เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่งโดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6 ? 8 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันออกยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 1?2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในวันที่ 5 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 ? 2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 6 ? 8 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันออกยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 1 ? 2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9 ? 10 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 ? 2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
??
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยในช่วงวันที่ 5 ? 10 ธ.ค. 66 อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
??
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4 ? 5 ธ.ค. 66 พายุไซโคลน "มิชอง" (MICHAUNG) บริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศอินเดียในวันที่ 5 ธ.ค. 66 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับในระยะต่อไป ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 4 ? 5 ธ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 ธ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-12-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักวิทย์เตือน คลื่นความร้อนทำประชากรทั่วโลกเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4 เท่า



- นักวิทยาศาสตร์เผยข้อมูลรายงานการวิจัยฉบับใหม่ ที่พบว่าปัญหาโลกร้อนหากไม่รีบดำเนินการแก้ไข จะนำไปสู่การเสียชีวิตของประชากรโลกจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า

- รายงานฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่ก่อนการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 ของสหประชาชาติ ในนครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังมีการหารือถึงผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะอุทิศเวลาหนึ่งวันให้กับผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


วารสารด้านสุขภาพ The Lancet เผยแพร่รายงานประจำปีที่มีชื่อว่า Countdown โดยปีนี้มีเนื้อหาที่ระบุว่า การต่อสู้ของมนุษยชาติเพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังล้มเหลว โดยพบว่าผู้คนในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุล้มป่วยบ่อย อาการป่วยหนักขึ้น และเสียชีวิตจากสภาพอากาศแปรปรวนและคลื่นความร้อนมากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่ดำเนินการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง และยังคงสนับสนุนทางอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิล

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นจากข้อมูลของทีมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ติดตามผลการตรวจวัด 47 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตรวจสุขภาพภายนอก เพื่อวินิจฉัยอาการป่วย โดยเน้นไปยังภัยอันตรายที่เกิดจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยตรง

ตามรายงานระบุว่า ในขณะที่โลกของเรายังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,337 ตันทุกๆ วินาที และเราไม่ได้มีนโยบายลดการปล่อยก๊าซเร็วพอที่จะรักษาอันตรายจากสภาพภูมิอากาศให้อยู่ในระดับที่ระบบสุขภาพของเราสามารถรับมือได้ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ยังไม่แน่ชัดว่าอันตรายจากสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นหรือไม่

ดร.มารีนา โรมาเนลโล ผู้เขียนจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ กล่าวว่า การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากโภชนาการที่ไม่ดี การติดเชื้อปรสิตที่เพิ่มขึ้น และโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีสาเหตุโดยตรงจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น

ดร.โรมาเนลโล ระบุว่า การเสียชีวิตจากความร้อนของผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงสูง ได้เพิ่มขึ้น 85% นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90 เพียงอย่างเดียว และตอนนี้เรารู้แล้วว่าการเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งจะไม่เกิดขึ้นหากอุณหภูมิไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ในวันนี้ เรายังเห็นตัวอย่างอีกด้วยว่าความไม่มั่นคงด้านอาหารกำลังเพิ่มสูงขึ้น ภาวะโภชนาการตกอยู่ในความเสี่ยง และเรารู้ว่าภาวะทุพโภชนาการมีผลกระทบถาวรโดยเฉพาะกับเด็ก

ทางด้าน ดร.ไฮเม มาร์ติเนซ เออร์ตาซา ศาสตราจารย์ภาควิชาพันธุศาสตร์และจุลชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยอิสระ แห่งนครบาร์เซโลนา ระบุว่า สเปนเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปตอนใต้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากคลื่นความร้อนในปีนี้ และถึงเวลาแล้วที่จะต้องพัฒนาวิธีแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ เนื่องจากการทำลายล้างที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว กำลังเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางน้ำและการผลิตอาหาร

ขณะเดียวกัน ดร.เออร์ตาซา กล่าวว่า ยังมีความกังวลอย่างมากว่าคลื่นความร้อน สภาพอากาศร้อนยาวนานผิดปกติ จะนำไปสู่การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อนมีความเชื่อมโยงกับความเค็มที่ลดลง เพราะฝนตกหนักบ่อยครั้ง ทำให้น้ำฝนไหลลงสู่ทะเลและความเค็มลดลง และส่วนประกอบทั้งสองนี้ส่งเสริมสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อแบคทีเรียก่อโรคในมนุษย์ในสกุล Vibrio ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่สำคัญมาก เช่น ไวบริโอ-อหิวาต์ อันเป็นสาเหตุของอหิวาตกโรค และเชื้อ Vibrio-parahaemolyticus ซึ่งเป็นสาเหตุของกระเพาะและลำไส้อักเสบ

รายงานของ The Lancet ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาโลกร้อน ความเค็มในน้ำทะเลลดลง ทำให้เกิดภัยคุกคามสูงเป็นพิเศษในยุโรป เมื่อน่านน้ำชายฝั่งที่เหมาะกับเชื้อโรคสกุล Vibrio ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น 142 กิโลเมตรในทุกๆ ปี

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังระบุว่า ขณะนี้โลกมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 2.7 องศาเซลเซียส ภายในปี ค.ศ. 2100 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับพลังงานพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในปี ค.ศ. 2022 ทำให้ชีวิตของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตจึงแขวนอยู่บนความสมดุล

ขณะเดียวกัน นายฮูลิโอ ดิแอซ ไฮเมเนซ ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยของ National School of Health ที่สถาบันสุขภาพคาร์ลอสที่ 3 กล่าวว่า ขั้นตอนแรกในการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก

แต่กลายเป็นว่าที่ผ่านมาปัญหานี้กำลังถูกเตะไปมาราวกับการแข่งขันฟุตบอลทางการเมือง มากกว่าความพยายามที่จะจัดการกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งที่มีประชาชนเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน 14,000 ครั้งต่อปี ในจำนวนนี้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศ 8,000 ครั้ง และอีก 6,000 ครั้ง เกี่ยวกับปัญหาสำหรับเสียงรบกวน

รายงานฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนมารับประทานอาหารคาร์บอนต่ำที่ดีต่อสุขภาพ สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากถึง 12 ล้านคน ในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซทางการเกษตร จากการผลิตนมและเนื้อแดงได้ถึง 57 อย่างไรก็ตาม ประชากรที่มีรายได้น้อยยังคงไม่สามารถเข้าถึงอาหารคาร์บอนต่ำและอาหารสุขภาพที่มีราคาแพงกว่า

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า สิ่งสำคัญตอนนี้คือการที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะหาแนวทางรับมือกับผลกระทบคลื่นความร้อน อาทิ เตรียมที่พักพิงด้านสภาพอากาศ อย่างที่เคยมีการจัดตั้งขึ้นเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ในนครบาร์เซโลนา ของสเปน ขณะเดียวกันก็ต้องลดการทำงานกลางแจ้งในอุณหภูมิสูง และเร่งหาทางรับมือการเกิดไฟป่า

โดยแนะว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในกรณีที่อุณหภูมิสูง เราจะเห็นว่าสเปนกำลังปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น อุณหภูมิสูงสุดรายวัน ซึ่งสเปนในฤดูร้อนเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4 องศาต่อทศวรรษ แต่อุณหภูมิที่ผู้คนเริ่มเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนกลับเพิ่มขึ้นที่ 0.6 โดยในพื้นที่ประชากรอยู่อาศัยเป็นคนร่ำรวย ผลกระทบของความร้อนจะน้อยลง หรือในทางกลับกัน ในสถานที่อยู่อาศัยของคนยากจน ผลกระทบของความร้อนจะยิ่งใหญ่กว่า.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2745488


******************************************************************************************************


ข่าวดี วาฬเบลน์วิลล์ เกยหาดที่สงขลา อาการดีขึ้น เผยหายากสุดๆ



เจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยชีวิตวาฬเบลน์วิลล์ วาฬน้ำลึก เพศเมีย ยาว 4 เมตร หนักกว่า 500 กิโลกรัม ถูกคลื่นซัดมาเกยหาด ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ให้ยาซึม ยาลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อ น้ำเกลือ จนอาการดีขึ้น เตรียมย้ายไปดูแลที่ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของกรมประมง ด้าน อ.ธรณ์ โพสต์ เป็นวาฬน้ำลึกที่หายากมากๆ

ความคืบหน้ากรณีวาฬเบลน์วิลล์ (Blainville?s beaked Whale) ซึ่งเป็นวาฬน้ำลึกหายาก เพศเมีย ยาว 4 เมตร หนักกว่า 500 กิโลกรัม ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดปากบาง-สะกอม ม.1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถผลักดันกลับสู่ทะเลได้ เนื่องจากวาฬตัวนี้บาดเจ็บ และสภาพร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ได้เข้ามาช่วยเหลือเอาไว้นั้น

ล่าสุด วันที่ 4 ธ.ค. 66 ทาง นายณัฐพงษ์ อ่อนทอง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลวาฬตัวนี้ ร่วมกับทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์หายาก พร้อมสัตวแพทย์ ได้ให้ยาซึม ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายมาบริเวณร่องน้ำด้านในริมหาดปากบาง-สะกอม หลังจากนั้นได้ให้ยาลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อ และให้น้ำเกลือ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อนำส่งตรวจ ซึ่งการติดตามอาการจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. พบว่าเริ่มมีอาการดีขึ้น จึงได้ให้อาหารเหลว และเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กำลังหาวิธีเคลื่อนย้ายวาฬตัวนี้ เพื่อไปทำการดูแลรักษาต่อที่ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของกรมประมง ที่บริเวณหาดเก้าเส้ง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งคาดว่าอาจจะทำการเคลื่อนย้ายในช่วงบ่ายหรือเย็นของวันนี้

อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ?Thon Thamrongnawasawat? ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 แสนคน ระบุใจความว่า วาฬน้ำลึกหายากมากๆๆ เกยตื้นที่สงขลา ชื่อวาฬเบลน์วิลล์ (Blainville?s beaked Whale) เท่าที่ทราบ เมืองไทยเคยมีรายงานแค่หนเดียว

วาฬชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม beaked whale หรือวาฬที่มีจะงอยปากคล้ายกับ ?ปากขวด? ของโลมา ส่วนใหญ่เป็นวาฬน้ำลึก คนไม่ค่อยรู้จัก ญาติของเบรน์วิลล์ ชื่อวาฬคูเวียร์ Cuvier's beaked whale เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่ดำน้ำได้ลึกที่สุดในโลก ลงได้ถึง 3,000 เมตร

วาฬ beaked whale มีรายงานในไทย 3 ชนิด เบรน์วิลล์ คูเวียร์ และ Ginkgo-toothed beaked whale ทั้งหมดเป็นวาฬหายากของบ้านเรา เจอเฉพาะเกยตื้นเท่านั้น รวมกัน 3 ชนิด ยังมีรายงานไม่ถึง 5 ครั้ง สำหรับเบรน์วิลล์ มีรายงานครั้งเดียวที่ภูเก็ต เมื่อ 12 ปีก่อน

วาฬเบรน์วิลล์ยาวได้ถึง 4.7 เมตร น้ำหนัก 1 ตัน สามารถดำน้ำหากินในที่ลึก 200-1,000 เมตร การแพร่กระจายเกือบทั่วโลก แต่อยู่ในเขตทะเลเปิด จึงไม่รู้สถานภาพแน่ชัด เท่าที่รู้คือวาฬอยู่เป็นฝูง 4-5 ตัว สำหรับตัวนี้อาจป่วย เลยเข้ามาในเขตชายฝั่ง.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2745584

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:03


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger