เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 18 สิงหาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

อนึ่ง พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ คาดว่า จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) ในระยะต่อไป และคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 19-20 สิงหาคม 2563


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18 - 19 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีการกระจายของฝนมากกว่าภาคอื่นๆ

ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 23 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมยังคงพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมหย่อมความกดอากาศต่ำมีกำลังแรง ในทะเลจีนใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อน


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20 ? 23 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2563

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (18 สิงหาคม 2563) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 20.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.5 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. พายุนี้มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) ในระยะต่อไปและคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 19-20 สิงหาคม 2563






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"ปูไก่" เดินเพ่นพ่าน "อ่าวมาหยา" ตอกย้ำปิดอ่าวกว่า 2 ปี ธรรมชาติฟื้นตัว สัตว์หายากหวนคืน


ปูไก่ เดินอวดโฉมที่อ่าวมาหยา

อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โพสต์ภาพปูไก่ สัตว์หายากเดินเพ่นพ่านหน้าหาด ตอกย้ำธรรมชาติฟื้นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ สัตว์หายากหวนคืน หลังการปิดอ่าวมาหยามากว่า 2 ปี

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผยความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวมาหยา ล่าสุด โพสต์ภาพ "ปูไก่" สัตว์หายากออกมาเดินเพ่นพ่านที่หน้าอ่าวมาหยา

โดย อช. หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้โพสต์ภาพปูไก่ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ "อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี" พร้อมมีข้อความสั้น ๆ กำกับว่า

?ปูไก่? อ่าวมาหยา
#อ่าวมาหยา
#ปูไก่
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

อ่าวมาหยา ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล แห่งหมู่เกาะพีพี (มี 2 เกาะใหญ่สำคัญคือ เกาะพีพีเลและพีพีดอน) อยู่ภายใต้การดูแลของ ?อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี? จังหวัดกระบี่

อ่าวมาหยา มีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวเล็ก ๆ ที่มีภูเขาหินปูนโอบล้อม มีหาดทรายทอดตัวโค้งงาม พื้นทรายละเอียดยิบขาวเนียน น้ำทะเลสวยใสดุจดังสระว่ายน้ำธรรมชาติแห่งท้องทะเลอันดามัน จนอ่าวมาหยาถูกยกให้เป็น "สวรรค์แห่งอันดามัน"


ฉลามหูดำที่เข้ามาในพื้นที่อ่าวมาหยาอยู่บ่อยครั้ง

ด้วยความสวยงามของอ่าวมาหยา ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในระดับโลก ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวมีคนมาเที่ยวที่อ่าวมาหยาเป็นจำนวนมาก จนล้นเกินพอดีทำให้ธรรมชาติที่อ่าวมาหยาเสียหาย บอบช้ำทั้งบนบกและโลกใต้ทะเล อันนำมาสู่การประกาศปิดอ่าวมาหยา เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นมา

วันนี้หลังการปิดอ่าวมาหยามากว่า 2 ปี โดยไม่มีกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เข้ามาบริเวณอ่าวแห่งนี้ ทำให้ธรรมชาติที่เคยเสื่อมโทรมค่อย ๆ ฟื้นตัว พืชพันธุ์ป่าชายหาดขยายตัว ผักบุ้งทะเลเกิดขึ้นมาเองบนชายหาด ซึ่งมันเป็นพืชที่ช่วยยึดเกาะและป้องกันการพังทลายของแนวหาดทราย

นอกจากนี้สัตว์หลายชนิด หลังจากหนีมนุษย์ห่างหายไปไม่พบที่อ่าวมาหยามานานก็ทยอยกลับคืนสู่อ่าวอันงดงามแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปูลม ปูทหาร ปลาการ์ตูนส้มขาว ฉลามวาฬ ฉลามหูดำ และปูไก่

"ปูไก่" คือ ปูชนิดหนึ่ง มีขนาดตัวใหญ่ประมาณ 1 ฝ่ามือ มีกระดองสีแดงอมม่วง แดงอมส้ม หรือบางตัวก็มีสีน้ำเงินเหลือบ เหตุที่เรียกปูชนิดนี้ว่าปูไก่ ก็เพราะมันมีเสียงร้องคล้ายกับไก่นั่นเอง


หลังปิดอ่าว ปูไก่ สัตว์หายากกลับมาปรากฏตัวที่อ่าวมาหยาอยู่บ่อยครั้ง

ปูไก่ แม้เป็นปูน้ำจืดที่ชอบอยู่ตามลำธาร แต่ที่บ้านเรามักจะพบปูไก่ตามเกาะทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะที่เกาะสี่ และเกาะตาชัยแห่งหมู่เกาะสิมิลัน ที่มีปูไก่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ขณะที่อ่าวมาหยา ปูไก่เป็นสัตว์หายากที่หายตัวจากอ่าวแห่งนี้ไปนานอันเนื่องมาจากมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก กระทั่งหลังการปิดอ่าวมาหยา ปูไก่ได้กลับมาปรากฏตัวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง นับเป็นการตอกย้ำถึงความอุดมสมบูรณ์ของการปิดอ่าวมาหยา เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี


https://mgronline.com/travel/detail/9630000084324

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตื่นตา!! ที่เกาะห้อง หิ้วปิ่นโตไปชมฉลามหูดำติดชายหาด


ฉลามหูดำ กำลังแหวกว่ายบริเวณชายหาดเกาะห้อง

วันนี้ (17 ส.ค.2563) เพจเฟซบุ๊ค นายจำเป็น ผอมภักดี พนักงานพิทักษ์ป่า ส3 อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ได้โพสต์ภาพฉลามหูดำกำลังแหวกว่ายบริเวณชายหาดเกาะห้องประมาณ 30 ตัว มีขนาดตั้งแต่ 50 ซม. จนถึงขนาดใหญ่ประมาณ 150 ซม.

ซึ่งสะท้อนให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และความสวยงามของทัศนียภาพที่งดงามของธรรมชาติทางทะเล ซึ่งหลังจากเปิด อช.ธารโบกขรณี กว่า 1 เดือนครึ่ง โดยยังเปิดเฉพาะหน่วยพิทักษ์ฯที่ธบ.1 (เกาะห้อง) และหน่วยพิทักษ์ฯที่ธบ.3 (บ่อท่อ) ส่วนที่ทำการอุทยานฯ (น้ำตกธารโบกขรณี) ยังคงปิด ปรากฎการณ์ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวรักษ์โลก คือ การเข้ามาชมสัตว์น้ำหายาก อย่างฉลามหูดำ และการย้อนเวลากลับไปรำลึกวิถีชีวิตในอดีตที่หิ้วปิ่นโตใส่อาหาร (ยุคไร้ถุงพลาสติกใส่อาหาร)

ตอนนี้นักท่องเที่ยวส่วนหลักยังเป็นชาวไทยคงนิยมนำอาหารใส่ปิ่นโตมาเที่ยวพักผ่อนที่ชายหาดบนเกาะห้อง ซึ่งตอนนี้เสมือนเป็นวัฒนธรรมใหม่ของการท่องเที่ยวที่นี่ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของทางอุทยานฯ ที่ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวนำถุงพลาสติก และโฟมเข้ามาภายในเขตอุทยานฯ ที่เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากนักท่องเที่ยวคนไทย รวมถึงการมีมาตราการในการรักษาความปลอดภัยด้วยการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอลในเขตอุทยานฯ

ฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นหน้ามรสุม ทางเกาะแก่งต่างๆ ประกอบด้วย เกาะห้อง เกาะเหลาลาดิง เกาะผักเบี้ย ในเขตอุทยานธารโบกขรณี ได้รับผลกระทบจากปัญหาขยะทางทะเลจำนวนมาก ลมเปลี่ยนทิศพัดขยะเข้าสู่ชายฝั่งกองเรียงรายตามแนวชายหาดจำนวนมาก บางส่วนลอยเป็นแพขยะอยู่กลางทะเล ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่างหนักเกือบทุกวัน เพื่อเก็บกวาดนำขยะเหล่านี้ไปทำลาย ก่อนเปิดให้นักท่องเที่ยว เข้าเยี่ยมชมธรรมชาติที่สวยงาม

หมู่เกาะห้อง เขตอุทยานธารโบกขรณี ยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งเป็นคนในจังหวัดกระบี่และจังหวัดอื่นๆ ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสชื่นชมธรรมชาติ พร้อมกับหิ้วปิ่นโตมาร่วมรับประทานอาหาร ซึ่งถือว่าทุกคนได้ช่วยลดการสร้างปัญหาขยะ ที่จะเป็นขยะทะเล เพราะทุกวันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังต้องระดมเก็บกวาดกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ชายหาดทุกวันสะอาดตา

โดยเฉพาะในช่วงนี้ สัตว์น้ำหาดูยาก "ฉลามหูดำ" ยังเข้ามาแหวกว่ายติดชายหาดเกาะห้อง จากก่อนหน้าที่เห็นจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้บันทึกภาพไว้ตอนที่ช่วงอุทยานฯปิด ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสจริง มีความประทับใจมาก จึงขอย้ำสั้นๆ เพียงทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งในส่วนการสวมชูชีพก่อนลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย ท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอล รวมถึงการนำขยะคืนถิ่น ซึ่งเป็นการเที่ยวแบบรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่ทำลายธรรมชาติ

สำหรับปลาฉลามครีบดำ หรือ ปลาฉลามหูดำ ( Blacktip reef shark; ชื่อวิทยาศาสตร์: Carcharhinus melanopterus) วิกิพีเดีย อธิบายว่าเป็นปลาฉลามชนิดหนึ่ง มีรูปร่างเพรียวยาว ปากกว้าง มีแถบดำที่ครีบหลัง ครีบไขมัน ครีบก้น และครีบหางตอนล่าง เป็นที่มาของชื่อ กินปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร มีนิสัยไม่ดุร้ายเมื่อเทียบกับปลาฉลามชนิดอื่นๆ นิยมอยู่รวมเป็นฝูงบริเวณใกล้ชายฝั่ง และอาจเข้ามาในบริเวณน้ำกร่อย หรือปากแม่น้ำ โดยสามารถเข้ามาหากินใกล้ชายฝั่ง แม้กระทั่งในพื้นที่ๆ มีน้ำสูงเพียง 1 ฟุต เป็นปลาหากินในเวลากลางคืน ในเวลากลางวันจะหลบซ่อนตัวพักผ่อนตามแนวปะการัง โดยจะหากินอยู่ในระดับน้ำความลึกไม่เกิน 100 เมตร ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 2 เมตร ตัวเมียตั้งท้องนาน 18 เดือน ออกลูกเป็นตัว ครั้งละ 2-4 ตัว เมื่อโตขึ้นแล้วสีดำตรงที่ครีบหลังจะหายไป คงเหลือไว้แต่ตรงครีบอกและครีบส่วนอื่น

นับเป็นปลาฉลามชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในทะเล และเป็นต้นแบบของปลาฉลามในสกุลปลาฉลามปะการัง มีนิสัยเชื่องคน สามารถว่ายเข้ามาขออาหารได้จากมือ เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้ที่นิยมการดำน้ำ พบทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน




https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000084400

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


คลื่นลมสงบ! 'ฉลามหูดำ' ฝูงใหญ่กลับเข้าหากินหน้าชายหาดเกาะห้องทะเลกระบี่



17 ส.ค.63 - นายทีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีจังหวัดกระบี่ ได้รับรายงานจากนายจำเป็น ผอมภักดี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์หมู่เกาะห้อง อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี หมู่ที่ 3 บ้านท่าเลน ตำบลเขาทอง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ออกเดินตรวจความเรียบร้อยตามแนวชายหาดของเกาะห้อง ได้พบฝูงฉลามหูดำฝูงใหญ่ จำนวน 30 ตัว หลังจากทะเลอันดามันของน่านน้ำจังหวัดกระบี่ สภาพอากาศปลอดโปร่งไม่มีฝนตกลงมา ทำให้ท้องทะเลไม่มีคลื่นลมแรง สร้างความฮือฮาและตื่นเต้นให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยาก นานๆครั้งจะมีฝูงฉลามหูดำจำนวนมากเข้ามาหากินลูกปลาถึงหน้าชายหาดเกาะห้อง ที่มีระดับน้ำตื้นเพียง 30 เซนติเมตร โดยฉลามหูดำแต่ละตัวมีความยาวตั้งแต่ 50 เซ็นติเมตร ถึง 1.50 เมตร



นายฑีฆาวุฒิ กล่าวว่า ฝูงฉลามหูดำฝูงนี้เข้ามาหากินหน้าชายหาดเกาะห้องนานหลายชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.15-08.20 น. ก่อนว่ายออกไปที่แนวปะการังน้ำลึกซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในรอบปีนี้ เป็นผลมาจากมาตรการปิดเกาะห้อง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 และปิดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ถือว่าในช่วงนั้นได้มีการฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลและบนบกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ จนทำให้สัตว์น้ำหายากและใกล้จะสูญพันธุ์หวนกลับคืนสู่ถิ่นเดิม และหลังจากที่เปิดให้มีการท่องเที่ยวได้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฉลามหูดำเข้ามาหากินอีกครั้ง ฉลามหูดำเป็นสัตว์ทะเลที่หาดูได้ยากทั้งเป็นสัตว์สงวนหวงห้าม มาแหวกว่ายริมชายหาดของเกาะห้องเป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศวิทยาใต้ทะเลบริเวณดังกล่าว


http://www.thaipost.net/main/detail/74682

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายจนถึงจุดที่ทำให้แก้ไขไม่ได้



ในขณะที่ชาวโลกกำลังระแวงกับการระบาดของโควิด-19 ปัญหาโลกร้อนกำลังทำให้แผ่นน้ำแข็งหมดสิ้นไปแบบเรียกคืนไม่ได้อีก

พืดน้ำแข็ง (ice sheet) ของกรีนแลนด์อาจหดตัวจนเลยจุดที่แก้ไขไม่ได้แล้ว จากการวิจัยล่าสุดพบว่าน้ำแข็งมีแนวโน้มที่จะละลายหายไปเรื่อยๆ ไม่ว่าโลกจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเร็วแค่ไหนก็ตาม

นักวิทยาศาสตร์ศึกษาธารน้ำแข็ง 234 แห่งทั่วกรีนแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนอาร์กติกเป็นเวลา 34 ปีจนถึงปี 2018 และพบว่าปริมาณหิมะ/น้ำแข็งประจำปีเกิดขึ้นไม่ทันกับน้ำแข็งที่ละลายไปในช่วงฤดูฤดูร้อนได้อีกต่อไป

การละลายดังกล่าวทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 1 มิลลิเมตรต่อปี หากน้ำแข็งทั้งหมดของกรีนแลนด์หายไป น้ำที่ปล่อยออกมาจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 6 เมตรซึ่งเพียงพอที่จะท่วมเมืองชายฝั่งหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงบางส่วนของกรุงเทพฯ

พื้นที่อาร์กติกหรือขั้วโลกเหนือร้อนขึ้นอย่างน้อยสองเท่ามากกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ส่วนน้ำแข็งในทะเลขั้วโลกในเดือนกรกฎาคมมีระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี


https://www.posttoday.com/world/630886

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 18-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


อุณหภูมิที่หุบเขามรณะในสหรัฐฯ แตะ 54.4 องศา ครองสถิติอากาศร้อนที่สุดในโลก


สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ก็มาจากที่หุบเขามรณะเช่นกัน ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

อุณหภูมิที่อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ (Death Valley National Park) ในสหรัฐฯ พุ่งสูงแตะ 54.4 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจเป็นอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดในโลกที่เคยมีการวัดที่ถือว่าเชื่อถือได้

สถิติดังกล่าว ซึ่งได้รับการยืนยันจากหน่วยงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (US National Weather Service) เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญคลื่นความร้อนทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ

สภาพอากาศร้อนระอุทำให้เกิดเหตุขัดข้องที่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งหนึ่ง จนทางการต้องตัดไฟในพื้นที่บางส่วนของรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเวลา 2 วัน


สถิติก่อนหน้านี้

สถิติที่วัดเมื่อวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) จัดเก็บจากหมู่บ้านเฟอร์เนซ ครีก (Furnace Creek) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานของอุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ

สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ก็มาจากที่หุบเขามรณะเช่นกันเมื่อปี 2013 อยู่ที่ 54 องศาเซลเซียส

เมื่อศตวรรษที่แล้ว มีการบันทึกอุณหภูมิที่หุบเขามรณะไว้ที่ 56.6 องศาเซลเซียส แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้

ในปี 1931 เคยมีการบันทึกอุณหภูมิสูง 55 องศาเซลเซียสที่ประเทศตูนิเซีย แต่ คริสโตเฟอร์ เบิร์ต นักประวัติศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ บอกว่า ข้อมูลดังกล่าว รวมถึงการบันทึกครั้งอื่น ๆ ในแอฟริกาในช่วงล่าอาณานิคมนั้นเชื่อถือไม่ได้


คลื่นความร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ ทอร์นาโดไฟ (firenado) ที่มาของภาพ,REUTERS

คลื่นความร้อน

คลื่นความร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้แผ่ปกคลุมตั้งแต่รัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ไล่ขึ้นไปจนถึงรัฐวอชิงตันทางตะวันตกเฉียงเหนือ

คาดว่าคลื่นความร้อนนี้จะร้อนที่สุดวันนี้และพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) ก่อนที่อุณหภูมิจะลดลง แต่อากาศร้อนอบอ้าวก็จะคงอยู่ไปราว 10 วัน

ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าอิสระแคลิฟอร์เนีย (California Independent System Operator-ISO) ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่า ความต้องการไฟฟ้าเลยปริมาณที่สามารถผลิตได้แล้ว


ผลกระทบคลื่นความร้อน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ บอกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คลื่นความร้อนคร่าชีวิตคนในประเทศมากกว่าสภาพอากาศเลวร้ายแบบอื่น ๆ

นอกจากไฟดับแล้ว ผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่ ต้องสั่งห้ามทำการบิน ถนนละลาย และระบบเครื่องยนต์ของรถร้อนจนอันตราย

นอกจากนี้ คลื่นความร้อนยังจะส่งผลร้ายแรงต่อการเกษตรกรรมด้วยคือทำให้พืชผลเหี่ยวเฉาหรือตาย และยิ่งทำให้เกิดการระบาดของโรคพืช


https://www.bbc.com/thai/international-53810162

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:33


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger