เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 07-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

ผู้จัดการออนไลน์


รวบ 9 ผู้ต้องหาลอบจับสัตว์น้ำในเขตหวงห้ามกลางทะเลกระบี่

กระบี่-เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ จับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.การประมง ในเขตหวงห้าม 1 ราย ได้ผู้ต้องหา 9 คน เป็นลูกเรือชาวพม่า 6 คน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายประเวช อวิรุทธพาณิชย์ เจ้าหน้าที่บริหารงานประมงอาวุโส พร้อมด้วย นายสุขเกษม ศรีงาม เจ้าหน้าที่ท้ายเรือกลชายทะเล ศูนย์ป้องกัน และปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 6 คน ทำการจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.การประมง ในเขตหวงห้าม 1 ราย ได้ผู้ต้องหา 9 คน โดยมี นายวัชระ แก้วประเสริฐ เป็นไต๋ก๋งเรือ พร้อมลูกเรือรวม 9 คน มีนายพล ไชยวงค์ นายจุมพล จันทเวช และชาวพม่า อีก 6 คน พร้อมของกลางเรือประมงชื่อ “น.ชัยมงคล 1” และ “น ชัยมงคล 2” เครื่องมืออวนลากคู่ พร้อมอุปกรณ์ และสัตว์น้ำเบญจพรรณ ชนิดต่าง ๆ จำนวน 200 กิโลกรัม อยู่ในสภาพเน่าเสีย ซึ่งทำลายทิ้งไปแล้ว

ผู้ต้องหาทั้งหมดลักลอบทำการประมงในเขตหวงห้ามบริเวณ ใกล้แนวชายฝั่งห่างจากบริเวณเกาะหมา หมู่ 7 ตำบลอ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ อยู่ในเขตหวงห้าม 3,000 เมตร เขตห้ามจับสัตว์น้ำด้วยเรืออวนลากคู่ ซึ่งนำตัวมาสอบสวนที่ศูนย์ป้องกัน และปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ เบื้องต้น ให้การรับสารภาพ จึงส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย.

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 07-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

ผู้จัดการออนไลน์


ชาวประมงพื้นบ้านภูเก็ตวอนทุกหน่วยแก้ปัญหาระบบนิเวศชายฝั่งถูกทำลาย

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวประมงพื้นบ้านภูเก็ตระบุระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งถูกทำลาย เหตุเกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยว วอนทุกหน่วยร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสุธา ประทีป ณ ถลาง ตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ปัจจุบันนี้บริเวณชายฝั่งทะเลทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายไปจำนวนมาก และที่ผ่านระบบนิเวศชายฝั่งได้รับผลกระทบจากการใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวซึ่งไม่สามารถที่จะจัดการได้ เช่น เรื่องของน้ำเสียที่มาจากทั้งครัวเรือน จากสถานประกอบ รวมทั้งเรื่องของการก่อสร้างเปิดหน้าดิน ปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงทะเลลดน้อยลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สัตว์น้ำวัยอ่อนในแนวปะการังลดลง เมื่อระบบนิเวศชายฝั่งมีปัญหาไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านเท่านั้นที่มีปัญหาแต่รวมไปถึงประมงพาณิชย์ที่หากินนอกบริเวณชายฝั่งด้วย

“สำหรับระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งของจังหวัดภูเก็ตนั้นถือว่าแย่มากในปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่การท่องเที่ยวจะเข้ามาก็คาดว่าน่าจะลดลงไปประมาณ 50% สัตว์น้ำบางชนิดก็สูญพันธ์ไป” นายสุธา กล่าวและว่า

เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งให้กลับมามีสภาพดีขึ้น อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมมือกันในการดูแลและฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม เพราะการที่จะรอให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นผู้ดูแลเพียงหน่วยงานเดียวคิดว่าไม่น่าจะทำได้ คงจะต้องอาศัยความร่วมมือและบูรณาการในการดูแลให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากหน่วยงานราชการแล้วในส่วนของผู้ประกอบการก็จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องมานั่งคุยกันเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสุธากล่าวต่อไปว่า การจะนำกฎหมายมาบังคับใช้เพียงอย่างเดียวคิดว่าไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่ง ทางออกที่ดีของการแก้ปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น คิดว่าควรที่จะเริ่มจากการพูดคุยมากกว่าที่จะนำกฎหมายมาบังคับใช้ เพราะเชื่อว่าทุกคนน่าจะให้ความร่วมมือและพูดคุยกันได้แต่จะต้องนำความจริงมาพูดคุยกัน ถ้าทำได้เชื่อว่าการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่งน่าจะประสบความสำเร็จ


***************************************************************************************


ชาวแม่รำพึงพบฉลามวาฬหากินใกล้ฝั่ง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 52 เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณชายหาดระหว่างบ้านหนองมงคลกับหาดบ้านดอนสำราญ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฉลามวาฬ ขนาดใหญ่ 2 ตัว มีลำตัวยาวประมาณเกือบ 10 เมตร ส่วนอีกตัวมีความยาวประมาณ 6 เมตร เข้าหากินอาหาร ลูกปลาบริเวณหน้าหาดบ้านหนองมงคล ซึ่งเป็นหาดที่เชื่อมต่อระหว่างหาดบ้านดอนสำราญ และหาดบ้านกรูด ห่างจากฝั่งไม่ถึง 30 เมตรสามารถมองเห็นได้ด้วยตาจากชายหาด

นายนินทร์ ศรีเมือง อายุ 45 ปี ชาวประมงชายฝั่งที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า ปกติจะพบเห็นฉลามวาฬเมื่อออกเรือไปหาปลาไกลฝั่ง แต่ช่วงนี้ฉลามวาฬเข้ามาหากินใกล้ฝั่งมาก

“วันนี้เป็นวันที่ที่ 3 แล้วที่เห็นฉลามวาฬคู่นี้เข้ามาหากินใกล้ฝั่งขนาดนี้ ผมจะเห็นมันว่ายหากินตรงหน้าหาดบ้านหนองมงคล แล้วก็ตรงหน้าหาดบ้านดอนสำราญซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน”

นายสุพจน์ ส่งเสียง รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ซึ่งลงเรือเพื่อบันทึกภาพฉลามวาฬในครั้งนี้ กล่าวว่า จากที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านทราบว่าปกติก็จะมีฉลามวาฬมาหากินบริเวณนี้เป็นประจำอยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่จะเจอเวลาที่ออกเรือไปหาปลาซึ่งจะอยู่ห่างจากฝั่งมากกว่านี้ แต่ช่วงนี้ ฉลามวาฬได้เข้ามาใกล้ฝั่งมากจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องส่องกล้อง

“ธรรมชาติของสัตว์ตระลฉลามหรือวาฬ จะมาหากินในเฉพาะในทะเลที่มีความสมบูรณ์”

นายสุพจน์กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าก็มีชาวประมงจาก อ.ทับสะแก แจ้งว่า เห็นฉลามวาฬเช่นกัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าชายหาดบริเวณนี้เป็นหาดที่มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะชายหาดบริเวณอ่าวแม่รำพึง มีปริมาณแพลงตอนสูงมากโดยไหลออกมาจากป่าพรุแม่รำพึง ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์น้ำวัยอ่อนและลูกปลาเล็กปลาน้อย ลูกปลาเหล่านี้เป็นอาหารในอีกห่วงโซ่หนึ่งของปลาที่ใหญ่กว่า เช่นฉลามวาฬที่เราพบกันในวันนี้

“บริเวณที่พบฉลามวาฬนี้ก็อยู่ห่างจากที่ตั้งของโครงการโรงถลุงเหล็กที่ชาวบ้านคัดค้านการก่อสร้างไม่ถึง 1 กม. พวกเราจึงอยากให้กลุ่มทุนที่พยายามผลักดันโครงการนี้มองเห็นถึงความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลที่เรามีอยู่อย่าได้เอาอุตสาหกรรมที่มีมลพิษสูงอย่างโรงถลุงเหล็ก มาทำลายความสมบูรณ์และความสวยงามของบางสะพานเลย เราควรส่งเสริมการพัฒนาตามศักยภาพที่โดดเด่นในพื้นที่ของเรา เช่น เรื่องของการท่องเที่ยวและการเกษตรกรรมจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนมากกว่า และยังเป็นการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย” นายสุพจน์ กล่าว

