เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #28  
เก่า 04-11-2013
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default

รู้จริงกับภาวะโลกร้อน

นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นเชิงลึกอย่างไรในเรื่องการเ ปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

(ต่อ)

.........................................................................................


อะไรทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวการให้โลกร้อนขึ้


นักวิจัยหลายคนสรุปว่า ลำพังธรรมชาติไม่เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิสูงขึ้นตลอด 30 หรือ 40 ปีที่ผ่านมา บรูซ เบาเออร์ซึ่งศึกษาระบบภูมิอากาศโบราณที่ศูนย์ข้อมูลโบราณอุตุนิยมวิทยาโลกในโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด กล่าวว่า "หากจะหาสาเหตุ วิธีเดียวที่คุณจะคำนวณสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้คือต้องรวมผลกระทบจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเข้าไปด้วย"

ทฤษฎีก๊าซเก็บกักความร้อนระบุว่าหากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากขึ้น อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศระดับต่ำและที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น โทมัส คาร์ล ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ สำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ กล่าวว่า "หลักฐานยังชี้ให้เห็นผลกระทบของมนุษย์ที่มีต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น"

ริชาร์ด ลินด์เซน ศาสตราจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า "ผลกระทบ (จากการสร้างก๊าซเรือนกระจก) นั้นมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงตามปกติของสภาพอากาศ" ลินด์เซนเชื่อว่าการที่อุณหภมิสูงขึ้นตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมาเกิดจาก "ความผันแปรตามธรรมชาติ" เราสามารถคาดการณ์ได้ไหม "ตอนนี้ไม่ได้" เขายืนยัน แล้วในอนาคตเราจะคาดการณ์ได้ไหม "ยังไม่มีหลักฐานมากนัก"

สเตฟาน ราห์มสตอฟ ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ของมหาสมุทรที่สถาบันพอตสดัมเพื่อการวิจัยผลกระทบของสภาพอากาศในเยอรมนีไม่เห็นด้วย ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ เดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ราห์มสตอฟชี้ให้เห็นว่า การคาดการณ์อุณหภูมิของไอพีซีซีสอดคล้องกับข้อมูลปัจจุบัน ในปี 2533 ไอพีซีซีคาดการณ์ว่า เมื่อถึงปี 2549 อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นระหว่าง 0.15 ถึง 0.37 องศา ขณะอุณหภูมิที่เพิ่มจริงก็อยู่ในช่วงดังกล่าวคือ 0.33 องศา


นักวิทยาศาสตร์มั่นใจในข้อสรุปของตนแค่ไหน

เมื่อถามว่ามนุษย์ทำให้โลกร้อนขึ้นใช่ไหม คาร์ล วุนช์ ศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์กายภาพ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า "จากที่ผมเห็นน่าจะใช่ แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีส่วนน้อยที่เกิดจากธรรมชาติ"

หมายความว่าเราควรรอดูอย่างนั้นหรือ วุนช์ตอบว่าไม่เลย เขาเปรียบให้เห็นว่าเราซื้อประกันอัคคีภัยไม่ใช่เพราะเชื่อว่าบ้านจะไฟไหม้ แต่เพราะเป็นความเสี่ยงที่เราเลี่ยงได้ ในปี 2549 อดีตหัวหน้าเศรษฐกรของธนาคารโลก นิโคลาส สเทิร์น เขียนรายงานหนา 700 หน้าเสนอรัฐบาลอังกฤษ สรุปว่ายิ่งลงมือเร็วเท่าไรงานก็ยิ่งง่ายเท่านั้น


ในอนาคตอุณหภูมิจะสูงแค่ไหน

ตามความเห็นของไอพีซีซี เมื่อถึงปี 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยอาจสูงขึ้นถึง 5.8 องศาเซลเซียส แต่รายงานของไอพีซีซียังเสนอว่า เราสามารถรักษาระดับอุณหภูมิที่สูงกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรมสององศาซึ่งพอยอมรับได้ หากทุกปีเราลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงเกินกว่าร้อยละหนึ่งเพียงเล็กน้อยของระดับปัจจุบัน เมื่อถึงปี 2593 เราจะลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาลงได้ครึ่งหนึ่ง


เราจะลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร


การใช้พลังงานทางเลือกและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นแบบอย่างที่ดีจากการออกกฎหมายและให้แรงจูงใจทางการเงิน รัฐนี้คงระดับการใช้ไฟฟ้าต่อหัวได้เท่ากับเมื่อปี 2513 ขณะรัฐอื่นๆมีอัตราการใช้ต่อหัวสูงเกือบสองเท่า

ปัจจุบัน การบุกรุกแผ้วถางป่าในเขตร้อนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกราวร้อยละ 20 จากที่เราปล่อยออกมา ปีเตอร์ ฟรัมฮอฟฟ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์และนโยบายของสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใยโลก กล่าวว่า "เราจะลดภาวะโลกร้อนไม่ได้หากไม่ลดการทำลายป่าด้วย"

การอนุรักษ์ป่าเขตร้อนยังมีประโยชน์เป็นสองเท่าเพราะป่าดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มเมฆที่ช่วยให้ร่มเงา

นักวิทยาศาสตร์อยากจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศเพื่อลดปริมาณคาร์บอน โอมาร์ ยากี ศาสตราจารย์ ด้านเคมีคิดค้นฟองน้ำคริสตัลที่มีรูขนาดนาโนและสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบสองเท่าของน้ำหนัก ถังที่บรรจุคริสตัลนี้สามารถเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าถังขนาดเท่ากันที่ไม่มีคริสตัลถึงเก้าเท่า

ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งใช้ปล่องควันดักมลพิษ ยากีหวังว่าภาคอุตสาหกรรมจะนำฟองน้ำของเขาใช้ไปดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังดูดซับก๊าซนี้จากอากาศได้ด้วย "วัสดุที่เราทำขึ้นมีความเฉพาะเจาะจงต่อคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งสามารถดูดซับก๊าซจากบรรยากาศได้" การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด ในวารสารวิทยาศาสตร์ เดือนเมษายน 2550

แม้บริษัทน้ำมันจะถูกกล่าวหาอยู่บ่อยๆว่าเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน บางบริษัทก็กำลังหาทางแก้ไข เมื่อปี 2548 บริษัทน้ำมันบีพีของอังกฤษร่วมกับโซนาทราชของแอลจีเรียและสแทตออยล์ของนอร์เวย์เริ่มฝังคาร์บอนไดออกไซด์ที่แหล่งน้ำมันอินซาลาห์ในแอลจีเรียแทนที่จะปล่อยออกสู่บรรยากาศ ในก๊าซธรรมชาติที่ขุดเจาะที่นั่นมีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ด้วย ตามที่โรเบิร์ต ไวน์ โฆษกของบีพี กล่าว คาร์บอนไดออกไซด์ 17 ตันจะถูกฝังลึกลงไปใต้ดิน 1,800 เมตร เทียบได้กับการเลิกใช้รถยนต์ 250,000 คัน "หากคุณเชื่อว่าปัญหาหนึ่งต้องการการแก้ไข คุณจะต้องแสดงให้เห็น" ไวน์กล่าว

วิทยาศาสตร์ของสภาพอากาศเป็น "วิทยาศาสตร์ซับซ้อนที่สุดแขนงหนึ่ง" วุนช์กล่าว แม้เราจะไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 100 ปีข้างหน้า แต่ "มีความเสี่ยงที่จะเป็นไปได้ ผมคิดว่าการไม่ทำอะไรเลยนั้นช่างไร้สติสิ้นดี"

ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.readersdigestthailand.co....B8%AD%E0%B8%99
__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:42


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger