|
#1
|
||||
|
||||
ซากรถถัง 25 คัน ทำปะการังเทียม ส่งให้กรมประมงฟื้นฟูทะเลนราธิวาส-ปัตตานี นครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่กองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ภายในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อ.เมืองนครราชสีมา ทางหน่วยได้จัดเตรียมซากรถถังจำนวน 25 คัน ซึ่งเป็นรถถังขนาดกลาง รุ่น 30 T 69-2 ซึ่งเป็นรถถังที่ผลิตขึ้นในประเทศจีน และถูกนำมาประจำการที่กองพันทหารม้าที่ 16 นครศรีธรรมราช กองทัพบก เมื่อปี 2530 ก่อนที่เสื่อมสภาพและถูกนำมาซ่อมบำรุงเมื่อปี 2547 แต่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เนื่องจากประเมินความเสียหายแล้วเกิน 60% และไม่คุ้มค่ากับการซ่อมแซม มาจัดเตรียมลำเลียงขึ้นหัวรถลากของกรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ เพื่อขนย้ายไปยังท่าเรือคลองเตย ก่อนจะขึ้นเรือไปยังจ.นราธิวาส และจะถูกนำไปทิ้งลงในทะเลอ่าวไทยที่นราธิวาสและปัตตานี ทำเป็นปะการังเทียม เพื่อให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล พ.อ.มังกร ว่านเครือ รองผอ.กองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ เปิดเผยว่า การส่งมอบซากรถถังในครั้งนี้เป็นการสนองพระเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงต้องการช่วยเหลือประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะแถบชายฝั่งจ.ปัตตานีและนราธิวาส ซึ่งจริงๆแล้วโครงการนี้มีหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกรมประมง รวมถึงหน่วยราชการอื่นๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะอนุรักษ์ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของท้องทะเลเช่นเดียวกัน สำหรับในส่วนของทางหน่วยทหารในสังกัดตนเองนี้ก็เป็นซากรถถังที่หมดสภาพซ่อม ไม่คุ้มค่า เนื่องจากถูกใช้การมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเข้ามาประจำการในกองทัพไทยตั้งแต่ปี 2530 กองทัพบกพิจารณาแล้วว่าหากนำไปพัฒนาฟื้นฟูทะเลจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาวประมงพื้นบ้าน สร้างความสมบูรณ์ของท้องทะเลมากกว่าอย่างอื่น สำหรับการขนย้ายซากรถถังทั้งหมด จะเคลื่อนย้าย 3 รอบ คือวันที่ 22 ก.ค. 24 ก.ค. และ 26 ก.ค. นำไว้ที่หน้าพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนจะนำไปทิ้งลงทะเลต่อไป จาก : ข่าวสด วันที่ 24 กรกฎาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ทริปโลซินพวกเราอาจจะได้ไปดูกันเหรอคร้าบพี่น้อย ^^
|
#3
|
||||
|
||||
ทบ.ระดมซากรถถัง จัดทำปะการังเทียม สนองพระราชดำรัส ฟื้นธรรมชาติใต้ทะเล นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสร้างปะการังเทียม เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลและเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลายหน่วยงานต่างๆประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ปัตตานีและนราธิวาส ทั้งนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยสนับสนุนตู้รถสินค้า จำนวน 273 คัน กรุงเทพมหานครสนับสนุนรถยนต์เก็บขยะมูลฝอย จำนวน 198 คัน กองทัพบกสนับสนุนรถถัง รุ่น t 69 จำนวน 25 คัน และกองทัพไทยสนับสนุนรถยนต์ 3 คัน เพื่อนำไปจัดสร้างปะการังเทียมในทะเลพื้นที่ จ.ปัตตานีและนราธิวาส นายธีระ กล่าวด้วยว่า การจัดสร้างปะการังเทียมดังกล่าว นอกจากจะก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้ทะเลแล้ว ยังส่งผลทำให้ชาวประมงมีแหล่งประกอบอาชีพทางการประมงเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการจัดโครงการสร้างปะการังเทียมเพิ่มเติมจากโครงการจัดสร้างปะการังเทียมของกระทรวงเกษตรฯ ตามแผนเร่งรัดในการจัดสร้างปะการังเทียมให้เสร็จตามแผนงาน ทั้งสิ้น 15 แห่ง งบประมาณรวมทั้งสิ้น 42 ล้านบาท แบ่งเป็น จ.ตราด 1 แห่ง จันทบุรี 1 แห่ง เพชรบุรี 2 แห่ง ชุมพร 2 แห่ง นครศรีธรรมราช 1 แห่ง สงขลา 2 แห่ง ปัตตานี 2 แห่ง นราธิวาส 1 แห่ง สตูล 1 แห่ง กระบี่ 1 แห่ง และพังงา 1 แห่ง จาก : แนวหน้า วันที่ 26 กรกฎาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
รถถังหย่อนทะเล กรมประมงสร้างปะการังเทียมจากตู้รถไฟ รถขยะ กทม. และรถถังกองทัพบก ทำเป็นบ้านหลังใหม่ให้ปลาน้อยใหญ่อยู่อาศัย ช่วยเหลือประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา นักวิชาการเผยสำรวจพบปลาหายากเพิ่มมากขึ้นและไม่เกิดมลพิษในระบบนิเวศใต้ทะเล ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ กรมประมงได้ทำพิธีรับมอบวัสดุขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้งานแล้วเพื่อนำไปจัดสร้างปะการังเทียมในทะเลอ่าวไทยที่จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส เพื่อสนองพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยส่งมอบตู้สินค้าจำนวน 273 คัน กรุงเทพมหานครมอบรถเก็บขยะมูลฝอย 198 คัน กองทัพบกมอบรถถัง 25 คัน และกองทัพไทยสนับสนุนรถราดน้ำ 3 คัน รวมทั้งสิ้น 499 คัน จัดขึ้น ณ ท่าเทียบเรือชายฝั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย นายธานินทร สิงหะไกรวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันและพัฒนาเทคโนโลยีประมงทะเล กรมประมง ให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างปะการังเทียมภายใต้โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส เสร็จสิ้น แล้วจำนวน 72 จุด ในปีนี้จะทำปะการังเทียมเพิ่มอีก 15 จุด จากการสำรวจสภาพปะการังเทียมเหล่านี้พบว่า ได้กลายเป็นระบบนิเวศแห่งใหม่ใต้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง โดยพบเจอปลาและสัตว์น้ำหลายชนิดที่สูญหายไปนานแล้วกลับเข้ามาอาศัยและหากิน เช่น ปลาหมอทะเล และปลาผีเสื้อเทวรูป เป็นต้น ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้านหรือประมงขนาดเล็กๆ สามารถจับสัตว์น้ำได้จำนวนมากขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย นายธานินทรกล่าวว่า การนำวัสดุเก่าที่ไม่ใช้งานแล้วมาทำปะการังเทียมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และไม่มีผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศใต้ทะเล ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ติดตามผลการจัดสร้างปะการังเทียม โดยเก็บตัวอย่างน้ำทะเล ตะกอนดินและในตัวสัตว์น้ำ เพื่อสำรวจหาสารโลหะหนัก พบว่าไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและผู้บริโภค ทั้งนี้ วัสดุต่างๆที่นำมาทำปะการังเทียมส่วนใหญ่เป็นเหล็กขนาดหนาคงทน เมื่ออยู่ในน้ำทะเลซึ่งมีความเป็นด่างทำให้เกิดการผุกร่อนน้อย และปริมาณออกซิเจนในทะเลน้อยกว่าในอากาศทำให้เกิดสนิมบนวัสดุไม่มากนัก "ตู้สินค้ารถไฟ รถถังและรถขยะ มีพื้นผิวหลังคาและผนังที่ให้สิ่งมีชีวิตชนิดเกาะติด เช่น หอย เพรียงและฟองน้ำเข้ามาอาศัย ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของปลาขนาดเล็ก จากนั้นก็จะมีสัตว์น้ำใหญ่ๆเข้ามาหากิน เกิดเป็นห่วงโซ่อาหารและเป็นถิ่นอาศัยถาวร มีการวางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อน เกิดระบบนิเวศใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงเรียกว่าปะการังเทียม มีปลาเข้าไปอยู่มาก เราไม่ห้ามชาวประมงจับปลา แต่ต้องใช้เครื่องมือประมงที่ไม่ทำความเสียหายต่อทรัพยากร" ภายหลังจากกรมประมงรับมอบตู้สินค้า รถถังและรถขยะจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว จะนำขนส่งทางเรือไปยังจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส ส่วนจุดพิกัดที่จะวาง ปะการังเทียมได้กำหนดร่วมกับชาวประมงท้องถิ่น และควบคุมการจัดวางวัสดุให้ถูกต้องตามที่ชาวประมงต้องการ ในเบื้องต้นวางแผนที่จะวางปะการังเทียมตั้งแต่วันที่ 5-9 สิงหาคม 2553 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 78 พระชนมพรรษา อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นักวิชาการผู้ประเมินโครงการปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า บริเวณที่นำวัสดุไม่ใช้แล้วไปทำปะการังเทียมกลายเป็นแหล่งอาศัยแห่งใหม่ของปลาและสัตว์น้ำจำนวนมาก โดยพบว่าไม่มีมลพิษหรือสารอันตรายต่อสัตว์น้ำ ส่งผลให้ชาวประมงจับปลาได้มากขึ้นโดยไม่ต้องออกเรือไปไกล ลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาทำประมง จากการสำรวจปะการังเทียมภายใต้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พบว่ามีสัตว์น้ำหายากเข้าไปอาศัย เช่น ปลาหมอทะเล ปลากระเบน เต่าทะเล กัลปังหา และดอกไม้ทะเล เป็นต้น อนึ่ง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ในโอกาสที่คณะบุคคลต่างๆเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสใจความว่า "ปีนี้ประมงพื้นบ้านตั้งแต่ปัตตานีจนถึงนราธิวาสหลายร้อยคนเขียนจดหมายถึง ข้าพเจ้าแล้วก็เซ็นชื่อเป็นบัญชีหางว่าวเลย ขอให้ข้าพเจ้าช่วยจัดทำปะการังเทียมเพิ่มเติมขึ้นอีก แล้วตอนนี้ใครจะช่วยข้าพเจ้า ตอนนี้จะเอาอะไรไปทิ้งให้ปลามันอยู่ ข้าพเจ้าจึงนำมาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังว่า ปะการังเทียมนั้นใช้ได้ผลจริงๆ น่าภูมิใจแทนหน่วยงานทั้งหลายที่ช่วยเหลือประชาชนประสบผลสำเร็จ และข้าพเจ้าก็เลยขอถือโอกาสนี้ส่งข่าวถึงกลุ่มประมงพื้นบ้านที่เขาเขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าขอปะการังเทียมเพิ่มเติมด้วยว่า ข้าพเจ้าจะพยายามขอร้องให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุกแห่งช่วยกันประสานงาน เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอก็คงจะเริ่มจัดสร้างพื้นที่บริเวณปะการังเทียมได้อีก เพื่อประชาชนจะได้ไปตกปลา ไปทำมาหากินได้เพิ่ม". จาก : ไทยโพสต์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
สร้างบ้านปลา 'ปะการังเทียม' ฟื้นชีวิตใต้ท้องทะเล จากปริมาณประชากรสัตว์น้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น และผลจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่เป็นบ้านพักพิงของสัตว์น้ำต่างๆที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น การฟื้นฟูธรรมชาติใต้ท้องทะเลจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่มนุษย์ต้องเร่งแก้ไข แม้การช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้เหมือนเดิมจะเป็นเรื่องยาก แต่การช่วยเหลือให้ทรัพยากรธรรมชาติกลับฟื้นคืนมาดังเดิมโดยวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งของการฟื้นฟู จากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นห่วงประชากรสัตว์น้ำที่ลดลง จึงเกิดโครงการ ร่วมสร้างบ้านปลา...ด้วยปะการังเทียม ณ บริเวณ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ห่างจากฝั่งประมาณ 6 กิโล เมตร โดยความร่วมมือระหว่าง กองทัพเรือ-กรมประมง- กรมเจ้าท่า-กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง ทำการทิ้งปะการังเทียมแท่งคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมจำนวน 638 แท่ง กระจายรอบพื้นที่เพื่อฟื้นฟูสัตว์น้ำให้มีแหล่งพักพิงอาศัย พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินการเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรใต้ท้องทะเลในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน โดยการดำเนินโครงการมีความต่อเนื่องในการศึกษาพื้นที่ซึ่งจะนำปะการังไปวาง และศึกษาความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างได้ผลสูงสุด สำหรับพื้นที่ จ.ปัตตานี ที่ทำการทิ้งปะการังเทียมในครั้งนี้อยู่ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง ห่างจากฝั่งประมาณ 6 กิโล เมตร ระดับน้ำลึก 13 เมตร วัสดุที่ใช้เป็นแท่งคอนกรีตรูปลูกบาศก์แบบโปร่ง ขนาด 1.5X1.5X1.5 เมตร โดยการนำไปวางในลักษณะแถวเดียวกันยาว 150 เมตร แบ่งเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มห่างกัน 50 เมตร หลังจากวางลงไปใต้ท้องทะเลไม่นานดินจะทับถมปะการังเทียมให้ยึดติดอยู่บริเวณดังกล่าว และบรรดาสัตว์น้ำต่างๆจะเข้ามาอาศัยเพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ โดยจะส่งผลให้ประชากรสัตว์น้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อชาวประมงในพื้นที่ได้มีปลาที่ทำการประมงเพิ่มขึ้น ในส่วนของการเลือกใช้วัสดุที่จะนำมาทำเป็นปะการังเทียม ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการมีมติร่วมกันว่า ต้องใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษหรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในท้องทะเลทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมีประสิทธิภาพในการดึงดูดสัตว์น้ำตลอดจนพัฒนาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใต้ท้องทะเลได้ ขณะเดียวกันต้องมีสภาพที่คงเดิมไม่เสี่ยงต่อการเสียหายในระยะสั้น สามารถคงรูปเดิมได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสู่ทะเล ตลอดจนคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรมากเกินไป สำหรับการเลือกพื้นที่ควรอยู่หน้าหมู่บ้านประมง ซึ่งเคยเป็นแหล่งประมงที่ดีมาก่อน แต่ได้รับผลกระทบเสื่อมโทรมลง เป็นทางผ่านหรือเส้นทางย้ายของฝูงปลา ขณะเดียวกันพื้นที่ในทะเลไม่เป็นโคลนเหลว เพราะจะทำให้ปะการังจมตัว หรือไม่อยู่ใกล้ปากแม่น้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพื้นที่ซึ่งทำการวางปะการังเทียมต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ซึ่งต้องมีความลึกของน้ำทะเลที่เหมาะสม ไม่เป็นพื้นที่หวงห้าม หรือเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่น เช่น เขต ท่าเรือ เขตสัมปทานขุดแร่ เขตสัมปทานรังนก เขตอุทยานทางทะเล แนวท่อหรือสายเคเบิลใต้น้ำ ไม่เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบต่อการปฏิบัติการของทหารและความมั่นคงของประเทศ ด้านรูปทรงของปะการังเทียม ต้องคำนึงถึงการใช้งาน เช่น การใช้งานเพื่อเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล นิยมใช้รูปทรงที่มีโครงสร้างซับซ้อนและมีช่องว่างหรือรูเพื่อให้เป็นที่หลบภัยของสัตว์น้ำ จะจัดวางเป็นจำนวนมากซ้อนกันในจำนวนสูงในน้ำลึก มีลักษณะเป็นกองใหญ่ เพื่อสามารถดึงดูดฝูงปลาได้หลายชนิด ทั้งปลาหน้าดิน และปลากลางน้ำ ส่วนการจัดวางเพื่อฟื้นฟูแนวปะการังธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงที่มีพื้นที่หน้าตัดแบบราบและมีพื้นที่ว่างจำนวนมากสำหรับการยึดเกาะ จัดวางชั้นเดียวให้ สามารถรับแสงได้ ในบริเวณที่มีคุณภาพน้ำทะเลที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของปะการัง ขณะที่การจัดวางเพื่อป้องกันระบบนิเวศทางทะเล ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก จัดวางซ้อนกันเป็นแนวขวางการเข้ามาของเครื่องมือประมง สำหรับพื้นที่เพื่อการดำน้ำ ควรมีรูปทรงที่มีเอกลักษณ์ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมทางทะเล เช่น เครื่องบิน เรือ หรืองานประติมากรรมรูปปั้นที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อการดำน้ำ การจัดวางเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เป็นรูปทรงที่เลียนแบบแนวปะการังธรรมชาติ ลดพลังงานของ การเคลื่อนที่เข้ามากระทบฝั่ง จัดวางขนานแนวชายฝั่งในระยะที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงสภาพคลื่นลม และความลึกของท้องทะเล จุมพล สงวนสิน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาประมงทะเล กล่าวว่า การจัดสร้างปะการังเทียมของกรมประมง ดำเนินการเพื่อสร้างแหล่งอาศัยให้สัตว์ทะเล และจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงเกิดโครงการปะการังเทียมขึ้นเพื่อประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างปะการังเทียม คือ ทำให้ชาวประมงขนาดเล็กมีแหล่งทำการประมงชายฝั่งที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องออกไปทำการประมงไกลฝั่ง การทำประมงริมชายฝั่งย่อมส่งผลให้ชาวประมงประหยัดต้นทุน และมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ อีกทั้งเป็นแนวป้องกันการทำลายสัตว์น้ำขนาดเล็ก และสภาพแวดล้อมที่ถูกทำให้เสียหายด้วยเครื่องมืออวนลากชายฝั่ง โดยจะสามารถลดข้อขัดแย้งระหว่างชาวประมงในเรื่องพื้นที่ทำประมงได้ ปะการังเทียม นับเป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่จะช่วยเหลือให้สัตว์น้ำและชาวประมงอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนในพื้น ที่หากินของตนเอง. ******************************** รู้จักปะการังเทียม ปะการังเทียม มีชื่อเรียกเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า อิมมิเทชั่น รีฟ (Imitation Reef) หมายถึง กองหินเทียมใต้น้ำ เป็นการทำขึ้นเลียนแบบโขดหิน หรือหินกองใต้น้ำ ซึ่งนักตกปลาทางทะเลจะรู้จักกันดี โดยในบ้านเราใช้คำว่า ปะการังเทียม ปะการังเทียม มักถูกสร้างขึ้นในรูปแบบต่างๆ เพื่อดัดแปลงสภาพของพื้นท้องทะเลที่ปะการังทางธรรมชาติถูกทำลายเหลือจำนวนลดน้อยลงให้มีความอุดมสมบูรณ์เฉกเช่นในอดีต โดยการจัดทำสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยหรือเรียกง่ายๆ ว่า บ้านปลา เลียนแบบบริเวณที่มีกองหินใต้น้ำ ซากเรืออับปาง หรือแนวปะการังธรรมชาติ โดยการใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนัก สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ราคาไม่แพง มีรูปแบบที่มีช่องเงาให้สัตว์น้ำกำบังหรือหลบซ่อนตัวได้ และนำไปวางรวมกลุ่มกันในบริเวณต่างๆตามแนวชายฝั่งที่เหมาะสม. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 5 สิงหาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
พวกเศษเหล็กที่ทิ้งน้ำน่าจะเรียกได้ว่าการแก้ปัญหาระยะสั้น หรือการเพิ่มสัตว์น้ำแบบชั่วคราว ถ้าโชคดีปะการังหรืออะไรแข็งๆเกาะจนเป็นโครงได้ก็ดีไป น่าจะได้ระยะยาว ส่วนเหล็กและสนิม ส่วนตัวความรู้น้อยของผม คิดว่าไม่กระทบมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา เพราะธาตุเหล็กที่มีในทะเลบริเวณนั้นก็เป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างชีวิตใหม่อยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าใส่ในพื้นที่ปะการังเสื่อมหรือไม่มีเลย น่าจะดีกว่าวางต่อหรือใกล้กับแนวปะการังสมบูรณ์
ส่วนปัญหาอย่างอื่นที่มากกว่าแค่ การปนเปื้อน และประชากรปลา เช่น กระแสน้ำ ภูมิประเทศ ผลกระทบต่อแนวปะการังที่อื่น ยังขาดอีกมากที่จะมีการศึกษาจริงจัง เหมือนกันทุกประเทศ สุดท้ายค่อยรอดูผลลัพธ์ แล้วเอาเป็นบทเรียน อาจจะนานไป บางจุดที่เคยเห็นทำแนวฟื้นฟู เกิดแนวปะการังใหม่ที่ยังไม่สมบูรณ์จริงๆ แต่แนวข้างเคียงที่สมบูรณ์อยู่แล้ว และน่าเสียดายมาก ก็พังทลายไป เพราะกระแสน้ำเปลี่ยน การสะสมตะกอนเปลี่ยน เกิดปะการังฟอกขาวก็โทษโลกร้อนก็จบ ไม่เห็นต้องคิดมาก แค่ตอนนี้จะออกข่าวนี่นา อุ๊บ! ถ้าผมโดนอุ้มอาจจะเพราะกระทู้นี้
__________________
จงกลายเป็นวงๆๆ ปุ๋งๆๆๆๆๆ |
#7
|
||||
|
||||
ได้ยินมาว่า พวกตู้รถไฟ...รถขยะ...รถถัง จะนำไปไว้บนพื้นทราย ห่างไกลแนวปะการังค่ะ มีอาจารย์บอย...ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง ทำการศึกษา ดูแล และควบคุมโครงการอยู่ ก็เบาใจไปได้หน่อยค่ะ
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 07-08-2010 เมื่อ 16:15 |
#8
|
||||
|
||||
ถ้าอย่าพี่สายชลบอกก็สบายใจไปได้เยอะครับ
เพราะประเภทที่เคยเจอมาบ้าง โครงการ...ตามด้วยคำหวานๆอย่างเพื่อทะเลไทย เพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำ บลา บลา บลา ... เพื่อให้รู้ว่าควรส่งเสริมทั้งๆที่ไม่ปี่ ขลุ่ย หรือแตรที่ไหนมาเป่าก่อน แล้วก็เอาแท่ง เสา หรืออะไรก็ไม่รู้ใหญ่ๆ วางโครมๆ มีทั้งฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย มีทั้งเอกชนที่ไม่รู้มาจากไหน และหลวงที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงทำโดยไม่มีการศึกษาเลย พวกวางต่อข้างแนวปะการังก็มี ผมไม่ได้จำแน่นอนว่าวางตำแหน่งไหนแต่ได้ร่วมวางกับเขาด้วยเพราะเพื่อชวนกันไป สุดท้าย อยากร้องไห้บนเรือ สรุปจากสถานการณ์ที่ผมประมวลได้ในสิ้นวันนั้น คือ เจ้าของรีสอร์ทแถวเกาะช้าง ต้องการขนซากอาคารเก่าทิ้งแต่ไม่อยากขนเสียปล่าว เลยน่าจะมีเส้นที่จะให้หลวงหรืออะไรคล้ายๆอย่างนี้ มาช่วยขนทิ้ง ไหนๆก็จะลงทุนแล้วก็ขอผลทางการค้าด้วยเลยจะเป็นโครงการโปรโมตซะ สุดท้ายทิ้งแถวเกาะช้างนั่นแหละ ห่างจากรีสอร์ทมันมาไม่ไกลเลย นี่คือเหตการณ์เน่าๆของการเมืองแบบ สะดวกซื้อ ที่ซื้อได้อยู่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนนอกนั้น ยังเจอมาเกือบทุกปีกับเรื่องแบบนี้ ทั้งหน่วยงานที่มีสี หรือไม่มีสี ผมซีเรียสเองครับพี่ อย่างพวกรีสอร์ทไฮโซนี่ก็ชอบไปชัก ngo ฝรั่งเข้ามาป่วนออกบ่อย จะวางปะการังเทียมตรงนั้นตรงนี้ ไม่มีงานศึกษารองรับ รู้แค่ได้หน้าพอ พี่ๆกรมทรัพย์น่าจะเคยได้ปวดหัวผ่านๆกันมาแล้วทุกปี
__________________
จงกลายเป็นวงๆๆ ปุ๋งๆๆๆๆๆ |
#9
|
||||
|
||||
หัวข้อหนักๆแบบนี้ คราวหน้าไม่โพสดีกว่า นอนไม่หลับเอง มันเครียด -_-"
__________________
จงกลายเป็นวงๆๆ ปุ๋งๆๆๆๆๆ |
#10
|
||||
|
||||
เรื่องแบบนี้....พี่ก็เคยเครียดเหมือนน้องหอยกะทิมาแล้วค่ะ.... แต่หลังๆมาคิดได้ว่า จะเครียดไปทำไมให้แก่เร็วขึ้นไปอีก ตอนนี้ก็เลยเลิกเครียด....หันมานั่งปลงอนิจจังอย่างเดียว...สบายใจดีออก
__________________
Saaychol |
|
|