เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 26-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



อย่างที่น้องดอกปีบพูดนั้น ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "ประจาน" นะคะ

เห็นด้วยค่ะว่าเราไม่ควรจะนั่งดูเฉยๆ ปล่อยให้คนเห็นแก่ตัวมาทำลายทรัพยากรธรรมชาติของเรา โดยเราไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วค่อยมานั่งเสียใจ เสียดายของดีๆในภายหลัง

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 26-01-2011
sea addict sea addict is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Jul 2009
ข้อความ: 29
Default

ผมหวังเพียงว่าเมื่อประกาศปิดแล้วก็ขอให้ปิดได้จริงๆ ที่ผ่านมาผลงานจากการปิดจุดดำน้ำยัง

ไม่ค่อยดีนัก เพียงแฟนตาซีจุดเดียวยังมีการลักลอบดำกันบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่ม VIP (Very

Idiot Porson) ทั้งหลาย ผู้ที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้หลายคนอาจมีคำถามว่าการปิดจุดดำ

น้ำแล้วปะการังจะฟื้นตัวได้อย่างไร การดำน้ำแบบscuba มีผลกระทบต่อแนวปะการังจริงหรือ

ผมขออนุญาติอธิบายความเป็นส่วนๆตามความคิดของผมโดยอ้างอิงจากสิ่งที่ควรจะเป็นอีกที

1 ระดับการดำน้ำและจิตสำนึกอนุรักษ์ การดำน้ำแบบ scuba มีผลกระทบแน่นอน

โดยเฉพาะนักดำน้ำมือใหม่ๆ ซึ่งการทำ bouyancy control ยังไม่ดีนัก ซึ่งในพื้นที่ๆมี

ประกาศปิด มักจะเป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่มีเซิร์จโยนตัวขึ้นลง โอกาสที่นักดำเหล่านี้จะสัมผัส

กระแทก หรือเตะฟินโดนปะการังจึงมีสูง และตราบใดที่ยังไม่สามารถจัด zone ดำน้ำโดย

จำกัดระดับหรือประสบการณ์ดำน้ำที่จะดำในแต่ละจุดได้ การที่จะเอานักดำน้ำที่ไร้ประสบการณ์

ไปดำน้ำในแหล่งปะการังที่มีความอ่อนไหวนั้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ใน

ส่วนของจิตสำนึกนั้นยิ่งเป็นความยากลำบากในการตรวจสอบ นักดำน้ำระดับครูอาจมีจิตสำนึก

ที่น้อยกว่าเด็กสมัยใหม่ก็ได้ ทั้งนี้การปิดไม่ให้มีกิจกรรมการดำน้ำไม่ว่าจะเป็น scuba หรือ

snorkel ในพื้นที่ที่มีความล่อแหลมต่อการเสื่อมโทรมควรจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลด

ความเสี่ยงต่อแนวปะการัง

2 การทิ้งน้ำเสียหรือของเสียหรือกิจกรรมอื่นๆที่สืบเนื่องจากการดำน้ำ ตามที่กล่าวมา

ในข้อ 1 คือแนวปะการังแข็งที่ประกาศปิดส่วนใหญ่เป็นแนวปะการังน้ำตื้น แน่นอนเหลือเกินว่า

ความอ่อนไหวจะต้องสูง การสัมผัสน้ำทิ้งหรือของเสียเหล่านี้ย่อมง่ายกว่า ยกตัวอย่าง ในแนว

ปะการังที่น้ำลึกมาก หรือกองหิน การทิ้งน้ำเสียหรือของเสียลงจากเรือกว่าจะลงถึงผิวแนวก็จะ

โดนกระแสน้ำพัดไปไกลจากแนวแล้ว ส่วนในน้ำตื้นของเสียเหล่านี้จะตกลงบนแนวโดยที่กระแส

น้ำยังไม่สามารถพัดพาออกไปได้ นอกจากนี้ยามว่างจากการดำน้ำหรือเพื่อนๆที่ไม่ได้ดำน้ำ

อาจถือโอกาสให้อาหารปลาเพื่อคววามเพลิดเพลิน ปลากินสาหร่ายที่ปกคลุมปะการังก็มากิน

โต๊ะจีนและละเลยหน้าที่ตัวเอง เป็นผลกระทบหลายชั้นต่อแนวปะการัง การปิดพื้นที่ก็จะช่วย

ลดความเสี่ยงในส่วนนี้ลงไปได้ในระดับหนึ่ง

3 กิจกรรมดำน้ำบางลักษณะซึ่งต้องทำในบริเวณน้ำตื้นๆ และมีแนวปะการังโดยเฉพาะพื้นที่ๆ

ประกาศปิดนั้น เป็นอันตรายต่อแนวปะการังและรบกวนการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง

เช่นกิจกรรม night dive ซึ่งโดยทั่วไปจะทำในที่ตื้น ซึ่งการดำน้ำในที่ตื้นนั้นปกติก็ส่งผล

กระทบอยู่แล้วยิ่งมาดำ night dive ซึ่งทัศนวิสัยจำกัดทำให้การควบคุมการลอยตัวก็ลำบาก

โดยเฉพาะพวกที่ลักไก่เอาเด็กนักเรียนลงดำ จะสร้างความเสียหายต่อแนวปะการังได้มาก เป็น

พิเศษ ในความเป็นจริงเรายังไม่มีความสามารถในการคัดกรองการลักไก่เช่นนี้ได้ ดังนั้นการปิด

พื้นที่เพื่อลดการกระทำเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ

4 การปิดพื้นที่ซึ่งหมายถึงการหยุดกิจกรรมทุกอย่างในพื้นที่นั้นที่ล้วนเป็นการลดผลกระทบ

ต่อแนวปะการังที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรมีการเสริมกำลังในการ

ตรวจตรา และสนับสนุนให้มีการติดตามตรวจสอบหรืองานวิจัยควบคู่กันไป ไม่ใช่ปิดดำน้ำแล้ว

ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ก็หวานพวกประมงเขาล่ะ

และสุดท้ายอย่างที่ผมเคยบอกย้ำบ่อยๆคือปิดแล้วก็ต้องปิดให้จริง การช่วยลดผลกระทบ

เหล่านี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อาจกระทบต่อผู้มีธุรกิจด้านนี้บ้างแต่ควรยอมเสียเล็กๆน้อยๆบ้าง

เพื่อให้วันข้างหน้าสิ่งเหล่านี้จะอยู่คู่ลูกหลานเราต่อไป ผู้ประกอบการบางท่านอาจมั่นใจใน

มาตรฐานการบริการ และจิตสำนึกการอนุรักษ์ของท่านเอง ซึ่งในส่วนนี้ผมก็อนุโมทนาด้วย แต่

ท่านอื่นๆที่ไม่เป็นอย่างท่านนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี ดังนั้นการปิดเพื่อป้องกันคนเหล่านี้ไม่ให้มาซ้ำ

เติมทรัพยากรจึงเป็นสิ่งควรทำครับ ผมจะยกตัวอย่าง มีคนดี 100 คนปลูกต้นไม้ 100 ต้นให้

โตขึ้นใช้เวลา 10 ปี แต่หากจะทำลายละก็ มีแค่คนชั่ว 1 คนก็สามารถตัดต้นไม้ทั้ง 100 ต้นลง

ได้ในเวลาแค่ 1 วัน ในหมู่ท่านทั้งหลายแน่ใจหรือว่าจะไม่มีคนชั่วแทรกซึมหากินอยู่ ดังนั้น

ช่วยๆกันเถอะครับเพื่อทะเลของเรา
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 26-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะน้อง sea addict.....เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าปิดแล้วก็ขอให้ปิดจริงๆอย่าให้ใคร (ไม่ว่าจะวิเศษวิโสหรือใหญ๋แค่ไหน) เข้าไปทำกิจกรรมรบกวนแนวปะการังนั้นอีกเลย

น้อง sea addict ได้ยกตัวอย่างจุดดำน้ำ Fantasy Point ที่เกาะแปด สิมิลัน ซึ่งถูกประกาศปิดไปเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ก็ยังมีคนเส้นใหญ่ขอลงดำอยู่เรื่อยนั้น เคยเห็นคนใช้เส้น ไปลงดำน้ำที่นี่แล้วมาคุยฟุ้งอวดคนอื่นแล้ว ก็รู้สึกทนไม่ได้เหมือนกัน

เราเองได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานฯ ให้เข้าไปทำงานปล่อยสัตว์น้ำ เก็บขยะและตัดอวนในเขตอุทยานฯที่สิมิลัน แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เราลงดำน้ำที่ Fantasy Point ได้ เราก็ยังปฏิเสธที่จะลงดำน้ำ เพราะเกรงจะพลาดพลั้งไปทำร้ายแนวปะการังที่กำลังฟื้นคืนดี

ช่วยอะไรกันได้ก็รีบช่วยเถิดนะคะ...ก่อนที่จะไม่เหลือแนวปะการังสวยๆให้เราได้ชื่นชม....
__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 26-01-2011 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 26-01-2011
angel frog angel frog is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 326
Default

พวกที่ เขาปิดแล้วยังไปแอบลงเนี๊ยะ น่าจะจับไปขัง แล้วลืมๆไปซะ 30 ปี ...นะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 26-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


บทความของ อ.บอย ใน fb เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554



ปะการังฟอกขาว เราช้าในมิติของการศึกษา การจัดการเตรียมรับสถานการณ์ และการจัดการทรัพยากร


วันนี้ มีข่าวกรมอุทยานฯ จะปิดอุทยานแห่งชาติ เป็นเรื่องฮือฮากันมาก

แต่สำหรับผม มันช้าไปหน่อย

นักวิชาการเตือนก่อนหน้านี้นานแล้ว ว่าสถานการณ์ปะการังฟอกขาววิกฤตมาก จะต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่ในช่วงที่ผ่านมา กรมอุทยานฯเอง ก็ไม่มีความชัดเจนในการประเมินสภาพปัญหา และการรับรู้สภาพปัญหาเพื่อเตรียมการรองรับ

นักวิชาการพร้อมที่จะช่วยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่ก็ได้แต่คุยกันไปมา

ในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีงบประมาณทำงาน

ทุกวันนี้ เราจึงยังไม่สามารถสำรวจได้ทุกพื้นที่

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีงบประมาณก็ค่อยๆทำไป

แต่นักวิชาการที่พร้อมจะช่วยเหลือ ไม่มีงบประมาณ ได้แต่เฝ้าดู

เป็นเรื่องน่าเสียดาย เรามีคนพร้อมจะทำงาน แต่ไม่มีโอกาส


พวกเราจัดประชุมกันเพื่อระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการทุกสถาบัน และออกเงินไปก่อนล่วงหน้า ตั้งแต่เดือนตุลาคม ชี้แจงให้เห็นปัญหาของปะการังฟอกขาว เงินที่สำรองจ่ายไปแล้ว เพิ่งจะออกมาจากกรมฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นเงินของการประชุม ไม่ใช่เงินค่าใช้จ่ายในการสำรวจ การสำรวจก็ต้องออกไปเองก่อน แล้วค่อยตามเบิกทีหลัง

ในมิติของการเตรียมการรองรับสถานการณ์ เรารู้แล้วว่าสถานการณ์จะเลวร้าย ปะการังหลายบริเวณตายไปตั้งแต่เดือนกันยายน ตุลาคมที่ผ่านมา และเราก็ทำนายผลกระทบจากการท่องเที่ยวไว้แล้ว แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้เตรียมการอะไรเลยที่จะบรรเทาผลกระทบ เช่น ถ้าต้องปิดจุดดำน้ำ แล้วจะทำอย่างไรต่อ

ข้อเสนอแนะ เช่น การจัดทำปะการังเทียมเพื่อชดเชยแหล่งดำน้ำ ให้ปลาเข้ามาอยู่อาศัย ก็ยังถกเถียงกันว่า ปะการังเทียมเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นขยะ นักวิชาการในกรมอุทยานแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้สร้าง อีกฝ่ายไม่ให้สร้าง

หรือ ถ้าเราต้องปิดอุทยานแห่งชาติจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะปิดทุกแห่ง แนวปะการังหลายบริเวณก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี อย่างหมู่เกาะอาดัง ราวี ก็ยังมีสภาพที่ดีอยู่ ยังรองรับนักท่องเที่ยวได้ ยกเว้นบริเวณหาดทรายขาว ของเกาะราวี จะต้องปิด และต้องไม่ไปพัฒนาสิ่งก่อสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ร้านอาหาร ที่พัก ในบริเวณหาดทรายขาว ทุกวันนี้ หาดทรายขาวเปิดท่องเที่ยวกันอย่างไม่สนใจว่าแนวปะการังตรงนั้นตายไปแล้ว ต้องการการดูแลให้มันฟื้นตัวเอง ไม่ใช่การซ้ำเติม


หมู่เกาะสุรินทร์ ถือว่าวิกฤติหนักที่สุด ถ้าจะต้องปิดทั้งอุทยานฯก็ต้องปิด เพราะเสียหายมากที่สุด แต่ถ้ากลัวผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว ก็ต้องกำหนดกิจกรรม กำหนดสถานที่ให้เหมาะสม


ส่วนสิมิลันนั้น จุดดำน้ำลึกยังพอมีให้ใช้ได้ แต่ไม่ทุกจุด และต้องควบคุมอย่างเข้มงวด อย่าไปสร้างปัญหาซ้ำเติม จากของเสียจากเรือ การเหยียบย่ำ การให้อาหารปลา การทิ้งเศษอาหารลงทะเล

ส่วนจุดดำน้ำตื้น และบริเวณที่เป็นแนวปะการังแข็งทั้งหมดของหมู่เกาะสิมิลัน ต้องปิด เช่น เกาะหนึ่ง เกาะสอง เกาะสาม ต้องปิดอยู่แล้วเพราะเป็นเขตสงวนอย่างเข้มงวด แต่ที่ต้องปิดเพิ่มเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 3 ปี ได้แก่ ทางฝั่งตะวันออกของเกาะแปด เกาะเจ็ด


หมู่เกาะพีพี ต้องปิดหลายบริเวณ เช่น บริเวณที่ตื้นของเกาะไผ่ เกาะกลาง แนวปะการังทางทิศตะวันออกของเกาะพีพีดอนตั้งแต่ใต้อ่าวต้นไทรไปจนถึงแหลมตง และอ่าวมาหยา เกาะพีพีเล

ในภาพรวมของการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามัน เราอาจจะต้องย้ายนักท่องเที่ยวลงไปทางหมู่เกาะอาดัง ราวี และใช้มาตรการต่างๆควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสร้างความเสียหาย ต้องส่งคนลงไปดูแลมากขึ้น เรือตรวจ ทุ่นจอดเรือ


ส่วนในมิติของการจัดการทรัพยากร...

วันนี้ ต้องยอมรับกันว่า ประเทศไทย ใช้คนที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ไปบริหารจัดการแนวปะการัง อย่างเช่น แนวปะการังของประเทศอยู่ในอุทยานแห่งชาติเกือบครึ่ง

แต่ถามว่า วันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ มีทีมงานที่รู้เรื่องแนวปะการัง และการจัดการแนวปะการังหรือเปล่า หัวหน้าอุทยานฯแห่งชาติ เข้าใจหรือเปล่าว่าจะจัดการแนวปะการังอย่างไร

ทุกวันนี้ ได้แต่บอกว่า รอนักวิชาการข้างนอกเข้าไปสำรวจ แต่ถามว่า มีงบประมาณให้นักวิชาการทำงานหรือเปล่า

แล้วทำไม เจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์กันเองไม่ได้ แค่ลงน้ำไปก็รู้แล้วว่าปะการังตรงไหนตายบ้าง เว้นแต่ว่า ไม่มีคนที่รู้จักปะการังว่า ลักษณะไหนที่ยังมีชีวิต ลักษณะไหนที่ตายแล้ว และยังประกาศออกสื่อว่าปะการังหายจากการฟอกขาวแล้ว พร้อมรับนักท่องเที่ยว ทั้งๆที่ความจริง คือ ปะการังหายฟอกขาว แต่ตายแบบยืนต้น ตายเกือบหมดทั้งอ่าว

ในช่วงที่ผ่านมา นักวิชาการต้องขอเข้าไปดูไปศึกษา ออกเงินเข้าไปทำงานกันเองทั้งค่ารถ ค่าเรือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ และเมื่อมีข้อมูลออกมาแล้วก็ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งนักท่องเที่ยวเข้าไปเห็นเอง เผยแพร่ออกมาตามสื่อต่างๆ เจ้าหน้าที่ถึงได้มีการตื่นตัว


การบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติในทุกวันนี้ เราเน้นแต่การบริหารจัดการคน บริหารจัดการนักท่องเที่ยว บริหารจัดการเงินรายได้ต่างๆ ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวพึงพอใจ ทำอย่างไรจะมีนักท่องเที่ยวมาพัก แล้วเกิดความสบาย ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมีอาหารทะเลกิน และทำอย่างไรถึงจะเก็บเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ เข้ารัฐ และยังค่าอาหาร ค่าที่พัก ที่อยู่นอกระบบอีกเท่าไร การพัฒนาบนเกาะต่างๆเกิดขึ้นมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และมีเป้าหมายเพื่อหารายได้ แต่ทรัพยากรใต้น้ำ ไม่ค่อยสนใจจะดูแล

ที่ร้ายที่สุด คือ การพัฒนาต่างๆของอุทยานแห่งชาติเอง ที่สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการัง ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านอาหาร ที่พัก ห้องน้ำ ห้องส้วม ที่อยู่บนเกาะที่มีแนวปะการัง ล้วนแล้วแต่สร้างปัญหาให้กับคุณภาพน้ำทะเลของแนวปะการังทั้งสิ้น หาดทรายขาวที่เกาะราวี อช. ตะรุเตา เป็นตัวอย่างล่าสุดที่ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

สุดท้าย อยากทราบจริงๆ ว่า.... กรมอุทยานแห่งชาติ มีแนวทางการคัดเลือกหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลต่างๆอย่างไร คนที่จะมาเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเล ควรมีความรู้และประสบการณ์อะไรบ้าง

ทุกวันนี้กลายเป็นว่า ส่งใครก็ได้ที่สามารถบริหารจัดการคน และงบประมาณเข้าไปเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเล


น่าเสียดายที่เราจำใจ... ต้องฝากฝังทรัพยากรธรรมชาติที่ดีที่สุดของประเทศและภูมิภาค ..... ไว้ในมือของกลุ่มคนที่ไม่รู้จักแนวปะการังเลย

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 26-01-2011
Thoto_Dive Thoto_Dive is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Dec 2010
ข้อความ: 78
Default

ผมมีโอกาสได้ไปนั่งฟังการสัมนาเรื่อง "วิกฤติทรัพยากรธรรมชาติแหล่งท่องเที่ยว : สิทธิและทางออกเพื่อความยั่งยืน"
โดยมีผู้แทนจากอธิบดีกรมอุทยาน ท่านมาเพื่อตอบปัญหาปะการังฟอกขาวโดยเฉพาะ แค่ประโยชน์ที่ท่านแนะนำตัวก็ทำให้ผมสั่นสะท้าน

"ผมเป็นอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะเสม็ดและเกาะช้าง"

คงไม่เอ่ยต่อ แค่จินตนาการ หมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน กลายเป็นแบบเกาะเสม็ดกับเกาะช้าง!!!!
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 27-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ชี้ปิดเขตอุทยานฯป้องกันแนวปะการัง ท่องเที่ยวป่วน


นายนพดล ทองเกิด ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมที่จะปิดอุทยานบางแห่งในพื้นที่ฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพื่อป้องกันแนวปะการังเสียหาย หลังเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ทำให้ปะการังได้รับความเสียหายหลายแห่ง โดยในส่วนของจังหวัดกระบี่ เช่น ที่อ่าวมาหยา และอ่าวต้นไทร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของเกาะพีพี และเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ขึ้นชื่อ

ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะพีพีกล่าวว่า การประกาศปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังในเขตอุทยานฯ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพีและจังหวัดกระบี่อย่างแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวที่มาเกาะพีพี ส่วนใหญ่จะเดินทางไปที่อ่าวมาหยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และบริเวณดังกล่าวก็มีปะการังน้ำตื้นที่สวยงามอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่อ่าวมาหยา เฉลี่ยวันละ 800-1,000 คน หากมีการปิดอุทยานฯ ก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแน่นอน “การปิดอุทยานฯ ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะเท่าที่ตนติดตามข่าวสารมาโดยตลอดพบว่าปะการังเสียหาย เกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปี แล้ว ทำไมทางอุทยานฯไม่ปิดในตอนนั้น กลับมาปิดในช่วงฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งตนเห็นว่ามีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน

ขณะที่นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวทำนองเดียวกันว่า ในส่วนของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่กรมอุทยานฯจะปิดอุทยานฯในฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะพีพี ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ปะการังอยู่รอด ธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ได้ ควรจะมีการแบ่งโซนพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยว โดยการสลับหมุนเวียนกัน ไม่ใช่ปิดพร้อมกันทุกจุด เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำคัญส่วนใหญ่ของจังหวัดกระบี่อยู่ในเขตอุทยานฯ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ จะเดินทางไปท่องเที่ยวทางทะเล ดำน้ำดูปะการัง และพักผ่อนตามชายหาด หากว่าทางกรมอุทยานฯประกาศปิดอุทยานฯ ก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่โดยตรง และเชื่อว่าผลที่ตามมาจากการปิดอุดทยานฯ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป ประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่รู้จะมาดูอะไร.




จาก ..................... เดลินิวส์ วันที่ 27 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 27-01-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Unhappy



ที่กระบี่....เขาสั่งปิดเฉพาะที่หินใหญ่เท่านั้นนี่คะ.....ไหง๋ไพล่ไปพูดถึงปิดอ่าวมาหยาและอ่าวต้นไทรด้วยล่ะนี่....


อืมมมม.....แต่ที่มาหยากับอ่าวต้นไทรมันก็น่าจะปิดจริงๆซะด้วยสิคะ....

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 27-01-2011
moeak moeak is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2010
ข้อความ: 40
Default

เมื่อวานดูข่าว เห็นเจ้าหน้าทีกำลัง วางทุ่นปิดไม่ให้ใช้พื้นที่

ก็ยังมีเรือพาคนไปลงต่อหน้าต่อตา แต่ก็โดนปรับ ไปคนละ 500 บาท เอง

น่ามีบทลงโทษไอคนพาไปหนักหน่อยนะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #10  
เก่า 27-01-2011
ดอกปีบ's Avatar
ดอกปีบ ดอกปีบ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ข้อความ: 693
Default

อาจารย์ศักดิ์อนันต์พูดได้ตรงประเด็นมากเลยครับ .. และผมก็เห็นแบบนั้นเสียด้วย

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ผมว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รวมถึงตัวผมด้วย ลืมไปว่าทะเลหรือทรัพยากรธรรมชาติทุกอย่างมัีนละเอียดอ่อนกว่าที่เราคิดมากนัก

ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งนี้น่าจะสะท้อนหลายๆเรื่องว่า ต้องมีการจัดการการท่องเที่ยวกันอย่างเป็นระบบและอนุรักษ์มากขึ้น รวมถึงมีการคัดเลือกบุคคลกรที่เหมาะสมในทุกๆเรื่องจริงๆ
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow

You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger