เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในระยะนี้ไว้ด้วย ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อนลง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 29 - 30 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 31 มี.ค. ? 3 เม.ย. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดต่อเนื่องกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วยตลอดช่วง โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ทะเลสีดำ วอนเร่งแก้ไข! หลังคลิปน้ำเสียทะลัก ไหลลงทะเล นาจอมเทียน พัทยา



โซเชียลฯ วอนเร่งแก้ไขจริงจังหลังพบคลิปน้ำเสียทะลัก ไหลลงทะเล นาจอมเทียน ซอย 8 พัทยา ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีดำเป็นวงกว้าง ล่าสุดเทศบาลตำบลนาจอมเทียนส่งรถดูดท่อระบายน้ำ แก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อไม่ให้น้ำเสียแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม

วันนี้ (28 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก "เรารักพัทยา? ได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุข้อความว่า ?น้ำเสียทะลัก ไหลลงทะเล นาจอมเทียน ซอย 8 วอน จนท.ตรวจสอบแก้ไข #ทะเลสีดำ

ในคลิปวิดีโอพบว่ามวลน้ำสีดำเข้มมหาศาลกำลังระบายไหลออกสู่ชายหาดนาจอมเทียน ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีดำเป็นวงกว้าง สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และแชร์กันไปเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา สั่งตรวจสอบกรณีมีน้ำดำไหลลงทะเล เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุนั้นเป็นเขตของเทศบาลนาจอมเทียน อยู่นอกพื้นที่ความรับผิดชอบของเมืองพัทยา แต่ติดกับพื้นที่จอมเทียนของเมืองพัทยานั้น

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเนื่องจากในพื้นที่เทศบาลตำบลนาจอมเทียนนั้นได้รับผลกระทบเรื่องสถานีสูบน้ำเสีย บริเวณนาจอมเทียน 8 ไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้น้ำในท่อระบายน้ำบริเวณดังกล่าวล้นออกจากอาคารระบายน้ำไหลลงสู่ทะเล น้ำมีสีดำปนเปื้อนเนื่องจากรับผลกระทบจากฝนตกอย่างหนัก

ล่าสุดเทศบาลตำบลนาจอมเทียนได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์รถดูดท่อระบายน้ำของเมืองพัทยา เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อไม่ให้น้ำเสียแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม


https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000027388

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


"เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ" ทรงดำน้ำเก็บกู้ซากอวน อนุรักษ์เเนวปะการังท้องทะเลไทย



เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2567 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำน้ำเพื่อสำรวจและอนุรักษ์เเนวปะการัง สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ทรงเก็บกู้ซากอวนที่พันติดปะการังเทียม ภายใต้ "โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปัตตานี และนราธิวาส"

จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม2552 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อต้นปี พ.ศ. 2544 ในช่วงที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงงานในภาคใต้ ราษฎร บ.ละเวง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานความช่วยเหลือ ให้ทรงพิจารณาช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในทะเล เนื่องจากสัตว์น้ำลดลงแทบไม่เหลือ ชีวิตฝืดเคือง มีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขอพระราชทานคำแนะนำจาก พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งต่อมาได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้จัดตั้ง "โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปัตตานี และนราธิวาส" โครงการดังกล่าวจะมีแผนงานการฟื้นฟูระบบนิเวศสัตว์น้ำ โดยการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) ซึ่งใช้วัสดุจำพวกคอนกรีต ท่อระบายน้ำ ซากเรือ หรือวัสดุขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้งานแล้ววางลงไปในทะเล เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้ฟื้นคืนชีพ กองทัพบกจึงได้นำรถถังปลดประจำการ มาทำเป็น "ปะการังเทียม" ในน่านน้ำ จ.นราธิวาส

การนำรถถังมาเป็นแนวปะการังเทียม ช่วยให้การทำการประมงประเภทอวนรุนและอวนลากไม่สามารถทำได้ เพราะรถถังมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หากลากอวนมาเกี่ยวก็จะได้รับความเสียหายหนัก และความแข็งแกร่งของเนื้อเหล็กก็สามารถทนทานการกัดกร่อนของน้ำทะเลได้อีกนาน นับว่าการสร้างแนวประการังเทียมจากรถถังสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ท้องทะเลไทย

จวบจนปัจจุบัน สภาพของรถถังได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มีปลาจำนวนมากว่ายเข้าออกผ่านช่องว่างของตัวรถถัง พื้นผิวเหล็กที่ว่างเปล่ามีทั้งเพรียงและหอยชนิดต่างๆ มาจับจองพื้นที่จนปกคลุมทั่วไปทั้งคัน ค้นพบปลาชนิดต่างๆ ชุกชุม ไม่ว่าจะเป็นปลาเศรษฐกิจอย่างปลากระมง ปลาสาก ปลาแก้วกู่ หรือปลาสวยงามอย่าง ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาผีเสื้อ แม้กระทั่ง ทากเปลือยสีสันสดใส ก็เข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้

หลังจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำน้ำสำรวจเเละเก็บกู้ซากอวนดังกล่าว ทรงประเมินความเสียหายของเเนวปะการัง ซึ่งเศษอวนเหล่านี้ นับเป็นภัยคุกคามระบบนิเวศน์ทางทะเลอย่างร้ายแรง เต่าทะเล วาฬ โลมา และสัตว์ทะเลจำนวนมาก เสียชีวิตจากการกินหรือถูกรัด ในขณะเดียวกัน ปะการังก็ไม่สามารถเติบโตได้ จากการถูกปกคลุมโดยเศษแหอวนเหล่านี้ ทรงวางเเผนดำเนินการเเนวทางการอนุรักษ์เเละฟื้นฟู อาทิ การปลูกปะการังทดแแทน เพื่อรักษาแนวปะการังให้มีสภาพสมบูรณ์ และสวยงามเหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยและหากินของเหล่าสัตว์น้ำ ภายใต้กิจกรรมของมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

#CelebOnline #celeb #gossip #สิริวัณณวรี #ปะการังเทียม #ท้องทะเลไทย #ระบบนิเวศน์ #อนุรักษ์ #แนวปะการัง #สัตว์ทะเล #ปัตตานี


https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000026976

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ใครปีนเอเวอร์เรสต์ เก็บ 'อึ' ตัวเองลงไปด้วย!!


Photo: AFP

ใครที่ชื่นชอบการผจญภัย ชอบความเสี่ยงท้าทาย ก็น่าจะมี "เอเวอเรสต์" ยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในโลก บนเทือกเขาหิมาลัยในเนปาล เป็นหนึ่งในลิสต์ "จุดหมายปลายทาง" ที่หวังอยากจะพิชิตให้ได้ซักครั้ง

แต่ปีนี้ใครที่มีแผนจะไปตามฝันนี้ มาฟังก่อน เพราะสิ่งที่จะต้องนำติดตัวขึ้นไป นอกจากต้องมีใบอนุญาต ที่มีค่าธรรมเนียมขอ 11,000 ดอลล์ (เหยียบ 4 แสนบาท) อาหาร ชุดอุปกรณ์ต่างๆ ออกซิเจน และ ไกด์เชอร์ปานำทาง รวมแล้วมีค่าใช้จ่ายตกราว 35,000 ดอลลาร์(เหยียบ 1.3 ล้านบาท) ยังจะต้องมีถุงใส่ ?อึ? ของตัวเอง พกติดตัวขึ้นไปด้วย

หลังทางการเนปาลออกกฎให้ นักปีนเขาทุกคนที่ขึ้นไป จะต้องเก็บอึของตัวเองกลับลงมา เพื่อแก้ปัญหามลพิษ ที่เอเวอเรสต์กำลังเผชิญอยู่

จิเนช สินธุรการ จากสมาคมปีนเขาเนปาล บอกว่า ฤดูปีนเขาเอเวอเรสต์ในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวมาราว 1,200 คน

ประมาณว่าแต่ละคนจะขับถ่ายอุจจาระ ตกคนวันละ 250 กรัม ในการใช้เวลาบนแคมป์พักบนเขา ราว 2 สัปดาห์

ลองคำนวนดูละกันว่าฤดูกาลนี้ แต่ละคนจะผลิตอึรวมกันแล้วมากเท่าไร

ด้วยกฎใหม่นี้จะมีการให้ถุงใส่อึ คนละ 2 ใบ ที่คิดค่าใช้จ่ายแล้วแหละ ให้นักปีนเขาติดตัวขึ้นไป ใบหนึ่งใช้เก็บอึได้ 6 ครั้ง ซึ่งในถุงจะมีสารเคมี ที่ทำให้อึแข็งตัวและไม่ส่งกลิ่น

ตอนนี้เขียนลงลึกไปเรื่อยๆ ก็ชักจะเริ่มมวลท้องเองละ ฮ่าฮ่าฮ่า

เอาเป็นว่าไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ให้พึงระลึกเสมอว่า จงท่องโลกอย่างมีความรับผิดชอบ!!


https://www.matichon.co.th/foreign/news_4495416

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


นักท่องเที่ยว 4 คน ถูกคลื่นทะเลดูด ดับ 1 ราย หน้าหาดแหลมปะการัง จ.พังงา

นักท่องเที่ยว 4 คน ถูกคลื่นทะเลดูด ขณะวางอวนบริเวณแหลมปะการัง พังงา จมทะเล 4 คน ช่วยตัวเองขึ้นมาได้ 3 คน เสียชีวิต 1 ราย



28 มี.ค.2567 - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดพังงา( ศคท.จว. พง.ฯ) ได้รับการแจ้งจาก ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศปก.ศรชล.ภาค 3) เวลา 14.30 น. ว่า เกิดเหตุนักท่องเที่ยวประสบเหตุจมน้ำ บริเวณหน้าหาดแหลมปะการัง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหลัก เจ้าหน้าที่ กู้ภัยเพชรเกษมพังงา เขตเขาหลัก แพทย์จากศูนย์การแพทย์เขาหลัก พบว่า ผู้ประสบเหตุได้เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว

โดยเวลาประมาณ 14.00น ผู้ประสบเหตุจำนวน 4 คน ได้ลงไปวางอวนทับตลิ่งในพื้นที่หน้าชายหาดเเหลมปะการัง ในขณะกำลังวางอวนเกิดเหตุคลื่นทะเลดูด ทำให้ทั้ง 4 คนถูกกระแสน้ำดูดจมลงไปในทะเล โดยในจำนวน 3 คนสามารถช่วยเหลือตัวเองกลับขึ้นสู้ฝั่งได้ ส่วนตัวผู้ประสบเหตุอีก 1 คน ได้ถูกกระแสน้ำดูดและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ต่อมาเวลาประมาณ 15.30น. ได้พบร่างผู้ประสบเหตุคนดังกล่าวเสียชีวิตใกล้กับบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่ง ทราบชื่อในภายหลัง คือ นายสมประสงค์ รัตรานุสรณ์ เพศชาย สัญชาติไทย อายุ 53 ปี โดยแพทย์จากศูนย์การแพทย์เขาหลัก ได้ทำการสรุปสาเหตุและยืนยันการเสียชีวิตว่าเกิดจากการจมน้ำ รวมทั้งได้เเจ้งญาติให้ไปดำเนินการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เขาหลัก จังหวัดพังงา ไว้เป็นหลักฐาน ต่อไป


https://www.thaipost.net/district-news/561073/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 29-03-2024 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 29-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,300
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ปิดอันดามัน! กรมประมงประกาศปิดอ่าว3เดือนในฤดูวางไข่ ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ



กรมประมงประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ปิดอ่าว 3 เดือนในฤดูวางไข่ ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2567 เผยผลใช้มาตรการพบสัตว์น้ำมีความสมบูรณ์เพศสูง สัตว์น้ำวัยอ่อนมีความชุกชุม และแพร่กระจายหนาแน่นในพื้นที่ ส่งผลให้ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น 6.5 เท่าตัว

28 มีนาคม 2567 ที่ท่าเทียบเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2567 โดยมี นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กรมประมง สมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ และชาวประมงภูเก็ต ตรัง พังงาและ กระบี่ เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงเผยว่า เดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่สัตว์น้ำในบริเวณฝั่งทะเลอันดามัน เริ่มมีการผสมพันธุ์วางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ และคงความสมดุลทางธรรมชาติและระบบนิเวศให้ยั่งยืน ที่ผ่านมากรมประมงจึงได้มีการกำหนดและประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามันมาตั้งแต่ปี 2528 ในช่วง เม.ย.-มิ.ย. ของทุกปี เป็นระยะเวลา 90 วัน กำหนดเงื่อนไขการทำประมงในเขตพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ตั้งแต่ ปลายแหลมพันวา อ.เมืองภูเก็ต ลงไป ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ครอบคลุมพื้นที่ 4,696 ตร.กม. สำหรับปีนี้จะเริ่มใช้มาตรการ ระหว่าง 1 เมษายน ? 30 มิถุนายน 2567

อธิบดีกรมประมง ยังได้เผยถึงผลการศึกษาทางวิชาการของกองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล ปี 2566 พบว่า ในช่วงเวลาที่ใช้ มาตรการ สัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปลาผิวน้ำ อาทิ ปลาทู ปลาลัง ปลาสีกุนบั้ง และปลาหลังเขียว มีความสมบูรณ์เพศสูงถึงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ สัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดมีความชุกชุมและการแพร่กระจายหนาแน่นสูงในพื้นที่และช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนที่มีความหนาแน่นของสัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดสูงสุด 5,161 ตัวต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร และเมื่อพิจารณาอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมด เฉลี่ยจากเรือสำรวจประมงที่ทำการสำรวจ ในเขตมาตรการ พบว่า ช่วงก่อนมาตรการระหว่าง มาตรการ และหลังมาตรการ มีอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเท่ากับ 48.117 กิโลกรัม/ ชั่วโมง 114.925 กิโลกรัม/ชั่วโมง และ 316.600 กิโลกรัม/ชั่วโมง ตามลำดับ

โดยจะเห็นได้ว่าในระหว่างใช้มาตรการ อัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.3 เท่า และหลังมาตรการอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 6.5 เท่าของช่วงก่อนมาตรการ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า มาตรการปิดอ่าว สามารถทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในพื้นที่มาตรการมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น แสดงให้เห็นว่าพื้นที่และช่วงเวลามาตรการ ที่กำหนดขึ้น มีความถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับช่วงเวลาสัตว์น้ำที่มีไข่ วางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำและคงความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน" นายบัญชา กล่าวสรุป

กรมประมง ขอให้พี่น้องชาวประมงทุกคน ที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการปฎิบัติตามกฎหมายในมาตรการปิดอ่าวทะเลอันดามัน มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนและเกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพประมงต่อไป


https://www.naewna.com/local/795908

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:51


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger