เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 25-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default





จาก ..................... ไทยรัฐ วันที่ 24 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 25-01-2011 เมื่อ 07:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 25-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


หวั่นปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบ ท่องเที่ยวสตูลถึงขั้นปิดอุทฯ ตะรุเตา


สตูล/ นางโรสนีย์ ยกชม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสตูล กล่าวว่า ทาง 80 บริษัททัวร์ในพื้นที่ จ.สตูล ต่างวิตก ตามที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เสนอข่าว ถึงการเกิดปะการังฟอกขาวในพื้นที่ทะเลอันดามันนั้นและได้ทำการปิดอุทยานฯและเกาะต่างๆไปแล้วหลายเกาะ ดังนั้นทาง จ.สตูล โดยสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.สตูลและผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวใน จ.สตูลจำนวน 80 บริษัท ได้เปิดให้มีการแถลงข่าวเมื่อเร็วๆนี้ ที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.สตูล ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การท่องเที่ยวของ จ.สตูล ในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ประสบปัญหาข่าวลือสึนามิจนทำให้การท่องเที่ยวของ จ.สตูล ซบเซาลง นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและในประเทศได้เดินทางมายัง จ.สตูล ลดน้อยลงไปมาก ดังนั้นการที่มีข่าวเกิดปะการังฟอกขาวขึ้นมาอีกนั้น ทำให้การท่องเที่ยวของ จ.สตูลเกิดความสับสนว่ากรมที่เกี่ยวข้องให้ประกาศให้ชัดเจนว่า จ.สตูล โดยพื้นที่เกาะต่างๆนั้นว่ามีพื้นที่ส่วนไหนบ้างที่เกิดปะการังฟอกขาวขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่สบสนต่อข่าวที่ออกมา

อย่างไรก็ตาม ทาง จ.สตูลและสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.สตูล รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชื่อว่าข่าวดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.สตูลอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้เดินทางมายัง จ.สตูล โดยเฉพาะเกาะหลีเป๊ะและเกาะตะรุเตาเป็นจำนวนมากและก็ขอให้ทางจังหวัด อุทยานฯ รวมทั้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ให้ข่าวที่ชัดเจนแก่นักท่องเที่ยวด้วย

นายสามารถ เจริญฤทธิ์ เจ้าของบุหงารีสอร์ท กล่าวว่า ข้อเท็จจริงแล้วปะการังฟอกขาวในพื้นที่ จ.สตูล มีเพียงแค่ 10% เท่านั้นบริเวณพื้นที่อาดังราวีและเกาะหลีเป๊ะ ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.สตูล แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนต้องให้ชัดเจนเพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเข้าใจผิดคิดว่า จ.สตูลซึ่งอยู่ในฝั่งอันดามันมีผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะทางจังหวัดและอุทยานฯควรจะออกมาให้ข่าวที่ชัดเจนแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในท้องที่

อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวของ จ.สตูล ในปีนี้ต้องประสบปัญหาต่อข่าวลือสึนามิและมากระทบต่อข่าวการเกิดปะการังฟอกขาวอีก จนทำให้ผู้ประกอบการต่างๆเกิดการท้อแท้และหมดกำลังใจ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.สตูล ควรจะให้การช่วยเหลือและให้ข่าวที่เป็นความจริงแก่นักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์ให้ชัดเจน




จาก ..................... บ้านเมือง วันที่ 24 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 28-01-2011
KENG@SK's Avatar
KENG@SK KENG@SK is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2010
ข้อความ: 234
Default

เห็นด้วยครับเรื่องเพิ่มโทษคนละเมิดกฏปิดอุทยานให้หนักขึ้นไม่งั้นเดี๋ยวก็จะทำซ้ำอีกให้ดีเพิ่มโทษแบนเรือห้ามเข้าอุทยานไปเลยก็ดี(ได้มั้ยเนี่ย)

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สายชล อ่านข้อความ


ขอบคุณล่วงหน้าค่ะน้องเก่ง....

ครับแต่คงได้มาแต่ปะการังน้ำตื้นนะครับเพราะผมยังไม่ได้ว่างเรียนสกูบาซะทีรอบนี้เลยจะดำแบบฟรีสกินไปก่อน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 28-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ถ้าผลการเสวนาในวันนี้นำไปใช้จริงๆ....ผู้กระทำผิด นอกจากจะถูกปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับแล้ว ยังจะถูก Black List ห้ามเข้าอุทยาฯฯด้วยค่ะ...น้อง KENG@SK

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-01-2011
angel frog angel frog is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 326
Default

นึกถึงจุดดำน้ำที่เรียกว่าแฟนตาซี สมัยก่อนสวยมากๆๆ ปะการังแน่นขนัดหลากหลายไปด้วยสรรพสิ่ง แต่พอพังเหลือแต่หินโล้นๆและเปลือกหอย ... แล้วจึงประกาศปิด

อย่าให้ทุกๆแห่ง กลายเป็นอดีต แล้วจึงประกาศปิด เลย

จุดดำน้ำที่ยังสมบูรณ์ พวกเก่าๆ คงพอรู้ๆกันอยู่ ไม่บอกใครหรอก เก็บไว้...... ตราบใดที่ภาครัฐยังไม่เข้มแข็ง ควบคุมทั้งเรือและนักดำน้ำไม่ได้ ก็ยังไม่น่าจะเปิดจุดใหม่ๆ ให้ไปกัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



เก็บที่สวยๆไว้เชยชมกันเองนิ....น้องกบ....

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 26-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ปิดแหล่งดำน้ำ 7 อุทยานฯ ........................ วินิจ รังผึ้ง



ผมเพิ่งกลับมาจากดำน้ำสำรวจแนวปะการังบริเวณหมู่เกาะสิมิลัน เกาะบอน เกาะตาชัย และกองหินริเชริว จังหวัดพังงา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าน่าเศร้าใจครับที่ปะการังส่วนใหญ่ราวร้อยละ 70-80 ต้องตายไปเนื่องจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวอันเกิดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นเกินกว่า 30 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานถึง 2-3 เดือนเมื่อราวกลางเดือนเมษายน 2553 ที่ผ่านมา ทั้งที่ปรกติมันจะอยู่ราว 27-28 องศาเซลเซียส อันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งรุนแรงและกินพื้นที่กว้างขวางมากที่สุดของท้องทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันเท่าที่เคยพบเห็นหรือเคยศึกษากันมา ปะการังเกิดการฟอกขาวเพราะสาหร่ายซูแซนเทลลี่ที่ผสมอยู่ในเนื้อเยื่อปะการัง มีหน้าที่สังเคราะห์แสงให้พลังงานแก่ปะการังเกิดทนอุณหภูมิที่เปลี่ยน แปลงอย่างมากมายไม่ไหว มันก็จะแยกตัวหลุดออกจากตัวปะการัง ที่สุดปะการังก็จะตายลง

ตอนนี้ปะการังที่ฟอกขาวเมื่อ 8-9 เดือนก่อนเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ตายสนิท เหลือไว้เพียงซากโครงสร้างปะการังที่เป็นหินปูนสีน้ำตาลดำโทรมๆ ดูเหมือนอาคารร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อาศัย เมื่อหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน เมืองทั้งเมืองเกิดพิบัติภัยจนผู้คนที่อาศัยอยู่ล้มหายตายจากไปเกือบหมด บ้านก็กลายเป็นบ้านร้าง เมืองก็กลายเป็นเมืองร้าง ชีวิตอื่นๆที่อาศัยกิ่งก้านปะการังอยู่ ก็ไม่สามารถจะอาศัยอยู่ได้ในบ้านร้าง ชุมชนร้าง ฝูงปลาเล็กๆ เช่นปลาทอง ปลาบู่ทะเล ปลาสลิดหิน ที่เคยอยู่อาศัยกันเป็นกลุ่มตามกอปะการัง กุ้ง หอย ปู ปลาขนาดเล็กๆ ที่เคยใช้ปะการังเป็นบ้าน ก็พลอยหายหน้าหายตาไปด้วย ปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยแวะเวียนเข้ามาหาปลาเล็กกินเป็นอาหารก็พลอยหายหน้าหายตา ล้มหายตายจากไปด้วยเพราะไม่มีอาหารจะกิน ทุกอย่างส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงกันไปหมด



ความตายและการเสื่อมโทรมของแนวปะการังครั้งใหญ่ของทะเลไทยครั้งนี้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ศึกษาข้อมูลร่วมกันแล้วก็ได้ประกาศปิดพื้นที่แหล่งดำน้ำบางจุดใน 7 อุทยานแห่งชาติงดกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง เพื่อจะได้ไม่เป็นการเข้าซ้ำเติมธรรมชาติให้เสื่อมโทรมมากเข้าไปอีก โดยมีจุดดำน้ำที่ปิดให้ธรรมชาติพื้นฟูมีดังนี้
1. อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง บริเวณเกาะเชือก
2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จ.สตูล บริเวณเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะบุโหลนรังผึ้ง
3. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล บริเวณเกาะตะเกียง เกาะหินงาม เกาะราวี หาดทรายขาว เกาะดง
4. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะมะพร้าว
5. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณแนวปะการังบริเวณหินกลาง
6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา บริเวณอ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม เกาะสตอร์ค หินกอง อ่าวผักกาด และแนวปะการังหน้าที่ทำการอุทยาน
7. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา บริเวณอ่าวไฟแว๊ป และอีส ออฟ อีเด็น

ในความเห็นของผมนั้นการจะประกาศปิดพื้นที่ส่วนใด เพื่ออะไร ควรจะมีการศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อนว่า การเข้าไปดำน้ำของนักดำน้ำโดยเฉพาะดำน้ำลึกแบบสกูบานั้น เข้าไปมีผลกระทบหรือสร้างความเสียหายกับแนวปะการังมากน้อยเพียงใด หรือนักดำน้ำและกิจกรรมดำน้ำนั้นเป็นเพียงจำเลย หรือข้ออ้างเพื่อเป็นทางออกของปัญหาเท่านั้น เพราะผมเชื่อว่านักดำน้ำแบบสกูบ้านั้นส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจที่จะช่วยกันดูแลรักษาแนวปะการังและโลกใต้น้ำด้วยกันทั้งนั้น ส่วนที่น่าเป็นห่วงก็คงเป็นทัวร์ดำน้ำตื้นแบบสนอร์เกิ้ลที่มีผู้คนหลากหลาย บางคนมีประสบการณ์ดำน้ำมาบ้าง บางคนไม่เคยลงดำน้ำมาเลย พอสวมเสื้อชูชีพได้สวมหน้ากากสนอร์เกิ้ลได้ก็ลงไปแหวกว่ายดำน้ำดูปะการัง พอเหนื่อยก็หาที่เยียบยืนเพื่อพักหายใจบนก้อนปะการัง บนโขดปะการัง ซึ่งจะทำให้ปะการังตายหรือแตกหักเสียหายได้ ยิ่งเมื่อแนวปะการังป่วยไข้เช่นในปัจจุบัน ก็ยิ่งมีความอ่อนไหวบอบบาง ดังนั้นแหล่งดำน้ำดูปะการังบริเวณน้ำตื้นๆที่นักท่องเที่ยวสามารถเยียบยืนถึงนั้น ก็ควรจะปิดและงดเว้นกิจกรรมบริเวณนั้นเสีย หรืออาจจะทำแนวทุ่นลอยป้องกันไว้ให้นักดำน้ำเข้าไปชมได้เฉพาะแนวระดับน้ำที่ต้องลอยตัวดูเท่านั้น



ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวและล้มตายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งนี้ นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับท้องทะเลไทย ซึ่งสาเหตุเกิดจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์ทุกคนบนโลกมีส่วนร่วมกันสร้าง ร่วมทำมันขึ้นมา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ใหญ่โตและรุนแรงเกินกว่าใครคนใดคนหนึ่ง หรือมาตรการเยียวยาเพียงมาตรการใดมาตรการหนึ่งจะสามารถแก้ไขได้ นอกจากความร่วมมือของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันลดภาวะโลกร้อนจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ลดการใช้ทรัพยากรของโลกลง ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจกอันเป็นปัจจัยสำคัญก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่วนหนทางที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูแนวปะการังที่ดีที่สุดก็คือการให้เวลากับธรรมชาติ เพื่อปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยารักษาตัวเองเท่านั้น มาตรการฟื้นฟูอื่นๆ เช่นแนวคิดการปลูกปะการัง หรือย้ายปะการังเข้าไปช่วยปลูกซ่อมแซมอย่างที่บางคนเสนอนั้น อย่าทำเลยครับ เพราะคงไม่สามารถช่วยอะไรกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ การตัดกิ่งปะการังจากที่หนึ่งเพื่อย้ายมาปลูกก็เหมือนการก่อให้เกิดการทำลายขึ้นใหม่ในจุดนั้น และเมื่อนำมาลงปลูกส่วนใหญ่ก็จะตาย และหากรอดได้ก็จะไม่แข็งแรงเหมือนอย่างที่ไข่ปะการังจากธรรมชาติจะเลือกทำเลฝังตัวและก่อเกิดขึ้นเป็นหมู่ปะการังและแนวปะการังอย่างที่เราเห็นกัน การปลูกปะการังนั้นไม่มีใครทำได้หรอกครับนอกจากท้องทะเลและธรรมชาติเท่านั้น

การเสนอปิดอุทยานทางทะเลแห่งนั้นๆไปเลยตามข้อเสนอของบางฝ่าย ซึ่งเป็นเสมือนการกันคนออกไปจากธรรมชาติอาจจะไม่ใช่หนทางแก้ไขที่ถูกต้อง แต่บางครั้งเมื่อคนไข้อาการหนักก็อาจจำเป็นต้องงดเยี่ยมกันบ้างเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน ได้พักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงเสียก่อน จึงค่อยเปิดให้เยี่ยมเยี่ยน การประกาศปิดเฉพาะจุดที่วิกฤตินั้นน่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมกว่า เพราะการประกาศปิดพื้นที่ทั้งอุทยานไม่ให้คนย่างกรายเข้าไปศึกษาเข้าไปท่องเที่ยวเลยนั้น เป็นการปิดกั้นไม่ให้ผู้คนเข้าไปรู้เข้าไปเห็นปัญหา ปิดกั้นไม่ให้ผู้คนเข้าไปมีส่วนร่วม ก็อาจจะทำให้คนที่รักและห่วงใยท้องทะเลไม่เห็นความสำคัญของปัญหาและอาจจะลืม เลือนเลิกคิดถึง เลิกห่วงใย เลิกเอาใจใส่ไปเลยก็เป็นได้ เมื่อท้องทะเลเกิดปัญหาเกิดวิกฤติ เราก็ควรจะใช้วิกฤติครั้งนี้สร้างจิตสำนึกให้ทุกฝ่ายร่วมกันมองเห็นความ สำคัญของปัญหา ร่วมกันปกป้องดูแลรักษาแนวปะการังและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ใช้โอกาสให้นักดำน้ำที่เข้าไปดำน้ำในจุดที่ยังไม่ประกาศปิดมีส่วนช่วยกัน เป็นอาสาสมัครรายงานข้อมูลหรือภาพถ่ายการเปลี่ยนแปลง เพื่อศึกษาวิจัยถึงระยะเวลาของการฟื้นตัวของแนวปะการังและสรรพชีวิตใต้ท้องทะเล เพื่อนำมาเป็นประโยชน์ต่อแนวปะการังและท้องทะเลไทยต่อไปในอนาคตน่าจะเป็นทางออกที่ดีในยามนี้




จาก ..................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 25 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 26-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


งดดำน้ำในอุทยาน 7 แห่ง ฝ่าฝืนมีโทษปรับ



กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตือนนักท่องเที่ยวงดดำน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติที่ประกาศทั้ง 7 แห่ง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด ตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท

นายศรัณย์ ใจสอาด ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่และตรวจตราไม่ให้มีนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนลงดำน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติที่ประกาศงดกิจกรรมดำน้ำทั้ง 7 แห่ง ในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เพื่อให้ปะการังที่เสียหายฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง โดยเร่งจัดทำทุ่นสีขาวล้อมรอบบริเวณจุดที่ประกาศงดกิจกรรมดำน้ำให้ครบทุกแห่ง พร้อมจัดทีมเรือลาดตระเวนไปยังจุดต่าง ๆและถอดทุ่นผูกเรือเพื่อไม่ให้เรือนักท่องเที่ยวมีจุดแวะพัก ซึ่งหากพบนักท่องเที่ยวลงดำน้ำในจุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตักเตือน และในสัปดาห์หน้าจะเริ่มทำการเปรียบเทียบปรับผู้ที่ฝ่าฝืนตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท.




จาก ..................... ข่าว อสมท. MCOT News วันที่ 26 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 26-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


ภาพจาก FB ของ ดร.เนะ นลินี ทองแถม



"อุทยานประกาศปิดพื้นที่แนวปะการังบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมีการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปดำน้ำเหมือนเดิม บรเวณหินกลาง หมู่เกาะพีพี ที่ๆเคยมีปะการังสวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เหลือปะการังไม่ถึง 30%

สังคมควรจะทำอย่างไรกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ และผู้ประกอบการที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้

ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมรังเกียจพฤติกรรมของมัน..."

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #10  
เก่า 26-01-2011
ดอกปีบ's Avatar
ดอกปีบ ดอกปีบ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ข้อความ: 693
Default

เราน่าจะช่วยกันรณรงค์โดยให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ประสบเหตุการณ์อย่่างข้างบน รวบรวมภาพ หรือข้อมูล เอามาโพสผ่านสื่อให้เห็นกันชัดๆเลยทีเดียว ระบุ วันเวลาสถานที่เสร็จสรรพ

อย่างน้อยน่าจะกระตุ้นหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ขยันตรวจตราสอดส่องได้บ้าง ..
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow

You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:44


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger