เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 3 กรกฏาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา และลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 ? 5 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก

ส่วนในช่วงวันที่ 6 ? 8 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก อ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักวิทย์เตือนสัญญาณหายนะ ทวีปอาร์กติกร้อน ทุบสถิติ 38 องศา



นักวิทย์เตือนสัญญาณหายนะสิ่งแวดลัอมโลก หลังทวีปอาร์กติก ที่ขั้วโลกเหนือ เจออุณหภูมิสูงทุบสถิติ ถึง 38 องศาเซลเซียส ชี้โลกมีอุณหภูมิอุ่นสุดในรอบอย่างน้อย 12,000 ปี

ฤดูหนาวที่อบอุ่นและฤดูใบไม้ผลิที่ร้อนระอุผิดแปลกไปจากวัฏจักรฤดูกาลของธรรมชาติ ส่งผลให้หิมะที่เคยปกคลุมพื้นดินในไซบีเรียละลายหายไปเร็วกว่าปกติ ทิ้งไว้เพียงแต่พื้นดินที่แห้ง ไม่เหลือร่องรอยของหิมะฤดูหนาว เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เมือง Verkhoyansk ในเขตไซบีเรีย ของรัสเซีย อุณหภูมิพุ่งสูงแตะ 100.4 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 38 องศาเซลเซียส ทุบสถิติทั้งหมดที่เคยมีกลายเป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดในรอบ 100 ปี นำไปสู่การออกมาเตือนของนักนักอุตุนิยมวิทยาว่านี่คือสัญญาณหายนะของสิ่งแวดล้อมโลก



สภาพอากาศร้อนในช่วงฤดูร้อนไม่ใช่สิ่งใหม่ในทวีปอาร์กติก ที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าช้ากว่าที่เคย และส่องแสงลงมาบนพื้นดินเกือบ 24 ชั่วโมง แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกและสภาวะโลกร้อน ได้ส่งผลให้อุณหภูมิในทวีปอาร์กติกสูงกว่าทวีปอื่นๆ ของโลกถึง 2 เท่า ชี้ให้เห็นว่าปัญหาสภาพอากาศร้อนในทวีปอาร์กติกนั้นรวดเร็วกว่าทวีปอื่น โดยพบว่าอุณหภูมิในทวีปอาร์กติกสูงขึ้นเฉลี่ย 3 องศาเซลเซียส ในศตวรรษที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเตือนว่าภัยโลกร้อนเพิ่มความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง



ด้าน รูธ มอทเทรม (Ruth Mottram) นักอุตุนิยมวิทยาจากเดนมาร์กระบุว่าถึงแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับการพูดถึงสภาวะโลกร้อนกันอยู่บ่อยๆ แต่ภัยร้ายกลับมาเร็วกว่าที่นักวิทยศาสตร์คาดการณ์เอาไว้มาก ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์คนเมือง ที่ส่งผลให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาพของธารน้ำแข็งที่ละลายไม่เว้นวัน เปรียบเสมือนการนับถอยหลังสู่หายนะทางธรรมชาติ


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1881033

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ปลื้มสุด! เต่ามะเฟืองวางไข่ บนชายหาดเขาหน้ายักษ์ พังงา วันเปิดอุทยานฯ



เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง KhaoLampiHatThaiMueangNationalPark ได้โพสต์ภาพร่องรอยการเข้ามาวางไข่ของเต่ามะเฟือง บนชายหาดเขาหน้ายักษ์ และเข้าตรวจสอบจนพบหลุมไข่เต่า และให้เจ้าหน้าที่ทำคอกกั้น เพื่อช่วยป้องกันภัยคุกคามตามธรรมชาติ ซึ่งนับจากวันนี้จนกว่าลูกเต่าฟักจะใช้เวลาประมาณ 60-70 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของสภาพแวดล้อม

โดยให้รายละเอียดว่า สุดเซอร์ไพรซ์!! 1 กรกฎาคม 2563 เปิดการท่องเที่ยวอุทยานวันแรก พบเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ บนชายหาดเขาหน้ายักษ์ เวลาประมาณ 10.00 น. ระหว่างการทำกิจกรรมเก็บขยะชายหาดบริเวณเขาหน้ายักษ์ เจ้าหน้าที่ได้พบร่องรอยบนพื้นทรายมีลักษณะเหมือนการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเลบริเวณพิกัด N943943 E413226


วัดขนาดของไข่เต่ามะเฟือง

นายหฤษฎ์ชัย ฤทธิช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปีหาดท้ายเหมืองได้ประสานงานไปยังนายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ร่วมตรวจสอบพิจารณาแล้วคาดว่ารอยดังกล่าวเป็นร่องรอยของเต่ามะเฟือง เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดความกว้างของพายคู่หน้าได้ 170 เซนติเมตร ความกว้างอก 60 เซนติเมตร วัดระยะห่างจากหลุมไข่ถึงทะเลได้ 18 เมตร ต่อมาได้ทำการสักและขุดหาจนเจอไข่เต่า วัดความลึกของหลุมไข่ได้ 80 เซนติเมตร จากนั้นได้ถมทรายกลับเช่นเดิมและทำคอกกั้นเพื่อป้องกันภัยคุกคามตามธรรมชาติ เช่น สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงปักไม้ทำแนวกันคลื่น

ทั้งนี้คาดว่าเต่ามะเฟืองที่ขึ้นมาวางไข่ครั้งนี้น่าจะเป็นตัวเดียวกันกับที่ขึ้นมาเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 เนื่องจากรอยที่พบมีขนาดเท่ากันและบริเวณที่พบการขึ้นวางไข่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน จากนี้อุทยานฯ จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณหลุมไข่จนกว่าจะฟัก

ซึ่งหลังจากฟักเป็นตัวแล้ว ลูกเต่าจะคลานออกจากรัง ลงสู่ทะเลโดยทันที เนื่องจากเป็นเต่ามะเฟืองเป็นเต่าน้ำลึก จึงไม่สามารถเก็บมาอนุบาลได้เป็นเวลานาน ในการอนุรักษ์เต่ามะเฟืองทุกคนร่วมมือได้โดยการไม่รบกวนสถานที่วางไข่ ไม่รับประทานไข่เต่า โดยเฉพาะการไม่ทิ้งถุงพลาสติกลงทะเล เพราะเต่ามะเฟืองอาจจะคิดว่าเป็นแมงกะพรุน พอกินเข้าไปอาจถึงตาย ดังนั้น ใครที่พบเห็นว่าเต่าได้รับบาดเจ็บควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ปัจจุบัน เต่ามะเฟือง ( Leatherback turtle ) จัดเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2562


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000068032


*********************************************************************************************************************************************************


'กรณีลูกลิงกังถูกรถยนต์ชน' วราวุธ ขอร้อง! อุทยานแห่งชาติ คือบ้านของสัตว์ป่า



เมื่อวานนี้ (2 ก.ค.2563) เพจเฟซบุ๊ก TOP Varawut-ท็อปวราวุธ ศิลปอาชาได้โพสต์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการขับขี่รถเข้าไปเที่ยวในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติว่า "อุทยานแห่งชาติ คือบ้านของสัตว์ป่า อย่าเข้าไปเที่ยวบ้านใคร แล้วทำให้เจ้าของบ้านต้องสูญเสียเลยครับ ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกัน อย่าให้เกิดข่าวร้ายแบบนี้ขึ้นอีกเลย"

จากกรณี ลูกลิงกังถูกรถยนต์ ช่วงเวลาประมาณ 13.16 น. บนถนนสาน 2090 บริเวณก่อนถึงแยกลานจอดเฮลิคอปเตอร์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี หลังเปิดให้ท่องเที่ยวอุทยานเป็นวันแรก 1 กรกฎาคม 2563

โดยภายหลังจากลิงถูกรถชน แม่ลิงได้เข้ามาดูและอุ้มลูกลิงมาวางข้างถนน ก่อนทีมแพทย์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เข้าช่วยเหลือ แต่แม่ลิงนำซากลูกลิงหนีเข้าป่า ทีมแพทย์จึงติดตามและประสานงานการช่วยเหลือ

ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อุทยานแห่งชาติได้ปิดทำการไปเป็นเวลานาน ทำให้สัตว์ป่าออกมานั่งพักและใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในวันแรกที่เปิดอุทยานแห่งชาติ ส่งผลให้สัตว์ป่ามีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายจากรถยนต์ที่ขับเร็ว โดยทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ขอเน้นย้ำในมาตรการ 4 ม. ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ไม่ให้อาหารสัตว์,ไม่ทิ้งขยะ,ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ขับรถเร็วเกินกำหนดที่ 60 กม. / ชม

ก่อนหน้าวันเปิดอุทยานฯ เพียงไม่กี่วัน ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ให้ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา มาให้คำแนะนำ กำหนดจุดตรวจจับความเร็ว การยิงกล้องความเร็ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมกับส่งเสริมการเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แบบ New Normal โดยให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกฎ 4 ม.


ป้ายกำหนดความเร็วไม่เกิน 60 กม.ต่อชม. บนถนนในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เหตุการณ์นี้ได้มีการโพสต์และแชร์กันมาก เพราะเกิดจากความประมาท และไม่ตระหนักถึงมาตรการ 4 ม. ดังกล่าว อย่างเพจเฟซบุ๊ก ภัทรพล ล็อตมณีอ่อน ได้โพสต์ว่า

การท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาสัตว์ป่าได้ใช้ประโยชน์ของพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ เกิดการเรียนรู้ และคุ้นเคย การปฎิบัติด้วยกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ ด้วยการขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด อาจไม่เพียงพอ สติ การรับรู้และท่องจำถึงพฤติกรรมสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงในทางที่สอดคล้องกับธรรมชาติ คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องรับรู้เพิ่ม ในการท่องเที่ยวแบบ New Normal

ความเร็วที่กำหนด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้หมายความว่า ชนสัตว์แล้วจะไม่ตาย แต่มันคือความเร็วที่บ่งบอกว่า เมื่อเจอสิ่งกีดขวาง ตัดหน้า ด้วยความเร็วประมาณนี้ จะสามารถหยุดรถ ชะลอหรือหักหลบ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นต่างหาก ซึ่งนั่นแหละ คือ "สติ" ของทุกๆคน ขับช้าๆ เปิดกระจก สูดอากาศบริสุทธิ์ผ่านหน้ากากผ้า

เช่นเดียวกับ เพจคุณ ต๋อย ภาชาต ได้โพสต์แสดงความเห็นจากเหตุการณ์นี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

"ครั้งหนึ่ง อุทยานเขาใหญ่ เข้มงวดมากในช่วงที่ลิงจำนวนมากเข้ามาขออาหารจากนักท่องเที่ยว และนิสัยคนไทยก็รักสัตว์มีเมตตา จอดรถให้อาหารสัตว์กันจน รถเหยียบลิงตายหลายตัว จึงมีการจัดสายตรวจลาดตระเวนตามจุดต่างๆ เพื่อตักเตือนและทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว อยากจะให้จัดกำลังสายตรวจเฝ้าระวังแบบนี้อีกครั้งและให้ใช้ พรบ ปี 2562 ให้เคร่งครัด และสิ่งหนึงคือขวัญกำลังใจ คือส่งกำลังบำรุงให้สายตรวจเหล่านี้ด้วย เปิดอุทยานมาด้วยการแลกชีวิตของสัตว์ป่าหนึ่งชีวิต เพื่อสนองความต้องการชมธรรมชาติที่สวยงาม มันเที่ยวไม่สนุกเลยครับ ผมไม่ใช่พวกโลกสวย ผมพวกธรรมชาติสวย"


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000068219

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


กัปตันเรือ นั่งจิบกาแฟเคล้าสายลม ลืมไปว่าอุ่นแกงทิ้งไว้ ไฟไหม้เรือ

จากกรณีเมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา วันที่ 2 ก.ค. ได้เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้เรือซีลวอล์คเกอร์ แสงอรุณ ไดร์ฟวิ่ง พานักท่องเที่ยวดำน้ำ ที่บริเวณกลางทะเล ใกล้หาดตายาย พื้นที่เกาะล้าน สร้างความเสียหายอย่างหนัก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. นายเอกภาพ ชัยสมบูรณ์ เจ้าหน้าฝ่ายป้องกันภัยพิบัติทางทะเลเมืองพัทยา ได้เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด โดยไฟได้ลุกไหม้ที่ชั้นสองตอนนี้เพลิงได้ดับลงแล้ว ส่วนเรือได้จอดทิ้งไว้อยู่กลางทะเลตรงจุดเกิดเหตุ

ขณะที่ นายณรงค์ฤทธิ์ บุญมาฉาย เจ้าของเรือ ได้เปิดเผยสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ว่า เกิดจากกัปตันเรือคือ นายไพบูลย์ วิเศษศรี อายุ 59 ปี และภรรยาได้ประกอบอาหารโดยใช้หม้ออลูมิเนียม มีถังแก๊สขนาด 15 กก. เตาหัวเดียวอยู่บนชั้นสองของเรือ

แต่เจ้าตัวได้ลงมานั่งจิบกาแฟเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างล่าง จนลืมหม้ออาหารที่ตั้งไฟไว้ด้านบน จนกระทั้งได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงรีบวิ่งขึ้นไปดูก็พบว่าเปลวไฟกำลังลุกไหม้ มีควันพวยพุงขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แม้พยายามดับแล้วแต่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงต้องสละเรือหนีเอาตัวรอดจนกระทั้งมีเจสกี้และเรือใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือดังกล่าว

เบื้องต้นชั้นสองของตัวเรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก และยังมีอุปกรณ์ดำน้ำถูกเปลวไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหมดเช่นกัน และยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4430950


__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


เศร้า! พบ 'โลมา' ตายเกยชายหาดเขาหลัก 'เต่าหญ้า' บาดเจ็บนำส่งไปรักษาต่อ



เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 นายประถม รัสมี ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10-11 ได้รับการประสานจากนักวิชาการของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ว่า ได้รับแจ้งจากพนักงานของเขาหลัก ลากูน่า รีสอร์ต มีปลาโลมาขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดเขาหลักด้านหน้ารีสอร์ต หมู่ที่ 7 ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จึงร่วมกันเข้าไปตรวจสอบ พิกัด ๙๕๕๐๒๗ N ๔๑๗๑๒๕ E พบเป็นปลาโลมากระโดดเสียชีวิตแล้ว

พบร่องรอยบาดแผลฉีกขากคล้ายโดนกัดบริเวณหลัง วัดขนาดความยาวจากปลายปากถึงหาง 159 ซม. จากนั้นเดินทางไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง พังงา หมู่ที่ 5 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อรับมอบเต่าหญ้า ที่ทางศูนย์ฯ ได้รับมอบจากเรือประมงโชคทวี 7 มีนายอำพันธ์ ทองห่อ เป็นผู้ควบคุมเรือ เป็นผู้พบเต่าหญ้าตัวนี้ลอยตัวอยู่กลางทะเล ไม่สามารถดำหรือว่ายน้ำได้อย่างปกติ ตรวจวัดขนาดของกระดองเต่า ความยาว 57 ซม. ความกว้าง 55 ซม. มอบหมายให้ ศอปล.10 นำปลาโลมาและเต่าหญ้าไปส่งมอบให้กับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เพื่อดำเนินการตรวจสอบการตายของปลาโลมากระโดและอาการบาดเจ็บของเต่าหญ้าต่อไป


https://www.naewna.com/likesara/503003


*********************************************************************************************************************************************************


ขึ้นป้ายเตือน! 'แมงกะพรุนพิษ'ระบาดหาดสมิหลา-ชลาทัศน์

หลายหน่วยงานตื่นตัว หลังแมงกะพรุนพิษ โดนนักท่องเที่ยวหลายคน จึงนำป้ายแจ้งเตือนให้ระวังแมงกะพรุนพิษบริเวณชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ มาติดตั้งริมชายหาด ให้เลี่ยงการลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้



เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นักท่องเที่ยวหลายคน โดนแมงกะพรุนพิษเล่นงานในขณะที่ลงเล่นน้ำทะเล ริมชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ทำให้ปวดแสบปวดร้อน ไปตามๆกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก ที่มาเล่นน้ำทะเลกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้หน่วยงานหลายหน่วยงานตื่นตัว โดยเฉพาะเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่ดูแลชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์โดยตรง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัดสงขลาอีกด้วย จึงได้นำป้ายแจ้งเตือนมาปัก เพื่อเตือนนักท่องเที่ยว และประชาชน ที่บริเวณชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ โดยมีข้อความ "แจ้งเตือนภัย!!! ระวังแมงกะพรุนพิษ บริเวณชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์และ เลี่ยงลงเล่นน้ำทะเล หากพบเจอห้ามจับ สำหรับผู้ที่ถูกพิษของแมงกะพรุน ให้ราดด้วยน้ำส้มสายชูเท่านั้น ติดต่อสายด่วน 1132 1669 และ โทร 074-314245 เทศบาลนครสงขลา พร้อมมีภาพแมงกะพรุนพิษ ให้ดูอีกด้วย ว่าหน้าตาเป็นแบบนี้โดยทำการติดตั้งป้ายรวม 4 จุด คือ ที่ชายหาดบริเวณทางเข้าชายหาดสมิหลา 1 จุด ที่ชายหาดชลาทัศน์ 3 จุด จุดที่ 1 บริเวณชายหาดใกล้กับคนอ่านหนังสือ จุดที่ 2 บริเวณเก้าอี้ดำหลังสนามกีฬาติณสูลานนท์ จุดที่ 3 บริเวณ ที่จอดรถลานวัฒนธรรม ตรงข้ามจุดตรวจถาวรเรือใบ ถนนชลาทัศน์



อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เป็นช่วง เปิดเทอมวันธรรมดา จะมีเด็กๆมาเที่ยวไม่มากนัก เนื่องจากหลังจากกลับจากไปโรงเรียน ก็จะพักผ่อนอยู่กับบ้าน คาดว่า ในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้ บริเวณชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ ก็จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเหมือนปกติ ซึ่งการติดตั้งป้าย แจ้งเตือนภัยของเทศบาลนครสงขลาระวังแมงกะพรุนพิษจะมีผลทำให้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ จะได้ระวังตัวในการเลี่ยงลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ โดยให้บุตรหลานนั่งเล่นทราย ริมชายหาดแทน ไม่ต้องเดินลงไปเล่นน้ำทะเล โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อเห็นป้ายแจ้งเตือนก็จะได้กำชับ บุตรหลานให้เลี่ยงลงเล่นน้ำทะเลเพื่อความปลอดภัย ของเด็กๆเอง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 สงขลา ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลนักท่องเที่ยว บริเวณชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ตลอดทั้งวัน เพื่อเฝ้าระวังช่วยเหลือ หากนักท่องเที่ยวโดนแมงกะพรุนพิษก็จะสามารถช่วยเหลือได้ ทันที รวมทั้งจะมีการติดตั้ง ทำเสาวางน้ำส้มสายชูเพิ่ม 30-40 จุด บริเวณชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ เพื่อให้ความสะดวกกับนักท่องเที่ยวและประชาชน หากโดนแมงกะพรุนพิษก็สามารถที่จะ นำน้ำส้มสายชูจากบริเวณที่ใกล้ที่สุดไปใช้ได้ทันที


https://www.naewna.com/likesara/502825

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 03-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


พบซากโลมากระโดด เกยชายหาดเขาหลัก

พบซากโลมากระโดด เกยชายหาดเขาหลัก และเรือประมง?พบเต่าหญ้าบาดเจ็บ 1 ตัว



วันที่2กรกฎาคม? 2563? นายประถม รัสมี ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยาป่าชายเลนที่ 10 และ 11 ได้รับการประสานจากนักวิชาการของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ว่าได้รับแจ้งจากพนักงานของเขาหลัก ลากูน่า รีสอร์ต มีโลมาขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดเขาหลักด้านหน้ารีสอร์ต หมู่ที่ 7 ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จึงร่วมกันเข้าไปตรวจสอบ พิกัด ๙๕๕๐๒๗ N ๔๑๗๑๒๕ E พบเป็นปลาโลมากระโดด เสียชีวิตแล้ว พบร่องรอยบาดแผลฉีกขากคล้ายโดนกัดบริเวณหลัง วัดขนาดความยาวจากปลายปากถึงหาง 159 ซม.



จากนั้นเดินทางไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง พังงา หมู่ที่ 5 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อรับมอบเต่าหญ้า ที่ทางศูนย์ฯ ได้รับมอบจากเรือประมงโชคทวี 7 มีนายอำพันธ์ ทองห่อ เป็นผู้ควบคุมเรือ เป็นผู้พบเต่าหญ้าตัวนี้ลอยตัวอยู่กลางทะเล ไม่สามารถดำหรือว่ายน้ำได้อย่างปกติ ตรวจวัดขนาดของกระดองเต่า ความยาว 57 ซม. ความกว้าง 55 ซม. มอบหมายให้ ศอปล.10 นำปลาโลมาและเต่าหญ้าไปส่งมอบให้กับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เพื่อดำเนินการตรวจสอบการตายของปลาโลมากระโดดและอาการบาดเจ็บของเต่าหญ้าต่อไป


https://www.bangkokbiznews.com/news/...mpaign=bangkok

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:23


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger