![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ก.เกษตรขยายพื้นที่สร้างปะการังเทียมปีหน้ากว่า 23 แห่ง กระทรวงเกษตรฯ ประเมินผลการสร้างแหล่งปะการังเทียมเป็นไปตามเป้า พร้อมเตรียมแผนขยายพื้นที่สร้างปะการังเทียมปี 53 กว่า 23 แห่งทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและแหล่งประมง เพิ่มมากขึ้น นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดวางปะการังเทียมว่า ในปีนี้ กรมประมงได้รับจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดสร้างปะการังเทียม 20 แห่ง จำนวน 77 ล้านบาท แบ่งเป็นแหล่งการจัดสร้างในพื้นที่ขนาดเล็ก จำนวน 19 แห่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดตราด จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ฝั่งอ่าวไทยยังคงเหลือเพียงที่จังหวัดตราด และจันทบุรี ส่วนสตูล กระบี่ ตรัง ฝั่งทะเลอันดามัน ที่ต้องรอให้มรสุมหยุดก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจัดวางได้แล้วเสร็จไม่เกินมกราคมปีหน้า ทั้งนี้จากผลการจัดสร้างปะการังเทียมที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปี 2552 มีการจัดสร้างปะการังเทียมทั้งหมด 362 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ยังผลให้บริเวณที่ไปจัดสร้างปะการังเทียมมีจำนวนทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ขึ้น สัตว์น้ำบางชนิดที่หายากก็กลับมีการพบเพิ่มมากขึ้น เช่น ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ปลาช่อนทะเล ปลาผีเสื้อเทวรูป ปลาจะละเม็ดเทา ปลาดุกทะเล และปลาตะลุมพุก ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ชาวประมงไม่ว่าจะสามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องออกทะเลไปไกลทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการบริหารจัดการการทำการประมงโดยช่วยป้องกันเรือที่มี ศักยภาพในการทำประมงสูงไม่ให้เข้ามาทำการประมงใกล้ฝั่ง เพื่อป้องกันการเสื่อมโทรมของทรัพยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ในปีหน้า ได้มอบหมายให้กรมประมงจัดสร้างปะการังเทียมอีก 23 แห่ง เป็นปะการังเทียมขนาดเล็กทั้งหมด โดยมีแผนจัดวางใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 14 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้เร่งให้มีการจัดสร้างปะการังเทียม แก่ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และนราธิวาส โดยใช้วัสดุเหลือใช้ ได้แก่ ตู้รถไฟ และรถขนขยะตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งกรมประมงได้เคยดำเนินการมาแล้วในปี 2544 โดยในปีนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนตู้รถไฟเก่า 59 ตู้ และรถขนขยะที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจำนวน 200 คัน เพื่อนำไปจัดวางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดสามารถจัดวางปะการังเทียมได้ดี รวมทั้งเป็นแหล่งประมงที่มีฝูงปลาผ่านจึงเหมาะสมในการฟื้นฟูให้เป็นแหล่ง ประมงที่ดีมากยิ่งขึ้นต่อไป จาก : ข่าว อสมท. MCOT News วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ตามรอยแม่ดูแลทะเลไทย ปลูก 'ปะการังเทียม' รักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยเพราะทะเลเป็นทรัพยากรธรรม ชาติที่มีความสำคัญ ก่อเกิดประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมายทั้งการประมง การคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม รวมทั้งด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ในความสมบูรณ์ของท้องทะเลยังมีความหมายต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ น้อยใหญ่ สิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำ อีกทั้งยังก่อเกิดภูมิปัญญาอาชีพของคนในท้องถิ่นกับธรรมชาติได้อยู่ร่วมกัน อย่างยั่งยืน การร่วมใจกันดูแลอนุรักษ์ฟื้นฟูชายฝั่งทะเล รักษาสภาพธรรมชาติให้คงอยู่จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายความสำคัญ จากพระราชดำริสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีความห่วง ใยท้องทะเลไทย การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลที่ผ่านมาหลายหน่วยงานภาครัฐ เอกชนได้ผสานความร่วมมืออย่างจริงจัง ตามรอยแม่ดูแลทะเลไทย เหล็กไทยร่วมใจรักษ์ สิ่งแวดล้อม ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างสรรค์ประโยชน์ ให้กับธรรมชาติ โดย สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยและภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ ได้ร่วมใจกันคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล ปลูกปะการังโดยใช้เหล็กวัสดุจากภาคอุตสาหกรรมให้เกิดประโยชน์จัดทำโครงสร้าง ปลูกปะการังศึกษาวิจัยและจัดทำที่อยู่อาศัยสัตว์ทะเล ขึ้น ณ หาดสังวาลย์ เกาะล้าน จ.ชลบุรี การปลูกปะการังเทียมด้วยโครงเหล็กเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูชายฝั่งทะเลไทยทด แทนสภาพระบบนิเวศใต้ทะเลที่ถูกทำลาย สร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลและเป็นแหล่งอนุบาลปะการังเทียม ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความรู้ว่า การปลูกปะการังครั้งนี้ปลูกบนโครงซึ่งการใช้วัสดุจากอุตสาหกรรมเหล็กจัดทำ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลพัฒนาแหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ให้กับทะเลนั้นเมื่อเวลาผ่านไปปะการังจะเติบโต ขณะที่โครงเหล็กจะผุกร่อนหักลงปะการังก็จะหลุดมารวมกันเหมือนการเกิดตาม ธรรมชาติ วัสดุเหล็กจะถูกกัดกร่อนย่อยสลายไปตามธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางทะเล “ประเทศเรามีแนวปะการังอยู่ไม่น้อยและมีการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังในรูป แบบต่าง ๆ ทั้งในการท่องเที่ยว แหล่งประมง ฯลฯ อีกทั้งในประโยชน์ที่มองไม่เห็นของแนวปะการังซึ่งมีลักษณะเป็นเขื่อน ถ้าไม่มีแนวปะการังคลื่นจะซัดเข้าชนชายหาด กัดเซาะแนวชายฝั่ง แนวปะการังจึงมีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม” การจัดการปะการังที่มีทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟู ในแนวคิดการอนุรักษ์นั้นมีความสำคัญเป็นอันดับต้น ขณะเดียวกันการฟื้นฟูเป็นสิ่งที่ตามมาซึ่งบางครั้งการฟื้นฟูเป็นสิ่งที่จำ เป็น เพราะสามารถช่วยเหลือแนวปะการังบางรูปแบบบางอย่างได้ แต่อย่างไรก็ตามในรูปแบบการช่วยเหลือจะต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ศึกษารูปแบบการช่วยเหลือที่เหมาะสม เพราะแนวปะการังเป็นระบบนิเวศที่เก่าแก่และมีความสำคัญ ในส่วนของกิจกรรม ครั้งนี้ เหล็กที่นำมาจัดทำที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลจัดทำโครงสร้างปลูกปะการังแบ่ง เป็น Coral Ball (ปูนซีเมนต์เสริมเหล็ก) เป็นการนำปะการัง หรือปะการังที่แตกหักโดยธรรมชาติมาปลูกเลี้ยงในกระถางดินเผา ขณะที่รูปแบบ โครงเหล็กแบบสี่เหลี่ยม กับแบบเส้นตรง เป็นการนำปะการัง หรือปะการังที่แตกหักโดยธรรมชาติ ผูกติดกับโครงสร้างเหล็กซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปปะการังจะเติบโตมีน้ำหนักมาก ขึ้น โครงเหล็กจะผุกร่อนหักลงปะการังก็จะหลุดออกมารวมตัวกันเหมือนกับการเกิดตาม ธรรมชาติ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่ง โครงเหล็กรูปทรงลูกบาศก์ เป็นวิธีการห้อยวัสดุล่อตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ปะการัง หอย ฯลฯ ให้มาเกาะยึดกับวัสดุสร้างเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อน และช่วยดึงดูดสัตว์น้ำให้มา อยู่อาศัย ในโครงสร้างเหล็กจัดทำแปลงอนุบาลปะการังที่ด้านบนของโครงสร้างเหล็ก โดยจะทำการอนุบาลประมาณ 4-6 เดือน แล้วจึงย้ายไปทำการปลูกในโครงสร้างปูนซีเมนต์เสริมเหล็กในแบบแรกและแบบที่ สอง นอกเหนือจากการศึกษาวิจัยสร้างบ้านให้กับ ปะการังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในท้องทะเลที่มีความหมายต่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูทะเล ไทยแล้ว กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการปลูกใจ สร้างการมีส่วนร่วม แรงร่วมใจกันดูแลทะเลไทยซึ่งมีการจัดทำค่ายนำนิสิตชั้นปีที่ 1-4 นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงานร่วมกับคนในพื้นที่เกาะล้าน ปูนซีเมนต์เสริมเหล็กทรงกลมคล้ายลูกฟุตบอลตัดครึ่งน้ำหนักไม่น้อยซึ่งนิสิต ชายหลายคนกำลังช่วยกันนำลงสู่ทะเล ปิยะวัฒน์ สุจิรชาโต นิสิตปริญญาโทที่กำลังศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าว หนึ่งในพี่เลี้ยงเล่าถึงความสำคัญของแนวปะการังว่า ธรรมชาติ ของปะการังจริง ๆ แล้วจะสามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเองแต่อาจจะช้า การที่มีโครงการอาจช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปได้เร็วขึ้นซึ่งถ้าเราช่วยกัน ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติไม่ทำลายปะการัง ไม่ทิ้งขยะลงทะเล ไม่เก็บปะการังกลับมา ฯลฯ เหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยธรรมชาติพิทักษ์ท้องทะเลให้คงความอุดมสมบูรณ์ และเมื่อเป็นอย่างนั้นการปลูกปะการังลักษณะนี้อาจไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้ เพราะอย่างที่กล่าวโดยทั่วไปธรรมชาติสามารถจะฟื้นฟูตัวเองได้ อย่างในเหตุการณ์สึนามิ ธรรม ชาติก็ฟื้นฟูตัวเอง “ปะการังที่เป็นที่รู้จักกันนั้นไม่เพียงสร้างความสวยงามให้กับโลกใต้ทะเล แต่ยังสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศเรียกได้ว่าไม่มีแนวปะการังก็ไม่มีปลา และเมื่อไม่มีสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลก็เหมือน กับห่วงโซ่ของระบบนิเวศขาดหายไป ในมิติของการใช้เหล็กเข้ามาช่วยสร้างบ้านให้ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เหล็กสามารถย่อยสลายได้ไม่กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในท้องทะเล เมื่อกาลเวลาผ่านไปปะการังที่ปลูกเจริญเติบโตขึ้นเหล็กก็ผุกร่อนลง พอเหล็กหักสลายไปปะการังที่อยู่บนเหล็กก็จะตกลงไปอยู่ในพื้นทรายแล้วก็จะ เติบโตต่อ กลายเป็นแนวปะการรังที่มีอยู่ในธรรมชาติ” ปูนซีเมนต์เสริมด้วยโครงเหล็ก ที่เป็นหินปูนจะค่อย ๆ กร่อนหลุดร่วงลง ซึ่งหินเหล่านี้ปะการังก็จะนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ด้วย ในโครงการนี้สิ่งที่จะทิ้งจมลง ทะเลมีทั้ง ปะการังเขากวาง และปะการังพุ่ม ซึ่งปะการังทั้งสองลักษณะนี้เป็นปะการังที่พบในบริเวณนี้ อีกทั้งปะการัง เขากวางจะเจริญเติบโตได้ดี ขณะที่ปะการังพุ่มมีลักษณะเด่นคือจะมีช่องว่างให้สิ่งมีชีวิต เข้าไปอยู่อาศัย นอกจากนี้ในรูปแบบ ดังกล่าว ซึ่งมีการออกแบบ ที่เหมาะสมยังเป็นการเลียนแบบธรรมชาติเช่นเดียวกับอีกสองรูปแบบที่เหมาะสม กับธรรมชาติโครงการนี้จึงเป็นการศึกษาทดลอง ที่นอกเหนือจากมิติการอนุรักษ์ธรรมชาติแล้วยังเป็นการศึกษาเรียนรู้วิทยา ศาสตร์ทางทะเลที่มีความหมายอีกด้วย ส่วนอีกเสียงหนึ่งจากเยาวชนที่เข้าร่วมในกิจกรรม เส้นหมี่ นิสิตน้องใหม่ปี 1 บอกเล่าประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการนี้ว่า การได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้เรียนรู้สัมผัสของจริงเป็นการต่อเติมการ เรียนรู้เพิ่มจากในตำรา การศึกษาสาขานี้นอกจากความสนใจในทะเลไทยแล้วยังมีความห่วงใยต่อสภาพธรรมชาติ ที่เป็นอยู่ สิ่งนี้อาจมองกันว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว การใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ขาดการระมัดระวัง ใช้อย่างเต็มที่โดยไม่มองต่อไปอีกว่าถ้าใช้อย่างเต็มที่ในเวลานี้แล้วอนาคต จะเป็นอย่างไร คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก ในเรื่องของปะการังก็เช่นเดียวกันอยากให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันดูแลรักษาไว้ เพื่อภายภาคหน้าจะได้มีแนวปะการังที่สวยงาม คงความสมดุลตามธรรมชาติ เพราะแนวปะการังนั้นเป็นระบบนิเวศ ที่สำคัญของท้องทะเล ตราบใดที่ท้องทะเลไทย ยังคงเป็นที่กล่าวขาน เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวนัก ดำน้ำที่หลงใหลมนต์เสน่ห์ โลกใต้ทะเล อีกทั้งทะเลยังเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญสร้างประโยชน์มากมายให้ กับมนุษย์และสัตว์ การร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติให้คงความอุดมสมบูรณ์ร่วมกันจึงนับ เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับท้องทะเลไทยอย่างแท้จริง จาก : เดลินิวส์ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
งานสร้างปะการังเทียมเข้าเป้า ฟื้นฟูประมงอ่าวไทย-อันดามัน นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปี 2552 กรมประมงได้รับจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดสร้างปะการังเทียม 20 แห่งจำนวน 77 ล้านบาท แบ่งเป็นแหล่งการจัดสร้างในพื้นที่ขนาดเล็ก 19 แห่ง ในพื้นที่ จ.ตราด จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยฝั่งอ่าวไทยคงเหลือเพียงที่ จ.ตราด และ จันทบุรี ส่วนฝั่งอันดามันเหลือ จ.สตูล กระบี่ ตรัง ซึ่งต้องรอให้มรสุมหยุดก่อน โดยคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จไม่เกิดเดือนมกราคมปีหน้า "จากผลการจัดสร้างปะการังเทียมที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปี 2552 มีการสร้างปะการังเทียมทั้งหมด 362 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ยังผลให้บริเวณที่ไปจัดสร้างปะการังเทียม มีจำนวนทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ขึ้น สัตว์น้ำบางชนิดที่หายากก็กลับมีการพบเพิ่มมากขึ้น เช่น ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ปลาช่อนทะเล ปลาผีเสื้อเทวรูป ปลาจะละเม็ดเทา ปลาดุกทะเล และปลาตะลุมพุก" นายธีระกล่าวอีกว่า สำหรับปี 2553 ได้มอบหมายให้กรมประมงจัดสร้างปะการังเทียมขนาดเล็ก 23 แห่ง โดยจะจัดวางใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 14 แห่ง นอกจากนี้ยังเร่งการจัดสร้างปะการังเทียมแก่ชาวประมงพื้นบ้านใน จ.ปัตตานี และ นราธิวาส ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับการสนับสนุนตู้รถไฟเก่า และรถขนขยะที่ไม่ใช้งานแล้ว มาจัดทำปะการังเทียมดังกล่าว จาก : ข่าว อสมท. MCOT News วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 10-11-2009 เมื่อ 08:43 |
|
#5
|
||||
|
||||
|
วางปะการังเทียมฟื้นฟูทะเลไทย กรมประมงสนองพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดึงชาวประมง ชุมชนมีส่วนร่วมวางปะการังเทียม ขยายพันธุ์สัตว์น้ำ ฟื้นฟูทะเลไทยให้กลับมาสมบูรณ์ พร้อมปลูกจิตสำนึกให้ชาวประมง เยาวชน และประชาชน ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำอยู่คู่ท้องทะเลไทยสืบไป นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดวางปะการังเทียม ที่ จ.ระยอง ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร ซึ่งเป็นชาวประมงขนาดเล็กที่ยากจน ขาดแหล่งทำการประมง ทำให้มีรายได้น้อย ตามที่มีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2552 ซึ่งผลจากการสร้างปะการังเทียม ทำให้ชาวประมงขนาดเล็กมีแหล่งทำการประมงชายฝั่งที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องออกทำการประมงไกลฝั่ง ลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในการประกอบอาชีพได้ อีกทั้งเป็นแนวป้องกันการทำลายสัตว์น้ำขนาดเล็ก และสภาพแวดล้อมจากการทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนลากและอวนรุนได้ด้วย การจัดสร้างปะการังเทียม ในพื้นที่ จ.ระยอง นั้น เป็นการสร้างในพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 21.6 ตารางกิโลเมตร ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 แปลง คือ ทางทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด และหน้าหาดแม่รำพึงห่างจากฝั่งประมาณ 7-14 เมตร น้ำลึก 12-18 เมตร ใช้วัสดุแท่งคอนกรีตรูปลูกบาศก์แบบโปร่ง ขนาด 1.5x1.5x1.5 เมตร จำนวนทั้งสิ้น 3,681 แท่ง คาดว่าจะสามารถจัดวางแท่งปะการังเทียมในทะเลได้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ จาก : คม ชัด ลึก วันที่ 12 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#6
|
||||
|
||||
|
ทุ่ม 77 ล้านสร้างปะการังเทียม นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดวางปะการังเทียมว่า ในปี 2552 กรมประมงได้รับจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดสร้างปะการังเทียม 20 แห่งจำนวน 77 ล้านบาท แบ่งเป็นแหล่งการจัดสร้างในพื้นที่ขนาดเล็ก จำนวน 19 แห่ง อยู่ในพื้นที่จังหวัดตราด จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ฝั่งอ่าวไทยยังคงเหลือเพียงที่จังหวัดตราดและจันทบุรี ส่วนสตูล กระบี่ ตรัง ฝั่งทะเลอันดามัน ที่ต้องรอ ให้มรสุมหยุดก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการ จัดวางได้แล้วเสร็จไม่เกินมกราคมปีหน้าส่วนอีก 1 แห่ง เป็นแหล่งการจัดสร้าง ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ก็คือ การจัดงานในครั้งนี้ที่จังหวัดระยอง เป็นการจัดสร้างปะการังเทียม จำนวน 3,681 แท่ง ครอบคลุมพื้นที่ 21.6 ตารางกิโลเมตร ใช้ งบประมาณ 20 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 แปลง คือทางทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด และหน้าหาดแม่รำพึง ห่างจาก ฝั่งประมาณ 7-14 เมตร น้ำลึก 12-18 เมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดวางแท่งปะการังเทียมในทะเลได้แล้วเสร็จภาย ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากนั้นชาว ประมงในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงจึงสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ จากผลการจัดสร้างปะการังเทียม ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปี 2552 มีการจัดสร้างปะการังเทียมทั้งหมด 362 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามันยังผลให้บริเวณที่ไปจัดสร้างปะการังเทียม มีจำนวนทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ขึ้น สัตว์น้ำบางชนิดที่หายากก็กลับมีการพบเพิ่มมากขึ้น เช่น ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ปลาช่อนทะเล ปลาผีเสื้อเทวรูป ปลาจะละเม็ดเทา ปลา ดุกทะเล และปลาตะลุมพุก ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ชาวประมงไม่ว่าจะสามารถ จับสัตว์น้ำได้มากขึ้น ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องออกทะเลไปไกล ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในปี 2553 ได้มอบหมายให้กรมประมงจัดสร้างปะการังเทียมอีก 23 แห่ง เป็นปะการังเทียมขนาดเล็กทั้งหมด โดย มีแผนจัดวางใน 4 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ รวม 14 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้ เร่งให้มีการจัดสร้างปะการังเทียม แก่ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และนราธิวาส โดยใช้วัสดุเหลือใช้ ได้แก่ ตู้รถไฟ และรถขนขยะ ตามพระราช เสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จาก : เดลินิวส์ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ปะการังเทียม..ฟื้นฟูทะเลไทย ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในประเทศไทยถูกคุกคามและถูกทำลาย จากการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญ ๆ อย่างการทำประมงแบบผิดกฎหมายเช่น การระเบิดปลา การทำประมงอวนลากในบริเวณแนวปะการัง การเบื่อปลาในแนวปะการังด้วยสารไซยาไนด์ ทำให้ปะการังตาย มีผลให้แหล่งหญ้าทะเลและป่าชายเลนเกิดการเปลี่ยนแปลง ผลจากการกระทำเหล่านี้เองทำให้สัตว์น้ำและสัตว์ทะเลไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหาร นับวันจำนวนประชากรของสัตว์จึงลดลงอย่างน่า ใจหาย การจัดสร้างแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล หรือปะการังเทียม จึงเป็นอีกหนึ่งหนทาง ที่จะช่วยให้ระบบนิเวศฟื้นฟูเร็วที่สุดและช่วยเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ สร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล โดยเฉพาะปะการังเทียม หากวางไว้บริเวณชายฝั่งนั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งในการ อนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำขนาดเล็กมิให้ถูกนำไปใช้ก่อนถึงเวลาที่เหมาะสมและ สามารถดึงดูดสัตว์น้ำนานาชนิดให้เข้ามาอยู่อาศัยหาอาหาร สืบพันธุ์ รวมไปถึงพัฒนาเป็นแหล่งประมงสำหรับการทำประมงขนาดเล็กและเชิงพาณิชย์ได้ ผลจากการสร้างปะการังเทียม ทำให้ชาวประมงขนาดเล็กมีแหล่งทำการประมงชายฝั่งที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องออกไปทำการประมงไกล ลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทำการประมงใกล้ชายฝั่ง ไม่ต้องออกไปไกล สามารถลดข้อขัดแย้งระหว่างชาวประมงในพื้นที่กับประมงแบบอวนลากและอวนรุนได้ มากขึ้น เพราะมีการช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันของชาวประมงในท้องถิ่น นอกจากนั้นแล้ว จากการดูแลสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นให้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นแล้วนั้น ส่งผลทำให้สามารถมีรายได้เพิ่มจากการทำเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเลอีกด้วย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯกล่าว ส่วน นายจัตุรัส เอี่ยมวรนิธาน ประธานกลุ่มประมงเรือเล็ก อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 49 ถนนแหลมรุ่งเรือง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง เล่าว่า ที่ผ่านมากลุ่มประมงเรือเล็กนั้น ได้ขอปะการังเทียมมาตลอด เพราะเห็นถึงข้อดีของการทำที่อยู่ให้กับปลา ทำให้มีปลามาอยู่อาศัยมากขึ้น จนถึงทุกวันนี้กรมประมงได้มาสร้างปะการังเทียมให้เป็นเวลาหลายปีแล้ว ทำให้มีสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่ในวันนี้สิ่งที่กลุ่มประมงเรือเล็กต้องการก็คือ ต้องการให้ทำปะการังเทียมมาวางในบริเวณชายฝั่ง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นที่อยู่ของปลาขนาดเล็ก เพราะปลานั้นโดยธรรมชาติจะขยายพันธุ์ในป่าชายเลน จากนั้นจะย้ายมาอยู่ริมฝั่ง พอโตก็จะไปอยู่ในน้ำลึก หากมีการวางปะการังเทียมใกล้ชายฝั่งก็จะเป็นที่อยู่ เป็นแหล่งอนุบาลปลาขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี “ทุกวันนี้เรือประมงเล็กมีประมาณ 2,000 ลำ จริง ๆ แล้วอยากให้ทำปะการังเทียมมากขึ้นกว่านี้ เพราะจำนวนของเรือและการทำประมงที่มากขึ้น ทำให้ทรัพยากรลดน้อยลงไปมาก วันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ เพราะเมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้วนั้น ชาวประมงจับปลาได้มากกว่านี้ อย่างเช่นเมื่อก่อนเคยจับปลาหมึกได้วันละ 100 กิโลกรัม ณ วันนี้ โดยเฉลี่ยแล้วจับได้วันละประมาณ 10 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าน้อยลงเยอะมาก อันนี้ผมว่าสาเหตุนั้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นของการทำประมงด้วย ทำให้ประมงพื้นบ้านได้ปลาน้อยลง อย่างรายได้ตอนนี้มีรายได้วันละ 1,000 บาท หักค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันแล้วเหลือประมาณ 300-400 บาท ก็ถือว่าอยู่ได้แล้วครับ” นายจัตุรัส กล่าว การจัดสร้างปะการังเทียมในพื้นที่จังหวัดระยองนั้น เป็นการสร้างในพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 21.6 ตารางกิโลเมตร ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ใช้วัสดุคอนกรีต รูปลูกบาศก์แบบโปร่ง ขนาด 1.5x1.5x1.5 เมตร จำนวนทั้งสิ้น 3,681 แท่ง ซึ่งแท่งคอนกรีตแบบโครงสี่เหลี่ยม ถือได้ว่ามีความเหมาะสมที่สุด แม้ต้นทุนสูงแต่มีอายุการใช้งานนาน สะดวกในการลำเลียงขนส่ง ควบคุมการจัดวางให้ซ้อนทับกันได้สูง มีประสิทธิภาพในการดึงดูดสัตว์น้ำให้มาอยู่อาศัยได้หลายชนิด เมื่อใช้นานๆไปจะค่อยๆ สลายไปเป็นทราย ไม่เป็นสารพิษกับน้ำ. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|