สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 27 เมษายน 2565

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนลมตะวันตกพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 28 เม.ย. ? 2 พ.ค. 65 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในช่วงวันที่ 1 ? 2 พ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงหนือ และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 - 27 เม.ย. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนน้อย แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 28 เม.ย. ? 2 พ.ค. 65 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 28 เม.ย. ? 2 พ.ค. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26 - 27 เม.ย. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 28 เม.ย. ? 2 พ.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


อ.ธรณ์ เฉลยแล้ว 'วาฬเบลูก้า มีหัวเข่าที่ท้อง' คืออะไร



กรณีที่โซเชียลมีการแชร์ภาพ วาฬเบลูกา ที่ถ่ายจากอะควอเรี่ยมแห่งหนึ่ง โดยภาพถ่ายจากบริเวณด้านท้อง พบว่า มีลักษณะคล้ายขาของมนุษย์โหนกนูนออกมาจากท้อง ทำให้มีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา เช่น เป็นวาฬเบลูก้าปลอม ที่มีมนุษย์ซ่อนอยู่ข้างในหรือไม่ หรือนี่คือ สรีระที่แท้จริงของวาฬเบลูก้าที่ดูคล้ายขาของมนุษย์จริงๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี่เองที่ทำให้คนคิดกันไปว่าวาฬเบลูก้าก็คือ นางเงือก ซึ่งชาวเรือมักจะเห็นอยู่บ่อยๆในทะเลอาร์กติก

ล่าสุด วันที่ 26 เมษายน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายว่า เคยเห็นวาฬเบลูก้ามา 2 ครั้ง ที่อะควาเรี่ยมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณด้านท้องของวาฬเบลูก้าก็มีลักษณะปกติเหมือนวาฬทั่วไปในทะเล คือ อวบอูม ไม่ได้มีร่อง หรือความโหนกนูนเหมือนรูปที่มีการแชร์กัน สำหรับรูปที่แชร์กัน นั้นคิดว่า อาจจะเป็นเบลูก้ามีมีรูปร่างผิดปกติ พิการ หรือเป็นบางมุมกล้อง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีคนอยู่ข้างในอย่างที่คิดกันไปแน่นอน


https://www.matichon.co.th/social/news_3309557

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


นักธรณีวิทยา ชี้ "ฟอสซิลของแท้" ประดับพื้นกลางห้างดัง



นักธรณีวิทยา ชี้ "แอมโมไนต์" ฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์ประดับในพื้นหินกลางห้างดังเป็นของแท้ ชี้สามารถซื้อขายได้ในออนไลน์ สันนิษฐานมาจากมาดากัสการ์ ซึ่งพบฟอสซิลชนิดนี้เยอะราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่นบาทตามขนาดตัว

ชาวโซเชียลพากันตั้งถามกรณีพบว่าในห้างดังย่านสยามสแควร์ ซึ่งมีการปรับปรุงพื้นที่ แต่ปรากฎว่าในหินที่นำมาปรับปรุงพื้นที่อาจจะมีฟอสซิลของสัตว์ใน "แอมโมไนต์" เป็นกลุ่มของสัตว์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้ว" กลุ่มหอยงวงช้างที่พบในทะเลดึกดำบรรพ์

ทั้งนี้ข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Supatcha Damrongmanee เผยเรื่องราวว่า "พบฟอสซิลกลางสยามสแควร์" โดยระบุว่า วันนี้เดินผ่านสยามแล้วเจอสิ่งเหล่านี้ ตื่นเต้นมาก เดิน field workหลายสัปดาห์ยังไม่เจอฟอสซิลเยอะขนาดนี้ เจอทั้งหมด 37 ตำแหน่ง เห็นเป็น cross section สวยๆ 34 ตำแหน่ง chamber สวยงาม (หมายเลข 1-34) อีก 3 ความเห็นส่วนตัวเป็น mould fossil แต่ไม่สามารถตรวจสอบมากกว่านี้ได้ ถ้าใครพบเพิ่มเติมมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ รอฟังอยู่

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สอบถามผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว ระบุว่าพื้นดังกล่าวเป็นแผ่นหินปูนขัดมัน แล้วโรยฟอสซิลดังกล่าวมากกว่า ไม่ได้เป็นการนำแผ่นหินที่มีทั้งแผ่นมาใส่ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้อยากให้ผู้เชี่ยวชาญตอบมากกว่า


ภาพ : เฟซบุ๊ก Supatcha Damrongmanee

ซึ่งหลังจากมีการเผยแพร่ข้อมูลและภาพดังกล่าวออกไป มีผู้ที่เข้ามาตอบคำถามผ่านทางเฟซบุ๊กดังกล่าว โดยหนึ่งในผู้ที่ตอบคำถามนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก Kantanat Trakunweerayut ระบุว่า

"ขออนุญาตตั้งข้อสังเกตเล็กน้อยเกี่ยวกับฟอสซิลแอมโมนอยด์ในที่นี้ พิจารณาดูแล้วว่าฟอสซิลนี้เป็นของจริงแน่นอน"

อาจจะมาจากโมรอกโก หรือ มาดากัสการ์ จะสังเกตว่าที่ปากเปลือกมีขอบที่ค่อนข้างตรงผิดปกติ? เข้าใจว่าเกิดจากการขัดหน้าในเรียบเสียก่อนเพื่อความสวยงาม ดูจากในหลายๆภาพ ส่วนเปลือกที่ปรากฎ ชัดเป็นส่วน Phragmocone (มีผนังกั้นแต่ละ Chamber) ไม่เห็นปรากฎ Living chamber (ห้องเปล่าเอาไว้ให้เป็นส่วนที่อยู่ของอวัยวะ) ขอให้ความคิดเห็นประมาณนี้


นักธรณีวิทยา ชี้แอมโมไนต์ของจริง

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ยังไม่เห็นของจริง และกำลังจะลงไปดู 1-2 วันนี้ แต่จากรูปถ่ายในโซเชียล ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแอมโมไนต์ สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วและมีชีวิตในมีอายุยุคไดโนเสาร์ 100 กว่าล้านปี

"จากเนื้อหินที่ดูแล้ว ตัวแอมโมไนต์ที่ติดในพื้น ถูกนำไปแปะประดับในแผ่นหินมาแล้ว ไม่ได้มาจากแผ่นหินทั้งสันฐาน เพราะปกติปกติแผ่นหนึ่งเป็น 100 ตัว เท่าที่ดูเขานำไปแปะบนแผ่นหินเพื่อความสวยงาม"


ภาพ : เฟซบุ๊ก Supatcha Damrongmanee

เมื่อถามว่าต้นทางจากแอมโมไนต์มาจากในไทยหรือไม่ ผศ.ดร.กันตภณ กล่าวว่า สันนิษฐานว่าแอมโมไนต์ ที่นำมาประดับ น่าจะมาจากมาดากัสการ์ เพราะเป็นแหล่งที่พบแอมโมไนต์ในเหมืองหินถูกกฎหมายนับแสนชิ้น สามารถส่งออกขายให้กับนักสะสมได้ ทั้งในอีเบย์ ช็อปปี้ ก็จะสามารถซื้อขายกันได้ เหมือนกับการซื้ออัญมณี และหยก เพราะไม่ใช่มีตัวเดียวในโลก แต่เขามีเป็นเป็นแสนเป็นล้านตัวที่เขาเจอและส่งขายทั่วโลก

"เท่าที่ทราบเบื้องต้น สามารถซื้อขายแอมโมไนต์ที่ส่งมาขายให้กับนักสะสมได้ ราคาตัวเล็กขนาด 2 ซม.ราคา 500-1,000 บาท แต่หากตัวใหญ่ขึ้นราคาก็จะหลักหมื่นขึ้นไป โดยสีสันของแอมโมไนต์แต่ละตัวจะสวยงามแตกต่างกัน"


https://news.thaipbs.or.th/content/314898