรรณี เดชภักดี ประมงจังหวัดตรัง (หัวหน้าชุดปฏิบัติการรื้อถอน) พร้อมด้วยคณะทำงานจากกองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 สำนักงานประมงจังหวัดตรัง และประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ร่วมคณะทำงานปฏิบัติในครั้งนี้จำนวน 100 นาย ในเวลา 08.30 น.คณะทำงานชุดปฏิบัติการรื้อถอนฯ ได้สนธิกำลังบูรณาการรื้อถอนเครื่องมือโพงพางและโป๊ะ ในเขตพื้นที่ทะเลอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง สำหรับเครื่องมือโพงพางเป็นเครื่องมือผิดกฏหมายที่ห้ามใช้หรือมีไว้ในครอบครองตามมาตรา 67(1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 และเครื่องมือโป๊ะ เป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ตามประกาศคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดตรัง เรื่อง ห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางประเภท หรือวิธีการทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่งของจังหวัดตรัง พ.ศ. 2566 โดยปฏิบัติการได้เริ่มออกจากท่าเทียบเรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง และได้มีการรื้อถอนเครื่องมือประเภทโป๊ะ จำนวน 18 หลัง ซึ่งจะดำเนินการรื้อถอนจนกว่าจะแล้วเสร็จ ปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ทะเล จังหวัดตรัง เป็นการป้องกัน ยับยั้ง ขจัดการทำการประมงผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดการอนุรักษ์และการบริหารจัดการแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยังยืน อีกทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องมือผิดกฎหมายเหล่านี้ต่อไป https://www.naewna.com/local/827960
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
'มนพร' สั่งเจ้าท่าเร่งเครื่อง 4 โปรเจกต์ 'ท่าเรือวงแหวนอันดามัน' วงเงิน 740 ล้านบาท ![]() 'มนพร' สั่งเจ้าท่าเร่งเครื่อง 4 โปรเจกต์ 'ท่าเรือวงแหวนอันดามัน' วงเงิน 740 ล้านบาท ประเดิมสร้างปีนี้ 2 แห่ง?ท่าเรือมาเนาะห์-ช่องหลาด?เชื่อมคมนาคมทางน้ำ 3 จังหวัด?ภูเก็ต-พังงา-กระบี่? ร่นเวลาเดินทาง 1 ชม. ครึ่ง รองรับการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศ 9 กันยายน 2567 นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า เร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือวงแหวนอันดามัน เนื่องจากพื้นที่ชายฝั่งทะเล บริเวณสามเหลี่ยมอันดามัน มีพื้นที่เชื่อมต่อชายฝั่ง จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ เพื่อสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารทางน้ำและการเดินทางท่องเที่ยว ยังไม่มีท่าเรือที่สมบูรณ์เหมาะสมกับการรองรับเรือในสภาพปัจจุบันและที่กำลังจะพัฒนาในอนาคต และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่ สำหรับการขนส่งรถยนต์และผู้โดยสาร รวมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยการเชื่อมโยงข้ามระหว่างอ่าวจาก จังหวัดภูเก็ตไปยังจังหวัดกระบี่ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา จำเป็นต้องพัฒนาท่าเรือที่อ่าวปอ จังหวัดภูเก็ต ท่าเรือท่าเลน จังหวัดกระบี่ และท่าเรือมาเนาะห์ ท่าเรือช่องหลาด จังหวัดพังงา สนับสนุนการเดินทางทางน้ำที่จะลดเวลาการเดินทางและการท่องเที่ยวทางน้ำ เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางทางบกจากสนามบินกระบี่ไปสนามบินภูเก็ต ระยะทาง 145 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที "แต่ถ้ามีการเดินทางทางน้ำตามเส้นทางเดินเรือในอนาคตท่าเทียบเรือมาเนาะห์ จังหวัดพังงา - ท่าเทียบเรือช่องหลาด จังหวัดพังงา - ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่อ่าวปอ จังหวัดภูเก็ต - ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ท่าเลน จังหวัดกระบี่ ระยะทาง 97 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าการเดินทางทางบก ประหยัดเวลาได้ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่สำคัญยังช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำและเมืองรองให้สามารถเข้าถึงและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย" นางมนพร กล่าว ด้านนายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือวงแหวนอันดามัน จำนวน 4 โครงการ งบประมาณรวม 740 ล้านบาทนั้น กรมเจ้าท่าได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2567 จำนวน 360 ล้านบาท เพื่อดำเนิน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือมาเนาะห์ ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา งบประมาณ 175 ล้านบาท (งบผูกพัน 3 ปี ปี 2567 - 2569) และ 2.ก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือช่องหลาด ตำบลเกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา งบประมาณ 185 ล้านบาท (งบผูกพัน 3 ปี ปี 2567 - 2569) ซึ่งสถานะทั้ง 2 โครงการ อยู่ระหว่างหาจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าเริ่มก่อสร้างในปี 2567 แล้วเสร็จในปี 2569 ระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน สำหรับท่าเรือทั้ง 2 แห่ง เดิมเป็นท่าเรือคอนกรีตเสริมเหล็ก มีสะพานท่าเรือ หน้าท่าเรือยาว มีบันไดขึ้นลงเรือ ค่อนข้างแคบ ไม่มีหลักผูกเรือ ไม่มียางกันกระแทก ท่าเรือเก่า ชำรุดทรุดโทรม ความปลอดภัยในการใช้งานต่ำ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงก่อสร้างท่าเรือใหม่ อาทิ อาคารบริการ - ที่พักนักท่องเที่ยว รองรับเรือบรรทุกสินค้า ผู้โดยสาร เรือเร็ว เรือหางยาว พื้นที่จอดเรือ ลานจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งการนำงานออกแบบสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นมาใช้ เพื่อให้เกิดความสวยงาม และสื่อถึงอัตลักษณ์ในแต่ละพื้นที่อีกด้วย ขณะเดียวกันอีก 2 โครงการ งบประมาณ 380 ล้านบาท ได้แก่ 1.ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวปอ จังหวัดภูเก็ต งบประมาณ 280 ล้านบาท และ 2.ท่าเรือเฟอร์รี่ท่าเลน จังหวัดกระบี่ งบประมาณ 120 ล้านบาท กรมเจ้าท่าได้ขอจัดตั้งงบประมาณในปี 2568 เพื่อดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 ระยะเวลา 900 วัน ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จทั้งหมดจะช่วยยกระดับมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือ ส่งเสริมการเดินทาง ขนส่งทางน้ำให้มีความสะดวกปลอดภัย และสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ เกิดการเชื่อมโยงการเดินทางทางน้ำเป็นวงแหวนเชื่อมระหว่าง จ.ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ (วงแหวนอันดามัน) ลดระยะเวลาการเดินทางเมื่อเปรียบเทียบกับทางถนนลงได้ ก่อให้เกิดการขนส่งรถยนต์ผ่านทางเรือวิ่งตัดอ่าวพังงา สร้างรูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ กระตุ้นเศรษฐกิจและภาคธุรกิจการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน https://www.naewna.com/business/827913
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
เติมพลังชีวิต ที่เกาะรอก ราชินีแห่งอันดามัน สวรรค์นักดำน้ำ 9 ก.ย.67 - สักครั้งในชีวิต เติมพลังกับความสวยงามของ "เกาะรอก" อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา "ราชินีแห่งอันดามัน สวรรค์ของนักดำน้ำ" ![]() ถือฤกษ์ดี วันที่ 9 เดือน 9 นี้ พาเพื่อนๆ มาเติมพลังชีวิตกับความสวยงามของ "เกาะรอก" อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา : ราชินีแห่งอันดามัน สวรรค์ของนักดำน้ำ โดยข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช บอกว่า "เกาะรอก" อยู่ในพื่นที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งอันดามัน" เกาะรอกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล ประกอบด้วย 2 เกาะ คือ เกาะรอกใน และเกาะรอกนอก ด้านที่หันหน้าเข้าหากันเป็นหาดทราย คั่นด้วยร่องน้ำทะเลตื้น ๆ ระยะห่างของเกาะประมาณ 250 เมตร ????จุดเด่นของหมู่เกาะรอก คือ มีแนวปะการังรอบเกาะและตามร่องน้ำ มีดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนอาศัยอยู่มากมาย บริเวณที่ลึกยังพบปะการังอ่อน เกาะรอกจึงเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น หากอยากไปเยือน "เกาะรอก" ราชินีแห่งอันดามัน สามารถสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา หมายเลขโทรศัพท์ 075-656-576 ขอบคุณภาพ และข้อมูล : ส่วนอุทยานแห่งชาติ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช / อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา - Mu Ko Lanta National Park https://www.mcot.net/view/zw1xyU6p
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
เผยแนวคิด "ถมทะเลบางขุนเทียน - สร้าง 9 เกาะ" ป้องกันน้ำทะเลท่วมกรุงเทพ SHORT CUT - วิกฤติโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งละลาย และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น กำลังจะทำให้เกิดน้ำทะเลท่วมหลายเมืองทั่วโลก - นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เผยแนวคิดที่จะถมทะเลบาางขุนเทียน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลท่วมกรุงเทพในอนาคต - โครงการดังกล่าวต้องใช้เวลาศึกษาและงบประมาณจำนวนมาก แต่เชื่อว่าจะได้ใช้ประโยชน์ที่คุ้มค่าทั้งด้านเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ![]() จะทำอย่างไร เมื่อ 'กรุงเทพ' ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกคาดการณ์ว่า 'กำลังจะจมลงใต้น้ำ' เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน มาทำความรู้จักกับแนวคิด 'ถมทะเล - สร้างเกาะ' ที่เชื่อว่าจะป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพได้ในอนาคต นี่เป็นแนวคิดที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง โดยระบุว่าเป็นโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์สำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับป้องกันกรุงเทพ ต่อมา นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาขยายความแนวคิดดังกล่าว ระบุว่ามีความจำเป็นที่ต้องเร่งผลักดัน เพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีการวางแผนและศึกษาไว้นานแล้ว เบื้องต้นมีการประเมินว่า น้ำแข็งที่ละลายจากภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้น้ำทะเลในอ่าวไทยสูงขึ้นมากถึง 5 ? 6 เมตร และท่วมเข้ามาในพื้นที่ลุ่มภาคกลางได้ถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร หมายความว่าพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพพและอีกหลายจังหวัดจะหายไป จึงวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมได้ ดังนี้ แนวทางการป้องกันน้ำท่วม - สร้างพนังกั้นน้ำ และอุดรอยรั่วเขื่อนกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง - ยกถนนให้สูงขึ้น เช่น ถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท พร้อมทั้งทำประตูน้ำในคลองสำคัญที่มีทางออกสู่ทะเล - สร้างเขื่อนในทะเล ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณมหาศาล ดังนั้นจึงมีอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ "ถมทะเล สร้างเกาะ" โดยจะสร้างเกาะขึ้นมาประมาณ 9 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ทะเลช่วงจังหวัดสมุทรสงคราม ไปถึงจังหวัดชลบุรี ระยะทางประมาณ 100-150 กิโลเมตร ตั้งชื่อไว้เบื้องต้นว่า "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" เพราะแต่ละเกาะจะมีลักษณะเหมือนไข่มุกร้อยกันเป็นเส้น มีประตูกั้นน้ำเชื่อมระหว่างกัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วย ซึ่งแนวคิดนี้ในปัจจุบันถูกใช้ในหลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น แต่ละเกาะจะเชื่อมต่อกันด้วยถนนและรถไฟฟ้า เพื่อให้สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ตั้งแต่จังหวัดสมุทรสงครามถึงชลบุรี โดยเกาะแรกคาดว่าจะสร้างบริเวณบางขุนเทียน โดยมีพื้นที่ประมาณ 5x10 ตารางกิโลเมตร หรือ มีขนาดของเกาะ 50 ตารางกิโลเมตร ความยาวตามชายฝั่ง 10 กิโลเมตร "นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจที่จะทำให้เกาะเป็นพื้นที่สีเขียว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่ง ซึ่งต้องมีระยะห่างระหว่างชายฝั่งและเเกาะที่เหมาะสม รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิศวกรรม" ประโยชน์ของการสร้างเกาะ เมื่อสร้างเกาะแล้วก็จะวางแผนการใช้พื้นที่เพื่อการพัฒนา เช่น ใช้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าแทนท่าเรือเดิมที่มีอยู่, เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมประมง, เป็นท่าเทียบเรือยอร์ช หรืออาจจะใช้เกาะที่อยู่ใกล้กับชลบุรีเพื่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ก็ได้เช่นกัน โดยรัฐบาลจะหยิบยกแนวคิดนี้ไปเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อพิจารณาแนวคิดที่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งต้องใช้องค์ความรู้ต่างๆทั้งทางวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมทางทะเล และวิศวกรรมสมุทร คาดว่าต้องใช้เวลานานหลายสิบปี เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติด้วย ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/852645
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#5
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเจอพายุและไต้ฝุ่นมากขึ้นในแต่ละปีมากกว่าแถบอื่น SHORT CUT - Earth Observatory ของนาซาเผยว่า มหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกจะเจอพายุและไต้ฝุ่นในแต่ละปีมากกว่าแถบอื่น - ยกตัวอย่างเช่น เปิดฤดูพายุ 2024 ก็เจอกับไต้ฝุ่นรุนแรงแล้วถึงสองลูก - กองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อมชี้ว่า อุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น ทำให้พายุรุนแรงขึ้น ![]() Nasa เผยว่า เราจะเจอพายุและไต้ฝุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกที่จะเจอพายุมากกว่าแถบอื่น เป็นผลมาจากอุณหภูมิมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น เว็บไซต์ศูนย์ Earth Observatory ของนาซารายงานว่า มหาสมุทรแปซิกด้านตะวันตกเผชิญกับพายุและไต้ฝุ่นที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี มากกว่ามหาสมุทรแถบอื่น โดยเพิ่งเริ่มต้นฤดูไต้ฝุ่นมาก็เจอพายุไต้ฝุ่นรุนแรงแล้วถึงสองลูกด้วยกัน สำหรับประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกก็ได้แก่ ประเทศในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ เช่น บรูไน กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ฤดูไต้ฝุ่นปี 2024 ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเฉียงเหนือกำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ โดยหลังจากที่ไต้ฝุ่นชานชานเพิ่งจะพัดเข้าถล่มทางตอนใต้ของญี่ปุ่นไปได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ไต้ฝุ่นยางิก็กำลังเข้าพัดถล่มทางตอนใต้ของจีนอยู่ในเวลานี้ โดยพายุดังกล่าวเริ่มก่อตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะปาเลาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และเข้าถล่มเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา อิทธิพลของพายุทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม หลังจากนั้น พายุก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะเคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้ เพราะมันได้เจอกับน้ำในมหาสมุทรที่อุ่นผิดปกติและสภาพอากาศที่เป็นใจ รายงานของกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อมชี้ว่า มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้แก่พายุ การระเหยที่รุนแรงขึ้นเพราะอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นสาเหตุที่นำเอาความร้อนจากมหาสมุทรขึ้นสู่อากาศ โดยเฉพาะเมื่อพายุเคลื่อนตัวผ่านมหาสมุทรที่มีความอบอุ่น มันก็จะดูดเอาไอน้ำและความร้อนเข้าไป เมื่อพายุมีความรุนแรงมากขึ้น ก็หมายความว่า จะทำให้เกิดลมกระโชกแรงขึ้น ฝนตกหนักขึ้น และน้ำท่วมรุนแรงขึ้นนั่นเอง เมื่อตอนที่ไต้ฝุ่นชานชานพัดถล่มญี่ปุ่น โคสุเกะ อิโตะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศสุดขั้วจากมหาวิทยาลัยเกียวโตและมหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮาม่ากล่าวว่า "ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิบนพื้นผิวมหาสมุทรสูงขึ้น เมื่อไต้ฝุ่นได้รับไอที่ระเหยที่ลอยขึ้นมาจากมหาสมุทรที่อุ่น ยิ่งอุณหภูมิมหาสมุทรสูงขึ้นแค่ไหน พายุไต้ฝุ่นก็ จะยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น" แต่อย่างไรก็ตาม โคสุเกะย้ำว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ขุนให้ไต้ฝุ่นชานชานรุนแรงขึ้น เพราะความกดอากาศที่ศูนย์กลาง และความเร็วของไต้ฝุ่นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่หนึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือภาวะโลกร้อนเป็นผลให้ฝนตกมากขึ้น เมื่อเกิดไต้ฝุ่น ที่มาข้อมูล ; Earth Observatory / Environmental Defense Fund https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852651
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|