เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ในขณะที่มีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกบางในตอนเช้า และมีเมฆบางส่วน
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 ? 11 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบกับมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 16 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง กับมีฝนบางแห่งในระยะแรก โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 10 - 11 ธ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 11-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


งานวิจัยใหม่เผย คาร์บอนไดออกไซด์ในปัจจุบัน เทียบเท่าระดับเมื่อ 14 ล้านปีก่อน

งานศึกษาชิ้นใหม่ที่บ่งบอกถึงทิศทางสภาพอากาศของโลก ระบุว่า ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ในปัจจุบัน ตรงกับระดับเมื่อ 14 ล้านปีที่แล้ว



สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ว่า งานศึกษาดังกล่าว ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Science ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ 66 ล้านปีก่อน จนถึงปัจจุบัน โดยวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางชีวภาพและธรณีเคมี จากอดีตอันห่างไกล เพื่อสร้างบันทึกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ ด้วยความแม่นยำที่มากกกว่าเดิม

การวิเคราะห์ครั้งใหม่พบว่า ครั้งสุดท้ายที่อากาศของโลกมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 420 ส่วนในล้านส่วน คือระหว่าง 14-16 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่กรีนแลนด์ไม่มีน้ำแข็ง และบรรพบุรุษของมนุษย์ เพิ่งย้ายที่อยู่อาศัยจากในป่า มายังทุ่งหญ้า นับเป็นช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปไกลกว่าการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ที่ 3-5 ล้านปีก่อนอย่างมาก

ก่อนถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 1700 ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ อยู่ที่ประมาณ 280 ส่วนในล้านส่วน นั่นหมายความว่า มนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นราว 50% ซึ่งกักเก็บความร้อนไว้ในชั้นบรรยากาศ และทำให้โลกร้อนขึ้น 1.2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ งานศึกษาระบุเสริมว่า หากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นอาจสูงถึง 600-800 ส่วนในล้านส่วน ภายในปี 2643 ซึ่งระดับข้างต้นเกิดขึ้นครั้งสุดท้าย เมื่อ 30-40 ล้านปีที่แล้ว ก่อนที่แอนตาร์กติกาจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และเป็นช่วงเวลาที่พืชและสัตว์ต่าง ๆ ในโลก ดูแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมาก

ขณะที่บรรดานักวิจัยยืนยันว่า ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด ในช่วง 66 ล้านปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์พุ่งสูงถึง 1,600 ส่วนในล้านส่วน และอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 12 องศาเซลเซียส จากนั้นตัวเลขก็ลดลงต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนกระทั่งประมาณ 2.5 ล้านปีก่อน ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลืออยู่ที่ 270-280 ส่วนในล้านส่วน ส่งผลให้เกิดยุคน้ำแข็งหลายครั้ง

อนึ่ง บันทึกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เผยให้เห็นว่า เมื่อ 56 ล้านปีก่อน โลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างรวดเร็วในลักษณะเดียวกัน ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อระบบนิเวศ และใช้เวลาประมาณ 150,000 ปี จึงจะสลายไป


https://www.dailynews.co.th/news/2979859/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 11-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


มาจากไหน! ชาวบ้านฉงนเรือผี 2 ลำ โผล่เกยตื้นซ้อนๆ ชายหาดเดียวกันในเปรู



เรือผี 2 ลำ ถูกพบเกยตื้นชายหาดแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาห่างกันเพียง 2 เดือน และพวกนักท่องเที่ยวใช้โอกาสนี้ปีนขึ้นไปบนเรือและทำการสำรวจสภาพโดยรวมของพวกมัน

เรือลำแรกที่เรียกกันว่า "เกอร์เรโร" เกยตื้นชายหาดเวนตานิลลา ในเปรู เมื่อเดือนธันวาคม หลังล่องลอยอยู่กลางทะเลในสภาพที่สมอหลุดออกมา

และเวลานี้เรือปริศนาลำที่ 2 ที่เรียกกันว่า "ควานตัม" ลอยมาเกยตื้นอย่างน่าขนลุกบริเวณชายหาดเดียวกัน ท่ามกลางข่าวลือที่บอกว่ามันถูกส่งไปช่วยเหลือเรือลำแรก แต่ประสบปัญทางเทคนิค จนสูญหายไปกลางทะเลเช่นกัน

นับตั้งแต่เรือลำแรกเกยตื้นชายฝั่งเมื่อ 2 เดือนก่อน มันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้คนพากันปีนขึ้นไปบนเรือสนิมเขรอะลำนี้

อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ พวกนักท่องเที่ยวได้รับคำเตือนให้อยู่ห่างจากเรือทั้ง 2 ลำ สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของประชาชน

เรือลำที่ 2 มีเชื้อเพลิง 600 แกลลอนบนเรือและมีความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะทะลักสู่ชายหาดหรือทะเล โดยหัวหน้าท่าเรือคัลเลา ได้ดำเนินการยื่นคำร้องในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการถึงสำนักงานอัยการพิเศษของเปรู

โฆษกท่าเรือระบุว่า "ทางออกของปัญหานี้คือเคลื่อนย้ายเรือทั้ง 2 ลำ อาจเป็นการเคลื่อนย้ายทางทะเลหรือบนบก แต่ทั้ง 2 หนทางจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก"

รายงานข่าวระบุว่า ผู้เป็นเจ้าของได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายเรือของพวกเขา "เพื่อป้องกันถูกตั้งข้อหาทางอาญาเกี่ยวกับการก่อมลพิษ โดยสำนักงานอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม รัฐบาลท้องถิ่นและกระทรวงสิ่งแวดล้อม

ซอย ดีเจ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเปรู ให้ข้อมูลหลังจากขึ้นไปเยี่ยมชมเรือ โดยบอกว่า "มันปีนขึ้นไปยากมากๆ เราทำมันสำเร็จโดยใช้ยางเก่าๆ บริเวณดาดฟ้าเรือ มีห้องขนาดเล็กหลายห้อง ซึ่งทุกอย่างขึ้นสนิมและสกปรก"

เขาบอกว่าดูเหมือนเรือจะอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก และมีกลิ่นเหม็นรุนแรง "มันคงไม่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ และหนึ่งในสิ่งที่ดูอันตรายมากที่สุด ก็คือโครงสร้างของมันขึ้นสนิมไปหมด"


https://mgronline.com/around/detail/9660000110711

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 11-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


ชาวประมงเดือดร้อนหนัก จี้หน่วยงานรัฐอย่าเมินปัญหาไฟกระพริบบอกร่องน้ำใช้การไม่ได้

ชาวประมงพื้นบ้านและเรือบริการนักท่องเที่ยวเดือดร้อนหนัก ไฟกระพริบบอกร้องน้ำเดินเรือบริเวณเกาะนกเสียมานานไร้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบช่วยดูแลแก้ไข



10 ธันวาคม 2566 ? ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ เฟสบุ๊ก ใช้ชื่อ อับดุลการีม บินอาลี ตลอดไปจนถึงชาวประมงพื้นบ้านและเรือบริการนักท่องเที่ยว เดือดร้อนกรณีที่ไฟกระพริบ ที่บอกร่องน้ำเดินเรือ บริเวณเกาะนก ใช้การไม่ได้มากลายเดือน และยังได้หลุดเลื่อนออกจากแนวพิกัดเดิมของร่องน้ำลอยมาอยู่ใกล้ๆ หน้าอบจ.กระบี่ ทำให้เรือประมงพื้นบ้าน เรือบริการนักท่องเที่ยว ทั้งเรือหัวโทง และเรือสปีดโบ๊ท ที่จะเข้ามาเทียบท่าขึ้นฝั่ง สับสนจำร่องน้ำเดินเรือไม่ได้ ทำให้เรือต้องไปครูดกับโขดหินบ้าง หรือเกยตื้นบ้าง เดืดร้อนกันไปตามๆกัน

จนถึงวันนี้ก็ ยังไม่มีหน่วยงานไดๆมาจัดการ ดูแล แก้ไข จะบอกว่า ทางเจ้าหน้า ที่ดูแล ยังไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็น เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแท่นไฟกระพริบได้ลอยเข้ามาจวนจะถึงฝั่ง หน้าศูนย์ราชการอยู่แล้ว

นอกจากนั้น ก็ยังมีอีกหลายทุ่นที่ไฟกระพริบ บอกร่องน้ำ ให้ผู้ที่ขับเรือได้รู้ร่องน้ำ เสีย ดับ ใช่การไม่ได้ ไฟสีแดงไม่มี ไฟเขียวก็ติดบ้าง ดับบ้าง ยามค่ำคืนหรือช่วงเดือนมืด ผู้เดินเรือ ต้องงมหาร้องน้ำกันเอง ถ้าหากว่าช่วงที่มีฝนตก มีลมพายุ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงมาก

ทั้งนี้ผู้ที่เดือร้อนอยากให้ทางจังหวัดกระบี่ ได้ลงไปดูแล แก้ไขเสียก่อน ไม่อยากให้เกิดปัญหา เกิดอุบัติเหตุ เกิดการสูญเสียขึ้นก่อน แล้วมาแก้ไขทีหลัง หากเป็นเช่นนี้มันจะมีประโยชน์อะไร จังหวัดกระบี่ เป็นเมืองท่องเที่ยว อย่าให้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ มาทำลาย ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด.


https://www.thaipost.net/district-news/498990/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:12


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger