เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 07-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 - 7 ส.ค. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 12 ส.ค. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณอ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 7-8 ส.ค. 63 และเคลื่อนไปทางทะเลจีนใต้ตอนบน


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 8 - 12 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 07-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


โลกร้อนทำ 'สัตว์กินพืช' อยู่ยาก หลายสปีชีส์เสี่ยงสูญพันธุ์

สัตว์กินพืชหากินลำบาก เพราะมนุษย์รุกคืบพื้นที่อาศัยและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง นักวิทยาศาสตร์กังวลสัตว์หลายสปีชีส์เสี่ยงสูญพันธุ์



บนโลกใบนี้ทั้งมนุษย์และสัตว์ ทุกชีวิตต่างอยู่ร่วมกันภายใต้ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แม้แต่สัตว์ป่าเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศที่ช่วยให้โลกมีความสมดุล แต่นับวันสัตว์ป่าทั้งหลายค่อยๆ ถูกทำลายจนสูญพันธุ์หายไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะโลกยุคนี้ การอยู่รอดของสัตว์กินพืชบางจำพวก เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น หลายสปีชีส์มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์สูง เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อนและการรุกคืบที่อยู่ของสัตว์ของมนุษย์


สัตว์กินพืช หรือ สัตว์กินเนื้อ ใครจะอยู่ใครจะไป

แม้ว่าสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กังวลมากที่สุด จะเป็นการสูญพันธุ์ของสัตว์จำพวกนักล่า แต่การศึกษาใหม่ที่ครอบคลุม ของบรรดานักนิเวศวิทยาและผู้เชี่ยวชาญ พบว่าสัตว์กินพืช กลับกลายเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากที่สุดในขณะนี้ โดยเฉพาะในระบบนิเวศป่าไม้

นักวิทยาศาสตร์ตระหนักได้ว่าสัตว์ป่าทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเสี่ยงสูญพันธุ์แม้แต่สัตว์กินเนื้อเองก็เช่นกัน แต่ความเสี่ยงสูญพันธุ์ของสัตว์กินพืชนั้นมีมากกว่า กล่าวได้ว่า แทนที่จะเป็นสัตว์จำพวกหมีขั้วโลก หรือ เสือ สัตว์นักล่าที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ แต่กลับกลายเป็นสัตว์จำพวกแรด หรือ เต่าทะเลสีเขียว ที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์มากกว่า

อย่างกรณี การสูญเสียแรดขาวเหนือเพศผู้ตัวสุดท้ายในป่า ที่เสียชีวิตในปี 2561 แต่นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามทุกวิถีทาง เพื่อดิ้นรนศึกษาค้นคว้าหาวิธีช่วยชีวิตสัตว์สายพันธุ์นี้ด้วยการถ่ายฝากตัวอ่อน (donor embryos)

"ผลกระทบของเรื่องนี้มีมาก เราต้องคิดว่าสัตว์กินพืช เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์" Atwood นักวิจัยกล่าว


สาเหตุการสูญพันธุ์

เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียที่อยู่อาศัยจากฝีมือมนุษย์ ล้วนเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้สัตว์กินพืชได้รับผลกระทบหนักกว่าสัตว์ที่มีอาหารอื่นๆ เพราะโดยธรรมชาติของสัตว์กินพืชแล้ว ปกติโดยส่วนใหญ่พวกมันมีขนาดที่ใหญ่กว่าสัตว์กินเนื้อ ต้องหากินในปริมาณเยอะและต้องการพื้นที่ที่อยู่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง ในทางกลับกัน เมื่อพวกมันถูกรุกรานพื้นที่อาศัย ทำให้พวกมันหากินลำบากขึ้นทุกวัน และเสี่ยงสูญพันธุ์มากขึ้นตามไปด้วยนั้นเอง

หากกล่าวถึงเรื่องการรุกคืบที่อยู่ของสัตว์ ภายในเพียงช่วง 2 ชั่วอายุคนของมนุษย์ โลกเราสูญเสียสัตว์ป่าไปแล้วกว่าร้อยละ50 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของเมือง การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่เกษตรกรรม โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการลักลอบล่าสัตว์ และการสร้างขยะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้จำนวนประชากรสัตว์ป่าลดลง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการสูญพันธุ์ของสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ รวมถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในเหล่านักวิทยาศาสตร์และนักชีววิทยา ว่าควรชี้เป้าไปที่สัตว์จำพวกใดก่อน หรือในความเป็นจริงแล้ว ควรแก้ที่ต้นตอหลัก นั่นก็คือ มนุษย์ ซึ่งเป็นนักล่าชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะ "โลกที่ไม่มีสัตว์กินพืชจะเป็นหายนะสำหรับระบบนิเวศทางธรรมชาติ" Galetti กล่าว


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1904903

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 07-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


'หอยหลักไก่'ของขวัญจากทะเลช่วงมรสุมสร้างรายได้นำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู



วันที่ 6 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหน้าฤดูมรสุมคลื่นลมแรง ชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงได้อาศัยจังหวะที่น้ำทะเลลดลงออกเก็บหอยหลักไก่ที่บริเวณชายหาดซอยตกปลา ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้มีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมาหาหอยหลักไก่ ที่ถูกคลื่นซัดมาอยู่ตามบริเวณชายหาดเป็นจำนวนมาก ทำให้แต่ละคนเก็บได้วันละหลายกิโลและจะเลือกเก็บเฉพาะตัวที่โตเต็มวัยแล้วเท่านั้น เพื่อเป็นการช่วยอนุรักษ์ให้หากินได้ตลอดไป โดยจะนำไปประกอบเป็นอาหารในครัวเรือน และบางส่วนก็นำไปขายได้ในราคากิโลกรัมละ 25-30 บาท เป็นรายได้เสริมให้แก่ครัวเรือนในช่วงฤดูมรสุม ส่วนชาวบ้านจากพื้นที่ใกล้เคียงจะมาเก็บเพื่อนำไปขายเป็นหลัก



นายอนุวัฒน์ ไวว่อง ชาวบ้านที่หาหอยหลักไก่ กล่าวว่า ในช่วงที่มีมรสุมคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรง จนทำให้คลื่นขนาดใหญ่พัด หอยหลักไก่ขึ้นมาซึ่งทางชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพามาหาหอยเพื่อนำไปรับประทานและนำไปขายในตลาดสดกิโลกรัมละ 25-30 บาท ซึ่งในแต่ละวันชาวบ้านหลายคนเก็บหอยได้หลายกิโลกรัม จนมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 800 ? 1,000 บาท เป็นผลดีกับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

สำหรับหอยหลักไก่ เป็นหอยฝาเดียวที่รสชาติดี มีมากในทะเลอันดามัน เมนูยอดนิยมคือ แกงคั่วหอยหลักไก่ ผัดฉ่าหอยหลักไก่ สำหรับวิธีนำมาประกอบอาหารต้องนำมาแช่น้ำให้หอยขับเมือกและทรายออกมาก่อน จากนั้นต้องใช้มีดสับเอาส่วนยอดของเปลือกหอยออกไปเล็กน้อยเพื่อทำเป็นรูระบายอากาศ เนื่องจากว่าเมื่อแกงสุกดีพร้อมที่จะรับประทานกันแล้ว เราจะต้องใช้ปากจุ๊บ หรือดูดที่ปากหอย เพื่อให้เนื้อหอยมันย้ายที่เข้ามาอยู่ในปากของเรา ถ้าหากไม่ทำรูระบายอากาศที่ว่าแล้ว เราจะไม่สามารถดูดเนื้อหอยออกมาได้ ขั้นตอนของการจุ๊บ หรือดูดหอยเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของการกินหอยชนิดนี้


https://www.naewna.com/likesara/510139

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 07-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


รวมพลังคนสมุย เก็บขยะ 90 ตันจากเฟอร์รี่ล่ม หวั่นกระทบปะการังและสัตว์ทะเล

ชาวสมุยรวมพลังด่วนเก็บขยะจากเรือเฟอร์รี่ล่มกลางทะเล อ.ธรณ์ชี้เป็นเรื่องร้ายแรงและเร่งด่วน กระทบปะการังและสัตว์หายาก ด้านผอ.สำนักทรัพยาการทะเลสุราษฎร์เผย โศกนาฏกรรมนี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง สมุยยังขยะท่วม ต้องขนออกอีกร่วม 300,000 ตัน

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2563 เวลา 9.00 น. หน่วยงานราชการ โรงเรียน จิตอาสาและประชาชนทั่วไป ร่วมเก็บขยะจากเหตุเรือบรรทุกขยะ ราชาเฟอร์รี่ 4 ประสบอุบัติเหตุทำให้ล้มกลางทะเลเมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคม หลังจากเดินทางออกจากท่าเรือสมุยได้ประมาณ 5 ไมล์ทะเลเพราะคลื่นลมแรงกว่าปกติ สำนักข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ประสบเหตุ 16 คน เสียชีวิต 2 ราย หน่วยซีลได้ลงพื้นที่ค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีก 3 ราย ทว่าล่าสุดยังไม่พบ

นอกจากนั้นแล้ว เหตุดังกล่าวยังทำให้ขยะที่ตั้งใจขนไปกำจัดบนแผ่นดินปริมาณ 90 ตันปนเปื้อนลงทะเล เทศบาลนครเกาะสมุยจึงได้ออกจดหมาย "ด่วนที่สุด" ระดมกำลังเก็บขยะ ณ บริเวณเกาะแตน ทางตอนใต้เกาะสมุย

วิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) อธิบายว่า เรือราชา 4 มีลักษณะเป็นเรือบรรทุกสินค้าโดยขยะจะถูกห่อเป็นแพ็คหุ้มด้วยพลาสติก เรียกว่า ?บิ๊กแพ็ค?? บรรจุใส่รถเทรลเลอร์ใส่ขยะ 3 คัน (คันละ 30 ตัน) และคลุมด้วยผ้าใบ

"การสำรวจความเสียหายตอนนี้ทำได้ยากเพราะคลื่นลมแรงด้วยเป็นหน้ามรสุม เรายังไม่สามารถระบุได้ว่าขยะกระจัดกระจายอยู่ในทะเลบริเวณไหนบ้าง ตอนนี้เห็นว่าบางส่วนถูกพัดเข้ามาติดที่เกาะแตน ตอนใต้เกาะสมุย ซึ่งจะเก็บได้ง่ายกว่าในทะเล"


ก้อนขยะจากเรือเฟอร์รี่ติดอยู่ที่หาดเกาะแตน ทางตอนใต้เกาะสมุย // ขอบคุณภาพ: ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์

เขาเผยว่า เบื้องต้นเทศบาลนครสมุยได้ประสานกับบริษัทขนขยะ "ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน)" ซึ่งยินดีรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตามหน้าที่ซึ่งระบุไว้ในสัญญาจ้าง โดยได้ประกาศให้ชาวประมงและชาวบ้านที่พบเห็นขยะ นำส่งขยะก้อนแล้วให้เงินรางวัลก้อนละ 2,000 บาท ส่วนมาตรการระยะยาว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมทรัพยากรชายฝั่งจะตามติดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด

"ขยะที่ขนครั้งนี้เป็นโครงการขนขยะรอบพิเศษ ขนขยะที่ตกค้างบนเกาะสมุยไปฝังกลบที่เทศบาลอำเภอเวียงสะซึ่งมีพื้นที่หลุมไม่ได้ใช้งานจากเหมืองทิ้งร้างเยอะ โครงการนี้วางแผนมานานแล้วเพราะพื้นที่เกาะสมุยรองรับขยะไม่เพียงพอ มีขยะสะสมมาตั้งแต่ปี 60 อีกร่วม 300,000 ตัน ขณะเดียวกันขยะใหม่ก็เกิดขึ้นทุกวัน"

ขยะที่ตกค้างในทะเลนั้นสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทะเล เผยว่าประเทศไทยเคยพบเหตุเรือขนขยะล่มมาก่อน ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ ?ร้ายแรงที่สุด? เพราะปริมาณเยอะที่สุด อีกทั้งยังปนเปื้อนในบริเวณน้ำตื้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงทำลายปะการังมากกว่าในทะเลเปิด

"ขยะพวกถุงพลาสติกจะไปเกี่ยวปะการัง พอน้ำพัดก็ดึงปะการังหัก หรืออาจไปครอบปะการังตาย ทำให้มันหายใจและรับแสงไม่ได้ ขยะในทะเลยังกระทบกับสัตว์หายากหลายชนิด เพราะพื้นที่เกาะสมุย เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่ามะเฟือง นอกจากนี้ยังมีโลมาสีชมพูซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งและโลมาหัวบาก ที่รู้จักกันว่า 'โลมาอิรวดี' บริเวณเกาะแตน อาศัยอยู่ในเขตที่ขยะกระจัดการจายนั้นแหละ สัตว์พวกนี้จะกินขยะเข้าไปแล้วตายเหมือนที่เราเห็นข่าวกัน"

เขาเผยว่าการเก็บกู้ขยะเป็นเรื่องท้าทายเพราะเป็นพื้นที่แนวปะการังไม่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตร อีกทั้งขยะยังพัดไปติดที่หาดหินซึ่งไม่ใช่จุดท่องเที่ยวและชุมชน จึงไม่ค่อยมีคนพบเห็นและนักดำน้ำ ทว่าโชคดีที่คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำเคยทิ้งทุ่นตรวจกระแสน้ำและศึกษาทิศทางน้ำไว้ในบริเวณนั้น พบว่ากระแสน้ำจะหมุนวนในบริเวณเกาะแตนอีกหลายวัน ขยะจะลอยในลักษณะเดียวกับทุ่น จึงบอกเส้นทางเคลื่อนที่ของขยะได้

จากผลวิเคราะห์ยังพบว่า นอกจากเกาะแตนและ ชายฝั่งด้านตะวันตกและใต้ของเกาะสมุย ขยะบางส่วนอาจลอยไปที่อุทยานหมู่เกาะอ่างทอง รวมถึงเกาะพะลวยและหมู่เกาะใกล้เคียง ซึ่งมีสภาพน้ำนิ่ง ขยะที่ลอยมามีโอกาสตกลงสู่แนวปะการังและหาดต่างๆ โมเดลยังยืนยันว่าน้ำในบริเวณจะวนไปมาหลายวัน ทำให้ขยะอาจลอยไปมาแถวนี้


ทุ่นตรวจกระแสน้ำ // ขอบคุณภาพ: ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์

เขาแนะว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องด่วนที่ต้องรีบวางแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ในระยะสั้นอาจจัดกิจกรรมระดมกำลังเก็บขยะที่หาดแตนช่วงเสาร์อาทิตย์ ระยะยาว ควรตรวจสอบเกณฑ์การขนส่งขยะทางเรือให้รัดกุมขึ้น เช่น ติดตะข่ายคลุมรถไว้ เพื่อกันขยะรั่วไหลเมื่อเกิดเหตุเรือล้มเช่นโศกนาฏกรรมคราวนี้

นอกจากนี้ เขายังเสนอให้มีการคำนวณค่าความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจากการรั่วไหลของขยะทะเลครั้งนี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากขยะทะเลเป็นมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ และปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่มีการขนย้ายขยะจากเกาะสู่ฝั่ง

"สิ่งสำคัญคือเราจะได้เรียนรู้จากเหตุครั้งนี้แล้ววางแผนสำหรับการขนขยะทางเรือครั้งต่อๆ ไป การขนขยะไม่ได้มีที่สมุยที่เดียว แต่มีที่เกาะทั่วประเทศไทย"


https://greennews.agency/?p=21541

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:25


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger