เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฏาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8 ? 9 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบบริเวณภาคเหนือ ตะวันออก และภาคใต้

ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 14 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12 ? 14 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ล่องเรือ''เก็บขยะ''ครั้งใหญ่สุด .............. คอลัมน์ พุ่มไม้ใบบัง โดย ร่มธรรม ขำนุรักษ์

อาสาฮาวายล่องเรือลุยเก็บขยะทะเลครั้งใหญ่สุดจากแพขยะแปซิฟิกใช้เวลา 48 วัน ได้ขยะอื้อ เจอสัตว์ตายเพราะขยะเพียบ ชวนตระหนักปัญหาขยะทะเล



''เรือล่าขยะ'' ออกเดินทางเก็บขยะ 48 วันที่แพขยะใหญ่แปซิฟิก ได้ขยะกลับมาถึง 103 ตัน พบทั้งอวนหาปลาและขยะพลาสติกอื่น!

เมื่อวันที่?23?มิถุนายนที่ผ่านมาเรือของทาง?Ocean Voyages Institute?ได้กลับมาจากแพขยะใหญ่แปซิฟิก?(Great Pacific Garbage Patch)?หลังจากออกล่าขยะในถึง?48?วัน?เพื่อช่วยทำความสะอาดหมาสมุทร?โดยพบทั้งอวนตกปลาและขยะพลาสติกอื่น?ๆ?ซึ่งหลังจากการเดินทางได้ขยะกลับมาถึง?103?ตัน?

Mary Crowley?ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ?Ocean Voyages Institute?กล่าวว่า?"พวกเขาประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่จะนำขยะพลาสติกและอวนที่ถูกทิ้งร้างออกจากมหาสมุทร?100?ตัน?เพื่อช่วยฟื้นฟูมหาสมุทรที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพของโลกและเรา"

"หากปล่อยไว้อวนและเหล่าพลาสติกต่าง?ๆ?จะแตกตัวออกเป็นไมโครพลาสติก?ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของมหาสมุทรและทำให้ห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทรซึ่งมีความเปราะบางเป็นพิษ"



Ocean Voyages Institute?ใช้ดาวเทียม?GPS?ในการติดตามอวนที่ทิ้งร้างตั้งแต่ปี?2018?ซึ่งการติดตามอวนร้างหนึ่งอันสามารถนำพาไปสู่อ้วนร้างถัดไปและขยะชิ้นอื่น?ๆ?ได้?

แพขยะใหญ่แปซิฟิกอยู่ระหว่างฮาวายและแคลิฟอร์เนีย?เป็นบริเวณที่มีขยะพลาสติกอยู่มากที่สุดในโลก!!?อย่างไรก็ตาม?Ocean Voyages Institute?มีแผนที่จะออกเดินทางล่าขยะในบริเวณดังกล่าวอีกต่อไปเรื่อย?ๆ! "งานที่ทำจะช่วยให้มหาสมุทรมีสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับโลกใบนี้?และชีวิตที่ปลอดภัยของสัตว์ทะเล?จะไม่มีอวนที่เข้าไปทำร้ายวาฬ?โลมาเต่า?หรือปะการังอีก" Crowley?กล่าว

ทั้งนี้ถึงเราจะมีผู้ที่ช่วยทำความสะอาดมหาสมุทรแล้ว?แต่ขยะพวกนี้คงไม่หมดไปหากเราหมั่นเติมมันเข้าไปในทุก?ๆ?วันเราควรช่วยการลด?ละ?เลิก?การใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็นและให้เป็นที่?เพื่อเพื่อนร่วมโลกและตัวของเราเอง?อย่างที่เพื่อนๆ?ทราบกันดีว่าภัยพลาสติกได้คืบคลานมาอยู่ใกล้ตัวมนุษย์มากขึ้นแล้ว?

ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจอย่างมาก?โดยเราเองสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะด้วยกันโดยการลดสร้างขยะ?ใช้ซ้ำเก็บ?แยก?ทิ้งขยะให้ถูกที่?ทุกภาคส่วนร่วมกัน


https://www.dailynews.co.th/article/783599

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


นักสิ่งแวดล้อม ทช. แนะปลูกป่าชายเลน ลดโลกร้อนได้ดีกว่าป่าบก!



ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อวิกฤตภัยแล้งในรอบ 20 ปี 'ดร.สนใจ หะวานนท์' ผู้เชี่ยวชาญป่าชายเลนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยืนยันถึงข้อมูลการวิจัย การปลูกต้นไม้ช่วยลดโลกร้อนด้วยการปลูกป่าชายเลน สามารถกักเก็บคาร์บอนฯ มากกว่าป่าบกในพื้นที่เท่ากัน

จากการศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ต่างลงความเห็นว่า "การปลูกต้นไม้" เป็นหนทางแก้ไขที่สำคัญ ถ้าช่วยกันปลูกต้นไม้ทั่วโลกจำนวน 1.2 ล้านล้านต้น จะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดโลกร้อนที่มนุษย์สร้างเอาไว้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาได้ แม้เป็นการยากที่จะปลูกต้นไม้ปริมาณมากขนาดนั้นในระยะเวลาอันสั้น

แต่ก็ยังมีข่าวดี ถ้าเรามาช่วยกันปลูกป่าชายเลนจะสามารถช่วยในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าอื่นในพื้นที่เท่ากัน และยังช่วยสะสมคาร์บอนในดินได้ยาวนานและมากกว่าป่าบกหลายเท่าตัว

ดร.สนใจ หะวานนท์ ผู้เชี่ยวชาญป่าชายเลนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งได้ศึกษาวิจัยเรื่องป่าชายเลนในหลายประเทศมากว่า 40 ปี กล่าวถึงผลการวิจัยเรื่องป่าชายเลนที่ร่วมโครงการกับกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และบริษัท คันไซ อิเลคทริค เพาเวอร์ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2543 และได้ผลสรุปในปี 2547 ว่า

"ถ้าเปรียบเทียบด้านการสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างป่าชายเลนกับป่าบก โดยกระบวนการสังเคราะห์แสงที่ต้องใช้คาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนออกมา พบว่าป่าชายเลนของประเทศไทยสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหนือพื้นดินได้ 27.1 ตันต่อเฮกตาร์ (6.25 ไร่) และสะสมในดิน 16.9 ตันต่อเฮกตาร์ รวมแล้ว 44.0 ตันต่อเฮกตาร์ ประมาณการณ์ได้ว่าป่าชายเลนของประเทศไทยประมาณ 1.5 ล้านไร่ หรือประมาณ 0.24 ล้านเฮกแตร์ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 11 ล้านตันต่อปี สำหรับป่าดิบชื้น International Panel on Climate Change) (IPCC) ได้ให้ข้อมูลเฉพาะการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้เหนือพื้นดินว่า โดยเฉลี่ย 20.2 ตันต่อเฮกตาร์"



"แต่ถ้าในส่วนของการสะสมคาร์บอนที่อยู่ในดินแล้ว ป่าชายเลนจะมีมากกว่าป่าบกถึง 6 เท่าตัว เนื่องจากป่าบกสะสมคาร์บอนในดินได้เพียงประมาณ 200 ตันเท่านั้น ขณะที่การศึกษาที่อ่าวท่าคา-สวี จังหวัดชุมพร ในปี 2542 พบว่าป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์บอนฯ ที่บริเวณดินเลนลึกลงไปได้อีกถึง 1,200 ตันต่อเฮกตาร์ เนื่องจากในชั้นดินเลนมีการสะสมธาตุคาร์บอนต่างๆ จากการทับถมของอินทรียวัตถุทั้งหลายได้เป็นเวลานาน และถ้าเป็นป่าชายเลนที่ปลูกเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร จะเก็บปริมาณคาร์บอนเพิ่มขึ้นได้อีก 200 ตันต่อเฮกตาร์ นี่คือเหตุผลว่าป่าชายเลนสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มหาศาล"

ป่าชายเลนเป็นแหล่งรวมความหลากหลายของพรรณไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพื่อไปสังเคราะห์แสงได้มากกว่าป่าบกในหน่วยพื้นที่เท่ากัน จากการวิจัยที่ปากแม่น้ำท่าจีนพบว่าไม้แต่ละสายพันธุ์จะมีคุณสมบัติดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ต่างกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์การเลือกพันธุ์ไม้ที่จะใช้ปลูกป่าชายเลน ดังนี้ ในพื้นที่ 1 ไร่ ถ้าปลูกไม้แสมสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 7.49 ตัน ไม้โกงกางดูดซับคาร์บอนฯได้ปีละ 6.22 ตัน และไม้ตะบูนสามารถดูดซับคาร์บอนฯ ได้ 4.14 ตันต่อปี ซึ่งไม้โกงกางและตะบูนมีอายุยืนกว่า 100 ปี ไม้แสมอายุประมาณ 50 ปี

แต่เดิมพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทยกินบริเวณทั้งชายฝั่งทะเลอันดามันและชายฝั่งทะเลอ่าวไทยเป็นพื้นที่กว้าง แต่หลายปีที่ผ่านมาป่าชายเลนถูกทำลายจากการทำนากุ้งและการบุกรุกจึงทำให้พื้นที่ป่าชายเลนของไทยลดน้อยลงไปมาก ปัจจุบันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายในการส่งเสริมการปลูก และอนุรักษ์ป่าชายเลนในหลายพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประชาชนในท้องถิ่นหลายแห่ง ทำให้ป่าชายเลนของไทยค่อยๆ ฟื้นคืนมา แต่ก็ยังต้องการความร่วมมืออีกมากจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการดูแลต่อเนื่อง เพราะถ้าปลูกป่าในสภาวะไม่เหมาะสมและไม่มีการดูแล ไม่นานต้นไม้ที่ปลูกใหม่ก็จะตาย



ตัวอย่างโครงการล่าสุดที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้หารือร่วมกับเอกชน คือ โครงการ Dow and Thailand Mangrove Alliance ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายชายฝั่งในการอนุรักษ์ป่าชายเลนร่วมกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างครบวงจรและมีส่วนร่วม โดยจะมีการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ห้องเรียนมีชีวิตในป่าชายเลนและเผยแพร่ความรู้ด้านการคัดแยกขยะเพื่อลดขยะทะเลโดยเริ่มต้นโครงการที่ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง และมีแผนจะขยายไปในอีกหลายจังหวัด สิ่งที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ก็คือจะมีการส่งเสริมกลไกคาร์บอนเครดิตของป่าชายเลนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และภายในปีนี้จะเปิดให้ให้ชุมชนและประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย

สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องการช่วยกันลดโลกร้อน ขอให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้ได้มากที่สุด และอย่าลืมเรื่องของการดูแลรักษา ทำอย่างไรให้ต้นไม้ได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องในช่วงแรก เพราะเมื่อต้นไม้ที่ปลูกใหม่แห้งตายหมดก่อนที่จะแข็งแรงก็จะไม่สามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ และขอให้ร่วมกันสนับสนุนโครงการปลูกและอนุรักษ์ป่าชายเลนให้มากๆ เพราะเป็นป่าที่ช่วยลดโลกร้อนได้ดีที่สุด

ก็มีนักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าปี 2563 อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น 0.5-1 องศาเซลเซียส ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ทำให้ฝนตกน้อยลง ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าปีนี้ประเทศไทยจะเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ปริมาณน้ำฝนจะต่ำกว่าค่าปกติถึง 2-3 % ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 14 % ส่วนที่กระทบหนักที่สุดคือพื้นที่เพาะปลูกพืชในหลายจังหวัดซึ่งอาจขาดแคลนน้ำในการเกษตรกรรม ในขณะที่บางพื้นที่ซึ่งไม่ต้องการน้ำฝนมากกลับประสบปัญหาน้ำท่วม

ผู้ที่สนใจข้อมูลความรู้ และความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับป่าชายเลนในประเทศไทย สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม www.dmcr.go.th


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000070159

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


อึ้ง! พบเต่าอัลลิเกเตอร์ ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตติดร่างแห-กัดมือคนหาปลากำแพงเพชร

กำแพงเพชร - พบเต่าอัลลิเกเตอร์ เต่าน้ำจืดใหญ่ที่สุดในโลกติดร่างแหคนหาปลากำแพงเพชร คาดมีคนแอบปล่อยหรือหลุดลงแหล่งน้ำธรรมชาตินานหลายปี พอคนหาปลาพยายามจับถูกกัดทันที



วันนี้ (8 ก.ค.) นายมานพ พาติกะบุตร ประมงอาวุโส อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ได้นำเต่าอัลลิเกเตอร์ ซึ่งถือเป็นเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดกำแพงเพชรนำไปดูแล หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านในอำเภอลานกระบือลงไปหาปลาในแหล่งน้ำพบเต่าอัลลิเกเตอร์ติดแหมาด้วย จึงได้พยายามจับเพื่อจะนำขึ้นบก และถูกกัดที่มือจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ประมงอาวุโส อ.ลานกระบือ บอกว่า เบื้องต้นพบเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้มีน้ำหนัก 34 กิโลกรัม ความยาวตั้งแต่หัวถึงท้าย 104 เซนติเมตร กระดองยาว 50 เซนติเมตร หางยาว 40 เซนติเมตร อายุประมาณ 35 ปี สันนิษฐานว่าน่าจะมีคนนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วอาจจะหลุดออกมาหรือมีชาวบ้านนำมาปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ประมาณ 10 ปี กระทั่งมีคนมาพบ



ตามข้อมูลวิกิพีเดียระบุว่า เต่าอัลลิเกเตอร์เป็นซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตชนิดหนึ่ง กินเนื้อ กินปลาและสัตว์น้ำต่างๆ เป็นอาหาร โดยวิธีการซุ่มนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวใต้น้ำ แล้วอ้าปากใช้ลิ้นที่ส่วนปลายแตกเป็นสองแฉกที่ส่วนปลายสุดของกรามล่างเพื่อหลอกปลาให้เข้าใจว่าเป็นหนอน เมื่อปลาเข้าใกล้ได้จังหวะก็จะงับด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว นอกจากนี้แล้วเต่าอัลลิเกเตอร์ยังกินเต่าด้วยกันเองเป็นอาหารด้วยจากการขบกัดที่รุนแรง พบได้ในแถบอเมริกา

"เต่าอัลลิเกเตอร์ถือเป็นสัตว์หายากที่มีการพัฒนาช้าที่สุด เป็นสัตว์สงวนตามบัญชีไซเตสด้วย"

ทั้งนี้ หลังทราบข่าวทำให้ประชาชนและนักเรียนที่ผ่านมาต่างแวะเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นเต่าตัวใหญ่แบบนี้มาก่อน ซึ่งประมงอาวุโส อ.ลานกระบือ ยังได้ฝากถึงผู้ที่ครอบครองอยู่ด้วยว่า การนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นต้องขออนุญาตเลี้ยงอย่างถูกต้อง และหากปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติอาจจะทำลายสัตว์ท้องถิ่นได้ หากมีครอบครองไม่ประสงค์ที่จะเลี้ยงต่อ ขอให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประมง


https://mgronline.com/local/detail/9630000070003

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ภาพสุดประทับใจ ลูกเต่าตนุ 69 ตัว ฟักออกจากไข่ พากันเดินลงทะเลเกาะสมุย

ลูกเต่าตนุ ฟักออกจากไข่ทีเดียว 2 รัง พากันเดินลงทะเลเกาะสมุยอย่างปลอดภัย 69 ตัว พบตายในรัง 1 ตัว มีไข่ไม่ฟัก 6 ฟอง



เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2563 ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีแม่เต่าขึ้นวางไข่แล้ว 17 รัง แบ่งเป็นชายหาดหน้าโรงแรมบันยันทรีสมุย 5 รัง ชายหาดหน้าโรงแรมศิลาวดีพูลสปาแอนด์รีสอร์ท 5 รัง บริเวณชายหาดแหลมสอ 6 รัง ชายหาดโรงแรมคอรัลคลิฟบีชรีสอร์ท 1 รัง คาดว่ามีไข่เต่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ฟอง ทางนายสัตว์แพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง พร้อมด้วยผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ช่วยกันดูแลรักษากันแนวเขตป้องกันไข่เต่าไม่ให้ได้รับความเสียหาย

ล่าสุด ที่ชายหาดอ่าวท้องหนัน ม.4 ต.มะเร็ต มีลูกเต่าตนุฟักออกไข่ทีเดียว 2 รัง พากันเดินลงทะเลเกาะสมุยอย่างปลอดภัย นับได้ 70 ตัว ลงทะเล 69 ตัว ตายในรัง 1 ตัว และมีไข่ไม่ฟัก 6 ฟอง

ด้าน สพญ.พิมพ์ชนก ประจำค่าย สัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบไข่เต่าตนุมีอัตราการฟักที่สมบูรณ์มาก มีการฟักเยอะมาก เป็นไปตามธรรมชาติ แม้จะมีลูกเต่าที่ตายไม่สามารถขึ้นจากหลุมได้ คาดว่าน่าจะอ่อนแอ ซึ่งเป็นตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4464869

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


เศร้า! คาด "ถุงพลาสติก" ฆ่าช้างป่าเขาคิชฌกูฏ

เศร้า!เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏรับแจ้งพบซากช้างป่า?ตาย สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์? พบความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร? และพบพลาสติกในลำไส้ คาดทำให้ลำไส้อักเสบจนช้างไม่ถ่ายมูล



วันนี้ (8 ก.ค.2563) นายอนุชา กระจายศรี ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 พร้อมด้วยนายเผด็จ ลายทอง ผอ.สสป.สบอ.2 (ศรีราชา)? หัวหน้าและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว นายอำเภอเขาคิชฌกูฏ? พร้อมผู้นำชุมชน ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล ประจำ สสป.สบอ.2 (ศรีราชา) ชุดอาสาเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าอุทยานแห่งชาติคิชฌกูฏ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดจันทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาคิชฌกูฏ เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่หลังมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ ท้องที่หมู่ 10 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี หลังได้รับแจ้งพบซากช้างป่า จำนวน 1 ตัว

จากผลการตรวจสอบชันสูตร พบซากช้างป่าสีดอตัวผู้ น้ำหนัก 3,000 -? 3,500 กิโลกรัม อายุประมาณ 18 -?20 ปี โดยเจ้าหน้าที่ติดตามช้างป่าตัวดังกล่าว ระบุว่า? ช้างป่าตัวนี้ไม่ขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ มาประมาณ 2 วันแล้ว? ตรวจภายนอกไม่พบร่องรอยผิดปกติ หรือ บาดแผลใดๆ

สัตวแพทย์ทำการผ่าชันสูตร พบความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยพบว่า ลำไส้เกิดการอักเสบ มีแผลที่ผนังลำไส้ พบลิ่มเลือด พบปื้นเลือดและเนื้อตายในบางส่วน?


ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช


ถุงพลาสติกอยู่ในท้องช้าง

นอกจากนี้ยังพบถุงพลาสติกที่มีลักษณะเปื่อยภายในลำไส้ตลอดจนปะปนอยู่กับอุจจาระภายในลำไส้ใหญ่ และภายในช่องปาก พบอุจจาระอยู่เต็มลำไส้ พบพยาธิตัวกลมปะปนกับอุจจาระ? พบน้ำภายในลำไส้และช่องท้องปริมาณมาก

สัตวแพทย์ทำการเก็บตัวอย่าง อวัยวะภายใน เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์? มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สัตวแพทย์สรุปสาเหตุการตายเบื้องต้นว่าเกิดจาก ระบบทางเดินอาหารในส่วนของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ มีความผิดปกติ เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ทำให้ส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของลำไส้ เกิดอาการท้องอืด ไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ? โดยต้องรอรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง


https://news.thaipbs.or.th/content/294392

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


สลด! พบซากช้างป่า กลางอุทยานฯเขาคิชฌกูฎ ผ่าชันสูตร เจอ "ถุงพลาสติก" เต็มลำไส้

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ รับแจ้งพบซากช้างป่า ด้านสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ พบความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร และพลาสติกในลำไส้



เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 นายอนุชา กระจายศรี ผอ.สบอ. 2 นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สสป.สบอ.2 (ศรีราชา)? หัวหน้าและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว นายอำเภอเขาคิชฌกูฏ? เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่หลังมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี หลังได้รับแจ้งพบซากช้างป่า จำนวน 1 ตัว จากผลการตรวจสอบชันสูตร พบซากช้างป่าสีดอ เพศผู้ จำนวน 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 3,000 -? 3,500 กิโลกรัม อายุประมาณ 18 -?20 ปี โดยเจ้าหน้าที่ติดตามช้างป่าตัวดังกล่าว ระบุว่า? ช้างป่าตัวดังกล่าวไม่ขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ มาประมาณ 2 วัน? ตรวจภายนอกไม่พบร่องรอยผิดปกติ หรือ บาดแผลใด

ทั้งนี้สัตวแพทย์ทำการผ่าชันสูตร พบความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร พบว่า ลำไส้เกิดการอักเสบ มีแผลที่ผนังลำไส้ พบลิ่มเลือด พบปื้นเลือดและเนื้อตายในบางส่วน? นอกจากนี้ยังพบถุงพลาสติกที่มีลักษณะเปื่อยภายในลำไส้ตลอดจนปะปนอยู่กับอุจจาระภายในลำไส้ใหญ่ และภายในช่องปาก พบอุจจาระอยู่เต็มลำไส้ พบพยาธิตัวกลมปะปนกับอุจจาระ? พบน้ำภายในลำไส้และช่องท้องปริมาณมาก และทำการเก็บตัวอย่าง อวัยวะภายใน เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์? มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยสัตวแพทย์สรุปสาเหตุการตายเบื้องต้นว่าเกิดจาก ระบบทางเดินอาหารในส่วนของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ มีความผิดปกติ เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ทำให้ส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของลำไส้ เกิดอาการท้องอืด ไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ? โดยต้องรอรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/129025


*********************************************************************************************************************************************************


ขยะจากทะเล เกลื่อนเกาะห้อง กรมอุทยานแจงเป็นแบบนี้ทุกปี

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้แจงขยะที่พบบริเวณเกาะห้อง เกิดจากทิศทางลมเปลี่ยนพัดขยะเข้าฝั่ง เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดเข้าสู่สภาวะปกติ



เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านช่องทางต่างๆในสังคมพบว่ามีขยะจำนวนมากถูกซัดจากทะเล ขึ้นหาดบริเวณเกาะห้อง ภายในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่



"ขอชี้แจงว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม มีทิศทางลมเปลี่ยนแปลง ทำให้พัดพาขยะที่เป็นธรรมชาติและสิ่งแปลกปลอมพัดเข้าหาฝั่งบริเวณเกาะห้องเป็นประจำทุกปี ขยะที่เกิดขึ้นเป็นขยะที่มาจากทะเลและเป็นขยะที่มีอย่างต่อเนื่อง และอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บขยะและคัดแยกขยะกลับคืนฝั่งและได้นำขยะไปทิ้งที่หลุมขยะของเทศบาลอ่าวลึกใต้ ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการเก็บกวาดทำความสะอาด ชายหาดกลับเข้าสู่สภาวะปกติเรียบร้อยแล้ว"


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/128991


*********************************************************************************************************************************************************


เต่ามะเฟืองวางไข่หาดเขาหน้ายักษ์ พบไข่ 100 ฟอง จนท.ดูแลใกล้ชิด

พบเต่ามะเฟืองวางไข่หาดเขาหน้ายักษ์ อช.เขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่หวั่นเจอน้ำทะเลขึ้นสูงขุดย้ายไข่ขึ้นมาฟัก



นายหฤษฎ์ชัย ฤทธิช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน ตำบลท้ายเหมือง ว่า พบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเลบริเวณทิศใต้ของหาดเขาหน้ายักษ์ จึงเข้าตรวจสอบพบ มีร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากเขาหน้ายักษ์มาทางทิศใต้ประมาณ 2 กม. และห่างจากหลุมไข่เดิมที่แม่เต่าขึ้นมาวางไข่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ประมาณ 1.5 กม.

จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่คาดว่า รอยดังกล่าวเป็นร่องรอยของเต่ามะเฟือง เมื่อวัดขนาดความกว้างได้ 170 ซม. ความกว้างช่วงอก 80 ซม. จึงได้ทำการขุดหาไข่เต่าจนเจอวัดความลึกของหลุมไข่ได้ 70 ซม. พบไข่ทั้งหมด 100 ฟอง เป็นไข่ดี 91 ฟอง ไข่ลม 9 ฟอง แต่เนื่องจากหลุมไข่ที่แม่เต่าวางไข่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดและปัจจุบันอยู่ในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งอาจจะเกิดความเสียหายต่อไข่เต่าได้

" เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการย้ายไข่ทั้งหมดมาเพาะฟักในลังโฟม โดยได้รับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ทั้งนี้จะทำการติดตั้งไฟกกไข่ เครื่องวัดอุณหภูมิ (Data Logger) เพื่อควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น ให้เหมาะสมต่อการเพาะฟักของเต่ามะเฟือง ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญต่อไป"

สำหรับ เต่ามะเฟือง เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดโตเต็มที่ยาว 210 เซนติเมตร หนัก 900 กิโลกรัม กระดองเป็นหนังหนาสีดำมีจุดประสีขาว มีร่องสันนูนตามยาว 7 สัน อาศัยอยู่ในทะเลเปิดกินแมงกะพรุนเป็นอาหารหลัก ในประเทศไทยพบวางไข่เฉพาะบริเวณชายหาดฝั่งตะวันตกของจังหวัดพังงาและภูเก็ต จัดเป็นสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการอพยพย้ายถิ่นระยะไกลจึงมีแหล่งอาศัยในพื้นที่ทางทะเลระหว่างประเทศ และเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 18 ตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/128979

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


หิมะสีชมพูบนเทือกเขาแอลป์ส่งสัญญาณอะไรเรื่องโลกร้อน


ที่มาของภาพ,AFP/GETTY IMAGES

นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาปรากฏการณ์ "หิมะสีชมพู" บริเวณธารน้ำแข็งเปรเซนา (Presena glacier) ที่เทือกเขาแอลป์ในเขตประเทศอิตาลี

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากสาหร่ายชนิดหนึ่งที่ชื่อ Chlamydomonas nivalis ซึ่งพบในเกาะกรีนแลนด์ รวมทั้งทุ่งหิมะในเทือกเขาแอลป์ และแถบขั้วโลก

เม็ดสีที่ออกเฉดสีแดงของสาหร่ายชนิดนี้ทำให้หิมะมีสีออกชมพูไปจนถึงสีแดง จึงทำให้ปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น หิมะแตงโม (watermelon snow) หิมะสีชมพู (pink snow) หิมะสีแดง (red snow) หรือแม้แต่ หิมะเลือด (blood snow)

แม้จะเป็นปรากฏการณ์ที่สวยงามแปลกตา แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หิมะและน้ำแข็งสีชมพูนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


ที่มาของภาพ,AFP/GETTY IMAGES


สาหร่ายยิ่งเพิ่ม โลกยิ่งร้อนขึ้น

ตามปกติ หิมะและน้ำแข็งจะสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์กลับขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 80% แต่การที่หิมะและน้ำแข็งมีสีเข้มขึ้นจากสาหร่ายชนิดนี้ ทำให้สูญเสียความสามารถในการสะท้อนความร้อนออกไป และขณะเดียวกันก็ดูดซับความร้อนเอาไว้มากขึ้นจนทำให้ธารน้ำแข็งเริ่มละลายเร็วขึ้น

ยิ่งน้ำแข็งละลายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายมากขึ้นเท่านั้น จนกลายเป็นวัฏจักรที่เป็นอันตรายต่อสภาพภูมิอากาศโลก

ดร.บิอาโจ ดิ เมาโร จากสภาวิจัยแห่งชาติของอิตาลี ผู้ศึกษาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กล่าวว่า "ทุกอย่างที่ทำให้หิมะสีเข้มขึ้นจะทำให้หิมะละลาย เพราะมันไปเร่งการดูดซับรังสีดวงอาทิตย์"


ที่มาของภาพ,AFP/GETTY IMAGES

ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ทำขึ้นเมื่อปีที่แล้วเตือนว่า ราวครึ่งหนึ่งของธารน้ำแข็ง 4,000 แห่งในแถบเทือกเขาแอลป์จะละลายหายไปภายในระยะเวลา 30 ปีข้างหน้า อันเป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก และราว 2 ใน 3 ของธารน้ำแข็งในแถบนี้จะหายไปภายในปี 2100


ที่มาของภาพ,AFP/GETTY IMAGES

รายงานเมื่อปี 2018 ขององค์การสหประชาติ ระบุว่า โลกกำลังมุ่งสู่ภาวะที่อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030 - 2052 หากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไป และอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส ภายในช่วงสิ้นสุดศตวรรษนี้

เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือละลายหายไปในฤดูร้อน อย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 10 ปี ซึ่งนี่จะทำให้สัตว์และพืชจำนวนมากต้องสูญพันธุ์เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันเล็กลงไปทุกขณะ


https://www.bbc.com/thai/features-53332996

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 09-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


พบเหมืองโบราณของมนุษย์ยุคน้ำแข็งในถ้ำใต้น้ำที่เม็กซิโก



ทีมนักโบราณคดีนานาชาติค้นพบร่องรอยการทำเหมืองดินแดง (red ochre) ของมนุษย์โบราณยุคน้ำแข็ง ในเครือข่ายถ้ำใต้น้ำซาจิทาริโอ (Sagitario) บริเวณคาบสมุทรยูคาตันของเม็กซิโก โดยคาดว่าเหมืองแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 12,000 ปี

ทีมนักโบราณคดีค้นพบร่องรอยการก่อไฟตั้งแคมป์ในถ้ำของชาวเหมืองยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมทั้งพบหลุมขุดเจาะเก่า เครื่องมือหินที่ใช้ขุด และหินที่ทำเป็นสัญลักษณ์บอกทิศทางในถ้ำมืดอีกด้วย

"เครื่องมือหินและกองเถ้าถ่านจากการก่อไฟ ยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเหมือนอยู่ในไทม์แคปซูล เพราะสภาพน้ำในถ้ำนั้นนิ่งสนิท ไม่มีกระแสปั่นป่วนไปมา" ผศ.ดร. แบรนดี แม็กโดนัลด์ ผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิสซูรีของสหรัฐฯ กล่าวอธิบาย

คาดว่ามีมนุษย์เข้าไปอาศัยในเครือข่ายถ้ำใต้พิภพของคาบสมุทรยูคาตันตั้งแต่หลายหมื่นปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์ในถ้ำหลายแห่ง แต่ในช่วงสิ้นสุดยุคน้ำแข็งเมื่อราว 8,000 ปีก่อน ระดับน้ำทะเลค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น และเอ่อท่วมถ้ำเหล่านี้จนจมมิดอยู่ใต้น้ำในที่สุด

ผลการวิเคราะห์หลักฐานทางโบราณคดีที่พบชี้ว่า มนุษย์ยุคน้ำแข็งใช้ไฟนำทางในถ้ำมืด และใช้เศษหินงอกหินย้อยในถ้ำที่หักหล่นอยู่ กะเทาะเอาหินพอก (flowstone) หรือแผ่นหินปูนซึ่งฉาบหน้าดินแดงที่ต้องการออก ซึ่งร่องรอยการขุดเจาะที่มีอยู่ชี้ว่าน่าจะมีการใช้งานเหมืองนี้ติดต่อกันนานนับพันปี

แม้จะยังไม่ทราบว่ามนุษย์โบราณกลุ่มนี้ใช้ดินแดง ซึ่งเป็นดินเหนียวที่มีเหล็กออกไซด์ผสมอยู่ไปทำประโยชน์ในด้านใดกันแน่ แต่ทีมผู้วิจัยคาดว่าพวกเขาน่าจะนำดินแดงไปใช้เป็นสี เพื่อทำงานฝีมือ งานศิลปะ และใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่ใช้ดินแดงบางส่วนที่มีสารหนูปะปนอยู่ทาผิวหนังเพื่อไล่แมลง กำจัดเหาหรือตัวเห็บตัวหมัดได้อีกด้วย


https://www.bbc.com/thai/features-53333000

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger