เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้และด้านตะวันออกของประเทศกัมพูชา ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก และฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นไป) มีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรงดการเดินเรือ ในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. 63

อนึ่ง พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้และด้านตะวันออกของประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศกัมพูชา ภาคตะวันออกของประเทศไทย เข้าสู่บริเวณอ่าวไทยตอนบนในวันนี้ (วันที่ 8 ต.ค. 63)


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตลอดช่วง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 9 ต.ค. 63 พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแร งหลังจากนั้น ฝนจะลดลง

สำหรับในช่วงวันที่ 8 ? 13 ต.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร หลังจากนั้น มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมมีกำลังอ่อนลง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือในบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 8 ? 10 ต.ค. 63



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563)" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 08 ตุลาคม 2563

พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้และทางด้านตะวันออกของประเทศกัมพูชา กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศกัมพูชา ภาคตะวันออกของประเทศไทยเข้าสู่บริเวณอ่าวไทยตอนบนในวันที่ 8 ต.ค. 63 ลักษณะเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรงเกิดขึ้นได้ ในช่วงวันที่ 8-9 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และควรระวังอันตรายจากลมแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรงดการเดินเรือในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. 63 ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

คาดว่าพื้นที่ที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้


วันที่ 8 ตุลาคม 2563

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดนครพนม มุกดาหาร สกลนคร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และร้อยเอ็ด

ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


วันที่ 9 ตุลาคม 2563

ภาคกลาง: จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี และชัยนาท

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชาวออสเตรเลีย เจอซากเครื่องบินบนชายหาด จุดความหวังอาจเป็น MH370

ชายชาวออสเตรเลีย เจอซากเครื่องบินฝังอยู่ในผืนทรายบนชายหาดในรัฐควีนส์แลนด์ จุดความหวังอาจเป็นซากเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ MH370 แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ ?สี? ไม่ตรงกัน



เมื่อ 7 ต.ค.63 เว็บไซต์ เดอะ ซัน รายงาน มีชาวออสเตรเลีย พบซากเครื่องบินบนชายหาดแห่งหนึ่ง ใกล้ เคป ทริบูลเลชั่น พื้นที่ห่างไกลทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ในประเทศออสเตรเลีย จนทำให้เกิดความหวังขึ้นมาใหม่ว่า ซากเครื่องบินที่พบนี้ อาจไขปริศนา เครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ราย ตั้งแต่ 8 มี.ค.2557

มิค เอลโคต ชายชาวออสเตรเลียในพื้นที่ ซึ่งเป็นคนพบซากเครื่องบิน เล่าว่า ตอนแรกที่เห็น เขาคิดว่าเป็นซากหางเสือเรือ แต่จากนั้นเมื่อได้สังเกตอย่างละเอียด จึงเห็นว่า ซากดังกล่าวมีลักษณะคล้ายปีกเครื่องบิน ซึ่งมันจมอยู่ในผืนทราย ซึ่งตอนนี้ไม่แน่ชัดว่า ซากเครื่องบินนี้เป็นของเครื่องบินลำไหน โดย มิค เอลโคต ได้แชร์ภาพถ่ายซากเครื่องบินที่เขาพบลงในเฟซบุ๊ก และได้รับการติดต่อจากคนจำนวนมาก ที่มีความเห็นว่า ซากดังกล่าวมาจาก MH370

เดอะ ซัน ยังระบุว่า การพบซากเครื่องบินทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่ามันอาจเป็นซากชิ้นส่วนของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ที่หายไป อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งชี้ว่า เขาไม่คิดว่าซากดังกล่าวเป็นซากของ MH370 เนื่องจากสีของซากเครื่องบินที่พบนั้น ไม่ตรงกับสีของเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1947574


*********************************************************************************************************************************************************


สัมผัสเสน่ห์ "หาดทรายสีดำ" หาดนางทอง ที่เขาหลัก จ.พังงา



ภาพทะเลน้ำใส หาดทรายเม็ดละเอียดขาวสะท้อนแสง นุ่มเท้าเวลาเดินรับลมทะเล อาจจะเฉยๆ แล้วสำหรับหลายคนที่ไปเที่ยวทะเลบ่อยๆ ตอนนี้ถ้าใครอยากมีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไทยรัฐออนไลน์ขอชวนไปเที่ยว หาดทรายสีดำ จ.พังงา ช่วงนี้ ที่ หาดนางทอง ปักหมุดเช็กอินไว้เลยว่า เป็นไฮไลต์แหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งของเขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า

บรรยากาศการท่องเที่ยว ชมหาดทรายสีดำ ที่หาดนางทอง ช่วงนี้คึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย พากันไปเดินเลียบชายหาด สัมผัสหาดทรายสีดำละเอียดตลอดแนว เพราะช่วงเวลาเดือนตุลาคมแบบนี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่น้ำทะเลหนุนสูง ก็จะยิ่งมองเห็นหาดทรายสีดำเป็นบริเวณกว้าง กว่าช่วงน้ำทะเลลด

หลายคนอาจสงสัยว่า ทรายสีดำนี้มาจากไหน? ตอบได้ว่าไม่ใช่เพราะขยะ น้ำเสีย หรือมลพิษแน่นอน แต่เป็นผลจากการที่พื้นที่ใน อ.ตะกั่ว อุดมไปด้วยแร่ดีบุก เป็นหนึ่งในเหมืองแร่ที่รุ่งเรืองในอดีต ที่มีทั้งเหมือง และท่าเรือขนแร่ดีบุก เหตุที่แร่ดีบุกออกมาอยู่ตามชายหาดนั้น เพราะท้องทะเลไม่เคยหลับใหล พอคลื่นซัดก็มีแร่ดีบุกขึ้นมาด้วย วิถีชาวบ้านคือพากันมาตัก และนำมากองรวมกันก่อนใส่ราง และล้างน้ำแยกทรายออก แล้วนำไปขาย

เมื่อหมดยุคเหมืองแร่แล้ว จังหวัดพังงา เริ่มมีเสน่ห์ใหม่ จากธรรมชาติที่หลากหลาย จึงเริ่มพัฒนาจังหวัดรับนักท่องเที่ยว แต่คลื่นทะเลตามธรรมชาติก็ยังคงซัดนำเอาแร่ขึ้นบนชายหาดอยู่ และดึงกลับลงไปในทะเล สลับกันไปมานานนับปี จนชายหาดที่มีสีดำ ที่กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมา



นอกจากหาดทรายสีดำ ที่หาดนางทองแล้ว ที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก อย่างเช่น แหลมปะการัง ที่มีปะการังที่ถูกคลื่นซัดปะปนมาอยู่บนหาดทรายจำนวนมาก หรือใครอยากเจอหาดทรายขาว มีแนวทิวสนยาวร่มรื่น ก็ต้องไปที่หาดบางสัก ถ้าอยากเพิ่มเติมด้วยบรรยากาศน้ำตก ก็ต้องไปที่น้ำตกโตนช่องฟ้า

อย่าลืมเก็บลิสต์ หาดนางทอง และอีกหลายที่เที่ยว จ.พังงา ไว้ เพราะประสบการณ์ใหม่ จากการได้ไปเที่ยว รับรองได้ว่าสุขใจจริงๆ


https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/1947536

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ไฟป่าแคลิฟอร์เนียยกระดับเป็น "กิกะไฟร์"

ไฟป่าแคลิฟอร์เนียยกระดับเป็น "กิกะไฟร์"
ไฟป่าแคลิฟอร์เนียถูกจัดเป็น "กิกะไฟร์" ที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังเผาผลาญพื้นที่ป่าเกิน 1 ล้านเอเคอร์ ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่