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 29-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

ผู้จัดการออนไลน์


กระบี่จับเรือประมงลากคู่จับปลาเขตหวงห้าม



กระบี่ - จนท.ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ จับเรือประมงอวนลากคู่ ในเขตหวงห้ามบริเวณหน้าอ่าวมาหยา ได้ผู้ต้องหา 20 คน เป็น พม่า 9 มอญ 9 พร้อมของกลางสัตว์น้ำเบญจพรรณ กว่า 400 กิโลกรัม

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 22 กรกฎาคม 2552 เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลชายฝั่งอันดามันจังหวัดกระบี่ โดย นายแสน สีงาม หัวหน้าศูนย์ป้องกันละปราบปรามประมงทะเลชายฝั่งอันดามันจังหวัดกระบี่ จ่าเอก อำพน คงแก้ว เจ้าพนักงานสื่อสารชำนาญงาน นายสุรีย์ สิงห์สถิตย์ เจ้าพนักงานเดินเรือชำนาญงาน และเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 11 นาย ร่วมกันจับกุม เรือประมงอวนลากคู่ 4 ลำ ลักลอบจับปลา ในเขตหวงห้ามบริเวณ หน้าอ่าวมาหยา เกาะพีพี ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่

จากการจับกุมได้ผู้ต้องหาจำนวน 20 คน ประกอบด้วย ผู้ควบคุมเรือ 2 คน ทราบชื่อ คือ นายวิจิตร หอมสมบัติ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/111 ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต และ นายนิคม ศรีทำเลา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.2 ต.องมหาริน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เป็นไต๋กง พร้อมลูกเรือสัญชาติพม่า 9 คน และสัญชาติมอญ 9 คน

นอกจากนั้น ยังตรวจยึดของกลางไว้ได้รวม 8 รายการ ประกอบด้วย เรือประมง 4 ลำ ชื่อ ร.พัฒนาจำนวน 2 ลำ และ เรือ ส.พัฒนา จำนวน 2 ลำ พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องมือประมงอวนลากคู่ จำนวน 2 ปาก และสัตว์น้ำเบญจพรรณ จำนวนกว่า 400 กิโลกรัม

ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งว่า มีเรือเรือประมงอวนลากคู่เข้าลักลอบทำการประมงในเขตหวงห้าม ระยะ 3,000 เมตร ที่บริเวณ ด้านทิศตะวันตกของเกาะพญานาค และเกาะปิด๊ะนอก ห่างจากอ่าวมายา ประมาณ 1 ไมล์ทะเล จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำเรือตรวจประมงทะเล 606 เข้าทำการตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทั้งหมด กำลังทำการประมงอยู่ จึงเข้าจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบทำการประมงอวนลากคู่ประกอบเรือยนต์ในเขตหวงห้าม 3,000 เมตร เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ จึงนำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนสภ.เมืองกระบี่ดำเนินคดีตามกฎหมาย

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 29-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

ผู้จัดการออนไลน์


ชาวประมงกระบี่แห่จับปลาทูได้จำนวนมากผลพ่วงจากการขยายเวลาปิดอ่าวห้ามจับปลา



ชาวกระบี่จับปลาทูได้จำนวนมาก จากการที่ปิด่อาวเป็นเวลานานทำให้ปลาทูขยายพันธุ์ได้จำนวนมาก

กระบี่ - ชาวประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ แห่จับปลาทูได้จำนวนมาก คนละไม่ต่ำกว่า 300-1,000 กิโลกรัมต่อวัน รายได้เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 3,000-7,000 บาท เผยเป็นผลพวงมาจากการขยายเวลาปิดอ่าวห้ามจับปลาในฤดูวางไข่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำปริมาณมากเป็นประวัติการณ์

วันนี้ (27 ก.ค.) ที่บริเวณท่าเรือประมงพื้นบ้าน บ้านไหนหนัง หมู่ที่ 3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้นำลูกหลานช่วยกันเก็บอวน และช่วยกันสลัดปลาทูที่ติดอวนอยู่จำนวนนับพันกิโลกรัมมากองรวมกันบนพื้น ภายหลังจากที่นำเรือหางยาวออกไปทำการประมงที่บริเวณชายฝั่งทะเล บริเวณอ่าวบ้านไหนหนัง ซึ่งแต่ละลำได้ปลากลับมาเกือบเต็มลำเรือ ทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว

โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ชาวประมงบ้านไหนหนังมีรายได้เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 3,000-7,000 บาทต่อวัน สร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงเพิ่มมากขึ้น

นายดลหล้อ เหมพิทักษ์ อายุ 50 ปี ตัวแทนกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านบ้านไหนหนัง กล่าวว่า ตนทำอาชีพประมงมานานกว่า 30 ปี แต่ยังไม่เคยเห็นปลาทูขึ้นมากขนาดนี้มาก่อน ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ เพราะทุกๆ ปีที่ผ่านมาชาวประมงนำเรือออกไปวางอวนจับปลาทู จะได้ปลาอย่างมากลำละไม่เกิน 50-100 กิโลกรัม แต่ในช่วงต้นเดือนกรกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ชาวประมงหาปลาได้ปริมาณมากขึ้นหลายเท่าตัว ได้อย่างน้อยลำละ 300-1,000 กิโลกรัมต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 3,000-7,000 บาท

บางคนมีรายได้วันละ 10,000 บาท ก็ยังมีในบางวันบางช่วง แต่อย่างไรก็ตามราคาที่พ่อค้ามารับซื้อนั้นยังถูกมากไม่เป็นที่พอใจของชาวประมงมากนัก เพราะพ่อค้าจะมารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 7-10 บาท แต่ราคาในท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 25-30 บาท จึงถือว่าเป็นการกดราคากันเกินไป

นายแสน ศรีงาม หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลชายฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณสัตว์น้ำในบริเวณชายฝั่งกระบี่ตั้งแต่เริ่มเปิดอ่าวในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าชาวประมงในหลายพื้นที่สามารถจับสัตว์น้ำได้ปริมาณมากขึ้นและปลามีขนาดใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่อยู่แถบชายฝั่ง เช่น ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอ อ่าวลึก อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา

ทั้งนี้ สาเหตุเนื่องมาจากในปีนี้มีการเพิ่มระยะเวลาปิดอ่าว ห้ามจับปลานานขึ้นกว่าเดิม จากเดิมจะปิดอ่าวเป็นเวลา 2 เดือน แต่ในปีนี้ขยายเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 3 เดือน ทำให้สัตว์น้ำมีระยะเวลาขยายพันธุ์มากขึ้น และนอกจากนี้ยังมีการขยายเขตห้ามจับสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นด้วย

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 29-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

เนชั่นแชนแนล : เนชั่นทันข่าว


ผลขยายปิดอ่าวกระบี่ ทำประมงชายฝั่งมีรายได้เพียบ

วันที่ 27 ก.ค.52 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าเรือประมงพื้นบ้าน บ้านไหนหนัง หมู่ที่ 3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้นำลูกหลานช่วยกันสาวอวน และช่วยกันสลัดปลาทูที่ติดอวนอยู่จำนวนนับพันกิโลกรัมมากองรวมกันบนพื้น

หลังจากที่นำเรือหางยาวออกไปทำการประมงที่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณใกล้เคียงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละลำได้ปลากลับมาเกือบเต็มลำเรือ ทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ชาวประมงบ้านไหนหนังมีรายได้เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า3,000-7,000 บาทต่อวัน สร้างความดีใจให้กับชาวประมงเป็นอย่างมาก

นายดลหล้อ เหมพิทักษ์ อายุ 50 ปี ตัวแทนกลุ่มชาวประมงบ้านไหนหนัง กล่าวว่า ตนทำอาชีพประมงมานานกว่า30 ปี แต่ยังไม่เคยเห็นปลาทูขึ้นมากขนาดนี้มาก่อน ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ เพราะทุกๆปีที่ผ่านมาชาวประมงนำเรือออกไปวางอวนลอย จะได้ปลาอย่างมากลำละไม่เกิน 50-100 กิโลกรัมเท่านั้น

แต่ในช่วงต้นเดือน ก.ค.52 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ชาวประมงหาปลาได้ปริมาณมากขึ้นหลายเท่าตัว ได้อย่างน้อยลำละ 300-1,000 กิโลกรัมต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 3,000-7,000 บาท บางคนได้วันละ 10,000 บาทก็ยังมี

แต่อย่างไรก็ตามราคาที่พ่อค้ามารับซื้อนั้นยังถูกมากไม่เป็นที่พอใจของชาวประมงมากนัก เพราะพ่อค้าจะมารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 7-10 บาท แต่ราคาในท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 25- 30 บาท

นายแสน ศรีงาม หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลชายฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณสัตว์น้ำในบริเวณชายฝั่งกระบี่ ตั้งแต่เริ่มเปิดอ่าวในวันที่1 กรกฎาคม2552ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน พบว่าชาวประมงในหลายพื้นที่สามารถจับสัตว์น้ำได้ปริมาณมากขึ้นและปลามีขนาดใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่อยู่แถบชายฝั่ง เช่น ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา

ทั้งนี้สาเหตุ เนื่องมาจากในปีนี้มีการเพิ่มระยะเวลาปิดอ่าว ห้ามจับปลานานขึ้นกว่าเดิม จากเดิมจะปิดอ่าวเป็นเวลา2 เดือน แต่ในปีนี้ขยายเวลาเพิ่มขึ้นเป็น3 เดือน ทำให้สัตว์น้ำมีระยะเวลาขยายพันธุ์มากขึ้น และนอกจากนี้ยังมีการขยายเขตห้ามจับสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นด้วย

ด้านนายมานิต ดำกุล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การที่ชาวประมงพื้นบ้านจับปลาออกมาขายได้ในปริมาณที่มากขึ้นเป็นสิ่งดี เนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำมีปริมาณเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากนโยบายของกรมประมงที่มีการประกาศปิดอ่าว เพื่อมิให้มีการจับปลาในฤดูวางไข่ แต่เมื่อมีการเปิดอ่าวในวันที่ 1 ก.ค.52 ที่ผ่านมา ชาวประมงพื้นที่บ้าน บ้านไหนหนัง หมู่ที่ 3 ต.เขาคราม อ.เมือง บ้านบางกัน ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก และบ้านแหลมสัก ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก สามารถจับปลาทูบริเวณอ่าวปาเกาะ ซึ่งอยู่ระหว่างอำเภอเมืองกระบี่และอำเภออ่าวลึก วันละ 1 แสนกิโลกรัม ขายในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ส่งโรงงานแปรูปลาทูนึ่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา ทำให้มีเงินหมุนเวียน 1 ล้านบาทต่อวัน

แต่สาเหตุที่ราคากิโลกรัมละ 7-10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำ เนื่องจากการจับปลาของประมงพื้นบ้านไม่มีการเก็บไว้ในห้องเย็นเหมือนกับเรือพาณิชย์ทั่วไป ทำให้ปลานิ่ม คุณภาพต่ำ ราคาจึงแตกต่างถึง 10-20 บาท เพราะปลาทูที่ประมงพื้นบ้านจับมาได้นั้นส่งโรงงานปลาทูนึ่งและทำปลาเค็มได้เท่านั้น

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 21-08-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

เดลินิวส์


กรมประมงคุมเข้มการนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่น

สิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่ง อาจเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดา ๆ ที่ไม่อาจรุกรานใครได้ แต่เมื่อย้ายถิ่นฐานไปยังถิ่นอื่น จะเบียด บังสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว จนต้องถอย ร่นให้กับผู้มาใหม่ที่รุกราน สิ่งมีชีวิตประเภทนี้เรียกว่า “เอเลี่ยนสปีชีส์”

ภาวะคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ประเด็นหนึ่ง คือ การนำเข้าและการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นรุกราน สำหรับประเทศไทยได้มีการนำเข้าชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นจากต่างประเทศมาก มายหลาย สายพันธุ์ ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันโดยอาจนำมาเพาะเลี้ยงเป็นสัตว์น้ำสวยงาม จำหน่าย หรือนำมาพัฒนาปรับปรุงพันธุ์เพื่อการบริโภค กิจกรรมมากมายของมนุษย์ได้ชักนำให้ชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นเข้าสู่ พื้นที่ใหม่ที่ไม่อาจไปถึงได้โดยวิถีทางธรรมชาติ ซึ่งการแพร่ระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่นรุกรานก่อให้เกิดการสูญเสียต่อความหลาก หลายทางชีวภาพ โดยเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศและทำให้ชนิดพันธุ์ท้องถิ่นสูญพันธุ์และยังมีผล กระทบเชื่อมโยงไป ถึงด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุข อนามัย

เมื่อสัตว์น้ำต่างถิ่นหลุดรอดลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติแล้วจะสามารถ ปรับตัวและเจริญเติบโตหรือแทนที่ชนิดพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ได้ดี บางชนิดสามารถแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนได้รวดเร็วและแพร่กระจายไปได้ทั่ว อาจก่อให้เกิดผลกระทบในภาพรวม อาทิ การล่าปลาพื้นเมืองกินเป็นอาหาร เป็นตัวแก่งแย่งถิ่นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร แหล่งวางไข่ของปลาพื้นเมืองเดิม และอาจนำโรคหรือปรสิตมาสู่คนได้

สำหรับสัตว์น้ำต่างถิ่นที่รุกรานแล้ว ตามทะเบียนชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ควรป้องกัน ควบคุม และกำจัดของไทย ได้แก่ ปลาช่อนอเมซอน หอยเชอรี่ ปลาซัคเกอร์ ปลาดุกแอฟริกัน ปลาหมอเทศ เต่าญี่ปุ่น ตะพาบไต้หวัน และสัตว์น้ำต่างถิ่นที่มีแนวโน้มรุกราน ได้แก่ ปลาหมอสียักษ์ ปลาจะละเม็ดน้ำจืด ปลาคู้ดำ ปลาแกมบูเซีย ปลากดหลวง ปลาเรนโบว์เทร้าท์ ปลาหางนกยูง ปลามอลลี่ ปลาเซลฟิน กบ บลูฟร็อก และกุ้งเครย์ฟิช

ทั้งนี้ กรมประมงได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ในส่วนของการควบคุมและกำกับดูแลได้ดำเนินการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้ นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาฯ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 และมีผลบังคับใช้แล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีคณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัย และความหลากหลายทางชีวภาพของกรม ประมงคอยกำกับดูแลและพิจารณาอนุมัติการนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ผู้นำเข้า เสนอขออนุญาตต่อกรมประมงอีกทางหนึ่ง เพื่อจะได้ควบคุมการนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นมิให้มีผลกระทบต่อทรัพยากร ชีวภาพสัตว์น้ำของชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การปฏิบัติอย่างได้ผลคงจะต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้นำ เข้า ผู้เลี้ยง ตลอดจนประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการช่วยกันเฝ้าระวังการเพิ่มจำนวนของสัตว์น้ำต่างถิ่นในแหล่ง น้ำธรรมชาติ ทางกรมประมงแจ้งมาว่าอยาก ให้ผู้ที่มีสัตว์น้ำต่างถิ่นในครอบครอง ไม่ปล่อย สัตว์น้ำดังกล่าวลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติโดยเด็ดขาด เพื่อรักษาระบบนิเวศให้คงอยู่ตลอดไป ในกรณีที่ไม่สามารถเลี้ยงและดูแลต่อไปได้ เช่น มีขนาดใหญ่กว่าภาชนะที่เลี้ยง หรือมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ควรส่งมอบให้กับกรมประมงเพื่อดำเนินการบริหารจัดการต่อไป.


วันที่ 21 สิงหาคม 2552

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 04-11-2009
milo15 milo15 is offline
Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: BANGKOK, THAILAND
ข้อความ: 82
Default

จริงๆแล้ว พวก"โพงหอยแครง" น่าจะตระหนักบ้างนะว่า วิธีการดังกล่าวนั้นทำให้ หอยแครงลดจำนวนลงแทบจะสูญพันธุ์ ในบริเวณที่เคยทำมาหากินกันมา เลยต้องตะเลิดเปิดเปิง ข้ามถิ่นมารุกล้ำที่ทำมาหากินของคนอื่นเขา เขาก็ไม่ว่า ยอมแบ่งบันให้ เพียงให้ใช้วิธีจับแบบของเขา คือ "ใช้มือจับ" พวก"โพงหอยแครง"ไม่พอใจ จะใช้วิธีของเขาให้ได้ คงเป็นเพราะความโลภฝังหัว ปัญหาจึงเกิด.... เรื่องคงยาวครับ อ.สองสาย คนเพชรบุรีบ้านผม ไม่ยอมใครหรอกครับ ถ้าไม่ผิด....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 18-03-2010
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

เดลินิวส์


รองรับกฏระเบียบของสหภาพยุโรป ประมงไทยมีความคืบหน้า

สืบเนื่องจากสหภาพยุโรปได้ออก กฎระเบียบฉบับที่ 1005/2008 ลงวันที่ 29 กันยายน 2551 ว่าด้วยการจัดตั้งระบบของประชาคมยุโรปเพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือการทำการประมง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป กฎระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงซึ่งได้จากการทำประมง ทะเลที่จะส่งเข้าไปยังสหภาพยุโรป จะต้องมีเอกสารรับรองการจับ ว่าไม่ได้มาจากการทำประมง นอกจากนี้ จะต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับ ถึงแหล่งที่มาของสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงทะเลได้ตลอดสายการผลิต อีกด้วย กฎระเบียบนี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าสัตว์น้ำของประเทศไทยไปยังประเทศ สหภาพยุโรป ซึ่งไทยส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไปขายต่างประเทศทั้งในรูปสัตว์น้ำมีชีวิต สดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยในปี 2551 ที่ผ่านมาสินค้าสัตว์น้ำที่ส่งออกทั้งสิ้นมีปริมาณรวม 1,907,072 ตัน คิดเป็นมูลค่า 228,218 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่งเข้าสหภาพยุโรป 268,806 ตัน คิดเป็นมูลค่า 36,232 ล้านบาท

ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้ดำเนินการเพื่อรองรับกฎระเบียบของสหภาพยุโรปไว้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา โดยทางกรมประมงได้จัดประชุมสัมมนาในเรื่องของกฎระเบียบสหภาพยุโรปเกี่ยวกับ การประมงแบบป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และเตรียมตัวรองรับกฎระเบียบดังกล่าว โดยมีวิทยากรจากสหภาพยุโรปมาชี้แจง ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโรป ร่วมกันศึกษาผลที่เกิดแก่ประเทศไทยหลังกฎระเบียบนี้บังคับใช้แล้ว ซึ่งจากผลการศึกษาทราบว่าประเทศไทยมีศักยภาพและสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ ได้อย่างแน่นอน แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเพื่อรองรับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป โดย กรมประมงได้จัดวางระบบการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ ระบบการตรวจสอบย้อนกลับโดยใช้ระบบการควบคุมการทำประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งมี การรายงานการทำการประมง และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กรมประมงเป็นหน่วยงาน ในการรับรองสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากการทำการประมงที่ไม่ได้มาจากการทำประมงไอยูยู

พร้อมกันนี้ได้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในกฎระเบียบ เกี่ยวกับเรื่องของการทำการประมงไอยูยู เพื่อรองรับกฎระเบียบดังกล่าวแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ประกอบการเรือประมง และผู้ส่งออกสินค้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ตลอดจนจัดพิมพ์สมุดบันทึกการทำการประมงแจกให้ชาวประมง เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียว กัน

มีการจัดทำกิจกรรมเร่งด่วน 6 กิจกรรม ได้แก่ การตรวจสอบรับรองสัตว์น้ำขึ้นท่าและการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ การควบคุมการทำประมงให้สอดคล้องกับกฎระเบียบดังกล่าว การปรับปรุงสุข อนามัยเรือประมงและท่าเทียบเรือประมง จัดตั้งศูนย์ข้อมูลตรวจสอบรับรองการจับสัตว์น้ำ การประชาสัมพันธ์การดำเนินการตามกฎระเบียบนี้ และตั้งศูนย์ประสานงานการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ

แจกสมุดบันทึกการทำการประมงไปแล้วจำนวน 2,242 เล่ม และมีผู้ส่งสำเนา คืน 1,383 แผ่น ร่วมกับกรมเจ้าท่าออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ ให้บริการจดทะเบียน เรือ และออกใบอนุญาตใช้เรือ รวมทั้งออกอาชญาบัตรการทำการประมง ในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล โดยเริ่มที่จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดนำร่อง ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และ ระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม ที่ผ่านมานี้ โดยมีชาวประมงมาใช้ บริการ 117 ราย และมีเป้าหมายรวม 7,000 ราย สำหรับปีงบประมาณ 2553 นี้

และเพื่อให้การประมงของไทยได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบฉบับนี้น้อยที่สุด ทางกรมประมงจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมง ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ แพปลา ผู้รับซื้อสัตว์น้ำ และผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของระบบต่าง ๆ ที่กรมประมงได้วางไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์อันพึงได้ของส่วนที่เกี่ยวข้องต่องานด้านการประมงไทย นั้นเอง.

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 21-03-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,532
Default


กระบี่ สั่งปิดอ่าวช่วงฤดูปลาวางไข่


กระบี่ - นายเจริญ โอมณี หน.ศูนย์ป้องกันและปราบปราม ประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ ออกประกาศเรื่องกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิด ทำการประมงในฤดูปลาที่มีไข่ และวางไข่เลี้ยงลูก ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง เป็นประจำทุกปี ในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. รวมระยะเวลา 3 เดือน บริเวณที่มีการประกาศปิดอ่าว เริ่มตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ถึงตะวันออกปลายแหลมหัวล้านเกาะยาวใหญ่ อ.เมือง จ.พังงา ถึงปลายแหลมเกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ถึงปลายแหลมเกาะลิบง จ.ตรัง ถึงเกาะสุกร ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง

สำหรับเครื่องมือประมงที่ห้ามมีอยู่ 3 ชนิด คือ อวนลากทุกประเภท ทุกขนาดที่ใช้ประกอบเรือกล อวนล้มจับทุกชนิด และอวนติดตา ขนาดช่องตาเล็กกว่า 4.7 ซ.ม. ทำการประมงในพื้นที่หวงห้าม ยกเว้นเครื่องมืออวนล้มจับปลากะตักในเวลากลางวัน เครื่องมืออวนลากคานถ่าง ที่ใช้ประกอบเรือกล เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเข้ มีคานถ่างหรืออวนลากที่ประกอบเรือกล ซึ่งใช้เชือกเส้นใย ประดิษฐ์เป็นสายลากอวน ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับและมีการริบเครื่องมือทำการประมงด้วย



จาก : ข่าวสด วันที่ 21 มีนาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #10  
เก่า 23-03-2010
Super_Srinuanray's Avatar
Super_Srinuanray Super_Srinuanray is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Deep Blue Sea
ข้อความ: 1,073
Default

เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา สังเกตุ เหมือนว่า ปลาที่สิมิลัน ก็ท้องป่อง เหมือนจะมีไข่ เหมือนกันนะคะ

ทำไม ไม่ปิดอ่าวที่ พังงา หรือจังหวัดชายทะเล บ้างคะ จะได้มีปลาไว้จับ ช่วงที่เค้าเจริญเติบโตเต็มที่
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:19


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger