เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 19-06-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศจีนตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 19 - 20 มิ.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 24 มิ.ย. 65 ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21 - 24 มิ.ย. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 19-06-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เนปาลเตรียมย้าย เอเวอเรสต์ เบสแคมป์ ธารน้ำแข็งละลายเร็วมาก บางลงปีละเมตร

ทางการเนปาลเตรียมย้าย เอเวอเรสต์ เบสแคมป์ พบธารน้ำแข็งในบริเวณที่ตั้งเบสแคมป์กำลังละลาย จนน้ำแข็งบางลงเร็วมากปีละเมตร จนท.เผยที่ตั้งใหม่จะอยู่ต่ำกว่าที่ตั้งในปัจจุบัน



เมื่อ 17 มิ.ย. 65 บีบีซีรายงานวิกฤติโลกร้อน ทำให้ทางการเนปาลกำลังเตรียมจะย้ายเอเวอเรสต์ เบสแคมป์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำหรับบรรดานักเดินทางที่อยากจะเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาสูงที่สุดในโลกบนเทือกเขาหิมาลัย และเป็นที่พักเตรียมตัวสำหรับบรรดานักปีนเขาที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ เนื่องจากธารน้ำแข็งคุมบู ซึ่งเป็นที่ตั้งของเอเวอเรสต์ เบสแคมป์ กำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำแข็งละลายจนปริมาณน้ำแข็งกำลังบางลงอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่ทางการเนปาลคนหนึ่งเผยกับบีบีซีว่า เอเวอเรสต์ เบสแคมป์ รองรับนักเดินทางและนักปีนเขาซึ่งเดินทางมาที่นี่ในฤดูปีนเขาเฉลี่ยแล้ว ปีละจำนวนถึง 1,500 คน สำหรับที่ตั้งแห่งใหม่ของเอเวอเรสต์ เบสแคมป์ จะอยู่ต่ำกว่า และไม่มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี

'พวกเรากำลังเตรียมตัวที่จะย้ายที่ตั้งเอเวอเรสต์ เบสแคมป์ และกำลังจะเริ่มปรึกษากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในการย้ายที่ตั้งเบสแคมป์' นายทารานาธ อัดฮีการี ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยวเนปาล เผยกับบีบีซี พร้อมบอกว่า ที่ตั้งเอเวอเรสต์ เบสแคมป์ในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับความสูง 5,364 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ที่ตั้งแห่งใหม่จะต่ำลงไปประมาณ 200-400 เมตร

บรรดานักวิจัยชี้ว่า การละลายของน้ำแข็ง ทำให้ธารน้ำแข็งคุมบูไม่มีความมั่นคงแข็งแรง และนักปีนเขายังพบว่า รอยแยกในน้ำแข็งกำลังกว้างเพิ่มขึ้น

จากผลการศึกษาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีดส์ในอังกฤษ เมื่อปี 2561 พบว่า ธารน้ำแข็งคุมบูกำลังสูญเสียน้ำแข็งมากถึง 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และน้ำแข็งบริเวณใกล้ที่ตั้งเบสแคมป์กำลังบางลงในอัตรา 1 เมตรต่อปี


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2421767

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 19-06-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ชายหาดเกาะทะลุคืนสภาพแล้ว หลังเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำทะเลลดต่ำสุด 3 วัน

ประจวบคีรีขันธ์ - อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยน้ำทะเลลดต่ำสุด 3 วัน ส่งผลปะการังเกาะทะลุโผล่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ล่าสุดปกติแล้ว



วันนี้ (18 มิ.ย.) กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพปะการังหลายชนิดบริเวณอ่าวมุก และอ่าวใหญ่ ชายหาดเกาะทะลุ ตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง ระหว่างวันที่ 16-18 มิถุนายน 2565 ในช่วงน้ำลงต่ำสุดช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงนั้น

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ซึ่งปรากฏการณ์น้ำทะเลลงต่ำสุดเป็นครั้งแรกของปีนี้ตามตารางน้ำขึ้นน้ำลงของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ที่แจ้งเอาไว้เพียง 3 วันเท่านั้น ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ขอให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวงดกิจกรรมดำน้ำในช่วงที่น้ำลงต่ำสุดเพื่อความปลอดภัยต่อทรัพยากรและนักท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความร่วมมืออยู่แล้ว

กรณีดังกล่าวมักเกิดขึ้นในทุกปีในช่วงนี้ เท่าที่ได้รับรายงานถึงแม้จะมีแดดที่ร้อน ปะการังที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำไม่มีผลกระทบเพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งวันนี้น้ำลดลงเป็นวันสุดท้าย และเริ่มทยอยขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 14.00.น.ที่ผ่านมา ซึ่งแนวปะการังจะอยู่ใต้น้ำตามปกติ

ด้านนายเผ่าพิพัธ เจริญพักตร์ เลขานุการมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม กล่าวว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลลดต่ำสุดวันนี้เมื่อเวลา 13.00 น.และเริ่มทยอยกลับขึ้นตั้งแต่บ่าย 2 โมงที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไปงดกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยมีความเข้าใจเมื่อมีการอธิบายให้ฟัง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปน้ำทะเลจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งน้ำทะเลจะลงอีกครั้งของปีนี้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมในลักษณะเช่นนี้ จะต้องติดตามจากตารางน้ำขึ้นน้ำลงต่อไป


https://mgronline.com/local/detail/9650000058122


*********************************************************************************************************************************************************


ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงอินโดฯ 1 ลำ พร้อมลูกเรือ รุกล้ำทำประมงในเขตน่านน้ำไทย

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียได้ 1 ลำ พร้อมลูกเรือ 11 คน ขณะลักลอบเข้ามาทำประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศตะวันตก 45 ไมล์ทะเล ครึ่งปี 65 จับแล้ว 3 ครั้ง



เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือรัษฎา จ.ภูเก็ต ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค3) โดย นาวาเอกณฐพงศ์ เศวตรัฐ ผู้บังคับการหมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 พร้อมด้วย นาวาเอกพิเชษฐ์ ซองตัน ผู้อำนวยการกองสารนิเทศ สำนักฝ่ายอำนวยการ ศรชล.ภาค 3 ทำหน้าที่โฆษก ศรชล.ภาค 3 นายสมยศ วงษ์บุญยกุล นายกสมาคมชาวประมงภูเก็ต ตัวแทนจากประมงจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต) ตำรวจน้ำ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย รุกล้ำเข้ามาทำประมงในเขตน่านน้ำไทยได้ 1 ลำ พร้อมลูกเรือ 11 คน ได้ที่บริเวณห่างจากทิศตะวันตกของเกาะภูเก็ต ประมาณ 45 ไมล์ทะเล

นาวาเอกณฐพงศ์ เศวตรัฐ ผู้บังคับการหมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 กล่าวถึงการจับกุมเรือประมงอินโดนีเซียในครั้งนี้ ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2565 ศูนย์ปฏิบัติการ ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากเครือข่ายประมงในพื้นที่ ว่า พบกลุ่มเรือประมงต่างชาติกำลังลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย บริเวณแลตติจูด 7 องศา 41 ลิปดา 50 ฟิลิปดา ลองจิจูด 97 องศา 38 ลิปดา 59 ฟิลิปดา หรือประมาณ 45 ไมล์ทะเล ทางทิศตะวันตกของเกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย พล.ร.ท.สมพงษ์ นาคทอง ผอ.ศรชล.ภาค 3 ได้สั่งการให้ศูนย์ยุทธการ ศรชล.ภาค 3 (ศยก.ศรชล.ภาค 3) และหมวดเรือ ศรชล.ภาค 3 ร่วมกันวางแผนการปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อออกปฏิบัติการในพื้นที่เป้าหมาย

จึงได้จัดเรือหลวงแหลมสิงห์ ออกปฏิบัติการในครั้งนี้ จนเวลา 20.00 น. เรือหลวงแหลมสิงห์ ได้ทำการจับกุมเรือประมงอินโดนีเซียที่ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทยได้จำนวน 1 ลำ ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เรือประมงอวนล้อมมีขนาดยาวประมาณ 60 ฟุต มีลูกเรือเป็นชาวอินโดนีเซียจำนวน 11 คน หลังจากที่ได้ทำการจับกุมแล้วเรือหลวงแหลมสิงห์ได้นำเรือประมงที่จับได้พร้อมลูกเรือเข้าฝั่งที่ท่าเรือรัษฎา เพื่อนำส่ง สภ.ฉลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ประมงต่อไป

อย่างไรก็ตาม การจับกุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2565 นี้ โดยครั้งแรกสามารถจับได้ที่บริเวณห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 40-45 ไมล์ทะเล ครั้งที่ 2 ที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล และครั้งนี้ที่บริเวณทางทิศตะวันตกของเกาะภูเก็ต 45 ไมล์ทะเล โดยจุดที่จับกุมได้นั้นอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ซึ่งในจุดนี้ทาง ศรชล.ภาค 3 ได้เฝ้าติดตามและป้องกันไม่ให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำประมงในบริเวณดังกล่าว ทั้งการลาดตระเวนทางอากาศ เรือลาดตระเวน และเครือข่ายเรือประมงไทยที่ทำประมงอยู่ในบริเวณดังกล่าว

ด้าน นายสมยศ วงษ์บุญยกุล นายกสมาคมชาวประมงภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางเรือประมงไทยที่ไปทำประมงในบริเวณดังกล่าวพบเห็นกองเรือประมงต่างชาติ โดยเฉพาะเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียลักลอบเข้ามาทำประมงในบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยอยู่บ่อยครั้ง มาเป็นกองเรือไม่ต่ำกว่า 10 ลำ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องการสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำในการเข้าจับกุม ทำให้เรือประมงดังกล่าวหลบหนีออกนอกจากน่านน้ำไทยไปได้ก่อนที่ถูกจับกุม ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณดังกล่ามีสัตว์น้ำชุกชุม เรือประมงอินโดฯ ซึ่งมีความชำนาญในการวางอวนล้อมซัง และบางครั้งเรือประมงต่างชาติได้ขโมยสัตว์น้ำที่เรือประมงไทยได้วางซังได้เช่นกัน ซึ่งสร้างความเสียให้เรือประมงไทยอย่างต่อเนื่อง


https://mgronline.com/south/detail/9650000058000


*********************************************************************************************************************************************************


ตะรุเตาเฮ!! พบเต่าตนุขึ้นวางไข่หาดเกาะอาดังครั้งที่ 3 ของปีนี้

สตูล - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาพบไข่เต่าตนุที่ชายหาดแหลมสน เกาะอาดัง นับเป็นครั้งที่ 3 ของปีแล้ว ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติท้องทะเลที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังเคยพบวาฬบรูด้าถึง 2-3 ตัวมาแล้วที่บริเวณเกาะไข่ และเกาะอาดัง



วานนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 06.45 น. นายมุมีน มาลินี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต.5 (แหลมสน-เกาะอาดัง) พบร่องรอยเต่าขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดแหลมสน ด้านทิศใต้ของเกาะอาดัง จึงได้เข้าตรวจสอบร่องรอยและวัดขนาดของไข่เต่า พบว่า เป็นเต่าตนุ ไม่ทราบจำนวนเนื่องจากอยู่พื้นที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย จึงมิได้ตรวจนับขนย้ายไข่เต่า โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของไข่เต่าทะเลอยู่ตลอดเวลา เป็นครั้งที่ 3 แล้วของปีนี้ที่พบเต่าตนุขึ้นวางไข่

ด้านนายพันธ์พงศ์ คงแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติตะรุเตามีเกาะแก่งที่เป็นชายหาดทรายหลายจุด ซึ่งจุดหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต.5 (แหลมสน-เกาะอาดัง) บริเวณชายหาดแหลมสน เกาะอาดังนั้น เป็นชายหาดทรายสีขาวละเอียดกว้างยาว เป็นที่ลมเย็น สงบ ไร้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว หากเข้ามาต้องได้รับการอนุญาต

"การพบไข่เต่าตนุเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง บ่งบอกตัวชี้วัดธรรมชาติท้องทะเลที่สมบูรณ์ นอกจากเจอเต่าตนุแล้วที่ขึ้นมาวางไข่ ท้องทะเลน้ำลึกยังพบวาฬบรูด้าถึง 2-3 ตัวมาแล้วที่บริเวณเกาะไข่ และเกาะอาดัง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งหลังพายุคลื่นลมสงบจะพบสัตว์ทะเลมากมาย" นายพันธ์พงศ์ กล่าว


https://mgronline.com/south/detail/9650000057994

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:09


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger