![]() |
#11
|
||||
|
||||
![]() เมื่อขึ้นไปบนเรือวีนัส...ก็เห็นแก้วก้านยาว เรียงไว้อย่างสวยงาม พอคนมาพร้อม ก็มีน้ำมะนาวเย็นๆมาให้รินดื่ม สดชื่น หายร้อนเลยค่ะ ![]() เรือแล่นออกจากท่าเรือประมง ล่องออกปากแมน้ำบางนรา สองข้างทางสวยงามด้วยบ้านเรือน และต้นไม้ มองไปข้างหลัง เห็นเขาตันหยงมัส ที่ตั้งพระตำหนักทักษิณ ที่เราเพิ่งจากมา... ![]()
__________________
Saaychol |
#12
|
||||
|
||||
![]() เมื่อออกไปพ้นปากแม่น้ำบางนารา...ทะเลเรียบเป็นกระจก น้ำดูจะใสกว่าที่เคยเห็น และไม่มีแมงกะพรุน ลอยให้เห็นสักตัว เรารีบไปเตรียมประกอบอุปกรณ์ และเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ทางเสธ.ไก่อู ให้น้องทหารนำมาแจก และกำชับให้ใส่ แล้วขึ้นมารอการบรี๊ฟถึงเรื่องเรือและการดำน้ำ การบรี๊ฟของ น้องผู้พันสุชาติ...น้องดนัย ฟูตระกูล (จากชมรมคนรักษ์เล) และ น้องณี (ผู้จัดการเรือวีนัส) ![]() ตั้งใจฟังบรี๊ฟกันมาก.... ![]() การบรี๊ฟเสร็จสิ้นลง...เราเริ่มการพูดจาพาที ถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นการผูกสัมพันธไมตรีที่ดีที่สุด ในระหว่างรอเวลาลงดำน้ำไดฟ์แรก ที่จะเริ่มขึ้นหลังอาหารเที่ยง... ![]() ทานอาหารเที่ยงเสร็จ ใกล้เวลาจะลงน้ำ เตรียมทาครีมกันแดดกันหน่อยนะคะ...พอกครีมกันแดดมากไปหรือเปล่าคะ น้องเสธ.ไก่อู.... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 01-09-2012 เมื่อ 23:04 |
#13
|
||||
|
||||
![]()
พี่จ๋อมเมาเครื่องบินหรือเปล่าครับ
|
#14
|
||||
|
||||
![]() อ้างอิง:
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#15
|
||||
|
||||
![]()
น่าชื่นชมพี่น้อยพี่จ๋อมที่สุดค่ะ ทำงานเพื่อทะเลและทำงานเพื่อชาติด้วย
แอบอิจฉาเล็กๆ ที่ได้ทำงานใหญ่ ...อยากไปแอบในกระเป๋าดำน้ำของพี่น้อยด้วย จะได้ไปดำน้ำด้วยค่ะ
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#16
|
||||
|
||||
![]() หนูติ่งจ๋า...อย่าอิจฉาเลยจ้ะ นานๆจะได้ไปรับใช้ชาติ ผ่านทางกองทัพบกสักครั้งหนึ่งค่ะ เพราะงานดำน้ำของทหารบกไม่ค่อยมีให้ทำมากนัก ที่เป็นงานของหน่วยราชการอื่นๆนอกจากนี้ เขาก็มีงานดำน้ำทำกันอยู่เป็นประจำ แต่ส่วนมากจะมีพวกพ้อง เส้นสาย หรือกลุ่มก๊วนในสังกัดให้เรียกระดมพลได้สะดวกอยู่แล้ว... ว่างเมื่อไร...ก็แจ้งไปนะจ๊ะ เผื่อจะมีจังหวะตรงกัน ได้ไปดำน้ำรับใช้ชาติด้วยกันบ้างจ้ะ.. ![]()
__________________
Saaychol |
#17
|
||||
|
||||
![]() ในระหว่างนั่งรอเวลาดำน้ำ...สายชลนึกย้อนรำลึกถึงที่ไปที่มาของ "โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานีและจังหวัดนร าธิวาส" ซึ่งเริ่มต้น จากการที่ชาวประมงพื้นบ้าน แห่ง บ้านละเวง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานความช่วยเหลือ จาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพิจารณาช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำใต้ท้องทะเล ที่ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุสำคัญที่ปริมาณสัตว์น้ำที่ลดลงนั้น เกิดมาจากการทำประมงอย่างผิดวิธี กล่าวคือ มีการใช้เครื่องมือ ประเภท อวนลาก และอวนรุน ที่ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งหลบภัยตามธรรมชาติของสัตว์น้ำวัยอ่อน ส่งผลให้ระบบนิเวศสัตว์น้ำเกิดความเสื่อมโทรม จำนวนสัตว์น้ำลดลง ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมง ต้องประสบปัญหารายได้ลดลงตามไปด้วย ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว.. ![]() โครงการดังกล่าว จึงถูกตั้งขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศสัตว์ น้ำ โดยการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลหรือปะการังเทียม ซึ่งจะใช้วัสดุจำพวกคอนกรีต ท่อระบายน้ำ ซากเรือ หรือวัสดุขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้งานแล้ว เพื่อเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำชายฝั่ง เมื่อจำนวนสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีแหล่งการทำการประมง ของชาวประมงขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ในปี 2545-2547...กรมประมงได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ได้มอบตู้รถไฟเก่าจำนวนรวม 608 ตู้ มาวางในทะเลเขตจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส ซึ่งส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำในทะเลบริเวณตู้รถไฟ เพิ่มปริมาณขึ้นมากมาย ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-09-2012 เมื่อ 12:40 |
#18
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552...ในโอกาสที่คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสใจความว่า
"ปีนี้ ประมงพื้นบ้านตั้งแต่ปัตตานีจนถึงนราธิวาสหลายร้อยคน เขียนจดหมายถึงข้าพเจ้า แล้วก็เซ็นชื่อเป็นบัญชีหางว่าวเลย ขอให้ข้าพเจ้าช่วยจัดทำปะการังเทียมเพิ่มเติมขึ้นอีก แล้วตอนนี้ใครจะช่วยข้าพเจ้า ตอนนี้จะเอาอะไรไปทิ้งให้ปลามันอยู่ ข้าพเจ้าจึงนำมาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังว่า ปะการังเทียมนั้นใช้ได้ผลจริงๆ น่าภูมิใจแทนหน่วยงานทั้งหลาย ที่ช่วยเหลือประชาชนประสบผลสำเร็จ และข้าพเจ้าก็เลยขอถือโอกาสนี้ ส่งข่าวถึงกลุ่มประมงพื้นบ้าน ที่เขาเขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าขอปะการังเทียมเพิ่มเติมด้วยว่า ข้าพเจ้าจะพยายามขอร้องให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุกแห่งช่วยกันประสานงาน เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ ก็คงจะเริ่มจัดสร้างพื้นที่บริเวณปะการังเทียมได้อีก เพื่อประชาชนจะได้ไปตกปลา ไปทำมาหากินได้เพิ่ม" ![]() จากพระราชเสาวนีย์ดังกล่าวข้างต้น และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 78 พระชนมพรรษา ในปี 2553 กรมประมงจึงได้สานต่อ “โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส” ขึ้นอีกครั้ง เป็นการนำวัสดุที่ไม่ใช้งานหรือปลดประจำการกลับมาใช้ ประโยชน์อีกครั้ง เพื่อจัดสร้างเป็นที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์ทะเล ทางกรมประมง จึงได้พิจารณานำวัสดุเหลือใช้ที่ได้รับการบริจาคมา คือ รถถัง 25 คัน รุ่น 30 T 69-2 จากทางกองทัพบก...ตู้รถสินค้า จำนวน 273 ตู้ จากกระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย...รถยนต์เก็บขยะมูลฝอย จำนวน 198 คัน จากกรุงเทพมหานคร...และ รถยนต์ 3 คัน จากกองทัพไทย รวมรถทั้งสิ้น 499 คัน เพื่อทำเป็นปะการังเทียม และแนวกันคลื่น สำหรับเหตุผลที่กองทัพบก ได้ส่งมอบรถถังให้กรมปะมงนำไปใช้ทำปะการังเทียมนั้น สรุปความได้ว่า.... กองทัพบก ซึ่งมีรถถังขนาดกลาง รุ่น 30 T 69-2 จำนวน 25 คัน ที่เคยใช้งานอยู่แถบชายแดนประเทศไทย ซึ่งเป็นรถถังที่ผลิตขึ้นในประเทศจีน และถูกนำมาประจำการที่กองพันทหารม้า ที่ 16 จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพบกไทย ตั้งแต่เมื่อปี 2530 ก่อนที่เสื่อมสภาพและถูกนำมาซ่อมบำรุงที่ กรซย.ศซส.สพ.ทบ. เมื่อปี 2547 แต่ไม่สามารถทำการซ่อมแซมได้ เนื่องจากประเมินความเสียหายแล้วเกิน 60% และไม่คุ้มค่ากับการซ่อมแซม ทางกองทัพบกได้พิจารณาแล้วว่า หากนำรถถังไปพัฒนาฟื้นฟูทะเล จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาวประมงพื้นบ้าน สร้างความสมบูรณ์ของท้องทะเลมากกว่าอย่างอื่น จึงได้ประสานงานกับกรมประมง เพื่อนำรถถังทั้ง 25 คัน ไปทิ้งลงทะเลเพื่อเป็นปะการังเทียมที่ทะเลหน้าเมืองนราธิวาส แผนงานครั้งนี้ ต้องใช้เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ 2 ลำ ขนรถทั้งหมดที่ได้รับบริจาคไปทิ้ง โดยใช้เครนยกรถทั้งหลาย ลงเรือโป๊ะบรรทุก ซึ่งเป็นเรือท้องแบนที่ใช้ขนของหนัก (Barge) ที่จอดรออยู่บริเวณท่าเรือคลองเตย ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2553 เพื่อเดินทางไปจังวัดนราธิวาสและปัตตานี เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง...รถแบ๊กโฮก็ดันรถทั้งหลาย (ยกเว้นรถถัง) ลงทะเล ณ จุดที่กำหนดวางลงทะเล 15 จุด ทั้งที่จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส คือในวันที่ 3 สิงหาคม 2553 กำหนดจัดวางวัสดุในพื้นที่อำเภอปะนาเระ สายบุรี และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี และในวันที่ 9 สิงหาคม 2553 กำหนดวางรถถังทั้ง 25 คัน บริเวณ อำเภอเมือง และอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.nicaonline.com และ http://www.thaipost.net
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-09-2012 เมื่อ 12:47 |
#19
|
||||
|
||||
![]() ถึงเวลาดำน้ำแล้วค่ะ... ในวันแรก..เราดำน้ำได้เพียงสองไดฟ์ คือไดฟ์แรกที่บริเวณรถถังปะการังเทียม และอีกไดฟ์หนึ่งที่บริเวณ รถขยะปะการังเทียม ส่วนในวันที่สอง..เราลงดำน้ำสามไดฟ์ สองไดฟ์แรก ที่รถถังปะการังเทียม และไดฟ์ที่สาม ที่ตู้รถไฟปะการังเทียม และในวันสุดท้าย ที่เรามีเวลาดำน้ำเพียงไดฟ์แดียวนั้น เราลงดำน้ำซ้ำอีกครั้ง ที่รถถังปะการังเทียม... รวมเป็นการดำน้ำทั้งหมด 6 ไดฟ์ เป็นการลงดำน้ำที่รถถังปะการังเทียม มากที่สุด คือ 4 ไดฟ์ และที่ รถขยะปะการังเทียม และ ตู้รถไฟปะการังเทียม ที่ละเพียงหนึ่งไดฟ์เท่านั้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของการมาสำรวจปะการังเทียมครั้งนี้ ที่ต้องการเน้นหนักการสำรวจรถถังปะการังเทียม ซึ่งทางกองทัพบก ได้ส่งมอบและร่วมดำเนินการวางลงในทะเล มาตั้งแต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา.. ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 24-09-2012 เมื่อ 20:19 |
#20
|
||||
|
||||
![]()
รถถังปะการังเทียม
รถถังขนาดกลาง รุ่น 30 T 69-2 จำนวน 25 คัน ที่ได้ถูกนำมาวางในทะเลอ่าวไทย เขตตำบลกะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 นั้น ได้รับการวางแผน ให้วางเรียงกันเป็นวงกลม โดยมีรถถังหมายเลข 12 ซึ่งตรงกับวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินาถ เป็นรถถังคันแรก ที่ถูกวางลงไป แต่ในการปฏิบัติการจริง การนำรถถัง ลงสู่พื้นทรายเบื้องล่าง โดยการใช้รถแบ๊กโฮดันรถถังลงทะเล ตรงบริเวณพิกัดที่กำหนด ไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด เพราะเมื่อไปกระทบน้ำแล้ว เกิดมีการแฉลบและเจอแรงต้านจากน้ำเข้า รถถังทั้ง 25 คัน ก็ลงไปกองอยู่บนพื้น ในลักษณะที่น้องแก่น (Kaenscuba) ได้ทำแผนภูมิไว้ดังข้างล่างนี้... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 02-09-2012 เมื่อ 23:55 |
![]() |
|
|