เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูงเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.พ. 67 และ 1 - 2 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 29 ก.พ. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหล้วในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ในช่วงวันที่ 26 - 28 ก.พ. 67 ลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.พ. ? 2 มี.ค. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดช่วง

โดยในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.พ. 67 และ 1- 2 มี.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในระยะแรก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


กรมทะเลและชายฝั่ง ตรวจสอบปรากฏการณ์น้ำทะเลสีเขียวชลบุรี

กรม ทช. ตรวจสอบการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณนอกชายฝั่งทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี พบสาเหตุจากการสะพรั่งของไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca scintillans



วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 มีรายงานว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก รายงานการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณนอกชายฝั่งทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี ห่างฝั่ง 4 กม. อ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มไลน์ RT Bangsaen โดยสถานีวิจัยประมงศรีราชา คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่สถานี ST6 ซึ่งไม่พบปริมาณออกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ฯ (ไม่น้อยกว่า 4 มิลลิกรัมต่อลิตร) และพบปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณหาดวอนนภาไปจนถึงแหลมแท่น จ.ชลบุรี โดยอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล

นอกจากนั้น สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา รายงานพบปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวบริเวณสะพานราชนาวี (แหลมแท่น) จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 โดยสาเหตุจากการสะพรั่งของไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca scintillans ซึ่งแพลงก์ตอนชนิดนี้ไม่สร้างสารชีวพิษ และมักพบว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/society/2765984

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ทะเลประจวบฯ สมบูรณ์? ชาวประมง? พบวาฬ 2 ตัวว่ายหากินอาหาร? ที่ ทะเลคลองวาฬ

ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวประมง? พบวาฬ 2 ตัวว่ายหากินอาหาร? ที่ทะเลคลองวาฬ ยืนยันความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ?และการอนุรักษ์ของพี่น้องชาวประมง?



วันนี้ (25 ก.พ.) ว่าที่?ร.ต.สมนึก? พรหมศร? ประมงจังหวัดประจวบฯ?ได้รับแจ้งจากชาวประมง?ว่าขณะนำเรือออกไปทำการประมง? พบวาฬ 2 ตัวโผล่ขึ้นมาอ้าปากกินอาหาร?อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลคลองวาฬ? ประมาณ ?400 เมตร ตั้งเเต่เวลา 10.00 น? .ของวานนี้? (24 ก.พ .) โดย ต.คลองวาฬ? อ.เมือง?จ.ประจวบฯ? ได้บันทึกภาพเอาไว้?และแจ้งให้ทราบ

"พบว่าวาฬ ยังคงว่ายหากินอาหารสัตว์น้ำขนาดเล็ก? เนื่องจากมีความสบูรณ์ของสัตวน้ำ? พร้อมทั้งแจ้งให้เครือข่ายชาวมงได้รับทราบและช่วยกันดูแล? และไม่ควรนำเรือเข้าไปใกล้ขณะว่ายหากิน? ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นตัวบุ่งชี้ความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ?และการอนุรักษ์ของพี่น้องชาวประมง? "

เบื้องต้นได้ทำการเก็บข้อมูลและพิกัดสถานที่ ที่พบเอาไว้เพื่อเป็นฐานข้อมูล?


https://mgronline.com/local/detail/9670000017177

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ผู้ประกอบการหาดบางแสนสุดเซ็งกำลังโกยรายได้ช่วงหยุดยาว 3วันสุดท้าย น้ำทะเลกลายเป็นสีเขียว

ศูนย์ข่าวศรีราชา-ผู้ประกอบการชายหาดบางแสนสุดเซ็ง กำลังโกยรายได้จากการท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวเป็นกอบเป็นกำ สุดท้ายน้ำทะเลกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวแบบฉับพลันจากสภาพอากาศร้อน คลื่นลมแรง



จากกรณีที่ในวันนี้ ( 25 ก.พ.) ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลบางแสน กลายเป็นสีเขียวมัจฉะอีกครั้ง หลังเลยเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปลายปี 2566 และในช่วงหยุดยาว 3 วันเนื่องในวันมาฆะบูชา ซึ่งการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดบางแสนกำลังคึกคัก และผู้ประกอบการกำลังโกยเงินจากการขายอาหารและสินค้าทางการท่องเที่ยว แต่น้ำทะเลกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวมัจฉะอย่างฉับพลันในช่วงบ่ายที่ผ่านมา

จนทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสุดเซ็ง แต่ยืนยันว่าแม้น้ำทะเลจะเป็นสีเขียวแต่นักท่องเที่ยวยังคงลงเล่นน้ำได้ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่พาครอบครัวเดินทางมาพักผ่อน ก็ไม่คิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีแบบฉับพลัน แต่เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องพักผ่อนให้เต็มที่

จากการลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดบางแสน ผู้สื่อข่าวพบว่า ตั้งแต่บนถนนสุขุมวิทจนถึงเส้นทางมุ่งหน้าลงชายหาดบางแสน ยังคงมีการจราจรที่หนาแน่นและมีรถยนต์ทยอยลงชายหาดบางแสนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวพากันเข้ามาพักผ่อนลงเล่นน้ำ และรับประทานอาหารริมชายหาดเช่นเคย

จนทำให้ทั้งในพื้นที่โซนเตียงผ้าใบ และพื้นที่ปลอดร่มซึ่งทางเทศบาลเมืองแสนสุข ได้จัดเตรียมไว้งมีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ แต่จำนวนผู้ลงเล่นน้ำกลับมีไม่มากนักเพราะกังวลเรื่องความสะอาดของน้ำทะเล

จากการสอบถาม น.ส.นันท์นภัส ลิ้มวุฒิพงษ์ ผู้ประกอบการขายเสื้อผ้าริมชายหาด บอกว่าปรากฎการณ์น้ำทะเลสีเขียวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุน่าจะเกิดจากอากาศที่ร้อนจัดแต่ในวันนี้น้ำทะเลยังไม่สีเขียวเข้มเหมือนในครั้งก่อน ประกอบกับในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพื้นที่ชายหาดบางแสน ค่อนข้างมีลมพัดแรงและสภาพอากาศก็ร้อนจัดซึ่งอาจทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ก็ยังไม่มีกลิ่นเหม็นเท่าใดนักและนักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำได้ปกติ

"อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนที่ชายหาดบางแสนตามปกติ และขอรับรองว่าน้ำทะเลยังคงลงเล่นได้และไม่มีอาการคัน เนื่องสาเหตุเกิดจากสาหร่ายเจอความร้อนจนกลายเป็นสีเขียวเท่านั้น" ผู้ประกอบการ กล่าว

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์น้ำทะเลชายหาดบางแสนเปลี่ยนเป็นสีเขียว เกิดจากการบลูมของแพลงก์ตอน " น็อคติลูกา ซินทัลลันส์" ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวที่แบ่งตัวจนเต็มทะเลและจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งอาจกินระยะเวลา 3-7 วัน และเป็นสิ่งทีเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ โดยสาหร่ายชนิดนี้ไม่เป็นอันตราย แต่จะมีช่วงแย่งออกซิเจนสัตว์น้ำจนทำให้เกิดการพร่องออกซิเจนและสัตว์น้ำขาดอากาศได้

ประกอบกับในระยะหลังโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จึงอาจมีธาตุอาหารที่เกิดจากกิจกรรมบนบกไหลลงสู่ทะเล จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่หากเป็นผู้ที่มีอาการผิวหนังแพ้ง่ายแล้วแนะนำว่าไม่ควรลงเล่นน้ำจะดีกว่า


https://mgronline.com/local/detail/9670000017178

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


สู่วันที่ 4 กู้เรือหลวงสุโขทัย ขนปืนเอ็ม 16 ขึ้นจากเรือ ยังไม่พบผู้สูญหาย

การปฏิบัติงานวันที่ 4 ของ จนท.นักประดาน้ำไทย-สหรัฐ ยังไม่พบร่างผู้เสียชีวิตภายใน ร.ล.สุโขทัย พร้อมนำปืนเอ็ม 16 ขึ้นจากเรือ



เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย โดยการปฏิบัติในวันนี้เป็นการดำน้ำแบบถังอากาศ จำนวน 6 เที่ยว ใช้เรือหลวงมันในเป็นฐานในการปฏิบัติการ มีการปฏิบัติที่สำคัญคือการค้นหาผู้สูญหาย บริเวณห้องเรดาร์ 2 การย้ายตำแหน่งผูกทุ่น การเก็บกู้ปืนเล็กยาว เอ็ม 16 การเตรียมการถอดถอนปืนกลขนาด 20 มิลลิเมตร การถ่ายภาพโดยรวมรอบตัวเรือ โดยสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้

นอกจากนั้นยังได้มีการถอดถอนอุปกรณ์ที่สามารถทำการถอดถอนได้ภายนอกตัวเรือขึ้นมาจากน้ำ การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคข้อขัดข้อง กำลังพลทุกนายปลอดภัย

ทั้งนี้ กองทัพเรือได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของเรือหลวงสุโขทัยที่จมอยู่ในทะเลนานกว่า 1 ปี 2 เดือน รวมถึงการสำรวจภายในห้องผู้บังคับการเรือ และการสำรวจพื้นที่อื่นๆ ภายในเรือเพื่อค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีการพบร่างผู้สูญหายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ชุดปฏิบัติการร่วมมีแผนการปฏิบัติในการค้นหาในวันต่อๆ ไป

การปฏิบัติการในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการปฎิบัติการ จะเป็นการดำน้ำ จำนวน 5 เที่ยว โดยชุดปฏิบัติการจะทำการสำรวจและค้นหาผู้สูญหายในห้องเครื่องจักรใหญ่ ห้องเมสจ่า ห้องเสมียนพลาธิการ รวมถึงช่องทางเดินกลางลำดาดฟ้า 1 ซึ่งความคืบหน้าของผลการปฏิบัติในวันพรุ่งนี้ กองทัพเรือจะชี้แจงให้ทราบในโอกาสต่อไป


https://www.matichon.co.th/politics/news_4442653

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ชาวเน็ตประณามสวนน้ำ เหตุนักประดาน้ำจมน้ำดับกลางอควาเรียม นทท.คิดว่าเป็นหุ่น



เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุสลดขึ้นที่สวนน้ำ เจิ้งโจว ไห่ชาง โอเชียน พาร์ค ประเทศจีน หลังจากนักประดาน้ำจมอยู่ในตู้โชว์เพนกวินของทางสวนน้ำ แต่นักท่องเที่ยวคิดว่าเป็นหุ่นจำลอง ก่อนที่จะมีคนเอะใจและแจ้งทางสวนน้ำ และพบว่า เป็นนักประดาน้ำของทางสวนน้ำ ซึ่งพบว่าได้เสียชีวิตแล้ว

ข่าวระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งนักประดาน้ำลงไปทำหน้าที่ทำความสะอาดตู้โชว์เพนกวินตามปกติ แต่จู่ๆ ก็นิ่งไป ขณะที่บรรดานักท่องเที่ยวที่ยืนมอง ต่างคิดว่า นักประดาน้ำคนดังกล่าวเป็นเพียงหุ่นโชว์ กว่าจะรู้ว่าเป็นมนุษย์จริงๆ ก็สายไปเสียแล้ว เนื่องจากนักประดาน้ำคนดังกล่าวจมอยู่ในน้ำนานถึงกว่า 10 นาที เมื่อถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก็สายเกินไป เพราะไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน

ทั้งนี้ เหตุการณ์สลดดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียลของจีนอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรดาชาวเน็ตของจีนพากันออกมาประณามทางสวนน้ำเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับถามหามาตรการความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ขณะที่ทาง เจิ้งโจว ไห่ชาง โอเชียน พาร์ค ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันการเสียชีวิตของนักประดาน้ำคนดังกล่าว และรับประกันว่าจะมีการสอบสวนอย่างละเอียด และถี่ถ้วน โดยได้มีการติดต่อไปยังญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว แต่แถลงการณ์ดังกล่าวไม่สามารถหยุดความกังวลเกี่ยวกับการเข้าใจผิดเรื่องที่นักประดาน้ำจมน้ำอยู่นานจนนักท่องเที่ยวคิดว่าเป็นเพียงหุ่นนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร


https://www.matichon.co.th/foreign/news_4441816

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


หลาก&หลาย - ทัวร์เกาะลันตา-กระบี่ สัมผัสเสน่ห์ช่วงกรีนซีซั่น ............. โดย วิภา สุนันท์สถาพร



ฤดูฝน หรือฤดูมรสุม ตั้งแต่ พ.ค.-ต.ค. ถือเป็นช่วง "ฤดูกาลท่องเที่ยวสีเขียว" หรือ Green Season ของเกาะลันตา จ.กระบี่ และตั้งแต่ พ.ย.-เม.ย. ของทุกปี เป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่

การเที่ยวเกาะลันตาในช่วงฤดูท่องเที่ยวสีเขียว ก็เรียบๆ เงียบสงบดี มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ถ้าเทียบกับหลายเกาะของภาคใต้บ้านเรา

3 คืน 4 วัน บนเกาะลันตา ทะเลอันดามัน ส่วนตัวมองว่ากำลังดี คุ้มค่าเดินทาง และไม่เหนื่อยจนเกินไป เราไปพักที่พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ประสบการณ์การพักรีสอร์ตระดับ 5 ดาว

การเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ลงสนามบินนานาชาติกระบี่ ซึ่งในแพ็กเกจห้องพักของพิมาลัย รีสอร์ท มาพร้อมกับบริการรถรับส่งไป-กลับ จากสนามบินนานาชาติกระบี่ ไปถึงรีสอร์ต โดยรถตู้พร้อมพนักงานของรีสอร์ตสแตนด์บายรอรับ พร้อมมีน้ำดื่มให้บริการอยู่บนรถ

ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 45 นาที เพื่อไปลงเรือสปีดโบ๊ตของโรงแรม และได้ชมวิวทิวป่าโกงกางเพียง 5 นาทีก็ไปถึงเกาะลันตา แล้วต่อรถตู้อีก 40 นาที จึงถึงโรงแรม

เกาะลันตามีเนื้อที่รวมกันราว 220,000 ไร่ เป็นพื้นที่ชายฝั่ง มีชายหาด ป่าชายเลน คลอง และแม่น้ำ ที่เชื่อมต่อจากภูเขาและทะเล จึงทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และยังคงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

ที่นี่มีชุมชนเกาะลันตาดั้งเดิม ที่ประกอบด้วย ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยพุทธ และชาวเล อูรักลาโว้ย ซึ่งเป็น กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตามากว่า 400 ปี

วันแรกแค่ใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ อยู่ที่รีสอร์ต ซี่งเราพักฝั่งในโอเชียนวิว เป็นบ้านพัก มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่บนเขา แต่เห็นวิวทะเลกว้าง พอบ่ายแก่ๆ ก็ไปเดินเล่นชายหาด ซึ่งเป็นพื้นที่อีกฝั่งของรีสอร์ต เงียบสงบ ควรค่ากับการมาพักผ่อนอย่างยิ่ง

รุ่งเช้าของวันที่สอง เราจัดเต็มกับอาหารเช้าของทางรีสอร์ต ที่ห้องอาหารเซเว่นซีส์ อยู่บนยอดเขา บรรยากาศ และวิวสวยมาก สามารถมองเห็นทั้งทะเลและภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียว

ที่สำคัญ อาหารหลากหลายทั้งบุฟเฟต์อาหารนานาชาติ ไทย จีน ฝรั่ง แถมด้วยเมนูอาลาคาร์ต ให้เลือกสั่งแบบจานต่อจาน พนักงานก็บริการไม่มีที่ติ

ฝนตกราวหอบลมพายุมาด้วย แต่ไม่นานก็หยุด เราจ้างรถในพื้นที่ขับพาไปหาอาหารมื้อเที่ยง ได้ร้าน Baja Taco ร้านลับๆ แต่วิวพันล้าน ริมชายหาดแถวลันตาใหญ่ เป็นอาหารเม็กซิกัน เจ้าของเป็นคนไทยแต่ชอบอาหารเม็กซิกันมาก เลยฝึกทำ โดยมี Youtube เป็นครู รสชาติดีเลยล่ะ

ที่นี่เราได้ดูงานศิลปะ เมืองจำลอง เกาะรัตนโกสินทร์ กับ พระนครศรีอยุธยา ที่สร้างสรรค์จากกล่องเหล้า-เบียร์ตามบาร์ต่างๆ บนเกาะ ฝีมือของ "โค้ก" หนุ่มลูกครึ่งวัย 20 เศษ ที่ทำจากความชอบ ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ทำ วันนี้ก็ 3 ปีแล้ว แวะชมงานของน้องได้

เพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง มีกล่อง donation ที่ลูกค้าต่างชาติทำไว้ให้ เพื่อให้น้องมีทุนสร้างเมืองให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ

เราไปเที่ยวต่อที่บ้านชาวเลสังกาอู้ หรือยิปซีทะเล หรือชาวไทยใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางปลายเกาะทางด้านใต้ ห่างจากศาลาด่านไป 27 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านชาวเลที่มีขนาดใหญ่ ปลูกสร้างบ้านติดทะเล มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ผู้ชายมีอาชีพชาวประมงออกหาปลา ส่วนผู้หญิงก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก หุงหาอาหาร

วันที่เราไปมีเด็กๆ กำลังห้อมล้อมหญิงสูงวัยที่กำลังเตรียมหยอดขนมครก เพื่อนอุดหนุนมาหนึ่งกระทง 20 บาท

บ่ายคล้อย ไปต่อที่ชุมชนเมืองเก่าลันตา หรือชุมชนศรีรายา แต่ถ้าเรียกตามฝรั่งก็ Lanta Old Town ชุมชนเล็กๆ ที่ยังคงสภาพความเป็นเมืองเก่าด้วยอาคารบ้านไม้โบราณอนุรักษ์ไว้ บรรยากาศมีความคลาสสิคๆ คล้ายเชียงคานตามที่เคยมีคนรีวิวไว้

สองข้างทางมีคาเฟ่ ร้านกินดื่มริมทะเล บรรยากาศดีเว่อร์ ร้านขายของฝากก็มี ร้านอาหารขึ้นชื่อก็หลายร้าน

ความเป็นเมืองเก่า ที่นี่มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานไม่ต่ำกว่า 600-700 ปี ในอดีตเป็นชุมชนเมืองท่าหน้าด่านสำหรับเก็บภาษีทางน้ำ เป็นเส้นทางผ่านและจุดแวะพักของเรือประมงทางฝั่งอันดามัน และเรือสินค้าที่ผ่านไปมาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

จากการที่ย่านนี้เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตาและศูนย์ราชการ มีข้าราชการปฏิบัติงานและพักอาศัย ชาวเลจึงเรียกบริเวณนี้ว่า "ปาไตยรายา" แปลว่า ?หาดของเจ้านาย? เป็นที่มาของชื่อ "ตลาดศรีรายา" ซึ่งปัจจุบันหมายถึงย่านชุมชนเก่าศรีรายานี่เอง

เราเลือกร้านครัวลันตาใหญ่ บิวตี้ฟูล แอนด์ เรสเตอรองท์ ตามที่คนพื้นที่แนะนำ สำหรับมื้อค่ำ อาหารไทย ซีฟู้ด รสชาติจัดจ้าน อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่โดด เสียดายที่เราไปถึงร้านค่ำไปนิด เลยอดดื่มด่ำกับวิวทะเลที่เขาว่าบรรยากาศดีมาก

การล่องเรือแจวที่ทุ่งหยีเพ็ง หรือเรือกอนโดลา รับอากาศบริสุทธิ์ยามรุ่งอรุณ ท่ามกลางความเงียบ เสียงป่าและอาบแสงอรุณ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ที่อยากชวนให้มาสัมผัสสักครั้งถ้าได้มาเที่ยวเกาะลันตา

ตี 5 รถมารับที่รีสอร์ต ไปยังบ้านทุ่ง หยีเพ็ง เพื่อลงเรือช่วงตี 5 ครึ่ง เราสามารถจองโปรแกรมผ่านทางรีสอร์ตได้เลย ไม่มีชาร์จเพิ่ม ค่าทัวร์ประมาณคนละ 750 บาท พร้อมชา-กาแฟ และอาหารเช้าแบบพื้นบ้านของชุมชนทุ่งหยีเพ็ง แต่ราคานี้ยังไม่รวมค่ารถรับส่งไป-กลับ อีกคนละ 400 บาท

ราวตี 5 ครึ่ง ถึงจุดหมายที่ชุมชนบ้านหยีเพ็ง ได้พบกับทะเลด้านทิศตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่ เรือแจวโบราณตกแต่งด้วยม่านโปร่งสีขาว คล้ายเห็นในละครย้อนยุคอย่างนั้นเลย สุดแสนจะคลาสสิค ตลอดลำคลองน้ำเค็มเลียบป่าโกงกาง รับอากาศบริสุทธิ์ และฟังเสียงธรรมชาติยามเช้าท่ามกลางความเงียบสงบ

เกือบ 7 โมงเช้า เรือแจวมาถึงปากอ่าวลันตา ท้องฟ้ายังครึ้ม ลมพัดเบาๆ พาละอองฝนมาพอชื้นๆ เจ้าของเรือเริ่มเสิร์ฟกาแฟร้อนๆ พร้อมเบรกฟาสต์แบบหยีเพ็งสไตล์ "ข้าวเหนียวปลารอแดด"

จังหวะนี้โดยปกติจะเป็นซีนพระอาทิตย์ขึ้นได้เวลาอาบอรุณแรกของวัน แต่เราไปช่วงที่ยังมีมรสุม ก็ได้อีกบรรยากาศ ชิมปลารอแดด จิบกาแฟหอมกรุ่น ตามด้วยของหวานข้าวเหนียวสังขยา หมดห่อ การันตีว่าอร่อยจริง ก่อนที่จะล่องไปยังลำคลองเล็กๆ เลียบผืนป่าชายเลน เพื่อกลับเข้าฝั่ง เป็นอันจบทริป อิ่มเอมมากๆ

ฝนหยุดแล้ว ยังพอมีเวลาได้เดินเส้นทางธรรมชาติชมป่าโกงกาง เราได้พบกับนายนราธร หงษ์ทอง ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทุ่งหยีเพ็ง ผู้ริเริ่มล่องเรือแจวโบราณนี้ขึ้นมา แถมลูกสาวยังทำขนมจูจอ หรือขนมใบบัว เสิร์ฟร้อนๆ ทานกับชาลำเพ็ง สมุนไพรพื้นถิ่นของเกาะลันตา อร่อยชื่นใจ จนต้องซื้อชาติดมือกลับมาด้วย

ทริปนี้ต้องบอกว่าได้พักเต็มที่จริงๆ ที่พิมาลัย รีสอร์ท ก็มีหลายกิจกรรมทางน้ำให้แขกได้ใช้เวลาที่นั่น ทั้งพายเรือคายัก เล่นเรือใบ แพดเดิ้ลบอร์ดโต้คลื่น แต่ถ้าจะไปวันเดย์ทริปดำน้ำดูปะการัง ที่เกาะรอก-เกาะห้า แนะนำให้เลือกมาช่วงที่ดีที่สุดคือ ตั้งแต่เม.ย.-พ.ย.

ส่วนเราเที่ยวเกาะลันตาช่วงกรีนซีซั่น ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอน


https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_8111304

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


แนวคิดเพอร์มาคัลเจอร์ ปฏิวัติการทำฟาร์มในมหาสมุทร .............. โดย จุลวรรณ เกิดแย้ม


KEY POINTS

- การทำฟาร์มในมหาสมุทรแบบเดิมๆ สามารถทำลายระบบนิเวศและทำให้น้ำเสียหายได้

- เพอร์มาคัลเจอร์คือชุดหลักการสำหรับการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนซึ่งทำงานร่วมกับธรรมชาติ

- ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของการปลูกพืชทะเลแบบเพอร์มาคัลเจอร์ ได้แก่ การฟื้นฟูระบบนิเวศ การลดมลพิษ และการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนท้องถิ่น




ปัจจุบันโลกกินอาหารทะเลจากฟาร์มมากกว่าที่จับจากธรรมชาติ ฟาร์มเหล่านี้เกิดขึ้นตามชายฝั่งและในน่านน้ำนอกชายฝั่งทั่วโลก ชาวออสเตรเลียจะคุ้นเคยกับอุตสาหกรรมปลาแซลมอนของรัฐแทสเมเนีย ฟาร์มหอยนางรมของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และฟาร์มสาหร่ายตามแนวชายฝั่งทางใต้ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีขนาดใหญ่กว่าการจับปลาในออสเตรเลียอยู่แล้ว การทำฟาร์มในทะเลได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งอาหารและชีวมวลที่สำคัญซึ่งจำเป็นต่อการลดความเสียหายที่ทำกับมหาสมุทร และช่วยเลี้ยงดูประชากรที่เพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลจาก World economic forum ระบุว่า "เศรษฐกิจสีน้ำเงิน" ที่เฟื่องฟูฟาร์มปลาสามารถก่อให้เกิดมลพิษต่อน้ำได้ ป่าชายเลนมักถูกโค่นเพื่อเปิดทางให้เลี้ยงกุ้ง การแก้ปัญหาในวันนี้อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ไม่สามารถเปลี่ยนจากการแสวงหาผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่งได้

มีทางเลือกอื่น เพอร์มาคัลเจอร์ ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วบนบกว่าเป็นแนวคิดผสมผสานการทำฟาร์มเข้ากับระบบนิเวศที่ดีจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสามารถทำแบบเดียวกันกับน้ำได้


ทำให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดีขึ้น

ปัญหาเร่งด่วนที่สุดหลายประการในปัจจุบัน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ไปจนถึงมลภาวะ ล้วนเชื่อมโยงกับวิธีที่ผลิตอาหารบนบก การสร้างพื้นที่เพาะปลูกใหม่มักเกี่ยวข้องกับการกำจัดแหล่งที่อยู่อาศัย การทำลายต้นไม้ และการเติมปุ๋ยสังเคราะห์และยาฆ่าแมลง

นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มทำฟาร์มเมื่อประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว ได้ขยายไปถึงจุดที่เราควบคุมพื้นที่ปลอดน้ำแข็งประมาณ 70% ของโลกอย่างแข็งขันเพื่อทำอาหาร สร้างเมือง และการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย บนบก เป็นเกษตรกร เลี้ยงสัตว์ในบ้าน แต่ในทะเล เป็นการแสวงหาประโยชน์แต่ในทะเล ตอนนี้จะต้องทำฟาร์มในทะเล ควรทำฟาร์มในลักษณะที่ไม่ทำลายระบบนิเวศ

โดยไม่สามารถใช้วิธีการเกษตรกรรมในมหาสมุทรแบบเข้มข้นแบบเดียวกับที่เคยอยู่บนบกได้ เมื่อพูดถึงความเสื่อมลงของระบบมหาสมุทรหลายแห่งในโลกจากการประมงมากเกินไป สาหร่ายที่เบ่งบานจากสารอาหารที่มากเกินไป และการสูญเสียถิ่นที่อยู่ ไม่มีทางที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้มากนัก


เพอร์มาคัลเจอร์ทางทะเลคืออะไร?

เป็นแนวคิดและวิถีทางการเกษตรที่เน้นเรื่องความยั่งยืนของชีวิตและ สิ่งแวดล้อมในช่วงทศวรรษ 1960 โดยชาวออสเตรเลีย บิล มอลลิสัน และ เดวิด โฮล์มเกรน เป็นผู้ร่วมเขียนงานวิจัยซึ่งเป็นพื้นฐานของบทความนี้ เป้าหมายนั้นเรียบง่าย สร้างวิธีการทำฟาร์มที่ตอบแทนดินและระบบนิเวศ โดยใช้เครื่องมือ เช่น การทำฟาร์มแบบไม่ไถพรวน การปลูกพืชร่วมกัน และป่าอาหาร ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรทั่วโลกได้นำไปใช้

ซึ่งมีกรอบจริยธรรม 3 ประการ ได้แก่ การดูแลโลก การดูแลผู้คน และการแบ่งปันที่ยุติธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลประโยชน์และกระจายต้นทุนอย่างเท่าเทียมกันระหว่างผู้คนและธรรมชาติที่แตกต่างกัน


แล้วเพอร์มาคัลเชอร์แห่งท้องทะเลจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการอธิบายอย่างชัดเจน แต่การพัฒนาล่าสุดหลายอย่างในด้านการผลิตและการกำกับดูแลในมหาสมุทรก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับงานที่ผู้ปฏิบัติงานด้านเพอร์มาคัลเชอร์ทำมานานหลายทศวรรษ

ตอนนี้หลายคนเชื่อว่าระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่ำเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่สูญหายหรือเสียหายอีกด้วย ตัวอย่าง ถ้าฟาร์มหอยนางรมค่อยๆ นำแนวปะการังหอยนางรมตามธรรมชาติ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกคลุมผืนน้ำชายฝั่งน้ำตื้นกลับมาอย่างช้าๆ หรือฟาร์มกุ้งที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนที่เติบโตใหม่เพื่อปกป้องชายฝั่งจากการกัดเซาะ

แนวทางการทำฟาร์มในทะเลที่เกิดขึ้นใหม่ที่เรียกว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหลายชั้นเชิงบูรณาการ ที่นี่ สายพันธุ์ที่มีบทบาททางนิเวศน์ที่แตกต่างกันจะถูกปลูกร่วมกัน เพื่อผลิตอาหารมากขึ้นจากฟาร์ม และเสริมสร้างบริการของระบบนิเวศทางธรรมชาติ

ในระบบเหล่านี้ เศษอาหารจากผู้บริโภคจะถูกรีไซเคิลโดยสาหร่ายทะเลและสัตว์มีเปลือก ซึ่งจะกลายเป็นอาหารและที่อยู่อาศัยให้กับพันธุ์ปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม หากได้รับการออกแบบมาอย่างดี ผลประโยชน์เหล่านี้จะไหลออกมาจากฟาร์ม

อิทธิพลของเพอร์มาคัลเจอร์ยังปรากฏชัดในการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและการเลียนแบบทางชีวภาพ โดยใช้รูปทรงธรรมชาติเพื่อส่งเสริมธรรมชาติ งานของออสเตรเลียที่นี่รวมถึงความพยายามในการฟื้นฟูแนวปะการังหินโดยการสร้างโครงสร้างที่มีซอกมุมที่สัตว์ทะเลขนาดเล็กต้องการ

แต่รัฐบาลสามารถช่วยได้โดยการสร้างกรอบนโยบายที่สนับสนุนผู้ผลิตรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตที่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงบวกทางสังคมและระบบนิเวศ

รัฐบาลยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแผนเชิงพื้นที่ที่ครอบคลุมเพื่อเป็นแนวทางในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่หรือภูมิภาค นี่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยขจัดความไม่แน่นอนและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างการใช้งานที่แตกต่างกัน

นักวิจัยสามารถช่วยได้โดยการพัฒนามาตรการวัดความสำเร็จและทดสอบเทคนิคใหม่ๆ เพื่อช่วยชี้แนะชุมชนใหม่ๆ ที่จะก่อตัวขึ้นเพื่อทำฟาร์มในทะเลในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เพอร์มาคัลเชอร์บนบกได้เติบโตขึ้นเป็นขบวนการที่หลากหลายซึ่งท้าทายภูมิปัญญาดั้งเดิมเกี่ยวกับวิธีการผลิตอาหาร

จะต้องมีความสร้างสรรค์ที่เช่นเดียวกันนี้เพื่อทำให้การปลูกพืชทางทะเลกลายเป็นความจริง เป็นไปได้โดยสิ้นเชิงที่จะออกแบบทิวทัศน์ท้องทะเลที่ผลิตอาหารซึ่งคืนกลับสู่ทะเลรวมทั้งรับประโยชน์จากทะเล ขณะเดียวกันก็ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทะเลรายย่อยสามารถเจริญรุ่งเรืองได้


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1114511

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


The Trident LS-1 เปิดตัว "รถผสมเรือไฟฟ้า" วิ่งได้ทั้งบนบกและในน้ำ

The Trident LS-1 ผลงานสุดล้ำจาก Poseidon Amphib Works ที่ได้สร้าง "รถผสมเรือไฟฟ้า" สามารถใช้งานเดินทางได้ทั้งบนบกและในน้ำ ซึ่งมีเทคโนโลยีอัตโนมัติในตัว เรียกได้ว่าเป็นครึ่งรถครึ่งเรือเลยก็ว่าได้ ราคาอยู่ที่ราวๆ 3.5 ล้านบาท และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2025 นี้



The Trident LS-1 เป็นหนึ่งในรถสุดแปลกที่สามารถแปลงเป็นเรือไฟฟ้าได้ในตัว เรียกได้ว่าครึ่งรถครึ่งเรือเลยก็ว่าได้ สามารถเดินทางได้สะดวกสบายทั้งบนบกและในน้ำและยังไม่ส่งควันที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

The Trident LS-1 รถผสมเรือไฟฟ้า ที่มาพร้อมดีไซน์สุดแปลกที่เราอาจเคยเห็นแค่ในเกมหรือภาพยนตร์ แต่เร็วๆนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นรถที่สามารถวิ่งได้บนน้ำเหมือนกับเรือ ทำให้รถคันนี้มีความอิสระในการเดินทางที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

โดยรถผสมเรือไฟฟ้าที่มีชื่อว่า The Trident LS-1 ถูกพัฒนาโดยบริษัท Poseidon Amphib Works โดยตัวรถนี้มีความยาวประมาณ 2.2 เมตร มีที่นั่งภายในรองรับผู้โดยสารได้ 3-5 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่งตรงกลางแบบพับเก็บได้

ที่น่าสนใจก็คือเมื่อ The Trident LS-1 ใช้วิ่งบนบก จะมีหน้าตาคล้ายกับรถสามล้อ ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าในการพัฒนาว่าจะทำให้รถคันนี้สามารถวิ่งได้ 152 กม./ชม. และเมื่อต้องการใช้งานในน้ำเพียงแค่ขับลงน้ำ ตัวรถจะกางปีกไฮโดรฟอยล์ยกตัวเรือให้ลอยขึ้น เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างผิวน้ำกับท้องเรือได้ถึง 60% และจะแล่นได้นิ่มนวลมากขึ้น

ในส่วนของเทคโนโลยีการใช้งานบนบกหรือแบบรถยนต์ไฟฟ้าก็เพียงขับขึ้นตัวรถจะพับปีกเข้าด้านในอัตโนมัติ และบริษัทยังมีระบบความปลอดภัยต่างๆมาให้อีกด้วย เช่น ถุงลมนิรภัย และกล้องตรวจจับภาพอีกหลายตัว

The Trident LS-1 ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาต้นแบบและตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายและส่งมอบภายในเดือนธันวาคมของปี 2025 โดยมีราคาอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือราวๆ 3.5 ล้านบาท

รถผสมเรือไฟฟ้า ที่เราได้เห็นกันไปอาจเป็นอนาคตของการคมนาคมในอนาคตอีกอิสระมากขึ้น หากเส้นทางบนถนนแออัดก็สามารถขับลงน้ำเพื่อใช้การเดินเรือแทนได้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ยังไม่เป็นพิษและไม่ส่งควันต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะเป็นให้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้าในคันเดียว

ที่มา : USA Today


https://www.springnews.co.th/keep-th.../energy/848145

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #10  
เก่า 26-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


ปัญหา "ขยะ" ในแม่น้ำท่าจีนอาจทุเลาลง เมื่อมีเครื่องดักขยะช่วยอีกแรง ?


SHORT CUT

- แม่น้ำท่าจีนมีขยะทะเลกว่า 14 ล้านชิ้น หรือ 148 ตันต่อปี โดยส่วนมากเป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

- แบงก์กรุงเทพดำเนินโครงการ Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน ติดตั้งเครื่องดักขยะ ดักขยะที่ปากแม่น้ำ

- "ธนาคารขยะ" ต.โคกขาม จ.สมุทรสาคร โมเดลแปลงขยะเป็นเงิน รับซื้อขยะจากชาวบ้าน เพื่อคืนรายได้สู่ชุมชน




ในแต่ละปี "แม่น้ำท่าจีน" มีขยะทะเลประมาณ 14 ล้านชิ้น หรือราว 148 ล้านตัน ด้วยความที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญ แถมยังเป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่อ่าวไทย ซึ่งหากมีการติดตั้งเครื่องดักขยะไว้ที่ปากแม่น้ำ จะสามารถทุเลาปัญหาขยะได้มากแค่ไหน? ติดตามได้ที่บทความนี้


ขยะในแม่น้ำท่าจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

"แม่น้ำท่าจีน" เป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของ?ขวานทอง? ทอดยาวกินพื้นที่หลายจังหวัดและมีความยาวประมาณ 315 กิโลเมตร

นอกเหนือจากต้นไม้ใบเขียว สัตว์น้ำน้อยใหญ่แล้ว "ขยะ" ในแม่น้ำท่าจีนก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กัน โดยพบมากกว่า 14 ล้านชิ้น หรือประมาณ 148 ตันต่อปี

ชุติมา นำพระทัย จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กล่าวว่า หลังจากที่สำรวจปริมาณขยะมาตั้งแต่ปี 64,65,66 พบว่าขยะบริเวณปากแม่น้ำอ่าวไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-used Plastic) กล่องพัสดุ หรือแพ็กเกจสินค้าออนไลน์

โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำหนดมาตรการมาทั้งสิ้น 4 วิธี เพื่อเป็นการทุเลาปัญหาขยะในแม่น้ำท่าจีนลง โดยอาศัยความร่วมมือของทั้งภาคประช่วยและหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ได้แก่

1. เริ่มเก็บด้วยตัวเอง
2. องค์กรท้องถิ่นเช่น อบต. เทศบาล ลงพื้นที่เก็บขยะ
3. มีเรือสำหรับการเก็บขยะเชิงรุก (กลางแม่น้ำ)
4. ประมงพื้นบ้าน (เอาตาข่ายไปใส่ขยะกลับมาด้วย)

แต่แม้จะมีมาตรการข้างต้น ก็ยังไม่สามารถทุเลาปัญหาขยะแม่น้ำท่าจีนได้มากเท่าที่ควร

ธนาคารกรุงเทพ เล็งเห็นปัญหาตรงนี้ จึงดำเนินโครงการชื่อว่า "Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน" โดยจะติดตั้งเครื่องดักขยะไว้ที่ คลองหลวงสหกรณ์ และคลองพิทยาลงกรณ์ ต.โคกขาม เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยลดปริมาณขยะที่ไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย


เครื่องดักขยะ: ฮีโร่ช่วยเก็บขยะชาวสมุทรสาคร

หนึ่งในภารกิจโครงการ Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครจะถูกติดตั้งเครื่องดักขยะเพื่อดักจับขยะตั้งแต่ต้นทางก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำอ่าวไทย มี 3 ชนิดด้วยกัน

- ทุ่นดักขยะ (Boom) ผลิตจากพลาสติก HDPE สีเหลือง ขนาด 0.35x0.50 เมตร พร้อมตาข่ายความยาว 15 เมตร และลึกลงไปจากผิวน้ำ 50 เซนติเมตร อายุการใช้งาน 5-7 ปี

- กระชังไม้ไผ่ดักขยะ เป็นโครงไม้ไผ่ติดอวน ขนาด 3x3 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี

- เครื่องมือดักขยะแบบปักหลักเป็นโครงไม้ไผ่ผูกอวน ขนาด 5x10 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี

นอกจากอุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดด้านบนแล้ว ยังมี "น้องจุด" หรือก็คือฉลามวาฬแห่งท้องทะเล เป็นเครื่องมือดักขยะที่สามารถพักขยะจากทั้งบนบกและบริเวณผิวน้ำได้ โดยจะถูกติดตั้งไว้ที่ลานวัดสหกรณ์โฆสิตาราม สถานที่ซึ่งมักเกิดขยะได้ง่าย ๆ เพราะเป็นตลาดนัดนั่นเอง

ซึ่งขยะที่ได้จากการดักไม่ว่าทั้งในน้ำหรือบนบกจะถูกนำไปคัดแยกและรีไซเคิล สำหรับขยะประเภทที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ จะถูกส่งไปทำเชื้อเพลิงทดแทน เรียกได้ว่าครบวงจรจริง ๆ


เปลี่ยนขยะ ให้เป็นรายได้สู่ชุมชน

ปัจจุบัน ?ขยะ? ถือเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง แบงก์กรุงเทพเล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังการคัดแยกขยะให้กับชาวบ้านในชุมชน จ.สมุทรสาคร เพื่อให้เปลี่ยนขยะในแม่น้ำท่าจีนเองก็ดี หรือในพื้นที่บนบกก็ดีให้สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ครัวเรือนได้

ซึ่งการสร้างรายได้เกิดขึ้นได้หลายวิธี รีไซเคิลเป็นสินค้า หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือนำไปขายต่อ ในจังหวัดสมุทรสาคร มีสิ่งที่เรียกว่า ?ธนาคารขยะ? (Recycle Waste Bank) ดำเนินงานโดย องค์การบริหารส่วนตำบลโคกขาม ซึ่งคอยรับซื้อขยะจากชาวบ้านหลากหลายประเภทด้วยกันเพื่อเป็นการคืนทุนสู่ชุมชน

- กระดาษสี 1 บาท/ชิ้น
- กระดาษลัง 3 บาท/ชิ้น
- ขวดเบียร์ 1 บาท/ชิ้น
- เศษแก้ว 1 บาท/ชิ้น

ทิ้งท้ายไว้ด้วยของ นายวสันต์ แก้วจุนันท์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาครและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลโคกขาม มากว่า 37 ปี

"เราหวังว่าการติดตั้งทุ่นดักขยะ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยดักขยะไม่ให้ไหลลงสู่ชายฝั่งและทะเล ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของปัญหา จากนั้นคงต้องช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง พวกลูกกุ้งธรรมชาติจะได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อมีการส่งเสริมความรู้เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าเมื่อเด็กมีนิสัยที่ดีติดตัว ก็จะช่วยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ในอนาคต"


https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/848155

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:05


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger