เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 4 - 5 ส.ค. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร

ส่วนในวันที่ 6 - 10 ส.ค. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง เป็นกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในระยะต่อไป


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 4 - 5 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ตัวอักษร SOS บนทรายช่วยชีวิต นาวิกโยธินติดเกาะ

นาวิกโยธินไมโครนีเซีย 3 นาย รอดตายปาฏิหาริย์ หลังเขียนอักษร SOS บนพื้นทรายบนเกาะร้าง จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบตัวและให้ความช่วยเหลือจนปลอดภัย



นาวิกโยธินชาวไมโครนีเซียทั้ง 3 นาย ได้ขาดการติดต่อไปนานถึง 3 วัน หลังออกเดินทางโดยเรือขนาด 7 เมตร มุ่งหน้าไปยังแนวปะการังพูแล็บห่างจากชายฝั่งไมโครนีเซียไปราว 42 กิโลเมตร ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางการไมโครนีเซียต้องประสานยามฝั่งสหรัฐฯ ให้ช่วยออกตามหา จนกระทั่งเครื่องบินเคซี-135 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ บินมาพบตัวอักษร SOS บนชายหาดของเกาะดังกล่าว พร้อมเรือที่จอดอยู่ข้างๆ จนมีการประสานให้หน่วยนาวิกโยธินของออสเตรเลียนำเฮลิคอปเตอร์ไปลงจอดเพื่อให้การช่วยเหลือ

โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำอาหารและน้ำไปให้ทั้ง 3 คน พร้อมตรวจสอบเบื้องต้นว่าทั้ง 3 ยังคงมีสุขภาพดี และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง ก่อนที่จะนำวิทยุสื่อสารทิ้งไว้ให้ทั้ง 3 พกติดตัวไว้ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับเรือลาดตระเวนของทางการไมโครนีเซียที่จะเดินทางมารับตัวกลับอย่างปลอดภัยในช่วงเช้าวันจันทร์ ซึ่งเหตุผลที่ทั้งยามฝั่งสหรัฐฯ และกำลังทหารจากสหรัฐฯ และออสเตรเลียต้องเว้นระยะห่างและไม่เข้าช่วยเหลือโดยตรง ก็เนื่องจากมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากเพราะเป็นความสำเร็จ ที่เกิดจากการประสานร่วมมือกันของหลายฝ่าย

ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของนาวิกโยธินทั้ง 3 นาย ระบุว่าขณะที่พวกเขากำลังนำเรือมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย เรือของพวกเขาออกนอกเส้นทาง จนทำให้น้ำมันหมด และต้องลอยลำไปติดอยู่บนเกาะพิเคล็อต เกาะร้างไร้ผู้คนขนาดเล็ก ห่างจากจุดหมายของพวกเขาไปไกลถึง 190 กิโลเมตร และห่างจากเกาะกวมไปทางใต้ราว 800 กิโลเมตร ซึ่งนับว่ายังเคราะห์ดีที่พวกเขาตัดสินใจเขียนตัวอักษรขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งมีคนมาพบและให้ความช่วยเรือพวกเขาในที่สุด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การเขียนคำว่า SOS สามารถช่วยชีวิตคนได้ โดยเมื่อปี 2558 ชายชาวอังกฤษวัย 63 ปี ที่หลงป่าในอุทยานแห่งชาติออสเตรเลีย ได้เขียนข้อความ SOS ขนาดยักษ์ไว้บนพื้น จนมีคนมาพบและให้ความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเมื่อปี 2562 ที่มีหญิงวัย 55 ปีรายหนึ่ง หลงป่าในออสเตรเลียและเขียนคำว่า SOS ขนาดใหญ่ไว้บนพื้น จนกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ และทำให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเธอได้สำเร็จเช่นกัน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1903623

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


น่าห่วง! "จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย" ใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันพบในป่าอนุรักษ์เพียง 6 แห่ง

กรมอุทยานฯ จัดประชุมเชิงวิชาการ "โครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์" เผย"จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย" ใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันพบในป่าอนุรักษ์เพียง 6 แห่ง



กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมเชิงวิชาการ "โครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์" ในวันที่ 4 ส.ค. 63 เวลา 09.30 น. โดยมี นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการ "โครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่อนุรักษ์" ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารสืบ นาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

นายจงคล้าย วรพงศธร กล่าวว่า จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยเป็นสัตว์ป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากประชากรในธรรมชาติของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยมีจำนวนน้อย การศึกษาและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 มีการดำเนินโครงการนำร่องการปล่อยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาโดยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยที่ปล่อยสามารถอาศัยอยู่รอด และแพร่ขยายพันธุ์ได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ถือเป็นความสำเร็จในการปล่อยจระเข้คืนถิ่น ทำให้ทราบข้อมูลพื้นฐานทางนิเวศที่เหมาะสมของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จึงนำไปสู่การดำเนินโครงการอนุรักษ์จระเข้พันธุ์ไทยในประเทศไทย

ทั้งนี้ในปัจจุบันพบจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์เพียง 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้เข้าร่วมการประชุมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จะได้เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์การวิจัยเกี่ยวกับการอนุรักษ์ เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย และสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยได้อย่างแท้จริง


ไข่จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย

ด้านนายชลธาร ชำนาญคิด ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ สำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อ ปี 2547 ได้มีการปล่อยจระเข้สายพันธุ์ไทยแท้ที่มีการคัดเลือกสายพันธุ์อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการสู่ธรรมชาติที่วังแก่งหินดาดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จำนวน 10 ตัว (ตัวผู้ 5 ตัว และตัวเมีย 5 ตัว) ซึ่งจระเข้ชุดดังกล่าวยังคงพบตัวได้ 1 ตัวที่อยู่จวบจนทุกวันนี้

นอกจากนี้จากการสำรวจและติดตามจระเข้น้ำจืดในอุทยานแห่งชาติ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สรุปได้ว่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่พบแหล่งอยู่อาศัยของจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย ในธรรมชาติเหลือเพียง 3 แห่ง ประมาณ 20 ตัวได้แก่ บริเวณห้วยน้ำเย็น อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดปราจีนบุรี บริเวณคลองชมพู อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก และบริเวณต้นน้ำเพชรบุรี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2560 ได้มีการประชุมวิชาการ เพื่อประเมินสถานภาพและแนวทางการอนุรักษ์จระเข้ในประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา หลังจากนั้นจึงได้มีการผลักดันให้เกิดการวิจัยทางวิชาการเพื่อให้ได้องค์ความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งต่อมา รศ.น.สพ. ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับทุนการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) เพื่อทำการวิจัยตามโครงการอนุรักษ์จระเข้พันธุ์ไทยในประเทศไทย ทำการวิจัยในระหว่างปี พ.ศ. 2561 ? 2562 ซึ่งผลการวิจัยได้จัดทำรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์มาให้กรมอทุยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 โดยจากนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะได้นำผลดังกล่าวเป็นแนวทางทางวิชาการที่สำคัญมาปรับใช้กำหนดแนวทางการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยในอุทยานแห่งชาติต่อไป

หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช


https://mgronline.com/travel/detail/9630000079658


*********************************************************************************************************************************************************


"ดร.ธรณ์" โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เหตุหอยแมลงภู่เกยหาดจอมเทียนไม่เกี่ยวภัยพิบัติ เตือนประชาชนไม่ต้องตกใจ



ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์ปรากฏการณ์หอยแมลงภู่นับล้านตัวลอยเกยหาดจอมเทียน แม้ไม่เป็นเรื่องปกติในธรรมชาติ แต่ไม่เกี่ยวเหตุการณ์ภัยพิบัติ ทั้งสึนามิ แผ่นดินไหว เตือนประชาชนไม่ต้องตกใจ คาดเป็นหอยเลี้ยงถูกคลื่นซัด

จากปรากฏการณ์ประหลาดหอยแมลงภู่นับล้านตัวถูกคลื่นซัดเกยหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (3 ส.ค.) จนสร้างความแตกตื่นให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ขณะที่ประชาชนบางรายได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ดังกล่าวโพสต์ลงในโลกออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงที่ทราบข่าว ได้พากันออกมาเก็บหอยแมลงภู่จำนวนมากเพื่อนำกลับไปประกอบอาหารรับประทาน ซึ่งชาวบ้านบางส่วนพากันวิตกกังวลว่าอาจะเป็นลางร้ายแจ้งเตือนก่อนเกิดภัยพิบัติใหญ่ ขณะที่บางส่วนเชื่อว่าเป็นเพราะท้องทะเลบันดาลโชคด้วยการให้อาหารทะเลแก่ประชาชนในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำนั้น

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์หอยแมลงภู่จำนวนมากที่ลอยมาเกยชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ไว้อย่างน่าสนใจ

1.หอยแมลงภู่เป็นหอยเกาะไม่อยู่กับทรายและในทะเลแถวนั้นส่วนใหญ่เป็นหอยเลี้ยง

2.ก่อนหน้านี้มีแพลงก์ตอนบลูมอยู่บ้างในเขตอ่าวไทยตะวันออก เป็นแพลงก์ตอนไม่มีพิษ แต่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำอาจทำให้หอยบางส่วนตาย อ่อนแอ

3.ช่วงนี้คลื่นลมแรง หอยบางส่วนที่อ่อนแออาจหลุดลอยมารวมกันหรืออาจมีเหตุการณ์แพแตกหอยหลุด เมื่อดูจากข้อมูลทุ่นสมุทรศาสตร์ที่คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพิ่งปล่อยไปเห็นว่าคลื่นลมพัดไปทางตะวันออกเลียบฝั่งมา อาจเป็นไปได้ว่าหอยแถวอ่าวอุดมลอยมาทางนี้

4.ปรากฏการณ์ดังกล่าวแม้ไม่เป็นเรื่องปกติในธรรมชาติ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ เช่น สึนามิ แผ่นดินไหว ไม่ต้องตกใจกลัวครับ

5.การเก็บหอยตามชายฝั่งมากินขึ้นอยู่กับการพิจารณา (ผมคงไม่กิน) แต่ระวังหอยตาย ไม่สดอาจมีเชื้อโรคได้

ทั้งนี้ การค้นหาเรื่องนี้ต้องเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบไม่สามารถบอกได้จากการดูภาพ อย่างไรก็ตาม การกินหอยเลี้ยงที่ไม่ประสบปัญหาในพื้นที่แถวนั้นยังทำได้นะครับ เพราะหอยที่ตายไม่ได้โดนสารพิษหรือเจอแพลงก์ตอนพิษทั้งหมดจากปัจจัยหลายประการประกอบกันไม่สามารถฟันธงได้ แต่มีความเป็นไปได้ครับ


https://mgronline.com/local/detail/9630000079457

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฤทธิ์พายุ "ซินลากู" ทำคลื่นลมแรงหอบหอยพงเกยหาดที่ จ.กระบี่

สุราษฎร์ธานี -ฮือฮา! ฤทธิ์พายุซินลากู ทำคลื่นลมแรงซัดหอยพงเกยชายหาดยาวกว่า 7 กม. คาดไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ชาวบ้านหลายร้อยคนแห่เก็บ ระบุไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



วันนี้ (4 ส.ค.) ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด พบหอยพงจำนวนมหาศาลถูกคลื่นซัดลอยมาเกยติดชายหาดยาว ม.4 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยกระจายตลอดแนวชายหาดยาวกว่า 7 กิโลเมตร สร้างความแตกตื่นและเป็นที่ฮือฮา ชาวบ้านเชื่อว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้คงเป็นเพราะกระแสลมแรง พัดน้ำทะเลจนเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ หอบเอาหอยพงที่อยู่ใต้ท้องทะเลขึ้นมากองตามแนวยาวของชายหาด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีผู้มาพบหอย ได้มีการถ่ายภาพโพสต์ลงสื่อโซเชียล จนเป็นข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีประชาชนนับ 100 คน แห่กันมายังชายหาด เพื่อเก็บหอยนำกลับไปปรุงอาหารกิน ซึ่งแต่ละคนนำกระสอบมาเก็บก็สามารถเก็บกลับไปได้คนละหลายกิโลกรัม สามารถแบ่งเบาภาระค่าอาหาร ส่วนสาเหตุของการพบหอยจำนวนมหาศาลนั้น คาดว่าเกิดจากผลกระทบของพายุซินลากู ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง ในทะเลมีมรสุมคลื่นสูงกว่า 3 เมตร เข้าซัดชายฝั่งติดต่อหลายวัน

น.ส.ศิริวิภา สมพร อายุ 20 ปี ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหาดยาว กล่าวว่า หลังจากที่ทราบจากเพื่อนบ้านว่า มีหอยพง ถูกคลื่นซัดมาติดที่ชายหาดเป็นจำนวนมาก ก็ได้เดินทางมาเก็บ เพื่อนำกลับไปเป็นอาหาร ซึ่งปรากฏการณ์ เช่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งตนไม่ทราบสาเหตุ และพบว่าเมื่อมาถึงชายหาดมีคนมารอเก็บอยู่ก่อนแล้วนับ 100 คน เมื่อน้ำทะเลลดพบว่ามีหอยพงกองเกลื่อน



ด้านนายปรีดา กุลพ่อ สาวัตรกำนัน ต.ตลิ่งชัน และเป็นคนในพื้นที่ กล่าวว่า ปรากฏการณ์หอยพงลอยมาติดบริเวนชายหาดยาว มีมา 2 วันติดต่อกัน และในวันนี้มีชาวบ้านที่ทราบข่าว เดินทางมาเก็บกันเป็นจำนวนมาก สำหรับหอยพงที่ถูกคลื่นซัดมาติดอยู่ตามชายหาด มีระยะทางยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ไม่ต่ำกว่า 5 ตัน

ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูมรสุม สำหรับหอยพงที่พบคาดว่าเป็นหอยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อยู่ในทะเลลึก เมื่อเกิดลมมรสุมคลื่นลมแรง ถูกคลื่นซัดมาติดตามชายหาด ซึ่งชาวบ้านที่มาเก็บหอยมีทั้งคนในพื้นที่และต่างอำเภอ


https://mgronline.com/south/detail/9630000079804

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


'อ.ธรณ์'ห่วง! เหตุเรือขนขยะ90ตันล่มที่เกาะสมุย อาจส่งผลกระทบกับสัตว์ทะเล



4 สิงหาคม 2563 จากกรณีที่เรือเช่าเหมาลำของบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ที่เรือดังกล่าวได้บรรทุกรถบรรทุกขนาดใหญ่ 3 คันที่บรรทุกขยะที่ถูกอัดก้อนทั้งหมดประมาณ 90 ตัน และรถกระบะ พร้อมมีผู้โดยสารอยู่บนเรืออีก 16 คน โดยเรือเฟอร์รี่ลำดังกล่าวเกิดเหตุเรือล่มที่เกาะสี่ เกาะห้า หลังเดินทางออกจากท่าเรือสมุย ประมาณ 5 ไมล์ทะเล เนื่องจากบริเวณดังกล่าวที่คลื่นสูง ลมแรงกว่าปกติ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต และยังมีผู้สูญหายอีก 3 ราย ยังมีขยะลอยกระจายออกไปในแถบนั้นอีกด้วย

ล่าสุดเฟสบุ๊ค "Thon Thamrongnawasawat" ของผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีกิจการพิเศษ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง ได้โพสต์เฟสบุ๊คระบุข้อความว่า

" ตอนนี้ขยะบางส่วนจากกรณีเรือล่มที่เกาะสมุย ลอยมาถึงเกาะแตนแล้วครับ คนในพื้นที่นี้ส่งภาพมา บอกว่าขึ้นมาหลายที่เลย

ลองสังเกตลักษณะขยะได้ว่ามีการมัดรวมกันแต่ไม่แน่นหนา ขยะเกือบทั้งหมดเป็นขยะพลาสติกย่อยสลายไม่ได้

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นถุงก๊อบแก๊บ ขยะพวกนี้มีปัญหามาก เพราะเป็นชิ้นย่อยๆ ลอยกระจายกันไป

ถุงน้ำหนักเบา ลอยน้ำไกลหน่อย ผลกระทบจึงอาจเกิดกว้างขึ้น

ถุงพวกนี้ยังติดปะการังง่าย เมื่อติดจะดึงปะการังให้หัก อีกทั้งยังครอบปะการังหรือสัตว์ตามพื้นได้ง่าย

ถุงยังส่งผลถึงเต่าทะเล/สัตว์หายาก เพราะติดตามตัวง่าย อีกทั้งยังคล้ายแมงกะพรุน เต่า/โลมาอาจกินเข้าไป

สุดท้าย ถุงพวกนี้แตกตัวง่าย ทำให้เกิดไมโครพลาสติกได้เร็วกว่าขวด PET ฯลฯ

กรณีที่เกิดขึ้นจึงอาจส่งผลกระทบมากกว่าที่คาดไว้ แนะนำให้เริ่มรวบรวมข้อมูลและเก็บขยะเท่าที่ได้ ก่อนวางแผนทำงานช่วงคลื่นลมเบาลง ซึ่งก็คงอีกวันสองวันนี้

จะพยายามสนับสนุนข้อมูลและเสนอแนะแนวทางต่อไปเท่าที่ทำได้ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ

เพื่อนธรณ์คนใดว่าง จะลงไปช่วยเก็บขยะสำรวจขยะแถวเกาะแตนเกาะสมุย น่าสนใจและช่วยทะเลได้เยอะครับ"


https://www.naewna.com/local/509691

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ดันเกาะมันใน ต้นแบบแหล่งอนุรักษ์นกอพยพ

ทช. 4 ส.ค. 63 ? ทช. ผลักดันเกาะมันในเป็นต้นแบบพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรฯ แหล่งเรียนรู้นกอพยพตามธรรมชาติ



กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ 2 ฉบับ ระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและมูลนิธิรักสัตว์ป่า เพื่อร่วมยกระดับให้เกาะมันใน จ.ระยอง เป็นต้นแบบพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งเรียนรู้นกอพยพและนกธรรมชาติ

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า จากรายงานการติดตามตรวจสอบ และวิจัยความหลากหลายในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ระหว่างปี พ.ศ. 2560 ? 2563 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าพื้นที่เกาะใกล้แนวชายฝั่งและในทะเลเป็นแหล่งอาศัยของทรัพยากรสัตว์ป่าและนกที่มีความหลากหลาย ซึ่งหลายชนิด เป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ในปัจจุบัน มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาและใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ บริเวณพื้นที่ชายฝั่ง และผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ และมลพิษทางทะเล ทำให้ทรัพยากรสัตว์ป่าและนกลดลง และอาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายของชนิดพันธุ์มากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไข หรือการได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน



โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผลักดันให้เกาะมันใน จ.ระยอง เป็นโมเดลต้นแบบ พื้นที่สำหรับการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนางานด้านระบบนิเวศทางทะเล ระบบนิเวศทางบก และความหลากหลายของทรัพยากรสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ รวมถึงนกอพยพที่บินมาเป็นประจำทุกปี รวมทั้งนกที่อยู่ตามธรรมชาติบนเกาะอย่างเป็นระบบแห่งแรกของประเทศไทย โดยจะพัฒนารูปแบบพื้นที่เกาะมันในให้ต้นแบบด้านการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์แห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในนานาชาติด้วย



อย่างไรก็ตามความร่วมมือครั้งนี้ จะสนับสนุนงานด้านวิชาการและให้ความร่วมมือทางวิชาการด้านโครงการอนุรักษ์ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้านการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมบริหารจัดการและพัฒนาพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งตามหลักวิชาการในระดับสากล การศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านวิชาการ ด้านระบบนิเวศทางทะเล ระบบนิเวศทางบกของหมู่เกาะมันใน เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป .


https://tna.mcot.net/line-today-it-489883

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 05-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


"จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย" เหลือแค่ 20 ตัวอาศัยใน 3 อุทยาน

กรมอุทยานฯ เผยผลสำรวจปี 63 ประชากรจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยเหลือเพียง 3 แห่งแค่ 20 ตัว ได้แก่บริเวณห้วยน้ำเย็น อุทยานฯ ปางสีดา บริเวณคลองชมพู ทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก และบริเวณต้นน้ำเพชรบุรี แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ชี้เสี่ยงสูญพันธุ์



วันนี้ (4 ส.ค.2563) จากการประชุมโครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่อนุรักษ์ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์การวิจัย และกำหนดแนวทางการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย นายจงคล้าย วรพงศธร กล่าวว่า จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยเป็นสัตว์ป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ พบว่าประชากรในธรรมชาติมีจำนวนน้อย ทำให้ในปี 2548-49 มีโครงการนำร่องการปล่อยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา และพบว่าจระเข้ที่ปล่อยสามารถอาศัยอยู่รอด และแพร่ขยายพันธุ์ได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ถือเป็นความสำเร็จในการปล่อยจระเข้คืนถิ่น ทำให้ทราบข้อมูลพื้นฐานทางนิเวศที่เหมาะสมของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จึงนำไปสู่การดำเนินโครงการอนุรักษ์จระเข้พันธุ์ไทยในประเทศไทย

"ปัจจุบันพบจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์เพียง 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด"


ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติ


คาดในธรรมชาติเหลือแค่ 20 ตัว

ด้านนายชลธาร ชำนาญคิด ผอ.ส่วนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ สำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อปี 2547 ได้มีการปล่อยจระเข้สายพันธุ์ไทย ที่มีการคัดเลือกสายพันธุ์อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการสู่ธรรมชาติที่วังแก่งหินดาด ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จำนวน 10 ตัว เป็นตัวผู้ 5 ตัว และตัวเมีย 5 ตัว และยังคงพบตัวได้ 1 ตัวที่อยู่ทุกวันนี้

"มีการยืนยันว่าในธรรมชาติมีจระเข้พันธุ์ไทยเพียง 3 แห่งแค่ 20 ตัว ได้แก่บริเวณห้วยน้ำเย็น อุทยานแห่งชาติปางสีดา บริเวณคลองชมพู อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก และบริเวณต้นน้ำเพชรบุรี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี"

นอกจากนี้ในปี 2560 มีการประชุมวิชาการ เพื่อประเมินสถานภาพและแนวทางการอนุรักษ์จระเข้ในประเทศไทย ซึ่งต่อมา รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทย์ ม.มหิดล รับทุนการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ทำวิจัยระหว่างปี 2561?2562 และรายงานฉบับสมบูรณ์เพิ่งแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ โดยกรมอุทยานฯ จะได้นำมาปรับใช้กำหนดแนวทางการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยในอุทยานแห่งชาติ


https://news.thaipbs.or.th/content/295165

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:47


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger