#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 15 เมษายน 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนหลายพื้นที่และมีอากาศร้อนจัดบางแห่งกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่มีลมตะวันตก และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นไว้ด้วย สำหรับลมตะวันตกที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 16-18 เมษายน 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้ (16 เม.ย. 65) ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มได้รับผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบน จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 14 - 15 เม.ย. 65 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับ มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้ ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 20 เม.ย. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 16 - 19 เม.ย. 65 ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 16-18 เมษายน 2565)" ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 15 เมษายน 2565 ในช่วงวันที่ 16-18 เมษายน 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศจีนตอนใต้ และทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันพรุ่งนี้ (16 เม.ย. 65) ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จะเริ่มได้รับผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบน จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากภัยดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองซึ่งอาจเกิดอันตรายจากลมกระโชกแรงและฟ้าผ่าได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
แก้ปวดด้วยพิษร้ายของหอยเต้าปูน ความหวังใหม่ทางการแพทย์เพื่อใช้ทดแทนมอร์ฟีน - พิษโคโนทอกซิน ของหอยเต้าปูน เป็นหนึ่งในพิษร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พยายามสกัดยาระงับปวดจากพิษของหอยเต้าปูน - ปัจจุบันมียาที่มีต้นทางจากพิษของหอยเต้าปูน ใช้กับผู้มีอาการเจ็บปวดรุนแรง แต่ต้องฉีดเข้าไขสันหลังและมีราคาสูง - งานวิจัยชิ้นใหม่พบสารประกอบจากพิษของหอยเต้าปูนที่คล้ายฮอร์โมนบางชนิด ที่สามารถระงับสัญญาณความเจ็บปวดในมนุษย์ได้ หอยเต้าปูน เป็นสัตว์กินเนื้อและมีพิษ มีหลายสิบสกุล เป็นที่รู้จักหลายร้อยสายพันธุ์ แต่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกนำมาศึกษา จนเป็นที่รู้กันว่า พิษของหอยเปลือกสวยงามแต่ได้ชื่อว่าเป็นเพชฌฆาตแห่งก้นมหาสมุทร เป็นพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่สามารถพัฒนาไปสู่การผลิตยาระงับความเจ็บปวดได้ พิษโคโนทอกซิน (conotoxins) ของหอยเต้าปูน เป็นหนึ่งในพิษร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เคยมีรายงานว่า เต้าปูนลายแผนที่ (Gastridium geographus) เคยเป็นสาเหตุให้คนเสียชีวิต เฮเลนา ซาฟาวี (Helena Safavi) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษแห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ และรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ร่วมกับทีมวิจัยจากภาควิชาชีวการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ศึกษาพิษของหอยเต้าปูน Asprella เพื่อหาสารระงับความปวดที่อาจนำมาใช้แทนมอร์ฟีน "หอยพวกนี้มีความแปลกเฉพาะตัว พวกมันฉีดพิษเข้าไปในตัวเหยื่อ และรีบหดกลับเข้าไปในเปลือก จากนั้นก็รอสัก 3 ชั่วโมง จนกว่าปลาจะไม่เคลื่อนไหว แล้วหอยก็กลืนปลาเข้าไปทั้งตัว เป็นวิธีการล่าเหยื่อที่เชื่องช้ามาก" หอยเต้าปูนสามารถแบ่งตามอาหารที่กินได้ 3 กลุ่ม คือ กินปลา กินหอย และกินหนอน โดยหอยเต้าปูนประเภทกินปลาจะมีเข็มพิษคล้ายฉมวก แทงและฉีดพิษเข้าไปในตัวเหยื่อ ทำให้ช็อก ค่อยๆ เป็นอัมพาต จากนั้นหอยก็จะอ้าปากกลืนปลาเคราะห์ร้ายเข้าไปทั้งตัว ไอริส บี รามิโร (Iris Bea Ramiro) นักวิจัยด้านชีวโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน กล่าวว่า "ทุกสปีชีส์มีคุณสมบัติของพิษที่แตกต่างกัน ดังนั้น มันจึงเป็นเหมือนคลังสารประกอบหลายพันชนิดที่รอการค้นพบ" วารสาร Science Advances เผยแพร่ผลงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ที่สกัดพิษของหอยสปีชีส์ Conus rolani หรือหอยเต้าปูน Asprella นำมาวิเคราะห์องค์ประกอบระดับโมเลกุล และพบเปปไทด์ที่เรียกว่า Consomatin Ro1 ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนโซมาโตสแตติน (Somatostatin) ในมนุษย์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ และยับยั้งสัญญาณความเจ็บปวด ตามธรรมชาติ หอยเต้าปูน Asprella มีวิธีการล่าที่น่าสนใจ คือพวกมันจะไม่ได้กินเหยื่อทันทีหลังการจู่โจมด้วยพิษ แต่พวกมันจะรออย่างอดทนหลายชั่วโมง เพื่อให้เหยื่อหยุดเคลื่อนไหวสนิท ก่อนที่จะกินเหยื่อตัวนั้นเข้าไป นักวิจัยได้ฉีดเปปไทด์คอนโซมาติน (Consomatin) ให้กับหนูทดลอง พบว่าออกฤทธิ์ระงับความเจ็บปวดได้นานกว่ามอร์ฟีน โดยสารนี้จะกระตุ้นตัวรับฮอร์โมนโซมาโตสแตติน ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดลดลง เคยมีงานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า การกระตุ้นตัวรับโซมาโตสแตตินมีผลต่อการลดความเจ็บปวด แต่ยังไม่มียาในท้องตลาดทำงานด้วยกระบวนการนี้ พิษของหอยเต้าปูนถูกสกัดใช้เป็นยาแก้ปวดที่ออกสู่ตลาดยาตั้งแต่ปี 2001 โดยพิษจากหอยสายพันธุ์ Conus magus เป็นต้นทางของยา Ziconotide ที่มีชื่อทางการค้าว่า Prialt ซึ่งได้รับอนุญาตจาก FDA สหรัฐฯ ให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีความเจ็บปวดรุนแรง แต่ข้อเสียของยา Prialt คือราคาแพง ต้องฉีดเข้าไขสันหลัง และมีผลข้างเคียงรุนแรงในผู้ป่วยบางราย หากสารประกอบล่าสุดที่ได้จากพิษของหอยเต้าปูนสามารถพัฒนาไปเป็นยาแก้ปวดได้ จะเป็นข่าวดีของวงการแพทย์ เภสัชกรรม และผู้ป่วย ด้วยคุณสมบัติการระงับปวดที่ดีและยาวนานกว่ามอร์ฟีน ไม่เกิดผลข้างเคียงหรือเกิดอาการเสพติดเหมือนยาแก้ปวดประเภทโอปิออยด์ (opioid) ซึ่งซาฟาวี กล่าวว่า "มีแนวโน้มว่ายาที่มุ่งเป้าไปที่ตัวรับโซมาโตสแตตินจะดีสำหรับอาการปวดเรื้อรังมากกว่า" ก่อนหน้านี้โซมาโตสแตตินถูกใช้เป็นยาสำหรับโรคมะเร็งเน็ต (Neuroendocrine Tumor: NET) แต่ออกฤทธิ์ได้เพียงช่วงสั้นๆ รามิโร อธิบายต่อว่า "บริษัทยาหลายรายพัฒนายาโซมาโตสแตตินเพื่อทำให้ครึ่งชีวิตของมันยาวขึ้น แต่เมื่อเราได้โครงสร้างของคอนโซมาตินจากหอยเต้าปูน เป็นเรื่องน่าสนใจที่ไม่เพียงแค่ความคล้ายคลึงกันกับโซมาโตสแตตินเท่านั้น แต่ยังออกฤทธิ์ได้เสถียรกว่าอีกด้วย" https://plus.thairath.co.th/topic/futurism/101386
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|