เมื่อวันที่ 7 ต.ค. สำนักข่าว CNN รายงานว่า ไฟป่า "ออกัส คอมเพล็กซ์" (August complex) ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของไฟป่าขนาดเล็ก 37 แห่ง ได้ผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 1.03 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 2.6 ล้านไร่ ถูกจัดเป็นไฟป่าระดับ "กิกะไฟร์" (Gigafire) แห่งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

เดิมไฟป่าออกัส คอมเพล็กซ์ ถูกจัดเป็น "เมกะไฟร์" (Megafire) ซึ่งเป็นชื่อสำหรับเรียกไฟป่าที่สร้างความเสียหายในระดับ 100,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 253,000 ไร่ขึ้นไป ในขณะที่ "กิกะไฟร์" ไม่ค่อยมีบ่อยนัก เพราะเป็นไฟป่าที่มีความเสียหายระดับ 1 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 2.53 ล้านไร่ขึ้นไป

โดยสำนักงานป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ "แคลไฟร์" เปิดเผยว่า ล่าสุดพื้นที่ไฟป่าออกัส คอมเพล็กซ์ กินอาณาบริเวณใหญ่กว่ารัฐโรดไอร์แลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ 988,832 เอเคอร์ สร้างความเสียหายใน 3 เทศมณฑล ได้แก่ เมนโดซิโน เลก และทรินิตี้ หลังจากที่เกิดฟ้าผ่าลงบนพื้นที่ป่าแห้งแล้ง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ทำให้เปลวไฟไหม้ลาม กินเวลายาวนานกว่า 50 วัน จนถึงตอนนี้ดับไฟได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

โดยเฉพาะในปีนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญวิกฤติไฟป่าหนักหน่วงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ พื้นที่ป่าถูกเผาทำลายรวมแล้ว 4 ล้านเอเคอร์ ประมาณ 10.12 ล้านไร่ เป็นสถิติสูงกว่าปีที่แล้วถึงเท่าตัว และไฟป่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติได้ 5 ใน 6 แห่งเกิดขึ้นในปีนี้



ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ 4,075 คน รถดับเพลิง 353 คัน เฮลิคอปเตอร์ 31 ลำ บ้านเรือนประชาชน 100 หลังคาเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ 104 หลังถูกไฟเผาทำลาย ประเมินความเสียหายเป็นเงินกว่า 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 5,187 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังทำให้สภาพอากาศเต็มไปด้วยควันไฟป่า ท้องฟ้าปกคลุมด้วยฝุ่นละอองสีส้ม นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงว่าปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนทำให้ฤดูแล้งปีนี้ของแคลิฟอร์เนีย มีความร้อนและแล้งมากขึ้น ส่งผลให้เปลวไฟลุกลามรวดเร็วและควบคุมได้ยากกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1947041


*********************************************************************************************************************************************************


แนะคนชอบกิน "ไข่แมงดา" ระวังเจอ "แมงดาพิษ" อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

กรมอนามัย แนะประชาชนที่นิยมกิน "ไข่แมงดา" ให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อ เพราะอาจเจอ "แมงดาพิษ" ที่ส่งผลต่อร่างกาย อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้



นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีการนำเสนอข่าวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบผู้เสียชีวิตหลังจากกินแมงดาทะเลเผา ซึ่งคาดว่าจะเป็นแมงดาพิษนั้น กรมอนามัย ขอเตือนผู้ที่นิยมบริโภคแมงดาและแมงกะพรุน ต้องระวังในการเลือกซื้อ เนื่องจากแมงดาทะเลมี 2 ชนิด คือ แมงดาจานที่ไม่มีพิษ

ส่วนแมงดาถ้วย หรือแมงดาไฟ หรือเหรา เป็นแมงดาที่มีพิษ ผู้บริโภคต้องสังเกตให้ดีว่าเป็นแมงดาที่กินได้หรือไม่ได้ หากแยกไม่ออก ไม่ควรกิน อาจเสี่ยงได้รับพิษ และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งแมงดาจานที่กินได้ จะมีลำตัวขนาดใหญ่กว่าแมงดาถ้วย พื้นผิวด้านบนเรียบ มีสีน้ำตาลอมเขียว มีหางเหลี่ยม มีสันและหนามเรียงกัน เป็นแถวคล้ายฟันเลื่อย ส่วนแมงดาถ้วยที่ไม่ควรกินนั้น จะมีลำตัวโค้งกลม มีหางกลม และผิวด้านนอกมีขนสั้นสีน้ำตาลอมแดงต่อจากส่วนท้อง มีหางค่อนข้างกลม ไม่มีสัน และไม่มีหนาม

ทั้งนี้ อาการเบื้องต้นหลังได้รับพิษ ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งการปฐมพยาบาลคือ ทำให้ผู้ป่วยหายใจคล่องที่สุด และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการผายปอดจนกว่าจะถึงโรงพยาบาล ระหว่างการนำส่งห้ามให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรือยา เพราะอาจทำให้สำลักได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย หากไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารที่มีพิษหรือไม่ ห้ามกินเด็ดขาด เช่น ปลาปักเป้า แมงกะพรุน หรือ เห็ด เป็นต้น.




https://www.thairath.co.th/news/local/1947561

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ปลาไหลตายเพราะปาก งาบปักเป้าเข้าเต็มๆ บทสรุปสุดท้ายน่าเศร้าตายคู่!

จุดจบปลาไหลตะกละ กินใหญ่ปลาปักเป้าตัวใหญ่ ปลาปักเป้าเม่นพองตัวสู้จนติดคอ สุดท้ายไม่รอดทั้งสองตัว



เดอะซัน รายงานว่า ทิม เมเยอร์ ครูสอนดำน้ำลึก อาศัยอยู่เกาะคุก ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์มาเป็นเวลาเกือบ 8 ปี วันหนึ่งได้พบเห็นสิ่งประหลาดเกยอยู่บนหาดทิติกะเวะกะ เริ่มแรกเขาเข้าใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นเศษไม้ที่ลอยในทะเล แต่เขารู้จักหาดนี้เป็นอย่างดีว่าในหาดฝั่งนี้แทบไม่เคยมีเศษไม้มาเกยเลย จึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และพบว่าคือปลาไหลที่มีปลาปักเป้าพองตัวอยู่ในปาก โดยปลาไหลมีความยาวประมาณ 1.3 เมตร

ทิมรู้สึกประหลาดใจมาก จึงเรียกภรรยา ลูซี่ และลูกๆ มาดูและเป็นพยานในสิ่งที่เขาพบ หลังจากนั้นทิมรีบติดต่อไปยังนักชีววิทยาทางทะเลท้องถิ่น เคอร์บี้ มอร์จอห์น เพื่อยืนยันในสิ่งที่พบเห็น โดยเคอร์บี้ อธิบายว่า ดูเหมือนว่าปลาไหลพยายามจะกินปลาปักเป้า แต่ปลาปักเป้าพองตัวขึ้นตามกลไกป้องกันตัวเอง

นอกจากนี้ปลาไหลมีระบบการหายใจที่แตกต่างจากปลาชนิดอื่น โดยปลาไหลจะหายใจด้วยการดูดน้ำเข้า คล้ายกับการที่มนุษย์หายใจด้วยอากาศ ขณะที่ปลาโดยทั่วไปจะหายใจโดยใช้เหงือก การที่ปลาปักเป้าเข้าไปขัดขวางช่องการหายใจของปลาไหล จึงทำให้ปลาไหลขาดอากาศหายใจและตายลง

ลูกๆ ของทิม ยังไม่เข้าใจว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา พวกเด็กๆ เข้าใจเพียงแค่ว่าปลาทั้งสองตัวต่อสู้กันจนตาย จึงอยากจะเข้าไปใกล้ๆ และถ่ายรูปเก็บไว้ แต่นั่นทำให้พวกเขาไปโรงเรียนสาย ในวันนั้นทิมและภรรยาส่งข้อความพร้อมรูปภาพที่ได้ถ่ายไปให้คุณครู เพื่อขอให้ลูกๆ ไปโรงเรียนช้ากว่าปกติ เมื่อเด็กๆ ไปถึงโรงเรียน พวกเขารีบเล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ผลลัพธ์คือในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ คุณครูได้นำภาพดังกล่าวมาให้นักเรียนในห้องดู และเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ


https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5068252
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


นักเล่นเซิร์ฟไม่รู้ตัวเลยใกล้ฉลามมากแค่ไหนจนมาเห็นคลิปโดรน

อดีตแชมป์นักโต้คลื่นในออสเตรเลีย เจอฉลามว่ายจ่อด้านหลังแต่ไม่รู้ตัวเลยจนขึ้นฝั่งแล้วเห็นคลิปนาทีระทึกจากโดรน



เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นนอกชายหาดชาร์ปส์ (Sharpes) แหล่งเล่นเซิร์ฟยอดนิยม ในเมืองบัลลินา รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสตรเลีย เมื่อวาน ( 7 ต.ค.) แมต วิลคินสัน อดีตนักโต้คลื่นแชมป์โลก World Surf League กำลังว่ายอยู่บนกระดานโต้คลื่น โดรนของทีมกู้ชีพทางน้ำ Surf Life Saving NSW ที่ถูกส่งขึ้นบินเพื่อระวังภัยฉลาม จับภาพฉลามขาวขนาด 1.5 เมตร ว่ายเข้าไปใกล้กับวิลคินสันเรื่อยๆจนชิดข้างหลังของเขา จึงรีบประกาศเตือนผ่านเครื่องขยายเสียง

ขณะที่วิลคินสัน วัย 32 ปี กล่าวว่า เขาได้ยินเสียงประกาศเตือนฉลามจากโดรน และได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นกับเสียงบางอย่าง แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นอะไร จากนั้น นักบินโดรนแนะนำให้เขากลับเข้าหาฝั่ง ?ผมขึ้นฝั่งและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเมื่อไลฟ์การ์ดโชว์คลิปให้ดู ผมถึงเพิ่งรู้ว่าฉลามมาใกล้แค่ไหน โดยไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงนั้นเอง เหมือนว่ามันเข้าหาขาของผมแล้วเกิดเปลี่ยนใจ? วิลคินสัน กล่าวด้วยว่า ภรรยาบอกให้เขางดเซิร์ฟสักวันสองวัน หลังเจอเหตุการณ์เฉียดอันตราย

หลังพบเห็นฉลาม เจ้าหน้าที่สั่งอพยพคนออกจากหาดและสั่งปิดหาด 1 วัน

วิลคินสัน กล่าวว่า โดรนช่วยให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นเวลาอยู่ในน้ำ เพราะมองเห็นสิ่งที่นักโต้คลื่นไม่สามารถมองเห็นได้ อย่างไรก็ดี เขาเซิร์ฟเจอฉลามมาตลอดชีวิต เข้าใจดีว่าพวกมันก็อยู่ตรงนั้น และรู้ด้วยว่าฉลามไม่ได้สนใจมนุษย์มากจนเกินไป

ด้าน โบ มังคส์ ผู้บังคับโดรน กล่าวว่า เขาเห็นฉลามตัวนี้ ในเที่ยวบินที่ 7 ของวัน มันมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็โผล่มาใกล้กับวิลคินสัน และเคลื่อนที่ไวมาก

สถิติจากสมาคมอนุรักษ์ทารองกาในออสเตรเลีย พบว่าในปีนี้ เกิดเหตุฉลามโจมตีจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 ราย ขณะปีที่แล้ว ไม่มีผู้เสียชีวิต และในปีก่อนหน้า 2561 มีผู้เสียชีวิตรายเดียว


https://www.komchadluek.net/news/foreign/445505

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 08-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ผลวิจัยพบไมโครพลาสติก 14 ล้านตันใต้ท้องทะเล

ซิดนีย์ 7 ต.ค. ? สำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติของออสเตรเลียเผยว่า พื้นมหาสมุทรของโลกเต็มไปด้วยไมโครพลาสติกราว 14 ล้านตัน ที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ จากขยะพลาสติกขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเล



สำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติออสเตรเลียระบุว่า ไมโครพลาสติกที่พบในครั้งนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 25 เท่า จากการศึกษาในครั้งก่อน และถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลปริมาณไมโครพลาสติกที่พื้นมหาสมุทรครั้งแรกของโลก โดยคณะนักวิจัยจากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพของออสเตรเลีย (CSIRO) ได้ใช้เรือดำน้ำหุ่นยนต์เก็บตัวอย่างขยะจากพื้นมหาสมุทรที่ลึกกว่า 3,000 เมตร ตามแนวชายฝั่งรัฐเซาท์ออสเตรเลีย

นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขององค์การดังกล่าวเผยว่า ใต้ท้องทะเลลึกเต็มไปด้วยไมโครพลาสติก และไม่น่าเชื่อว่าจะพบปริมาณไมโครพลาสติกจำนวนมหาศาลในพื้นมหาสมุทรที่ห่างไกล ทั้งยังเรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สัตว์ป่า และสุขภาพมนุษย์.


https://tna.mcot.net/world-556531


*********************************************************************************************************************************************************


เร่งแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ

กรุงเทพฯ 7 ต.ค. ? รมว.ทส.สั่งด่วน ทช.แก้ปัญหาชายหาดพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ถูกกัดเซาะ ย้ำรักษาระบบนิเวศและโบราณสถานอันทรงคุณค่า มอบหมายให้ศึกษาแนวทางแก้ไขตามหลักวิชาการ คาดเสร็จ มี.ค.64



นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เดินทางไปตรวจปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยกล่าวว่า กังวลอย่างมากเนื่องจากเป็นโบราณสถานมีสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า ขณะนี้มีโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง 5 ประเภท ทั้งเขื่อนกันทรายและคลื่น 2 ตัว เขื่อนป้องกันนอกชายฝั่งแบบใต้น้ำ รอดักทราย และกำแพงป้องกันคลื่นริมชายหาดความยาวกว่า 2,500 เมตร แม้เจตนารมณ์ของหน่วยงานที่ก่อสร้างมุ่งจะแก้ปัญหา แต่โครงสร้างดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ จึงสั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแก้ไขอย่างถูกหลักวิชาการ

ทั้งนี้ ในอนาคตโครงการต่าง ๆ ต้องนำมาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามหลักวิชาการจากคณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการจัดการการกัดเซาะชายฝั่งทะเลแต่งตั้งโดยคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณ ทาง ทส. แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง แต่บางพื้นที่ยังมีผลกระทบรวม 89 กิโลเมตร ซึ่งต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน



นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวว่า โครงสร้างต่าง ๆ ตามแนวชายฝั่งและนอกชายฝั่งพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ก่อสร้างโดยส่วนราชการอื่นปี 2549 เสร็จปี 2551 ภายหลังจากการก่อสร้างส่งผลกระทบต่อชายฝั่งบริเวณหน้าวัดไทรย้อยและหน้าโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท ส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะทำให้บริเวณโดยรอบบดบังทัศนียภาพและกีดขวางการเดินเรือ จึงให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งรัดดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ทช.ว่าจ้างมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์จัดทำแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศชายหาดในพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ให้สอดคล้องกับสภาพตามธรรมชาติใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านบาท เริ่มลงนามในสัญญาตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา และมีกำหนดศึกษาเสร็จภายในวันที่ 27 มีนาคม 2564 พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญให้กำกับโครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษา เพื่อจัดทำแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศชายหาดให้สอดคล้องกับสภาพตามธรรมชาติ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างละเอียด รอบคอบ ถูกต้องตามหลักวิชาการ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย โดยมุ่งเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติและความยั่งยืนของการแก้ไขปัญหา.


https://tna.mcot.net/environment-556589

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:10


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger