![]() |
|
![]() |
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
#41
|
||||
|
||||
![]() อิ่มหนำสำราญจากอาหารเย็นแล้ว...ที่นี้ก็ถึงราบการของหวาน ที่น้องดื้อติดไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยง "เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋" ร้านขนมเด็ดของน้องดื้อ อยู่หน้า โรงเรียนจีน ฮั่วเคียวกงฮัก ถนนประจักษ์ศิลปาคม ที่ทั้งถนนในยามค่ำคืนสว่างไสวด้วยไฟ จากร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่วางขายยาวเหยียด.. ![]() ขนมเด็ดไม่ใช่มีแต่เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ แต่มี บัวลอยไข่หวาน รสเลิศด้วยค่ะ... ![]() รักพี่เสียดายน้อง...ว่าแล้วก็สั่งทั้งสองอย่างเลยค่ะ เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ ![]() บัวลอยไข่หวาน...จริงๆเขาขายบัวลอยไข่เค็มด้วย แต่ไม่กล้าลองค่ะ... กว่าจะได้ถ่ายภาพ...บัวลอยเหลือติดก้นถ้วยซะแล้ว... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:49 |
#42
|
||||
|
||||
![]()
อยากไปถล่มน้องดื้อที่หนองคาย
![]()
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#43
|
||||
|
||||
![]() ที่หนองคายในวันรุ่งขึ้น...น้องดื้อมารับแต่เช้า เพื่อพาไปทาน "ไข่กระทะ" อาหารเช้าของเวียตนาม ซึ่งเป็นที่นิยมของคนหนองคายมาก ร้านไข่กระทะรสเด็ดของที่นี่ ต้องยกให้ร้าน "ทานตะวัน" ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม สายเดียวกับร้านขายเต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ และ บัวลอยไข่หวาน ที่เราไปทานมาเมื่อคืนนี้ แต่ขึ้นไปทางด้านเหนือ กลางย่านธุรกิจ..ร้านดูออกจะทันสมัยใหญ่โตทีเดียวค่ะ ![]() ไข่กระทะร้อนๆ ยกมาแล้วค่ะ ขอบอก อย่าจับหูหรือตัวกะทะเชียว มือจะพอง ปวดแสบปวดร้อนเหมือนสายชล ...น่าทานมากๆ... ![]() ยังค่ะ...ยังทานไม่ได้ เพราะร้านทานตะวัน ไม่ใช่มีดีแต่ไข่กระทะ แต่ขนมปังฝรั่งเศส ที่ผ่ากลางยัดไส้หมูยอและกุนเชียงชิ้นหนา เคี้ยวกรอบนอกนุ่มใน ที่เรียกกันว่า "แซนวิช เวียตนาม" ก็อร่อยล้ำเลิศ และควรทานควบคู่กับไข่กระทะ.. ![]() เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องล้างปากด้วยกาแฟโบราณ ที่หอมหวานกลมกล่อม อร่อยมาก จนอยากย้ายไปอยู่หนองคาย ครบแล้ว...ลงมือทานได้เลยค่ะ... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:52 |
#44
|
||||
|
||||
![]() อิ่มหนำสำราญแล้ว...เพิ่งทราบว่าที่นี่ เขามีเฝอขายเป็นอาหารเช้าด้วย แถมช่วงเที่ยง ยังขายข้าวแกง โดยใช้ชื่อ "ข้าวสวยแกงไก่" ที่รสชาติอร่อยถูกปากชาวเมืองอีกด้วย กลับจากลาว..ต้องหาโอกาสมาทานที่นี่อีกสักมื้อสองมื้อ... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:51 |
#45
|
||||
|
||||
![]() หลังอาหารเช้าแสนอร่อย..น้องดื้อพาเราไปที่ถนนริมน้ำโขง เพื่อชม "พระธาตุกลางน้ำ" หรือ "พระธาตุหล้าหนอง" ![]() ประวัติของพระธาตุ อ่านได้จากป้ายที่ติดไว้ตรงท่าเรือ มีใจความดังนี้... ![]() องค์พระธาตุจำลอง ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และบรรจุชิ้นส่วนองค์พระธาตุจากองค์เดิมไว้ภายใน ขนาดพระธาตุ องค์จำลอง มีฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกัน การกัดเซาะตลิ่ง ตลอดความยาว 194 เมตร นอกจากนี้ยังมีการจัดสภาพภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงามด้วย ![]() มีเรือยนต์และเรืองหางยาว รับจ้างส่งผู้คนที่ศรัทธา ไปไหว้พระธาตุกลางน้ำ ในอัตราคนละ 20 บาท... ![]() ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.paiduaykan.com/province/N...dnongkhai.html
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:54 |
#46
|
||||
|
||||
![]() สิ่งที่น่าห่วงว่า พระธาตุกลางน้ำ หรือแม้แต่องค์พระธาตุจำลองจะล่มสลายไป มิใช่เกิดจากธรรมชาติ แต่น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์เห็นแก่ได้ ที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดทรายในแม่น้ำโขง ไม่ห่างจากองค์พระธาตุกลางน้ำ ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อนำขึ้นมาขายให้กับทั้งคนลาวและคนไทย...เห็นแล้วสลดใจจริงๆค่ะ.. ![]() ![]() ![]() ![]() เราได้แต่ภาวนา ขอให้คุณพระคุณเจ้า ช่วยปกปักรักษาองค์พระธาตุทั้งสอง ให้อยู่รอดปลอดภัยจากอันตราย อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยเถิด...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:56 |
#47
|
||||
|
||||
![]() ริมตลิ่งแม่น้ำโขงฝั่งลาวดูตื้นเขิน หาดทรายยื่นยาวออกจากฝั่งเกือบถึงกลางแม่น้ำ และมีกิจการขุดทรายกันเป็นพืด ส่วนฝั่งไทย มองหาหาดทรายไม่เห็น แถมตลิ่งยังลาดชัน ชาวบ้านได้อาศัยที่ชายน้ำริมตลิ่งที่ราบเรียบ และมีอยู่เพียงเล็กน้อย เป็นที่ปลูกผัก ประเภท ต้นหอม ผักชี คะน้า ผักกาด ฯ เพื่อยังชีพ... ![]() น่าดูกว่าการหาเลี้ยงชีพ ด้วยการดูดทรายมากมายนัก... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:56 |
#48
|
||||
|
||||
![]() ขอถ่ายภาพกับองค์พระธาตุจำลอง ไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ... ![]()
__________________
Saaychol |
#49
|
||||
|
||||
![]() จากพระธาตุกลางน้ำ...เราจะเดินทางไกลไปถึง เมืองบึงกาฬ ซึ่งเพิ่งถูกแยกจากหนองคาย ไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ล่าสุดของประเทศไทย เพื่อไปเยี่ยมเยือน "ภูทอกน้อย" กัน ภูทอก อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองหนองคาย 163 กม.การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข212 ผ่านอำเภอโพธ์ชัย ปากคาด เข้าเมืองบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จะมีทางแยกซ้ายเพื่อไปภูทอก เราจะขับรถผ่านหมู่บ้านต่างๆ เช่น บ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม บ้านนาคำแคน ระยะทางราว 25 กิดลเมตร ก็ถึงภูทอกค่ะ ![]() ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จ.บึงกาฬ ![]() ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวไปชมได้ตามปกติ ![]() ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมา พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป แม้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าใส แสงแดดแผดจ้า..แต่เมื่อรถแล่นเข้าบริเวณพุทธสถานแห่งนี้ เราสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ร่มรื่นด้วยแมกไม้ และบึงน้ำใหญ่ที่อยู่โดยรอบ... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:00 |
#50
|
||||
|
||||
![]()
ยอดเยี่ยมมากครับ พี่ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยครับ
|
![]() |
|
|