เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณมีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุดีเปรสชัน "ขนุน" (KHANUN) ปกคลุมคาบสมุทรเกาหลี ในขณะที่พายุไต้ฝุ่น "แลง" (LAN) มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 14-15 ส.ค. 66 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าว โปรดตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 - 11 และ 15 ? 16 ส.ค. 66 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 ส.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

สำหรับในช่วงวันที่ 11 - 12 ส.ค. 66 บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 ส.ค. 66 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

และในช่วงวันที่ 15 ? 16 ส.ค. 66 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12 ? 16 ส.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 12 ? 14 ส.ค. 66 นี้ไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 11-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


กลั่นแบบใช้แรงดันเพื่อทำน้ำบริสุทธิ์เร็ว



การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทรัพยากรขาดแคลน ทำให้ต้องใช้แหล่งน้ำที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม เช่น นำน้ำทะเลมาผ่านขั้นตอนแยกเกลือออกจากน้ำ เพื่อให้สามารถบริโภคดื่มกินอย่างปลอดภัย นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้จำนวนมากได้พยายามค้นคว้าหาวิธีที่ดีที่สุด

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทีมวิจัยด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและสถาปัตยกรรม วิศวกรรมเคมีและชีวภาพ จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด ในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ในแคนาดา นำเสนอวิธีการแยกเกลือออกจากน้ำแบบใหม่ ด้วยการกลั่นแบบใช้แรงดันเพื่อการทำน้ำให้บริสุทธิ์อย่างรวดเร็วและเฉพาะเจาะจง ทีมวิจัยเผยว่าใช้เทคโนโลยี "เมมเบรน" (Membrane technologies) ที่เป็นกระบวนการกรองโดยใช้เยื่อบางคือ ?เมมเบรน? เพื่อแยกของเหลวออกจากกัน ซึ่งจะช่วยชำระล้างแหล่งน้ำที่ไม่ใสบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ทีมวิจัยเผยว่า ได้พัฒนาเมมเบรนที่มีชั้นหนาต่ำกว่า 200 นาโนเมตร เพื่อรองรับการซึมผ่านของน้ำที่ดีกว่าเมมเบรนที่มีขายในท้องตลาด โดยเมมเบรนที่พัฒนาใหม่มาพร้อมกับความไวต่อสารคลอรีนและสารโอโซน โครงสร้างเมมเบรนที่มีชั้นหนาต่ำกว่า 200 นาโนเมตรนี้จะช่วยให้คงประสิทธิภาพการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล แม้ว่าเยื่อจะสัมผัสกับคลอรีนและโอโซนฆ่าเชื้อก็ตาม การคิดค้นนี้ได้พิสูจน์แนวคิดในการใช้การกลั่นด้วยความดันโดยการกักอากาศไว้ในเมมเบรนที่ไม่ชอบน้ำ เรียกง่ายๆว่าวิธีการนี้ใช้สำหรับการทำน้ำให้บริสุทธิ์โดยอาศัยแรงดันในการขับไอผ่านเยื่อกรองอากาศ.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2716068


******************************************************************************************************


กลุ่มนักดื่มยืนฉี่ลงทะเล หาดจอมเทียน ตั้งวงส่งเสียงดัง เจ้าหน้าที่ยอมรับคุมยาก

กลุ่มนักดื่มยืนฉี่ลงทะเล หาดจอมเทียน ตั้งวงส่งเสียงดังยันเช้า ทำนักท่องเที่ยวขยาด ไม่กล้าเดินชายหาดในตอนเช้า เจ้าหน้าที่ยอมรับคุมยาก เพราะไม่ใช่พื้นที่ปิด พร้อมขอความร่วมมือ



วันที่ 10 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี กลุ่มผู้ประกอบโรงแรมย่านชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ออกมาร้องเรียน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขปัญหากลุ่มผู้คนที่มารวมตัวกันริมชายหาดจอมเทียน หลังสถานบริการในเมืองพัทยาปิด ตั้งแต่ช่วงตี 3 - 7 โมงเช้า ซึ่งส่วนใหญ่จะมานั่งดื่มกิน เปิดเพลงผ่านลำโพงบลูทูธเสียงดัง หลังดื่มเสร็จยังก็ทิ้งขยะไว้เรี่ยราด มิหน้ำซ้ำยังยืนปลดทุกข์ลงทะเล ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการโรงแรมอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมไม่ได้พักผ่อน ช่วงเช้าจะลงเล่นน้ำทะเลก็ไม่ได้เล่น หนักสุดคือถูกลูกค้ายกเลิกจองการเข้าห้องพัก

ล่าสุด ช่วงเช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณชายหาดจอมเทียน พัทยา หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง พบมีนักดื่มจำนวนมากมานั่งรวมตัวกัน โดยจะนำเก้าอี้สนามมานั่งล้อมวงจับกลุ่ม นำลำโพงบลูทูธมาเปิดเพลงกันอย่างสนุกสนาน

โดยชาวบ้าน เล่าว่า นักท่องเที่ยวจะมารวมตัวกันแบบนี้ทุกวัน เพื่อดื่มเหล้า น้ำกระท่อม กินอาหาร สูบกัญชา-สูบบุหรี่ไฟฟ้า หลังจากที่สถานบันเทิงในเมืองพัทยาปิด แต่ละกลุ่มก็จะเปิดเพลงผ่านลำโพงส่งเสียงดังตีกันให้วุ่น เพราะต่างคนก็ต่างเสียงดัง และที่ดูไม่ดี คือ กลุ่มผู้ชายจะเดินไปยืนฉี่ริมทะเลแบบไม่แคร์สายตาใคร จนนักท่องเที่ยวไม่กล้าจะลงเล่นน้ำ หรือเดินเล่นตามชายหาดในช่วงเช้า

นอกจากนี้ หลังจากกลุ่มนักดื่มแยกย้ายกันกลับ ก็จะทิ้งขยะไว้จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นขวดแก้ว แก้วพลาสติก ถุงอาหาร กล่องโฟมใส่อาหาร ช้อนพลาสติก และไม้แหลม สำหรับเสียบอาหาร จนขยะเต็มชายหาด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เผยว่า พื้นที่ชายหาดเป็นพื้นที่เปิด 24 ชั่วโมง ทางเมืองพัทยายังไม่มีระเบียบให้ปิดแต่อย่างไร ก็มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมานั่งริมชายหาดในช่วงวันธรรมดา และกลับช่วงหัวค่ำ ส่วนในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมานั่งพักผ่อนบริเวณชายหาดจำนวนมาก โดยนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มานั่งกินตลอดชายหาด ซึ่งก็อยากขอความร่วมมือกับประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งเมืองพัทยาเองก็จะได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความสมดุล

ส่วนเรื่องการเปิดเพลงเสียงดัง ต้องยอมรับว่ามีการร้องเรียนในหลายพื้นที่ ไม่ใช่แค่เฉพาะชายหาด ยังมีสถานบันเทิง บาร์เบียร์ต่างๆ ทางเมืองพัทยาก็ได้รับร้องเรียนว่าพบการเปิดเพลงเสียงดังรบกวนประชาชนที่พักผ่อน ซึ่งเมืองพัทยาก็จะหารือกับทางอำเภอบางละมุง เรื่องสถานบันเทิงเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถานบันเทิงที่เปิดโล่ง เมืองพัทยาก็ได้ลงไปตรวจสอบว่าไม่ให้ระดับเสียงดังเกินระดับมาตรฐาน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีการเพิ่มเสียงหรือไม่ ซึ่งก็จะได้หาแนวทางแก้ไขกันต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/society/2716342

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 11-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


"ชาวสมุย" หนุน "ทางด่วนเชื่อมสมุย" ไม่เกี่ยงจุดเริ่มต้นทั้ง "ขนอม-ดอนสัก"

"ชาวสมุย" หนุนสร้าง"ทางด่วนเชื่อมสมุย" ไม่เกี่ยงจุดเริ่มต้นขนอม/ดอนสักก็ได้ ชงทำทางขึ้น 2 ทาง ชี้โครงการดีไม่อยากให้มีแตกแยก แนะ กทพ. แจงให้ชัดมีเหตุมีผล เชื่อประชาชนเข้าใจ



เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่เทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง กรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เพื่อนำเสนอข้อมูล และความสำคัญของโครงการแนวคิดเบื้องต้น แนวเส้นทางเลือก รูปแบบเบื้องต้นกระบวนการ ขั้นตอน และแผนการดำเนินงาน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้รับทราบ และร่วมให้ข้อคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประกอบการดำเนินการศึกษาความเหมาะสมฯต่อไป

สำหรับภาพรวมโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นจาก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี หรือ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช มีจุดสิ้นสุดที่ ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รูปแบบโครงการเป็นทางพิเศษ(ด่วน) เก็บเงินค่าผ่านทาง ในรูปแบบทางเชื่อมเกาะ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ในส่วนของบริเวณจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ ต.ตลิ่งงามอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีนั้น มีทางเลือก? 3 แห่ง ประกอบด้วย แห่งที่ 1 บริเวณ กม.5+650 ของทางหลวงหมายเลข4170 ด้านเหนืออ่าวพังกา แห่งที่ 2 บริเวณ กม.6+100 ของทางหลวงหมายเลข 4170 (แยกพังกา) ซ้อนทับกับถนนท่าเรือไปเกาะแตน และแห่งที่ 3 บริเวณ กม.9+000 ของทางหลวงหมายเลข 4170 ท้ายอ่าวหินลาด

อย่างไรก็ตามขณะนี้ กทพ. ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ครบทั้ง 3 พื้นที่ ทั้งที่ อ.ขนอมจ.นครศรีธรรมราช, อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีแล้ว หลังจากนี้ที่ปรึกษาจะศึกษาเปรียบเทียบวิเคราะห์ และพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ได้เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดจากทั้งหมด 7 เส้นทาง และจะนำมาเสนอในการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน ธ.ค.66?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้มีประชาชน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมประมาณ 400 คน โดยในที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ขณะที่บางส่วนยังมีกังวลเรื่องผลกระทบต่างๆ ทั้งการก่อสร้าง และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามมีประชาชนรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า การจะทำอะไรก็ต้องมีทั้งผลดี และผลเสีย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะดี 100% ซึ่งหากประชาชน และประเทศชาติได้ประโยชน์มากกว่า ก็ต้องยอมเสียบ้าง?

สำหรับในส่วนของจุดเริ่มต้นที่กำลังพิจารณากันอยู่ว่าจะขึ้นที่จุดใดนั้น ประชาชนบางรายก็เห็นว่า จะมีจุดเริ่มต้นจากจุดใดก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ต้องมีการบูรณาการร่วมกันกับท้องถิ่น เพื่อดูแลทั้งจุดเริ่มต้นทาง และปลายทาง ขณะที่บางรายเสนอว่าควรเอาจุดกึ่งกลางของขนอม และดอนสัก หรือควรมีทางขึ้นใน 2 พื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ที่สำคัญจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งความเห็นนี้ได้รับเสียงปรบมือจากคนในที่ประชุมด้วย

อย่างไรก็ตามมีประชาชนบางคนยังระบุด้วยว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ไม่อยากให้เป็นโครงการที่ทำให้เกิดความแตกแยก โครงการนี้จะสำเร็จได้ต้องไม่มีการแตกแยก ดังนั้น กทพ. และที่ปรึกษา ต้องมีการชี้แจง และทำความเข้าใจรวมทั้งต้องมีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมถึงเลือกเส้นทางนั้น เชื่อว่าหากทำได้ประชาชนก็จะเข้าใจ.


https://www.dailynews.co.th/news/2613023/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 11-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ดร.ธรณ์เศร้า! เผยภาพเต่าตนุที่ถูกช่วยกวาดคราบน้ำมันจากคอ ชี้เป็นตัวที่ 3 แล้ว

ดร.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม เผยภาพสุดเศร้า ขณะหมอกวาดก้อนน้ำมันออกจากคอเต่าตนุตัวน้อย ชี้เป็นเต่าตัวที่ 3 แล้วที่โดนคราบน้ำมันที่ภูเก็ต และมีตัวหนึ่งตายแล้ว ลั่นควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชายฝั่งมูลค่าท่องเที่ยวหลายแสนล้านต่อปี เพราะยังสุ่มเสี่ยงต่อความพินาศในพริบตา



วันนี้ (10 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "ภาพคุณหมอผู้ดูแลสัตว์ทะเลหายากกำลังค่อยๆ กวาดก้อนน้ำมันออกมาจากคอน้องเต่าตนุตัวน้อย เป็นอะไรที่บาดใจผมมาก และคงบาดใจเพื่อนธรณ์คนรักทะเลสุดๆ เท่าที่ทราบ เธอเป็นเต่าตัวที่ 3 แล้วที่โดนคราบน้ำมันที่ภูเก็ต และตัวหนึ่งตายไปแล้ว

ตั้งแต่เริ่มทำงานทะเลมาถึงวันนี้ เกือบ 40 ปี ผมคิดไม่ออกว่าเคยมีกรณีไหนในทะเลไทยที่เต่าโดนคราบน้ำมันมากถึงขนาดนี้ จึงไม่อยากให้เป็นเพียงแค่ผ่านเลยไป เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องน่าสงสารจัง ประเทศไทยเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เราใช้ SDG เป็นตัวชี้วัดอะไรหลายประการ เรายังลงนามและเข้าร่วมในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายาก แต่เต่าทะเลไทยที่เกยตื้นเป็นจำนวนมากมีขยะติดตัว ไม่ว่าภายนอกหรือภายใน ยังมาโดนซ้ำเติมด้วยคราบน้ำมัน หากเต่าน้อยร้องเป็นภาษาคนได้ เธอคงกรีดร้องว่าจะซ้ำเติมกันไปถึงไหน เธอร้องไม่ได้ แต่แววตาของเธอบอกได้ ลองดูแววตาของเธอสิครับ

ทราบดีว่าทุกฝ่ายกำลังพยายามหาที่มาของคราบน้ำมัน เพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่ก็พอทราบว่าโอกาสเป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะที่คาดการณ์ว่าเหตุเกิดในระยะห่างฝั่งเกิน 100 กิโลเมตร เรือคงไปไหนถึงไหน (ข้อมูลช่วง 26กค.-3สค. มีเรือ 81 ลำ) ด้วยระบบที่เรามี คงพอบอกได้ว่าเรายังไม่สามารถดูแลชายฝั่ง ดูแลน้องเต่าของเราให้ปลอดภัยจากมลพิษร้ายแรงในทะเล และหากเราไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ชายฝั่งมูลค่าท่องเที่ยวหลายแสนล้านต่อปี ยังสุ่มเสี่ยงต่อความพินาศในพริบตา สรรพสัตว์ต่างๆ ระบบนิเวศในทะเลก็ยังคงพึ่งเพียงโชคว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น

เราต้องลงทุนเพื่อเข้าใจและปกป้องทะเลให้มากกว่านี้ รู้จักกระแสน้ำ คลื่นลม รู้พื้นที่สุ่มเสี่ยง หาทางปรับปรุงการเฝ้าระวัง เตือนภัยล่วงหน้า เรื่อยไปจนถึงการรับมือแก้ไขที่ปลายเหตุ เช่น การช่วยชีวิตสัตว์หายาก มันจึงไม่ใช่แค่ความสงสาร มันเป็นมากกว่านั้นเพราะเรายังสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้ แต่ ณ ตอนนี้ คงได้แต่ขอบคุณและให้กำลังใจคุณหมอและทุกคนผู้เกี่ยวข้องต่อไปการกรอกน้ำมันดินใส่ปาก เป็นบทลงโทษที่มีอยู่ในนรก สำหรับผู้ที่ทำบาปแสนสาหัสเจ้าเต่าน้อยทำบาปอันใด"


https://mgronline.com/onlinesection/.../9660000071941

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 11-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


จาการ์ตากลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก



จากาตาร์ 10 ส.ค. ? ไอคิวแอร์ ซึ่งเฝ้าติดตามคุณภาพอากาศทั่วโลก กล่าวว่ากรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย กลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 1 ของตารางคุณภาพอากาศย่ำแย่เป็นเวลาหลายวัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษที่รุนแรง

กรุงจาการ์ตาและบริเวณรอบๆ นครหลวง ที่มีประชากรประมาณ 30 ล้านคน แซงหน้าเมืองที่มีมลพิษรุนแรงอื่นๆ เช่น กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย กรุงโดฮา ของกาตาร์ และกรุงลาฮอร์ ของปากีสถาน ตลอดทั้งสัปดาห์พบปริมาณฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น จากการเฝ้าสังเกตการณ์ของสำนักข่าวเอเอฟพี กรุงจาการ์ตา ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ-ข้อมูลมลพิษของไอคิวแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เฝ้าติดตามคุณภาพอากาศตามเมืองใหญ่ๆ ทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา กรุงจาการ์ตามักจะมีปริมาณ PM 2.5 สูงในระดับที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพเสมอๆ

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขามีแผนจะแก้ไขปัญหาระดับมลพิษด้วยการลดภาระของกรุงจากาตาร์ โดยจะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองนูซันตารา บนเกาะบอร์เนียว ในปีหน้า เขายังระบุว่าโครงการเครือข่ายรถไฟใต้ดินทั่วกรุงจากาตาร์จะต้องเสร็จเพื่อลดมลพิษ.


https://tna.mcot.net/world-1221388

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:25


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger