เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 19-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฏาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีการกระจายของฝนน้อย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในวันที่ 19 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง

ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20 - 24 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 19-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชันสูตรลูกพะยูนที่กระบี่ พบอวัยวะแหลกเหลว คาดหลงกับแม่คลื่นซัดกระแทกหิน

เจ้าหน้าที่เข้าผ่าซากลูกพะยูนลอยตายที่หน้าอ่าวแหลมโพธิ์ จ.กระบี่ พบอวัยวะภายในแหลกเหลว คาดว่าจะพลัดหลงกับแม่เจอคลื่นทะเลซัดไปกระแทกโขดหินจนช้ำใน เพราะอวัยวะภายในเน่าเปื่อยเร็วกว่าปกติ



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซากลูกพะยูนเพศผู้ ตายลอยมาเกยตื้นที่หน้าอ่าวแหลมโพธิ์ บ้านอ่านน้ำเมา หมู่ 5 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นลูกพะยูนเพศผู้ ยาวประมาณ 1 เมตรเศษ ตามตัวไม่พบบาดแผล คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 วัน โดยลูกพะยูนตัวดังกล่าว ถือเป็นตัวที่ 3 ในรอบปีที่พบพะยูนลอยตายในทะเลกระบี่ จากนั้นประสานส่งไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อันดามัน)


https://www.thairath.co.th/news/local/south/1892211

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 19-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"เต่ากองทัพเรือ" เกยตื้น "ขยะพลาสติก" เต็มท้อง!! "อ.ธรณ์" ขอตัวเลข "กรมทะเล"



แม้ว่าในช่วงฤดูวางไข่ที่ผ่านมา หนึ่งในเต่าทะเลหายากคือเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ในเขตทะเลของไทย โดยเฉพาะที่ภูเก็ตและพังงามากเป็นประวัติการณ์ และมีลูกเต่ามะเฟืองหลายร้อยตัวฟักออกมาและคลานลงทะเลได้อย่างปลอดภัย เป็นข่าวดีท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19

แต่ขยะทะแลโดยเฉพาะขยะพลาสติกกลับเป็นข่าวร้าย สร้างความกังวลใจให้คนรักทะเล คนที่ห่วงใยในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเร็วๆ นี้ ?ผศ.ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์? นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่เรียกร้องและผลักดันเรื่องขยะทะเลอย่างจริงจังมาโดยตลอด โพสต์ในเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ว่า


"ไม่ค่อยอยากเขียนเรื่องแบบนี้ แต่ 8 วันที่ผ่าน เรามีเต่าเกยตื้นไปแล้ว 9 ตัว
เฉพาะวันนี้ (16 ก.ค.2563) วันเดียวเกยตื้น 3 ตัว
ที่สำคัญ นั่นเป็นข้อมูลเฉพาะในภาคตะวันออก ยังไม่รวมภาคใต้เลยครับ
เต่าที่เกยตื้น ส่วนใหญ่ตายแล้วหรือเจ็บหนักจนนำมาดูแลได้ไม่นานก็ตาย
หลายตัวมีขยะในท้องหรือติดตามตัว
การระบุว่าเต่าตายเพราะขยะ บางทีเป็นเรื่องยาก
แต่ยังไงขยะก็เป็นสิ่งแปลกปลอม มันไม่ควรอยู่ในตัวเต่า
นอกจากนี้ เต่าบางตัวเพิ่งปล่อยไป เช่น เต่าที่เพิ่งเกยตื้นในวันนี้ 2 ตัว (จาก 3 ตัว) มีไมโครชิป
เราจึงรู้ว่าเป็นเต่าที่เพิ่งปล่อยไปจากศูนย์เต่า กองทัพเรือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง (ดูภาพเครื่องสแกนไมโครชิป)
และในท้องเต่าตัวหนึ่ง มีขยะพลาสติกอยู่เต็ม
ฉลาก เศษถุง ซอง เชือก ฯลฯ
เน้นย้ำว่าน้องเพิ่งลงทะเลไปเมื่อเดือนที่แล้ว แป๊บเดียวขยะเต็มท้อง
ไม่ว่าเราจะดูแลยังไง ปล่อยลงทะเลไป ก็เหมือนปล่อยเต่าไปวัดดวงว่าจะบาดเจ็บ/ตายเมื่อไหร่
ในทะเลที่เต็มไปด้วยขยะ...
สัปดาห์หน้ามีประชุมอนุทะเลฯ ผมขอให้กรมรวบรวมจำนวนเต่าเกยตื้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้
ยังไม่รู้เท่าไหร่ แต่มั่นใจ ไม่ใช่หลักสิบแน่นอน
การต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตทะเลไทย มันไม่ง่ายหรอกครับ
มันต้องมีใจที่เข้มแข็ง ต้องมีความรักที่มุ่งมั่น
ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกทาง และอยากขอบคุณสักร้อยสักพันครั้ง
พี่ๆ น้องๆ เหล่านั้นอยู่ปลายทาง เขากำลังทำหน้าที่สุดกำลัง
ช่วยพาเต่ามาโรงพยาบาล ช่วยรักษา ช่วยฟื้นฟู
ช่วยชีวิต หรือแม้จบชีวิตไปแล้ว ก็ยังต้องผ่าร่างเพื่อหาสาเหตุที่มา
พวกเราอยู่ต้นทาง เราต้องพยายามเช่นกัน
เราต้องไม่ทำให้ทะเลไทยกลายเป็นแพขยะ
ไม่ทำให้เต่าที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อเดือนก่อน มีขยะเต็มท้องในเดือนนี้
จะสำเร็จหรือไม่ ผมไม่ทราบ
จะสำเร็จวันไหนเมื่อใด ผมยิ่งไม่ทราบ
ผมทราบแต่ว่า เราจะไม่ปล่อยให้คนปลายทางน้ำตาซึมระหว่างพยายามยื้อชีวิตคุณเต่า
เราจะเคียงบ่าเคียงไหล่ ต้นทางปลายทางจะไปด้วยกัน
จะอีกนานแค่ไหน คนทุ่มเทเพื่อทะเลไทย จะมองเห็นรอยยิ้มอยู่ข้างๆ
จะมีมือตบไหล่ดันหลังอยู่เสมอครับ.."



นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ เพจเฟซบุ๊ก "อะไรอยู่ในท้องเต่า" ได้โพสต์เรื่องราวของแม่เต่าตนุตัวหนึ่งที่มาเกยตื้น ซึ่งนักท่องเที่ยวไปพบแล้วแจ้งให้ทางเพจเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยให้รอดชีวิตต่อไปได้ ว่า "แม่เต่าตัวโตได้จากพวกเราไปแล้วน้าาา น้องมีสภาพอ่อนแรงมากๆ เมื่อหมอๆ ชันสูตรก็พบว่า น้องมีการจมน้ำซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตาย และเมื่อผ่าต่อไปเราพบว่าทางเดินอาหารน้องดูแข็งและอักเสบแปลกๆ เมื่อเปิดเท่านั้นแล เราก็พบขยะจำนวนมากปะปนแน่นอยู่กับเศษอาหารและใบไม้ คาดว่าน้องน่าจะมาหาอะไรที่ลอยผิวน้ำใกล้ชายฝั่งกิน จนทำให้ทางเดินอาหารอักเสบ คาดว่าน้องน่าจะมีอาการป่วยอยู่แล้วจนทำให้หาอาหารยาก เลยเก็บของที่ลอยน้ำกินจนอาการแย่ลงเรื่อยๆ นั่นเอง"

ทั้งนี้ "เพจอะไรอยู่ในท้องเต่า" อธิบายที่มาของเพจว่า เกิดมาจากความคิดที่ว่า "ในโลกที่พัฒนามากขึ้น คนทั่วไปใช้โซเชียลมากกว่าโทรศัพท์ ในปีนึงๆ เราได้รับข่าว "การเกยตื้น" จากเพจต่างๆ หรือคนทั่วไปในโซเชียลมากขึ้นทุกปี เครือข่ายสัตว์ทะเลหายากของเราก็มีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ จึงทำให้มีหลายกรณีที่พลาดการพบเจอไป และเพจกรมทรัพยากรก็มีหน้าที่หลักในการให้ข่าวการทำงานและความคืบหน้าต่างๆ ของกรมฯ ทำให้ไม่สามารถตอบรับการแจ้งข่าวสารของประชาชนได้อย่างทันที เราจึงสร้างเพจนี้ขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระนี้.."

สำหรับ "ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ" เป็นสถานที่ให้ความรู้ด้านชีววิทยาเกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล และเป็นแหล่งอนุบาลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จนสามารถดำเนินการปล่อยเต่าทะเลที่ได้ทำการอนุบาลให้กลับคืนสู่ท้องทะเล รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาวิจัยข้อมูลในการอนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000073734

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 19-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


แนวคิดวิกฤติสิ่งแวดล้อมของ 'ฟริตจอฟ คาปร้า' ................... โดย รศ.วิทยากร เชียงกูล



ปัญหาการขาดความสมดุลครั้งใหญ่ในปัจจุบัน เป็นฝีมือมนุษย์ยุคพัฒนาอุตสาหกรรมรอบ 200 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งพยายามเอาชนะมากกว่าที่จะเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ หนึ่งในมุมมองประเด็นวิกฤติสิ่งแวดล้อมของ "ฟริตจอฟ คาปร้า" นักฟิสิกส์และนักคิดเชิงระบบองค์รวม

ฟริตจอฟ คาปร้า นักฟิสิกส์ และนักคิดเชิงระบบองค์รวม เขียนหนังสือเสนอแนวคิดใหม่เชิงปฏิรูปที่น่าสนใจไว้หลายเล่ม เช่น จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ, โยงใยที่ซ่อนเร้น - แปลเป็นไทยแล้ว)

เล่มหลังสุด The Systems View of Life: A Unifying Vistion (ทัศนะต่อชีวิตแนวระบบองค์รวม: จินตภาพที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน) วิเคราะห์ทัศนะทางวิทยาศาสตร์ ชีวิต และสังคม เชื่อมโยงกับปัญหาวิกฤติระบบนิเวศ รวมถึงวิกฤติระบบเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไว้อย่างมีข้อมูลและข้อคิดที่น่าสนใจ ยิ่งเมื่อเกิดโรคโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤติระบบทุนนิยมข้ามชาติ และวิกฤติสิ่งแวดล้อม/ระบบนิเวศด้วย แนวคิดนี้ยิ่งมีความสำคัญเพิ่มขึ้น

คาปร้า เสนอว่าวิกฤติของระบบนิเวศเกิดจากการที่มนุษย์ในยุคอุตสาหกรรมใช้ทรัพยากรผลิตและบริโภคสินค้า บริการ โดยใช้พลังงานจากฟอสซิล ก่อมลภาวะสูงมากเกินกว่าที่ระบบนิเวศ (ของโลก) จะรองรับและฟื้นฟูตัวเองได้

เขาวิเคราะห์ในเชิงวิวัฒนาการความคิดของมนุษย์ว่า การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในยุโรป เมื่อราว 300 ปีที่แล้ว ทำให้มนุษย์มองชีวิต ธรรมชาติแบบกลไกอย่างแยกเป็นส่วนย่อยๆ (เหมือนเครื่องจักร) ว่าประกอบไปด้วยธาตุ โมเลกุลต่างๆ ที่อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับความคิดจิตใจ มนุษย์อาจจะควบคุม ดัดแปลง ใช้ประโยชน์ชีวิต สิ่งต่างๆ ได้ เพื่อเพิ่มผลผลิตสินค้าบริการ สนองความสะดวกสบายของผู้บริโภคได้ พวกเขาอาจคิดว่าจะสามารถเพิ่มผลผลิตไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่จำกัด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว โลกเป็นเพียงดาวดวงหนึ่งที่มีทรัพยากร โครงสร้าง กระบวนการทำงานที่มีขีดจำกัด

"คาปร้า" อธิบายแบบนักวิทยาศาสตร์ผู้สนใจปรัชญาตะวันออกที่ไม่ได้แยกเรื่องวัตถุจากเรื่องจิตใจ ว่าเราควรมองชีวิตและสิ่งต่างๆ ในโลกแบบเป็นกระบวนการ แบบมีความสัมพันธ์เชื่อมโยง พึ่งพากันและกัน อยู่กันเป็นประชาคม ประชาคมในระบบธรรมชาตินั้นพยายามสร้างความสมดุลอย่างมีพลวัต ภายใต้บริบทของสถานที่ กาลเวลา เพื่อความอยู่รอดและดำเนินต่อไป ไม่มีสิ่งใดอยู่เดี่ยวๆ เป็นเอกเทศได้

ในระบบธรรมชาตินั้น สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง จุลชีพ พืช สัตว์ รวมทั้งมนุษย์ สัตว์ชนิดพันธุ์หนึ่งอยู่ได้อย่างพึ่งพากันและกัน ให้อาหารและพลังงานแก่กันและกัน ของเสียของสิ่งมีชีวิตหนึ่งกลายเป็นอาหาร พลังงานของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นแบบเกื้อกูลกัน และโลกธรรมชาติอยู่มาได้ด้วยความร่วมมือ พึ่งพากัน มากกว่าการโค่นล้มกัน

สิ่งมีชีวิตอยู่กันแบบประชาคม ร่างกายของมนุษย์ก็คือประชาคมของเซลล์ต่างๆ และมนุษย์ก็อยู่ในประชาคมของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ประชาคมของชีวิตต่างๆ ช่วยกันและกันให้อยู่รอดยืนยงมาได้ตลอดเวลา 4.5 พันล้านปีที่โลกวิวัฒนาการมา แม้ในบางยุคสมัยจะเกิดปัญหาการขาดความสมดุล การทำลายล้างสิ่งมีชีวิตบางอย่างสูญพันธุ์ไปบ้าง แต่ประชาคมต่างๆ ในระบบธรรมชาติของโลกก็สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้อย่างยืดหยุ่น พยายามสร้างความสมดุลขึ้นมาใหม่ ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกอยู่รอดและดำเนินต่อไปได้

ปัญหาการขาดความสมดุลครั้งใหญ่ในปัจจุบัน เป็นฝีมือมนุษย์ในยุคการพัฒนาอุตสาหกรรมในรอบ 200 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะมนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติมากกว่าที่จะเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ

"คาปร้า" เสนอว่าถ้ามนุษย์ซึ่งฉลาดกว่าสัตว์อื่นจนได้เป็นผู้ครองโลก เรียนรู้จากกลไกการทำงานธรรมชาติ พยายามสร้างประชาคม สังคม ที่ใช้ชีวิตการผลิต การบริโภค ตามแนวทางการทำงานของธรรมชาติ คือใช้ชีวิตตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ไม่โลภ ใช้ทรัพยากรพลังงานมากไป เร็วไป ฟุ่มเฟือยมากไป จนเกิดมลภาวะ ความไม่สมดุล และปัญหาภัยพิบัติต่างๆ

มนุษย์ต้องออกแบบการผลิตและการบริโภคแบบใหม่ ที่มุ่งอนุรักษ์ระบบนิเวศ (Eco Design) เช่น ใช้พลังงานทางเลือกที่สะอาดกว่าแทนพลังงานจากฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ) ที่ก่อมลภาวะสูง ออกแบบการผลิต การบริโภคสินค้าให้มีการนำกากของเหลือใช้ไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้แบบหมุนเวียน ออกแบบโครงงานอาคารที่ประหยัดพลังงาน การใช้การขนส่งสาธารณะโดยใช้พลังงานสะอาดแทนการใช้รถส่วนตัว ระบบการผลิตและการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ ควรคิดต้นทุนทางธรรมชาติและต้นทุนทางสังคมตามความเป็นจริงด้วย มนุษย์จะได้ไม่ผลิตและบริโภคมากเกินไป เก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ภาษีคาร์บอน เพื่อลดการผลิต การบริโภคที่ก่อมลภาวะมากลง

"คาปร้า" วิจารณ์ว่าระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเป็นตัวการที่สำคัญและรัฐบาลต่างๆ ก็ไม่มีความกล้าหาญที่จะปฏิรูป แต่เป็นความผิดของนักคิด นักวิทยาศาสตร์ในยุคการทำให้โลกสว่างด้วยเหตุผล และการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ของโลกตะวันตก มากกว่าที่จะมองว่าเป็นความผิดของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม ที่เน้นการหากำไรสูงสุดของนายทุน และการบริโภคสูงสุดของผู้บริโภค

"คาปร้า" กล่าวไว้นิดหน่อยว่า พวกมาร์กซิสต์และประเทศ (ที่เรียกตัวเอง) สังคมนิยม ก็คิดในเชิงมุ่งแข่งขันพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่เข้าใจเรื่องธรรมชาติหรือระบบนิเวศด้วยเช่นกัน แต่นักนิเวศวิทยาทางสังคมที่ก้าวหน้าจริงๆ มองว่าสังคมนิยมในอุดมคติแตกต่างจากระบบสังคมนิยมที่ทดลองทำกันมา ซึ่งยังคิดในกรอบเพิ่มการผลิตเพื่อแข่งขันกับโลกทุนนิยมอุตสาหกรรม

ข้อเสนอของ "คาปร้า" และกลุ่มที่คิดแนวเดียวกับเขา ค่อนข้างประนีประนอมกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยมอุตสาหกรรมที่ทั่วโลกใช้อยู่ พวกเขาเน้นการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคมากกว่าที่จะปฏิวัติ/ปฏิรูประบบเศรษฐกิจสังคมทั้งหมด พวกเขามองในแง่ต้องให้การศึกษาเด็กเยาวชนรุ่นใหม่เข้าใจปัญหานี้และช่วยกันปฏิรูปมากกว่าที่จะคิดในเชิงปฏิวัติทั้งระบบแบบพวกพรรคกรีนหัวก้าวหน้า พวกนิเวศวิทยาทางสังคม พวกสังคมนิยมประชาธิปไตยแนวระบบนิเวศ

อย่างไรก็ตาม สำหรับสังคมไทยซึ่งสนใจและมีความรู้เรื่องนิเวศน้อยมาก แนวคิดของ "ฟริตจอฟ คาปร้า" ก็เป็นประโยชน์ที่น่าจะมีคนแปลมาให้เยาวชนและคนทั่วไปได้อ่านกัน หนังสือเขาออกจะหนา และเป็นวิชาการมาก แต่ก็มีบทความสั้นๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้ง "คาปร้า" ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ Eco liferacy (การรู้ภาษาเรื่องนิเวศวิทยา) ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พยายามเน้นเรื่องการให้การศึกษาเรื่องนิเวศวิทยาแก่เด็กและเยาวชนที่เขาน่าจะเรียนรู้อย่างยิ่ง

ตัวอย่างของ"เกรต้า" เด็กผู้หญิง สวีเดน อายุ 14 ปี ที่ลุกขึ้นมาประท้วงเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม จนเป็นข่าวไปทั่วโลก ทำให้นึกถึงเด็กวัยรุ่นของไทยที่นอกจากไม่รู้ภาษาเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังไม่รู้ภาษาในเรื่องชีวิตสังคมและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (ทั้งธรรมชาติและสังคม) ที่ควรรู้อีกหลายเรื่อง เพราะระบบการศึกษาอบรมเลี้ยงดูของไทยเป็นแบบจารีตนิยมที่ล้าหลัง นิยมสอนแบบท่องจำ ฝึกทักษะบางอย่างเพื่อไปทำงานแบบกลไกในระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม ไม่ได้สอนให้คนเข้าใจชีวิต ธรรมชาติ สังคม อย่างเป็นองค์รวม และรู้จักวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์พึ่งพาของสรรพสิ่งต่างๆ อย่างเชื่อมโยงกัน


https://www.bangkokbiznews.com/news/...mpaign=topnews

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 19-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


โควิด-19 : เหตุการณ์ปล้นกลางทะเล-โจรสลัดจี้เรือในเอเชียเพิ่มขึ้น 2 เท่า ช่วงโรคระบาด ............... โดย ลูซี มาร์ติน บีบีซี นิวส์ สิงคโปร์


ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

หน่วยงานความร่วมมือต้านการต่อต้านโจรสลัดในเภูมิภาค รายงานว่า เกิดเหตุการณ์ปล้นกลางทะเลและโจรสลัดปล้นเรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทั่วเอเชีย ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เกิดเหตุรวม 50 ครั้ง ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2019 เกิดขึ้น 25 ครั้ง

ช่องแคบสิงคโปร์ หนึ่งในเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก เผชิญกับเหตุร้าย 16 ครั้ง ในระหว่างเดือน ม.ค. ถึง มิ.ย.

การก่อเหตุที่เพิ่มขึ้นคาดว่า มีส่วนมาจากเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงการระบาดของโควิด-19

หน่วยงานที่จัดทำรายงานนี้ มีชื่อว่า ข้อตกลงความร่วมมือระดับภูมิภาคว่าด้วยการปราบปรามโจรสลัดและการจี้ปล้นโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Cooperation Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia--ReCAAP)

ReCAAP ประกอบด้วยสมาชิก 20 ประเทศ เช่น ไทย และ 7 ชาติอาเซียนไม่รวมมาเลเซียและอินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักร

รายงานนี้ระบุว่า เหตุร้ายเพิ่มขึ้นในบังกลาเทศ, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และทะเลจีนใต้ ด้วย

ReCAAP นิยามว่า เหตุปล้นที่เกิดขึ้นนอกขอบเขตอำนาจตามกฎหมายของรัฐใด ๆ ถือเป็น การก่อเหตุโจรสลัด (piracy) แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ถือว่าเป็น การปล้นโดยใช้อาวุธ (armed robbery against ship)

มาซาฟูมิ คูโรกิ ผู้อำนวยการบริหารของ ReCAAP กล่าวว่า การก่อเหตุเพิ่มขึ้นจนน่ากังวล

"อาชญากรรม 'เล็ก ๆ' ถ้าไม่แก้ไข ก็อาจจะทำให้อาชญากรเหิมเกริมก่อเหตุที่ร้ายแรงขึ้นได้" เขากล่าว

แบรนดอน พรินส์ นักวิชาการด้านเหตุโจรสลัดในทะเล ที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี-น็อกซ์วิลล์ ระบุว่า การก่อเหตุโจรสลัดและการปล้นโดยใช้อาวุธในเอเชียจำนวนมาก เกิดขึ้นเมื่อโอกาสอำนวย

"(บางครั้ง) โจรสลัดก็คือชาวประมงที่เห็นว่า การก่อเหตุเป็นการช่วยเสริมรายได้" เขากล่าว "ในหลายพื้นที่ของเอเชีย โจรสลัดจำนวนมากเป็นคนหนุ่มไร้งาน ที่เดินทางไปบาตัม [อินโดนีเซีย] หรือที่อื่น ๆ เพื่อหางานทำ"

"เหตุโจรสลัดที่เกิดขึ้นเมื่อโอกาสอำนวยก็เหมือนกับการจี้ปล้นโดยใช้อาวุธบนฝั่ง ถ้าคุณเห็นว่าคุ้มค่า ก็อาจจะลองเสี่ยงดู"

"เราเห็นการก่อเหตุหลายครั้ง ที่มีคน 3-8 คนบนเรือลำเล็ก แล่นเข้าไปหาเรือลำใหญ่กว่าแล้วปีนขึ้นไป ปกติจะใช้มีดหรืออาวุธอื่น ๆ ในการลักขโมยของ แล้วก็ออกจากเรือไปอย่างรวดเร็ว"

สิ่งของยอดนิยมที่ถูกจี้ปล้นไปมีหลายอย่าง รวมถึง เศษโลหะ, ชิ้นส่วนเครื่องยนต์, อุปกรณ์สื่อสารจากห้องควบคุมเรือ และทรัพย์สินส่วนตัวของลูกเรือ เพื่อนำไปขายต่อในตลาดมืด


สิ่งที่น่ากังวลในอนาคต

นายพรินส์ กล่าวว่า การระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกอาจจะทำให้มีคนก่อเหตุอาชญากรรมทางทะเลมากขึ้นได้

"ความกังวลของผมคือ โควิด-19 จะทำให้การค้าโลกลดลง ซึ่งจะทำให้การเติบโตชะลอตัว ความยากจนเพิ่มขึ้น และ (จากนั้น) การว่างงาน ก็จะนำไปสู่การก่อเหตุโจรสลัดในทะเลเพิ่มขึ้น" เขากล่าวเพิ่มเติม

"มีความกังวลว่า การค้าที่ลดลง ทำให้มีจำนวนกะลาสีเรือบนเรือน้อยลง (ดังนั้น) จึงมีลูกเรือที่คอยจับตามองคนที่อาจเป็นโจรติดอาวุธและโจรสลัดน้อยลงด้วย"

แม้ว่าการลักพาตัวจะไม่ค่อยเกิดขึ้นในเอเชีย แต่ก็มีเหตุนี้เกิดขึ้นบ้าง ReCAAP ได้รายงานรายละเอียดของเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งลาฮัดดาตูของมาเลเซีย เมื่อเดือน ม.ค. โดยสมาชิกลูกเรือ 5 คน ที่ถูกลักพาตัวจากเรือลากอวนจับปลา ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้

ขณะที่ มีการก่อเหตุที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก

จากข้อมูลของ สำนักงานทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Bureau?IMB) ตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา มีนักเดินเรือรวม 77 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน หรือลักพาตัวเรียกค่าไถ่

ข้อมูลนี้เลือกมาเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นในอ่าวกินีนอกชายฝั่งแอฟริกาตะวันตก ซึ่งมากกว่า 90% ของเหตุลักพาตัวทางทะเลทั่วโลกเกิดขึ้นที่นั่น


https://www.bbc.com/thai/international-53448081

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:21


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger