![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
เผยแนวคิด "ถมทะเลบางขุนเทียน - สร้าง 9 เกาะ" ป้องกันน้ำทะเลท่วมกรุงเทพ SHORT CUT - วิกฤติโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งละลาย และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น กำลังจะทำให้เกิดน้ำทะเลท่วมหลายเมืองทั่วโลก - นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เผยแนวคิดที่จะถมทะเลบาางขุนเทียน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลท่วมกรุงเทพในอนาคต - โครงการดังกล่าวต้องใช้เวลาศึกษาและงบประมาณจำนวนมาก แต่เชื่อว่าจะได้ใช้ประโยชน์ที่คุ้มค่าทั้งด้านเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ![]() จะทำอย่างไร เมื่อ 'กรุงเทพ' ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกคาดการณ์ว่า 'กำลังจะจมลงใต้น้ำ' เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน มาทำความรู้จักกับแนวคิด 'ถมทะเล - สร้างเกาะ' ที่เชื่อว่าจะป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพได้ในอนาคต นี่เป็นแนวคิดที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง โดยระบุว่าเป็นโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์สำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับป้องกันกรุงเทพ ต่อมา นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาขยายความแนวคิดดังกล่าว ระบุว่ามีความจำเป็นที่ต้องเร่งผลักดัน เพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีการวางแผนและศึกษาไว้นานแล้ว เบื้องต้นมีการประเมินว่า น้ำแข็งที่ละลายจากภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้น้ำทะเลในอ่าวไทยสูงขึ้นมากถึง 5 ? 6 เมตร และท่วมเข้ามาในพื้นที่ลุ่มภาคกลางได้ถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร หมายความว่าพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพพและอีกหลายจังหวัดจะหายไป จึงวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมได้ ดังนี้ แนวทางการป้องกันน้ำท่วม - สร้างพนังกั้นน้ำ และอุดรอยรั่วเขื่อนกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง - ยกถนนให้สูงขึ้น เช่น ถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท พร้อมทั้งทำประตูน้ำในคลองสำคัญที่มีทางออกสู่ทะเล - สร้างเขื่อนในทะเล ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณมหาศาล ดังนั้นจึงมีอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ "ถมทะเล สร้างเกาะ" โดยจะสร้างเกาะขึ้นมาประมาณ 9 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ทะเลช่วงจังหวัดสมุทรสงคราม ไปถึงจังหวัดชลบุรี ระยะทางประมาณ 100-150 กิโลเมตร ตั้งชื่อไว้เบื้องต้นว่า "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" เพราะแต่ละเกาะจะมีลักษณะเหมือนไข่มุกร้อยกันเป็นเส้น มีประตูกั้นน้ำเชื่อมระหว่างกัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วย ซึ่งแนวคิดนี้ในปัจจุบันถูกใช้ในหลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น แต่ละเกาะจะเชื่อมต่อกันด้วยถนนและรถไฟฟ้า เพื่อให้สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ตั้งแต่จังหวัดสมุทรสงครามถึงชลบุรี โดยเกาะแรกคาดว่าจะสร้างบริเวณบางขุนเทียน โดยมีพื้นที่ประมาณ 5x10 ตารางกิโลเมตร หรือ มีขนาดของเกาะ 50 ตารางกิโลเมตร ความยาวตามชายฝั่ง 10 กิโลเมตร "นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจที่จะทำให้เกาะเป็นพื้นที่สีเขียว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่ง ซึ่งต้องมีระยะห่างระหว่างชายฝั่งและเเกาะที่เหมาะสม รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิศวกรรม" ประโยชน์ของการสร้างเกาะ เมื่อสร้างเกาะแล้วก็จะวางแผนการใช้พื้นที่เพื่อการพัฒนา เช่น ใช้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าแทนท่าเรือเดิมที่มีอยู่, เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมประมง, เป็นท่าเทียบเรือยอร์ช หรืออาจจะใช้เกาะที่อยู่ใกล้กับชลบุรีเพื่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ก็ได้เช่นกัน โดยรัฐบาลจะหยิบยกแนวคิดนี้ไปเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อพิจารณาแนวคิดที่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งต้องใช้องค์ความรู้ต่างๆทั้งทางวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมทางทะเล และวิศวกรรมสมุทร คาดว่าต้องใช้เวลานานหลายสิบปี เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติด้วย ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/852645
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเจอพายุและไต้ฝุ่นมากขึ้นในแต่ละปีมากกว่าแถบอื่น SHORT CUT - Earth Observatory ของนาซาเผยว่า มหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกจะเจอพายุและไต้ฝุ่นในแต่ละปีมากกว่าแถบอื่น - ยกตัวอย่างเช่น เปิดฤดูพายุ 2024 ก็เจอกับไต้ฝุ่นรุนแรงแล้วถึงสองลูก - กองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อมชี้ว่า อุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น ทำให้พายุรุนแรงขึ้น ![]() Nasa เผยว่า เราจะเจอพายุและไต้ฝุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกที่จะเจอพายุมากกว่าแถบอื่น เป็นผลมาจากอุณหภูมิมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น เว็บไซต์ศูนย์ Earth Observatory ของนาซารายงานว่า มหาสมุทรแปซิกด้านตะวันตกเผชิญกับพายุและไต้ฝุ่นที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี มากกว่ามหาสมุทรแถบอื่น โดยเพิ่งเริ่มต้นฤดูไต้ฝุ่นมาก็เจอพายุไต้ฝุ่นรุนแรงแล้วถึงสองลูกด้วยกัน สำหรับประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกก็ได้แก่ ประเทศในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ เช่น บรูไน กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ฤดูไต้ฝุ่นปี 2024 ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเฉียงเหนือกำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ โดยหลังจากที่ไต้ฝุ่นชานชานเพิ่งจะพัดเข้าถล่มทางตอนใต้ของญี่ปุ่นไปได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ไต้ฝุ่นยางิก็กำลังเข้าพัดถล่มทางตอนใต้ของจีนอยู่ในเวลานี้ โดยพายุดังกล่าวเริ่มก่อตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะปาเลาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และเข้าถล่มเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา อิทธิพลของพายุทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม หลังจากนั้น พายุก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะเคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้ เพราะมันได้เจอกับน้ำในมหาสมุทรที่อุ่นผิดปกติและสภาพอากาศที่เป็นใจ รายงานของกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อมชี้ว่า มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้แก่พายุ การระเหยที่รุนแรงขึ้นเพราะอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นสาเหตุที่นำเอาความร้อนจากมหาสมุทรขึ้นสู่อากาศ โดยเฉพาะเมื่อพายุเคลื่อนตัวผ่านมหาสมุทรที่มีความอบอุ่น มันก็จะดูดเอาไอน้ำและความร้อนเข้าไป เมื่อพายุมีความรุนแรงมากขึ้น ก็หมายความว่า จะทำให้เกิดลมกระโชกแรงขึ้น ฝนตกหนักขึ้น และน้ำท่วมรุนแรงขึ้นนั่นเอง เมื่อตอนที่ไต้ฝุ่นชานชานพัดถล่มญี่ปุ่น โคสุเกะ อิโตะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศสุดขั้วจากมหาวิทยาลัยเกียวโตและมหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮาม่ากล่าวว่า "ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิบนพื้นผิวมหาสมุทรสูงขึ้น เมื่อไต้ฝุ่นได้รับไอที่ระเหยที่ลอยขึ้นมาจากมหาสมุทรที่อุ่น ยิ่งอุณหภูมิมหาสมุทรสูงขึ้นแค่ไหน พายุไต้ฝุ่นก็ จะยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น" แต่อย่างไรก็ตาม โคสุเกะย้ำว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ขุนให้ไต้ฝุ่นชานชานรุนแรงขึ้น เพราะความกดอากาศที่ศูนย์กลาง และความเร็วของไต้ฝุ่นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่หนึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือภาวะโลกร้อนเป็นผลให้ฝนตกมากขึ้น เมื่อเกิดไต้ฝุ่น ที่มาข้อมูล ; Earth Observatory / Environmental Defense Fund https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852651
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|