เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทั้งนี้เนื่องจาก ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 25 - 26 กันยายน 2563 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 กันยายน 2563 ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้จะเคลื่อนตัวเข้ามาตามแนวร่องมรสุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26 - 29 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังอันตรายฝนตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 29 ก.ย. 63 ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ออสเตรเลียจำใจ ต้องทำการุณยฆาต วาฬ 4 ตัว เหนื่อยจนทรมาน หลังเกยตื้น

ออสเตรเลียต้องทำการุณยฆาต วาฬนำร่อง 4 ตัว หลังเกยตื้นที่เกาะแทสมาเนีย เพราะเหนื่อยจนทรมานเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้แล้ว หลังจากเพื่อนวาฬด้วยกันตายไปแล้วเกือบ 400



เมื่อ 24 ก.ย.63 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าวด้วยความเสียใจถึงเหตุการณ์มีฝูงวาฬนำร่องจำนวนหลายร้อยตัวมาเกยตื้นบริเวณชายหาดบนเกาะแทสมาเนีย ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย และมีวาฬตายไปแล้วประมาณ 380 ตัวว่า ขณะนี้มีวาฬนำร่อง 4 ตัวจะต้องถูกทำการุณยฆาต หรือทำให้ตายอย่างไม่เจ็บปวด เนื่องจากวาฬเหล่านี้มีอาการเหนื่อยล้าเกินไปที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว

คริส คาร์ลยอน เจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในทะเลอธิบายถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องตัดใจฆ่าวาฬให้ตายอย่างไม่เจ็บปวดว่า เป็นเรื่องที่มีมนุษยธรรมที่ดีที่สุดที่ต้องทำ เนื่องจากการพยายามช่วยชีวิตวาฬนำร่องทั้ง 4 ตัวกลับสู่ท้องทะเลนั้น ไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวังไว้

ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่พบวาฬนำร่องหลายร้อยตัวเกยตื้นที่เกาะแทสมาเนีย ทางตอนใต้ออสเตรเลียเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ก.ย.นั้น ทีมกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียสามารถช่วยวาฬนำร่องที่หลงมาเกยตื้นกลับสู่ท้องทะเลได้แล้ว 70 ตัว และยังมีความหวังกับวาฬอีก 20 ตัวที่อาจกลับสู่ท้องทะเลได้ แต่มีวาฬนำร่องตายไปแล้วนับ 400 ตัว ซึ่งการเกยตื้นของวาฬนำร่องครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียเลยทีเดียว หลังจากเคยมีฝูงวาฬ 320 ตัวมาเกยตื้นในปี 2539 .


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1936463

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ประมงเมืองคอนยึด "ลอบไอ้โง่" เครื่องมือทำลายล้างสัตว์น้ำ 225 ลูกกลางร่องน้ำ

นครศรีธรรมราช - ประมง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษตรวจยึด "ลอบไอ้โง่" เครื่องมือทำประมงจอมทำลายล้าง ดักสัตว์น้ำทุกชนิดได้ทุกขนาด ในร่องน้ำปากนครได้ถึง 225 ลูก ยาวกว่า 2 กิโลเมตร มูลค่านับแสนบาท



วันนี้ (24 ก.ย.) นายพรศักดิ์ ศักดิ์ธานี ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมประมง ได้เข้าทำการตรวจหาลอบไอ้โง่ หรือลอบพับ บริเวณร่องน้ำปากนคร ต.ปากนคร รอยต่อร่องน้ำปากพญา ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากสืบทราบว่า มีชาวประมงใช้เครื่องมือผิดกฎหมายชนิดนี้ลอบทำประมงในพื้นที่ อาศัยช่วงเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกำลัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจนพบว่า มีการวางลอบไอ้โง่เป็นแนวยาวกว่า 2 กิโลเมตร จึงทำการตรวจยึด โดยการสาวขึ้นจากร่องน้ำ พบว่า มีมากถึง 225 ลูก มีมูลค่าการลงทุนของชาวประมงผิดกฎหมายด้วยเครื่องมือจำนวนนี้สูงถึงกว่า 1 แสนบาท

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ลอบไอ้โง่ หรือลอบพับ หรือลอบรถไฟ เป็นเครื่องมือประมงทำลายล้างอย่างรุนแรง ดักสัตว์น้ำได้ทุกชนิด และทุกขนาด โดยเป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถมีไว้ในครอบครองหรือนำมาทำประมงได้ โดยการยึดลอบจำนวนสูงถึง 225 ลูกนี้ ชาวประมงใช้เงินลงทุนซื้อกว่า 1 แสนบาท ขณะที่เข้าทำการตรวจยึดไม่พบว่ามีเจ้าของหรือผู้แสดงตัวอยู่ในบริเวณการตรวจยึด สำหรับพื้นที่บริเวณอ่าวปากนคร และอ่าวปากพญา จะมีกลุ่มประมงผิดกฎหมายคือกลุ่มลอบไอ้โง่ และกลุ่มคราดหอยเถื่อนประมาณ 30-40 ลำ โดยจะอาศัยช่วงเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนกำลังเข้าทำประมงผิดกฎหมายเนื่องจากมีผลตอบแทนสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง

ส่วนลอบไอ้โง่ทั้ง 225 ลูก เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดแล้วนำความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนหาเจ้าของมาดำเนินคดีแล้ว


https://mgronline.com/south/detail/9630000098043

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


งามขนาด! แสงสุดท้ายในอ่าวพังงาพร้อมชมฝูงปูมดแดงนับล้านตัวที่หาดตั้งเลน



ที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา นายสมพร สาระการ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนฯ นำผู้สื่อข่าวลงเรือหัวโทง ซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านของชุมชนในทะเลอันดามันลัดเลาะไปตามลำคลองมะรุ่ย มุ่งสู่หาดตั้งเลน และภูเขาสองพี่น้อง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหมากน้อย

ในช่วงที่น้ำลงสุดหาดตั้งเลนก็จะโผล่ขึ้นมาบนผืนทรายจะพบกับฝูงปูขนาดจิ๋วที่เรียกกันว่าปูมดแดง นับล้านตัว คลานหากินอยู่บนผืนทราย เมื่อเราเข้าไปใกล้พวกมันก็จะมุดตัวซ่อนในผืนทรายทันที จึงต้องอยู่นิ่งเพื่อดูพวกมันหากิน และในช่วงที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า บรรยากาศแสงและสีของท้องฟ้ากับผิวน้ำและหาดทราย ประกอบเป็นภาพที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์จนไม่อยากรีบกลับเข้าฝั่ง

สำหรับปูมดแดงหรือปูทหาร จะอาศัยอยู่ในรูในพื้นทราย อาศัยช่วงเวลาน้ำลงแล้วจึงออกมาจากรูหากิน เมื่อน้ำขึ้นหรือเมื่อมีภัยก็จะหนีลงรู แล้วใช้ทรายปิดปากรู มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ที่หาดตั้งเลน บ้านโคกไคร เป็นจุดที่พบประชากรปูมดแดงมากที่สุดในประเทศไทย จึงกลายเป็นอีก 1 จุดเป้าหมายของการท่องเที่ยวชุมชนของจังหวัดพังงา สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อคุณสมพร ได้ที่เบอร์ 087-886-0465


https://www.naewna.com/likesara/520780

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ออสเตรเลียจำใจจบชีวิตวาฬเกยตื้นไม่ให้ทรมาน



แมคควอรีฮาร์เบอร์ 24 ก.ย.- ทีมกู้ภัยชาวออสเตรเลียจำใจเริ่มกระบวนการจบชีวิตวาฬเกยตื้นจำนวนหนึ่งในวันนี้ เพื่อไม่ให้พวกมันทรมานจนตาย หลังจากฝูงวาฬเกยตื้นตายไปแล้ว 380 ตัว

เจ้าหน้าที่อุทยานและสัตว์ป่ารัฐแทสเมเนียเผยว่า ช่วยวาฬนำร่องได้แล้ว 88 ตัว นับจากพบพวกมันมาเกยตื้นชายฝั่งขรุขระ ทางฝั่งตะวันตกของรัฐ เมื่อ 4 วันก่อน ขณะนี้ยังมีวาฬมีชีวิตอยู่จำนวนหนึ่ง ทีมกู้ภัยจะพยายามช่วยต่อไปจนถึงวันพรุ่งนี้ โดยมุ่งเน้นตัวที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด เป็นวาฬประมาณ 20-25 ตัวที่กึ่งเกยตื้นกึ่งจมน้ำ ทีมกู้ภัยจะใช้เรือติดสลิงพิเศษนำทางพวกมันกลับไปที่ทะเลเปิดอีกครั้ง

กลุ่มนักอนุรักษ์และอาสาสมัครประมาณ 60 คน ลุยน้ำเย็นจัดช่วยเหลือวาฬนำร่องเกยตื้นในปากน้ำแมคควอรีฮาร์เบอร์มาตลอดหลายวัน หลายตัวส่งเสียงร้องอย่างทุรนทุราย เพราะใกล้ตาย นักกู้ภัยคนหนึ่งเผยว่า เป็นภาพที่สะเทือนอารมณ์มาก วาฬตัวอื่นๆ ว่ายเข้ามาใกล้และส่งเสียงร้อง แสดงถึงความผูกพันระหว่างพวกมัน วาฬนำร่องเป็นสัตว์สังคม ตัวโตเต็มที่หนัก 1 ตัน ยาว 6 เมตร วาฬบางตัวที่ได้รับการช่วยเหลือให้ออกจากฝั่ง กลับมาเกยตื้นอีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้ทีมกู้ภัยต้องเริ่มกระบวนการจบชีวิต โดยได้รับความช่วยเหลือจากสัตวแพทย์เพื่อไม่ให้ทรมานจนตาย วันนี้ได้เริ่มไปแล้ว 4 ตัว

จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่สามารถไขปริศนาที่ทำให้วาฬพากันมาเกยตื้นแม้ศึกษาเรื่องนี้มาหลายทศวรรษ บางคนสันนิษฐานว่า วาฬนำร่องอาจหลงทางหลังจากเข้ามาหาอาหารใกล้ฝั่ง หรืออาจว่ายมาตามสมาชิกในฝูงที่พลัดหลง นักชีววิทยาทางทะเลคนหนึ่งระบุว่า วาฬเกยตื้นหมู่เกิดขึ้นบ่อยทางตอนใต้ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่คนไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก ตราบใดที่ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้.-


https://tna.mcot.net/world-546601

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


เมื่อพลาสติกย้อนกลับมาในห่วงโซ่อาหารและซ่อนอยู่ในวัตถุดิบที่เรากิน

- นักวิจัยจาก University of Catania ในอิตาลีค้นพบเศษชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กในผลไม้และผักบางชนิดเช่น แครอท ผักกาดหอม แอปเปิ้ลและลูกแพร์
ไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าไปในรากของผักกาดหอมและลำต้นข้าวสาลี นอกจากนี้รากของพืชยังดูดซับนาโนพลาสติก ดังนั้นผลไม้และผักจึงเป็นแหล่งสะสมไมโครพลาสติกจากน้ำและดินที่ปนเปื้อนอยู่แล้ว

- สถาบันผู้บริโภคของฮ่องกงรายงานว่าพบไมโครพลาสติกในเกลือที่นำมาทดสอบกว่า 20% จากปริมาณเกลือทั้งหมด โดยพบอนุภาคไมโครพลาสติกประมาณ 114 ? 17,200 มิลลิกรัม ในเกลือทดลอง 1 กิโลกรัม

- การหยุดกินอาหารที่มีไมโครพลาสติกปนเปื้อนเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะยิ่งเราเพิกเฉยไม่เริ่มแก้ปัญหามลพิษอย่างจริงจัง เราก็จะกินมันเข้าไปมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

- การลดการผลิตพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่บริษัทต้นทางก็คือลดการผลิตพลาสติกที่ไม่จำเป็น ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตก็ลดใช้พลาสติกในปริมาณที่มากเกินไป ดังนั้นยิ่งเราลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งได้เร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งลดความเสี่ยงของการกินไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายได้มากเท่านั้น

แน่นอนว่าอาหารคือปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของเราทุกคน และวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหารจะต้องสะอาดและมีคุณภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน วัตถุดิบที่เราใช้ทำอาหารนั้นมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่ งานวิจัยล่าสุดที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของร่างกายจากมลพิษพลาสติกแสดงให้เห็นแล้วว่าวัตถุดิบหลายประเภทที่เรากินมีปริมาณไมโครพลาสติกปนเปื้อน จากขยะที่เราทิ้งในตอนนี้พวกมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อาหารของพวกเราแล้ว


ผักผลไม้ และอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ? Greenpeace / Zamyslov Slava

การหยุดกินอาหารที่มีไมโครพลาสติกปนเปื้อนเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะยิ่งเราเพิกเฉยไม่เริ่มแก้ปัญหามลพิษอย่างจริงจังเราก็จะกินมันเข้าไปมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว


1.ผักและผลไม้

นักวิจัยจาก University of Catania ในอิตาลีค้นพบเศษชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กในผลไม้และผักบางชนิดเช่น แครอท ผักกาดหอม แอปเปิ้ลและลูกแพร์

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่พบปริมาณไมโครพลาสติกเยอะที่สุดในบรรดาผลไม้ที่นำมาทดสอบ โดยพบปริมาณไมโครพลาสติกในแอปเปิ้ล 1 กรัม เฉลี่ย 195,500 ชิ้น ในขณะที่ลูกแพร์มีปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ย 189,500 ชิ้นต่อ 1 กรัม ส่วนบล็อคโคลี่และแครอท เป็นผักที่พบไมโครพลาสติกมากที่สุดโดยพบไมโครพลาสติกในปริมาณมากกว่า 100,000 ชิ้นต่อผัก 1 กรัม


สินค้าหลายๆชนิดรวมทั้งผลไม้อย่างแอปปิ้ลที่ขายในห้างสรรพสินค้ามักถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ? Patrick Cho / Greenpeace

ผลการศึกษาทั้ง 2 ชิ้นถูกเผยแพร่ก่อนที่จะมีการพบว่าไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าไปในรากของผักกาดหอมและลำต้นข้าวสาลี นอกจากนี้รากของพืชยังดูดซับนาโนพลาสติก ดังนั้นผลไม้และผักจึงเป็นแหล่งสะสมไมโครพลาสติกจากน้ำและดินที่ปนเปื้อนอยู่แล้วนั่นเอง

ซีออน ชาน ผู้ประสานงานรณรงค์ของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก ในฮ่องกง กล่าวว่า "เรากินปริมาณไมโครพลาสติกเกือบทั้งหมดที่สะสมอยู่ในแอปเปิ้ลได้เพียงกัดแค่หนึ่งคำ สิ่งที่เราทำได้เพื่อทำให้ปัญหาการสะสมของไมโครพลาสติกนี้ทุเลาลงคือ การลดการผลิตพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่บริษัทต้นทางก็คือลดการผลิตพลาสติกที่ไม่จำเป็น ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตก็ใช้พลาสติกในปริมาณที่มากเกินไป ดังนั้นยิ่งเราลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวได้เร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งลดความเสี่ยงของการกินไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายได้มากเท่านั้น"


2.เกลือ

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2563 สถาบันผู้บริโภคของฮ่องกงรายงานว่าพบไมโครพลาสติกในเกลือที่นำมาทดสอบกว่า 20% จากปริมาณเกลือทั้งหมด โดยพบอนุภาคไมโครพลาสติกประมาณ 114 ? 17,200 มิลลิกรัม ในเกลือทดลอง 1 กิโลกรัม ยิ่งไปกว่านั้นตัวอย่างการทดลองนี้ยังแสดงให้เห็นว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้มาจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งประเภทโพลีโพรพิลีน (Polypropylene:PP)

นอกจากนี้ จากงานวิจัยที่กรีนพีซ เอเชียตะวันออกทำร่วมกับมหาวิทยาลัย Incheon National University ในเกาหลีใต้พบว่า เกลือที่นำมาทดสอบทั้งหมด 39 แบรนด์ จาก 21 ประเทศมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนมากกว่า 90% เกลือเหล่านี้ยังคงถูกจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าออนไลน์ และเมื่ออ้างอิงจากผลวิจัยในระดับสากลแล้ว เป็นไปได้ว่ามนุษย์เราอาจบริโภคอนุภาคไมโครพลาสติกเข้าไปประมาณ 20,000 ชิ้นต่อปี เมื่อบริโภคเกลือปริมาณเฉลี่ย 10 กรัมต่อวัน


3.ปลากระบอกเทา (Flathead Grey Mullet)


จากการทดลองของมหาวิทยาลัย The Education University of Hong Kong ใน พ.ศ.2560 พบไมโครพลาสติกในปลากระบอกเทาถึง 60% ? Greenpeace

จากการทดลองของมหาวิทยาลัย The Education University of Hong Kong ใน พ.ศ.2560 พบไมโครพลาสติกในปลากระบอกเทาถึง 60% โดยพบปริมาณเฉลี่ย 4.3 ชิ้น ต่อปลา 1 ตัว และยังพบไมโครพลาสติกในปลาทะเลและปลากระบอกเทาที่ซื้อจากตลาดปลาอื่น ๆ อีกด้วย


พลาสติกปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหารได้อย่างไร?

ไมโครพลาสติกเป็นพลาสติกที่แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก (มีขนาดความยาวน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร) ไมโครพลาสติกนี้เกิดจากพลาสติกที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน เช่น บรรจุภัณฑ์จากซูเปอร์มาร์เก็ต ตาข่ายโฟมห่อผลไม้ ถุงพลาสติกใส่ขนมปัง และอื่น ๆ มีรายงานว่า ในแต่ละปีมีพลาสติกมากกว่า 112 ตันในฮ่องกงถูกทิ้งเป็นขยะไหลลงทะเล พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยหลักของมลพิษพลาสติก


พบไมโครพลาสติกในปลากระบอกเทาถึง 60% โดยพบปริมาณเฉลี่ย 4.3 ชิ้น ต่อปลา 1 ตัว ? Greenpeace

ไมโครพลาสติกเป็นพลาสติกชิ้นเล็ก ๆ ที่หลุดรอดลงไปในมหาสมุทรได้จากการบำบัดน้ำเสีย พลาสติกเหล่าที่ไม่ได้ละลายหายไปไหน เพียงแต่แตกตัวเป็นชิ้นเล็กลง จนเป็นอาหารของแพลงก์ตอนและหอยต่าง ๆ ทำให้ไมโครพลาสติกเข้าไปในห่วงโซ่อาหาร


มลพิษไมโครพลาสติกส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพเรา

ไมโครพลาสติกส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์น้ำ เช่น ทำให้ลำไส้ของปลาเกิดความผิดปกติ สารเคมีในไมโครพลาสติกจึงอาจเป็นพิษและคุกคามสุขภาพมนุษย์ ในไมโครพลาสติกมีกลุ่มสารมลพิษตกค้างยาวนาน หรือ persistent organic pollutants (POPs) เช่น ยาฆ่าแมลงและพลาสติกไซเซอร์ หรือแม้กระทั่งส่วนประกอบในพลาสติกประเภท PE และ PP ดังนั้น สุขภาพของเราตกอยู่ในความเสี่ยงทุกครั้งที่กินอาหารที่มีพลาสติกหรือไม่โครพลาสติกปนเปื้อน


เราจะแก้วิกฤตนี้ได้อย่างไร?

มลพิษพลาสติกถือเป็นวิกฤตของความสะดวกสบาย ซึ่งความสะดวกสบายนี้เองทำให้สุดท้ายเราต้องเผชิญกับกองขยะพลาสติกในปริมาณมหาศาลดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ทุกกลุ่มในวงจรพลาสติกต้องหันมาลดพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือการผลิต

ผู้ผลิตและภาคธุรกิจต้องลดการผลิตที่ไม่จำเป็นลง แล้วหันมาใช้ระบบมัดจำ ระบบเติม และมุ่งผลิตบรรจุภัณฑ์แบบใช้ซ้ำแทน รวมถึงระบบเก็บรวบรวมขยะเพื่อนำเข้าสู่ระบบหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ส่วนภาครัฐเองก็ควรออกนโยบายขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) เพื่อผลักดันให้ภาคธุรกิจคำนึงถึงการลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการจัดการไม่ให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม ในส่วนของผู้บริโภค นอกเหนือจากการลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ยังจำเป็นต้องร่วมกันส่งเสียงบอกภาครัฐและภาคเอกชนให้มีนโยบายลดใช้พลาสติกอย่างจริงจังและทันที และพร้อมสนับสนุนสินค้าที่ลดใช้พลาสติกเหล่านั้น

เราต้องการคุณเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการลดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงในชีวิตประจำวัน สิ่งสำคัญคือเราไม่อาจกู้วิกฤตมลพิษพลาสติกด้วยเพียงแค่การรีไซเคิล ถึงเวลาแล้วที่บริษัททั้งหลายต้องบอกลาพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวไปพร้อมกัน ลงชื่อบอกบริษัทผู้ผลิตให้ยุติการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมทั้งสนับสนุนให้ซูเปอร์มาร์เก็ตลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง พัฒนา "ระบบเติม" ให้ลูกค้านำภาชนะมาเติมผลิตภัณฑ์ได้เอง


https://www.greenpeace.org/thailand/...-microplastic/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:38


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger