เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 12-15 ก.ย. 63 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และฝนตกหนักบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 - 11 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยและประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้

ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 16 ก.ย. 63 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12 - 16 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ไฟไหม้เรือน้ำมันกลางทะเลยังดับไม่สนิท


(ภาพประกอบ : Photo by - / Sri Lankan Air Force / AFP)

เมื่อ 9 ก.ย. เจ้าหน้าที่ยามฝั่งอินเดียอยู่เร่งควบคุมไฟไหม้บนเรือบรรทุกน้ำมัน "เอ็มวี นิว ไดมอนด์" ซึ่งบรรทุกน้ำมันดิบมากถึง 270,000 ตัน หรือราว 2 ล้านบาร์เรล เกิดไฟไหม้บนเรือตั้งแต่วันพฤหัสบดี 3 ก.ย. บริเวณน่านน้ำห่างชายฝั่งด้านตะวันออกศรีลังกา โดยก่อนหน้านี้ทางการอินเดียกับศรีลังกาอ้างประสบความสำเร็จในภารกิจดับไฟไหม้บนเรือได้แล้ว แต่กลับเกิดไฟไหม้ปะทุขึ้นอีกเมื่อช่วงวันจันทร์ 7 ก.ย. เหตุเพราะสภาพอากาศร้อนและลมแรง จนต้องระดมสารเคมีช่วยดับไฟอีกระลอก

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานน้ำมันดิบบนเรือรั่วไหลลงทะเล แต่พบคราบน้ำมันดีเซลบริเวณใกล้เรือ ซึ่งอาจรั่วออกมาจากห้องเครื่องยนต์ โดยเรือลำดังกล่าวมีน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมากราว 1,700 ตัน เรือบรรทุกน้ำมัน "นิว ไดมอนด์" อายุการใช้งาน 20 ปี ขนาดความยาว 330 เมตร เกิดไฟลุกไหม้บริเวณห้องเครื่องยนต์ระหว่างการเดินทางจากคูเวตนำน้ำมันดิบไปส่งที่อินเดีย โดยเรือมีรอยแตกขนาดกว้าง 2 เมตร แต่รอยแตกอยู่เหนือระดับผิวน้ำ 10 เมตร จึงไม่มีการรั่วไหลของน้ำมันลงสู่ทะเล

ก่อนหน้านี้หน่วยงานปกป้องสภาพแวดล้อมทางทะเลของศรีลังกา แถลงเตือนหากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันดิบปริมาณมหาศาลลงสู่ทะเลจะก่อเกิดพิบัติภัยด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ที่สุดไม่เฉพาะต่อหลายประเทศแถบภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียเท่านั้น แต่ยังกระทบลุกลามถึงทั้งโลก.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1927061


*********************************************************************************************************************************************************


แคลิฟอร์เนียอ่วม เผชิญไฟป่าแรงสุดในประวัติศาสตร์ วอดแล้ว 5.5 ล้านไร่

ชาวอเมริกันทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯเผชิญไฟป่าครั้งใหญ่ ดับแล้ว 7 โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังเจอไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน เผาพื้นที่ป่าวอดแล้วกว่า 5.5 ล้านไร่



เมื่อ 10 ก.ย.63 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน วิกฤติไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ยังคงสร้างความหวั่นวิตก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนนับ 14,000 นาย พยายามควบคุมเปลวไฟที่โหมไหม้อย่างรวดเร็ว ขณะเกิดเพลิงไหม้ 25 จุด เผาผลาญพื้นที่แล้วกว่า 2.2 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 5.5 ล้านไร่ หลังจากได้เริ่มเกิดไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา

กองป้องกันป่าไม้และไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนีย แจ้งว่า ไฟป่าในพื้นที่เมืองเฟรสโน ที่เรียกว่า 'Creek Fire' บริเวณตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้ต้องอพยพประชาชนกว่า 200 คนออกจากบริเวณอ่างเก็บน้ำยอดนิยม 'แมมมอธ พูล' ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าขณะนี้ไฟป่านี้ยังคงรุนแรงอย่างยิ่ง หลังจากเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา และได้เผาพื้นที่ป่าบริเวณนี้ไปแล้วนับ 1.44 แสนเอเคอร์ หรือราว 3.6 แสนไร่ จนถึงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา ที่น่าวิตกคือ ไฟป่าในจุดนี้ ยังไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่ได้ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื่นที่บริเวณทะเลสาบ ชาเวอร์ เลกแล้ว

รอยเตอร์ รายงานด้วยว่าขณะนี้ได้เกิดไฟป่าทั่วพื้นที่ ชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพื้นที่ในเมืองมัลเดน รัฐวอชิงตันแล้ว นอกจากนั้น ไฟป่ากำลังคุกคามต่อชุมชนหลายชุมชนในรัฐโอเรกอน ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเผชิญกับไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน (เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1945-ปัจจุบัน) และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 7 ศพในรัฐวอชิงตัน โอเรกอน และแคลิฟอร์เนีย จนถึงวันพุธที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1927312

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


โดดเด่นสุดในฝูง "ลูกแมวน้ำสีส้ม" แห่งทะเลรัสเซีย แต่ผองเพื่อนไม่รับเข้าพวก



โดดเด่นสุดในฝูง - เดลี่เมล์ รายงานเบื้องหลังภาพถ่ายของลูกแมวน้ำสีส้ม ตาสีฟ้า เท้าสีชมพู ในทะเลโอค็อตสค์ของรัสเซีย โดดเด่นในหมู่ลูกแมวน้ำ จนเพื่อนร่วมสายพันธุ์ที่โตด้วยกันมายังตีตัวออกห่าง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า โอกาสพบสัตว์ที่มีภาวะผิวเผือกในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้เพียง 1 ในแสนตัวเท่านั้น และมีความเสี่ยงที่ตัวอื่นๆ จะไม่รับเข้าฝูง

วลาดีมีร์ บูร์กานอฟ นักชีววิทยารัสเซีย อธิบายว่า ลูกแมวน้ำตัวนี้อยู่บนเกาะตูเลนี มีชื่อเล่น "ลูกเป็ดขี้เหร่" แต่ไม่ได้นอกคอกเสียทีเดียว เนื่องจากยังมีแม่คอยให้นมกินอย่างเต็มที่ เลี้ยงดูอ้วนพี

ส่วนลูกแมวน้ำตัวอื่นไม่ได้สนใจ "ลูกเป็ดขี้เหร่" มากนัก แต่ไม่ได้ขับไล่หรือจิกกัดมัน จึงไม่มีปัญหาในการเข้าฝูง



แต่ปัญหาอยู่ที่ สายตาที่ไม่ค่อยดี หากถูกขับออกจากฝูง ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าพร้อมจะนำมันไปส่งให้พิพิธภัณฑ์โลมาดูแลต่อไป

นอกจากเจ้าขนส้มตัวนี้ ยังมีแมวน้ำเพศผู้อีกตัวมีภาวะผิวเผือกเหมือนกันบนเกาะแบริง ตอนนี้ อายุประมาณ 5-6 ปีแล้ว ยังไม่มีคู่ในฤดูกาลนี้ และอาจจะครองโสด อีกทั้ง อาจจะเป็นแมวน้ำสีประหลาดเพียงตัวเดียวที่อยู่รอดมาจนโต

ส่วนแมวน้ำเผือกอีกตัวหนึ่ง "นาฟานยา" จากเกาะตูเลนีเช่นกัน ได้รับการช่วยเหลือและนำไปเลี้ยงดูที่พิพิธภัณฑ์โลมาโซชีในทะเลดำแล้ว


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4884064

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


นักวิทยาศาสตร์เตือน โลกส่งสัญญาณอันตราย



ภาวะโลกร้อนกระตุ้นหายนะภัยทางธรรมชาติ ทั้งไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เฮอร์ริเคน น้ำท่วม คลื่นความร้อน

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโลกต้องเผชิญกับภัญธรรมชาติหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ลุกโหมกินพื้นที่เป็นวงกว้างจนท้องฟ้ากลายเป็นสีแดง ฝนตกหนักในแอฟริกา อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรเขตร้อนอุ่นขึ้นอย่างผิดปกติ และคลื่นความร้อนที่เล่นงานตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงแถบไซบีเรีย

ครั้งนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุการณ์เหล่านี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และโลกเราอาจต้องเผชิญสภาพอากาศสุดขั้วและภัยธรรมชาติที่รุนแรงกว่านี้หากมนุษย์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์มักจะไม่สรุปว่าพายุหรือคลื่นความร้อนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยตรง

ซอนยา เซเนวิรัทเน นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัย ETH Zurich ในสวิตเซอร์แลนด์เผยว่า "เราพบสัญญาณบางอย่างที่แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์"

ทีมนักวิทยาศาสตร์ลงมือศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใด ด้วยการประมวลผลแบบจำลองว่าระบบอากาศจะเป็นอย่างไรหากมนุษย์ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมทั้งใช้ข้อมูลสภาพอากาศที่เก็บไว้เมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมาด้วย

การวิจัยพบว่าสภาพอากาศสุดขั้วเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ


คลื่นความร้อน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ คลื่นความร้อนที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั่วโลก โดยเฉพาะคลื่นความร้อนไนแถบไซบีเรียในปีนี้ที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และคลื่นความร้อนนี้ยังส่งผลให้ต้นไม้และป่าพรุในรัสเซียแห้งแล้งจนเกิดไฟป่าเป็นวงกว้าง

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังเชื่อมโยงกับคลื่นความร้อนที่เล่นงานยุโรป ญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือในปี 2018

คลื่นความร้อนที่โจมตีชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว่สงผลให้อุณหภูมิสูงถึง 54.4 องศาเซลเซียส ในหุบเขามรณะ (Death Valley) ในแคลิฟอร์เนีย

แดเนียล สเวน นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศเผยว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้จะดูดความชื้นในอากาศและทำให้ป่าไม้และพุ่มไม้ต่างๆ แห้งตาย ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้ไฟป่าอย่างที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียในขณะนี้

การวิจัยนี้พบว่า โอกาสที่จะเกิดคลื่นความร้อนร่วมกับไฟป่าแทบจะเป็นศูนย์หากไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นจากยุคอุตสาหกรรม

เฟรเดอริก ออตโต นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเผยว่า หากพูดถึงคลื่นความร้อน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือจุดเปลี่ยน


ลม ฝน น้ำท่วม

การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกยังทำให้เกิดพายุรุนแรงถี่ขึ้น โดยพายุเฮอร์ริเคนจะสะสมพลังงานจากความร้อนบนพืนผิวมหาสมุทร ส่งผลให้ทวีความรุนแรงขึ้นและเคลื่อนตัวช้าลง

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยบริสทอลของอังกฤษซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า หากยังไม่หยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทันที การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะทำให้ปริมาณฝนจากพายุเฮอร์ริเคนเพิ่มขึ้น 5 เท่า ตัวอย่างคือ เฮอร์ริเคนลอราที่สะสมความรุนแรงจากน้ำในอ่าวเม็กซิโกที่ร้อนขึ้นจนกลายเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 4 ก่อนจะถล่มรัฐลุยเซียนาของสหรัฐด้วยความเร็วลม 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเฮอร์ริเคนที่รุนแรงที่สุดของรัฐ (รุนแรงกว่าเฮอร์ริเคนแคทรินาในปี 2005)

พายุไซโคลนที่ก่อตัวในมหาสมุทรอินเดียก็มีรูปแบบความรุนแรงเดียวกันนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรอินเดียที่สูงขึ้น บวกกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้พายุไซโคลนอำพันทวีความรุนแรงเป็นไซโคลนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ภายใน 18 ชั่วโมงก่อนจะขึ้นฝั่งที่รัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

การที่อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรสูงขึ้นยังเป็นสาเหตุของฝนตกหนักและน้ำท่วมในประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษด้วย

เจมส์ คอสซิน นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) สรุปว่า "มีหลักฐานชัดเจนและเพิ่มขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ส่งผลต่อสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้น"


https://www.posttoday.com/world/632669

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


อเมซิ่งพังงา! แหลมหาดมัลดีฟเกาะยาว หาดขาวสวยทะเลใสเป็นหนึ่งฉากในหนังฮอลลีวูด



"เกาะยาว" เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา อยู่ในทะเลอันดามันในอ่าวพังงา ประกอบด้วยเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเล เป็นเกาะที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระหว่างจังหวัดภูเก็ต-พังงา-กระบี่ ทำให้ที่นี่มีโรงแรมและรีสอร์ทที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีรีสอร์ทที่มีค่าที่พักต่อคืนสูงสุดถึงคืนละ 400,000 บาท เป็นเกาะที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

"แหลมหาด" เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวชื่อดังอันดับต้น ของเกาะยาวใหญ่ เป็นปลายแหลมเล็กๆ อยู่ระหว่างเกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อย เมื่อน้ำลงจะมีชายหาดทอดตัวยาวเป็นกิโลเมตร หาดทรายขาวละเอียด น้ำใส เป็น หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Mechanic Resurrection 2 ทำให้ทุกคนที่มาเยือนเกาะยาวจะต้องไม่พลาดที่จะเลือกเล่นน้ำทะเลที่แหลมหาด และบางคนถึงกับบอกว่าแหลมหาดมีความสวยงามเหมือนมัลดีฟของเกาะยาวเลยเชียว
ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวลองไปดูแล้วคุณจะติดใจ....


https://www.naewna.com/likesara/517489
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ


สะพานชลมารควิถีฯ: ถนนเลียบชายทะเล แลนด์มาร์คใหม่ จ.ชลบุรี

กรมโยธาฯ ร่วมกับ อบจ. ชลบุรี จัดพิธีเปิด "สะพานชลมารควิถี เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" แลนด์มาร์คใหม่ ถนนเลียบชายทะเล บูมท่องเที่ยวชลบุรี จ่อขยายเส้นทางเพิ่ม



วันที่ 9 กันยายน 2563 เวลา 09.09 น. นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดพิธีเปิด "สะพานชลมารควิถี เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" ณ สะพานชลมารควิถี เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา บริเวณจุดเชื่อมต่อถนนมนตเสวี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

นายมณฑล กล่าวว่า การดำเนินโครงการพัฒนาตาม ผังเมือง ถือเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางการพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านการพัฒนาเมือง โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัดชลบุรี ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ผลักดันให้ถนนเสนอแนะสาย ฉ ถูกนำมาก่อสร้างให้เป็นรูปธรรม ตามผังเมืองรวมเมืองชลบุรี พ.ศ.2553

โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้กำหนดให้มีการวางผังคมนาคมและขนส่ง โดยมีถนนเสนอแนะสาย ฉ. เพื่อเป็นแนวถนนโครงข่ายคมนาคม เป็นเส้นทางเลี่ยงเมืองเลียบชายฝั่งทะเลที่มีแนวขนานกับถนนสุขุมวิท ความยาวประมาณ 16.57 กิโลเมตร



ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จบางส่วน ความยาวประมาณ 7.07 กิโลเมตร แบ่งเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จากศาลารวมใจชน ? คลองสังเขป ระยะทาง 1.000 กิโลเมตร ระยะที่ 2 จากคลองสังเขป ? เทศบาลตำบลบางทราย ระยะทาง 1.400 กิโลเมตร ระยะที่ 3 จากเทศบาลตำบลบางทราย ? ซอยบางทราย 83 ระยะทาง 0.980 กิโลเมตร ระยะที่ 4 จากศาลารวมใจชน ? โรงปรับปรุงคุณภาพน้ำ ระยะทาง 1.880 กิโลเมตร และระยะที่ 5 จากโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำ ? องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ระยะทาง 1.810 กิโลเมตร

นอกจากนี้ กรมยังเล็งเห็นความสำคัญของถนนเสนอแนะสาย ฉ. และเพื่อเป็นการพัฒนาตามผังเมืองให้ครบถ้วนสมบูรณ์กรมฯ จึงได้ดำเนินการศึกษาออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ในแนวส่วนต่อขยายสะพานเลียบชายทะเลเดิม ด้านทิศเหนือจากซอยบางทราย 83 ไปจรดตำบลคลองตำหรุ ถนนสุขุมวิท ระยะทาง 7 กิโลเมตร และด้านทิศใต้ต่อจากถนนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ไปจรดตำบลอ่างศิลา ระยะทาง 2.500 กิโลเมตร

หากดำเนินการแล้วเสร็จ กรมจะได้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างส่วนต่อขยายต่อไป โครงการพัฒนาตามผังเมือง โดยการก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่งทะเลแห่งนี้ ประสบความสำเร็จได้ เพราะความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัดชลบุรี ร่วมกันกรมโยธาธิการและผังเมือง ช่วยผลักดันให้ถนนตามผังเมืองสายดังกล่าว



ถูกนำมาก่อสร้างจนเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตเมืองชลบุรี เป็นทางเลี่ยงเมืองจากตำบลบางทราย ลงมาถึงตำบลเสม็ด รวมทั้งส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายริมทะเลที่สวยงามในเขตอำเภอเมืองชลบุรีอีกด้วย

ในวันนี้กรมฯ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีจึงได้จัดพิธีเปิด "สะพานชลมารควิถี เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" ขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์จากถนนสายนี้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โครงการนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภารกิจที่กรมฯ ได้ดำเนินการเท่านั้น

ยังมีอีกหลากหลายโครงการที่สำคัญที่กรมฯ ได้ดำเนินการให้กับพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแต่ละโครงการ ต่างมีความจำเป็นในการดำเนินงานด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะดำเนินงานทุกโครงการภายใต้ ความตกลงใจของเจ้าของพื้นที่อย่างแท้จริง


https://www.prachachat.net/property/news-518406


*********************************************************************************************************************************************************


10 อุทยานยอดนิยม ก.ค. 63 นักท่องเที่ยวเฉียดล้าน



จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ถูกสั่งปิดไปนานกว่า 3 เดือน หลังจากสถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้นและมีมาตรการคลายล็อกอุทยานสามารถเปิดได้ตามปกติ นักท่องเที่ยวเดินทางมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันประเทศไทยมีอุทยานแห่งชาติรวมทั้งหมดกว่า 154 แห่ง กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ แบ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล และอุทยานแห่งชาติทางบก โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งชาวไทย และต่างชาติ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้าไปอุทยานแห่งชาติของปี 2563 ประจำเดือนกรกฎาคม ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2563 ว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวถึง 1,019,276 คน โดยพบว่าอุทยานที่มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม


10 อันดับแรก ได้แก่

1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีพื้นที่ครอบคลุม 11 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี มีนักท่องเที่ยว จำนวน 181,307 คน

2.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง มีนักท่องเที่ยว จำนวน 54,775 คน

3.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ มีนักท่องเที่ยว จำนวน 49,351 คน

4.อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ เลย และพิษณุโลก มีนักท่องเที่ยว จำนวน 31,046 คน

5.อุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ มีนักท่องเที่ยว จำนวน 30,801 คน

6.อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี มีนักท่องเที่ยวจำนวน 27,669 คน

7.อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยว จำนวน 27,236 คน

8.อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี มีนักท่องเที่ยว จำนวน 26,982 คน

9.อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง มีนักท่องเที่ยวจำนวน 24,201 คน

10.อุทยานแห่งชาติคลองลาน จ.กำแพงเพชร มีนักท่องเที่ยวจำนวน 23,179 คน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีอุทยานแห่งชาติที่ยังไม่เปิดให้บริการจำนวน 12 แห่ง ได้แก่ 1.อุทยานแห่งชาติสิมิลัน จ.พังงา 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา 3.อุทยานแห่งชาติออบขาน จ.เชียงใหม่ 4.อุทยานแห่งชาติสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน 5.อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย จ.แพร่ 6.อุทยานแห่งชาติลานสาง จ.ตาก 7.อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จ.กาญจนบุรี 8.อุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 9.อุทยานแห่งชาติแม่โถจ.เชียงใหม่ 10.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย 11.อุทยานแห่งชาติผาแดง จ.เชียงใหม่ 12.อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล


https://www.prachachat.net/local-economy/news-519231
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


ประชากรสัตว์ป่าทั้งโลกลดลง 2 ใน 3 ในช่วงไม่ถึง 50 ปีที่ผ่านมา

รายงานฉบับใหม่จาก WWF เผย จำนวนสัตว์ป่าทั่วโลกลดลงถึง 68% ในช่วงเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์



องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) เตือนว่า จากการศึกษาและติดตามประชากรสัตว์ป่าของโลก พบว่าลดลงโดยเฉลี่ย 68% ในช่วงเวลาไม่ถึง 50 ปี โดยสาเหตุหลักมาจากการบริโภคของมนุษย์

รายงาน The Living Planet ประจำปี 2020 ประเมินจำนวนประชากรที่ลดลงในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมมากกว่า 4,392 ชนิด ระหว่างปี 1970 ถึง 2016

รายงานระบุว่า จำนวนสัตว์ป่าที่มีอยู่มากกลับลดลงอย่างมาก อาจร้ายแรงถึงระดับ "ไม่เคยปรากฏในรอบหลายล้านปี"

รายงานยังระบุว่า ภูมิภาคละตินอเมริกา และแคริบเบียน เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในโลก โดยจำนวนประชากรสัตว์ป่าลดลงเฉลี่ย 94%

การเปลี่ยนแปลงของทุ่งหญ้า ทุ่งสะวันนา ป่าไม้ และที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชุ่มน้ำ การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่ามากเกินไป การนำสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พันธุ์พื้นเมืองเข้าระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นตัวเร่งหลักที่ลดประชากรสัตว์ป่า

ผู้เขียนรายงานกล่าวว่า มนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงพื้นผิว (ที่ไม่ใช่น้ำแข็ง) ของดาวเคราะห์ไปอย่างมากถึง 75%

และจากข้อมูลของ WWF การทำลายระบบนิเวศในขณะนี้ได้คุกคามสิ่งมีชีวิตกว่า 1 ล้านชนิด สัตว์และพืชรวมกัน 500,000 ชนิด และแมลง 500,000 ชนิด ซึ่งจะสูญพันธุ์ไปในอีกไม่กี่ทศวรรษหรือศตวรรษข้างหน้า



แต่แม้รายงานจะพบว่าธรรมชาติกำลังถูก "ทำลายโดยมนุษย์เราในอัตราที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์" ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แนวโน้มการลดลงนี้สามารถหยุดได้ โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและบริโภคอาหาร การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ผู้เขียนรายงานระบุว่า "เพื่อป้อนและขับเคลื่อนวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 ของมนุษย์ เรากำลังผลาญความสามารถทางชีวภาพของโลกมากเกินไปอย่างน้อย 56%" ผู้เขียนรายงานระบุ

ด้าน รีเบกกา ชอว์ (Rebacca Shaw) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ WWF บอกว่า "ปัจจัยหลักที่ทำให้ประชากรสัตว์โลกลดลงคือการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์เพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม การขยายการผลิตต่าง ๆ?

WWF เตือนว่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพนี้คุกคามความมั่นคงทางอาหารของโลกในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังไม่ใช่สาเหตุใหญ่ที่สุดของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนสิ่งมีชีวิตลดลง


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/132937

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 11-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


มลพิษ: สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป ระบุ 1 ใน 8 ของการเสียชีวิตของคนยุโรปมีสาเหตุจากมลพิษ


air pollution ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป (European Environment Agency หรือ EEA) ระบุว่า 1 ใน 8 ของคนยุโรปที่เสียชีวิตมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหามลพิษ

รายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปพบว่า 13% ของการเสียชีวิตทั้งหมดมีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศและเสียง คุณภาพน้ำที่ไม่ดีและการโดนสารเคมี โดยผู้คนที่อยู่ในชุมชนที่ยากจนและกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ

สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกนยังพบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมกับสุขภาพของประชากรโลก และเราต้องดูแลโลกไม่ใช่เพื่อรักษาระบบนิเวศเท่านั้น แต่เพื่อรักษาชีวิตคนด้วย

ในปี 2012 (ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีข้อมูล) การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 620,000 ราย ในยุโรปมาจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม

มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยของการเสียชีวิต 400,000 รายต่อปี ส่วนมลพิษทางเสียงเป็นปัจจัยของการเสียชีวิต 12,000 ราย ส่วนกรณีการเสียชีวิตที่เหลือเป็นผลมาจากสภาพอากาศสุดขั้ว อาทิ คลื่นความร้อน

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนหลายล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี และเป็น 1 ใน 3 สาเหตุ ของการเสียชีวิตจากภาวะสมองขาดเลือด มะเร็งปอด และโรคหัวใจ


ประเทศไหนโดนหนักสุด

สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรประบุว่า มีความแตกต่างชัดเจนระหว่างยุโรปตะวันตกและยุโรปตะวันออก

ในขณะที่นอร์เวย์และไอซ์แลนด์มีการเสียชีวิตที่มีปัจจัยจากมลพิษแค่ 9% ส่วนสัดส่วนการเสียชีวิตจากมลพิษในอัลเบเนีย และบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาอยู่ที่ 23% และ 27% ตามลำดับ

ในสหภาพยุโรป โรมาเนียเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากปัจจัยด้านมลพิษสูงที่สุดที่ 19% ประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ มอนเตเนโกร มาซิโดเนียเหนือ และเซอร์เบีย ขณะที่สัดส่วนสำหรับสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 12%


ต้องทำอย่างไร


Exhaust fumes coming out of car exhaust pipes ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปบอกว่า เราควรให้ความสำคัญสูงสุดกับพื้นที่ธรรมชาติอย่างป่าไม้และแหล่งน้ำเพราะพื้นที่เหล่านี้สามารถช่วยตัวเมืองได้เวลาเผชิญกับภาวะต่าง ๆ อาทิ คลื่นความร้อน น้ำท่วม ช่วยลดมลพิษทางเสียง และก็ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศน์ในเขตเมือง

ปีที่แล้ว กรุงลอนดอนประกาศริเริ่มโครงการเขตปล่อยมลภาวะต่ำสุด (Ultra Low Emission Zone) โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อจำกัดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์

ในอิตาลี ก็มีการกำหนดเขตปล่อยมลภาวะต่ำเช่นกัน บางที่เป็นแบบถาวร บางที่เป็นแค่บางช่วงของปี ด้านเยอรมนีมีเขตปล่อยมลภาวะต่ำถึง 80 แห่ง ส่วนที่เนเธอร์แลนด์และสหราชอาณาจักรมีประเทศละ 14 แห่ง

นอกจากนี้ กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมได้ประกาศสร้างทางจักรยานอีก 40 กม. โดยหวังให้คนใช้การขนส่งสาธารณะน้อยลงหลังรัฐคลายมาตรการล็อกดาวน์


https://www.bbc.com/thai/international-54094017

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:19


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger