เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 04-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลัง อ่อนลง ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 - 4 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 9 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 - 4 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบถึงวันที่ 4 มีนาคม 2564)" ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 04 มีนาคม 2564

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย โดยจะมีผลกระทบดังนี้

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร และบึงกาฬ

ภาคกลาง: จังหวัดชัยนาท กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 04-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


วิจัยโลมา มีลักษณะบุคลิกภาพคล้ายคลึงกับมนุษย์และสัตว์ในตระกูลไพรเมต



รูปแบบบุคลิกภาพของมนุษย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุด ถูกกำหนดด้วยลักษณะ 5 ประการ ได้แก่ การเปิดรับประสบการณ์, ความพิถีพิถัน, ความสนใจต่อสิ่งภายนอก, ความยินยอมเห็นใจ และความไม่เสถียรทางอารมณ์ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมพฤติกรรมของมนุษย์ถึงมีลักษณะทั้ง 5 ประการนี้ ดังนั้นวิธีหนึ่งในการหาคำตอบก็คือการเปรียบเทียบมนุษย์กับสัตว์อื่นๆ

นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮัลล์ ในอังกฤษ มองเห็นว่าเปรียบเทียบกับโลมานี่แหละเหมาะที่สุด เนื่องจากโลมาเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดและอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มสังคมเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่กลับมีความแตกต่างกันมาก ตรงที่โลมามีสมองที่ใหญ่กว่าสิ่งที่ร่างกายต้องการสำหรับการทำงานขั้นพื้นฐานของร่างกาย สสารส่วนเกินในสมองจึงกลายเป็นพลังขับเคลื่อนความสามารถด้านความฉลาดเป็นหลัก

นักจิตวิทยาเผยว่าได้ศึกษาโลมาปากขวด 134 ตัวจากสถานที่เลี้ยงโลมา 8 แห่งจากทั้งโลก เป็นโลมาเพศผู้ 56 ตัวและเพศเมีย 78 ตัว โดยประเมินบุคลิกภาพของโลมาแต่ละตัวด้วยการใช้แบบสอบถามสำหรับเจ้าหน้าที่ สิ่งที่ค้นพบก็คือโลมามีลักษณะบุคลิก ภาพที่คล้ายคลึงกับมนุษย์และสัตว์ในตระกูลไพรเมต โดยเฉพาะความอยากรู้อยากเห็นและความเป็นกันเอง.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2039117

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 04-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตื่น! หาดทรายอ่าวนาง จ.กระบี่ กลายเป็นสีดำ

กระบี่ - ตื่น! หาดทรายอ่าวนาง กลายเป็นสีดำ พบเป็นสาหร่ายสีเขียวถูกคลื่นซัดเกลื่อน คาดเกิดจากปรากฏการณ์น้ำทะเลร้อน



วันนี้ (3 มี.ค.) นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กว่า 30 คน ร่วมกับ อบต.อ่าวนาง ผู้ประกอบการ พนักงานโรงแรมย่านอ่าวนาง ได้ระดมกำลังกำจัดสาหร่ายสีเขียวที่ถูกคลื่นซัดกระจายบริเวณชายหาดอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตลอดแนวชายหาดระยะทางรวมกว่า 5 กิโลเมตร ขณะที่ทางโรงแรมดุสิต ได้นำรถบีชคลีนนิ่งมาช่วยทำความสะอาดสาหร่ายบริเวณชายหาดเพื่อความรวดเร็ว

นายประยูร กล่าวว่า สาเหตุที่สาหร่ายสีเขียวลอยมาติดชายหาดจำนวนมาก คาดว่าเกิดจากกระแสคลื่นใต้น้ำพัดแรงเข้าสู่ชายฝั่ง ประกอบกับอุณหภูมิของน้ำทะเลร้อนขึ้น ทำให้สาหร่ายสีเขียว หรือที่ชาวบ้านรู้จัก ตะไคร่น้ำ ที่อยู่ลึกประมาณ 10-30 เมตร ตาย จะลอยขึ้นมาตามแรงคลื่นกองตามชายหาด บางส่วนถูกกระแสน้ำพัดลอยไปมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำ บางส่วนกองบนชายหาดถูกแสงแดดจนแห้งติดกับผืนทราย นอกจากนี้ ยังพบสัตว์ทะเลจำพวกทาก ลอยติดมาด้วยแล้วตายลง ส่งกลิ่นตลบอบอวลคล้ายปลาเค็มตากแห้ง



หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว เป็นสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งหรือชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่าตะไคร่น้ำ ซึ่งจะพบมากในช่วงหน้าร้อนนี้ของทุกปี แต่ปีนี้พบมากที่สุดในรอบ 10 ปี สาหร่ายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ถูกคลื่นใต้น้ำพัดเข้าฝั่ง เมื่อน้ำลดจะกองเรียงรายจำนวนมาก นอกจากนี้.ยังพบว่ามีสัตว์ทะเลจำพวกทากเกาะติดมาด้วยแล้วตายลง เริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็นสร้างความรำคาญ จึงต้องรีบเก็บเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดอ่าวนาง สาหร่ายที่เก็บได้คาดว่าไม่น้อยกว่า 20 ตัน


https://mgronline.com/south/detail/9640000020814

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 04-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


นักประดาน้ำชั้นครู จมทะเลสองห้อง แหล่งน้ำที่ลึกสุดในทวีปเอเชีย

นักประดาน้ำชั้นครู จมทะเลสองห้อง แหล่งน้ำที่ลึกสุดในทวีปเอเชีย เผยที่แห่งนี้มีการเสียชีวิตอยู่แทบทุกปี เพราะเป็นที่นิยมของนักดำน้ำลึก



วันที่ 3 มี.ค. ร.ต.อ.อนันต์ พานิชกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในสวนสาธารณะทะเลสองห้อง หมู่ 6 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จึงพร้อมด้วยแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าทำการสอบสวน

ที่เกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในชุดนักประดาน้ำพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำลึกเสียชีวิตอยู่บนผิวน้ำ เจ้าหน้าที่จึงกู้ร่างขึ้นมาปลดอุปกรณ์ออกจากร่าง ทราบชื่อคือ นายต่อศักดิ์ วรินทร์ชัยกมล อายุ 47 ปี อยู่ชุดประดาน้ำ ไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายต่อศักดิ์ พร้อมเพื่อนที่เป็นนักดำน้ำลึกได้นัดหมายกันมาดำน้ำชมทะเลสองห้อง โดยได้ลงดำไปด้วยความเชี่ยวชาญในการดำลงในน้ำลึก ขณะที่อุปกรณ์วัดระดับน้ำของนายต่อศักดิ์ นั้นได้ระบุถึงระดับที่ดำลงไปลึก 79.4 เมตร ใช้เวลาในการดำน้ำ 25 นาที จึงสันนิษฐานว่าขณะที่กำลังลอยตัวขึ้นจากระดับความลึกอาจเกิดภาวะน้ำหนีบทำให้หมดสติและเสียชีวิตจนอุปกรณ์พาลอยขึ้นมาจนถึงผิวน้ำ

สำหรับแหล่งดำน้ำ "ทะเลสองห้อง" เป็นแหล่งน้ำจืด มีลักษณะมีความลึกที่ยังไม่มีใครสามารถวัดได้ โดยนักวิชาการได้ระบุสัณฐานธรณีวิทยาว่า เป็นปล่องภูเขาไฟสมัยดึกดำบรรพ์ที่หมดสภาพไปแล้ว และกลายเป็นโพรงถ้ำลึกที่มีน้ำท่วมขัง โดยมีการคาดการณ์ว่าแหล่งน้ำนี้มีความลึกที่สุดในทวีปเอเชีย เป็นที่นิยมชื่นชอบของนักดำน้ำลึกด้วยอุปกรณ์ชั้นสูง และแม้ว่าผู้ที่เข้าดำน้ำในทะเลสองห้องล้วนแต่เป็นนักดำน้ำชั้นครู กลับปรากฎว่ามีการเสียชีวิตอยู่แทบทุกปี


https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6063561


*********************************************************************************************************************************************************


อุทยานฯ ลุยแจ้งจับมือบอน หักปะการังเขากวาง เกาะทะลุ พังพินาศกว่า 4 หมื่นกิ่ง

อุทยานฯ อ่าวสยาม แจ้งจับมือบอน หักกิ่งปะการังเขากวาง สัตว์ป่าคุ้มครอง ที่เกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์ คาดเสียหายกว่า 4 หมื่นกิ่ง



เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรใต้น้ำ ชุมชนบ้านปากคลอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่ภาพและคลิปวีดีโอแปลงปลูกปะการังเขากวาง ถูกหักกิ่งหรือถูกตัดยอดไปจากใต้ทะเลเกาะทะลุ ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เบื้องต้น นายประจักษ์ ทองรัตน์ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรใต้น้ำ ชุมชนบ้านปากคลอง คาดการณ์ว่าปะการังเขากวางเกาะทะลุ ถูกตัดไปกว่า 4 หมื่นกิ่ง บนพื้นที่กว่า 1 ไร่

ต่อมานายภัทร อินทรไพโรจน์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย

โดยลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเตรียมเอาผิดกับบุคคลที่หักกิ่งปะการังจนได้รับความเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากปะการังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และจะให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ดำน้ำตรวจสอบความเสียหายบริเวณจุดดังกล่าว เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมด้วย



สำหรับเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่สำคัญของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบปะการังสวยงามจำนวนมากบริเวณอ่าวมุก อ่าวใหญ่ และอ่าวเทียน ที่ผ่านมาภาคเอกชนได้ดำเนินโครงการปลูกปะการัง เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังที่เสื่อมโทรม ต่อเนื่องหลายปีจนประสบผลสำเร็จ โดยใช้ท่อพีวีซีเป็นแปลงปลูกและใช้กิ่งพันธ์ุในธรรมชาติที่ด้านหลังช่องทะลุ

ต่อมามีโครงการปลูกปะการังของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) โดยว่าจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการปลูกปะการังเพื่อฟื้นฟูปะการังที่เสื่อมโทรมเช่นเดียวกัน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและในปีนี้มีผู้รับเหมารายใหม่เข้ามารับจ้างปลูกปะการังแทนรายเดิม เพิ่งเริ่มปลูกปะการังในช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาเท่านั้น โดยทางผู้รับเหมายืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด และระเบียบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) โดยไม่มีการตัด หรือหักจากแปลงเดิมมาปลูก แต่ใช้วิธีเก็บกิ่งพันธ์ุในธรรมชาติที่หักหล่นแล้วมาปลูกเท่านั้น

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เปิดเผยว่า เมื่อทราบเรื่องได้มอบหมายให้ นางสุมณา ขจรวัฒนากุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ล่าสุดได้รับรายงานว่า ทีมนักวิชาการ นำโดย ดร.ลลิตา ปัจฉิม จะลงพื้นที่ตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค. 2564)


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6064092

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 04-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


ชาวปัตตานีผวาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง วอนหน่วยงานช่วยดูแล



3 มี.ค.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานปัญหาทะเลกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ ม.1 และ ม.2 บ้านปาตา ต.ตะโละกาโป อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยปีนี้ถือว่ามีความรุนแรง โดยช่วงลมมรสุมจะมีคลื่นลมแรง คลื่นสูง 3-4 เมตร และกัดเซาะชายฝั่งเข้ามาอย่างรุนแรงบ้านเรือนได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวที่อยู่แนวชายฝั่งถูกซัดเสียหายไปแล้วกว่า 3 หลัง และมีแนวโน้มเสียหายเพิ่มขึ้น ซึ่งชาวบ้านที่นี่โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่บริเวณแนวริมฝั่งต้องอยู่ด้วยความระหวาดระแวง และกลัวว่าหากไม่แก้ปัญหาโดยเร็ว ในไม่ช้าก็จะถูกทะเลซัดบ้านพังไปหมดทั้งตลอดแนวชายฝั่ง

ชาวบ้านที่นี่ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐมาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาอย่างเป็นจริงเป็นจัง มีเพียงกระสอบทรายที่ชาวบ้านการแก้ปัญหาในเบื้องต้น โดยชาวบ้านช่วยกันบรรจุทรายใส่ในกระสอบ และนำมาวางไว้ตลอดแนวความยาวชายฝั่ง เพื่อเป็นแนวกั้น แต่ก็ยังไม่สามารถต้านแรงคลื่นทะเลได้ ด้วยมีคลื่นสูงทำให้ซัดกระสอบทรายกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ได้รับความเสียหาย ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐลงมาพบปะผู้นำชุมชน หารือการแก้ปัญหาเรื่องนี้ พร้อมทั้งแจกข้าวสารอาหารแห้งให้กับชาวบ้านที่นี่ เพื่อเป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ

นางสาวสานียะ อาแว อายุ 37 ปี ชาวบ้านอาศัยอยู่ติดทะเล เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีคลื่นสูง แต่ละครั้งคลื่นก็จะซัดเข้าในหมู่บ้าน และมีลมแรงมาก ชาวบ้านอยู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะมาอีกเมื่อไร เพราะที่นี่คลื่นซัดเข้ามาอยู่ตลอด ตอนนี้ตนอยู่ไม่ได้ กังวลและกลัวว่าคลื่นจะซัดเข้าไปอีก อีกทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ก็อยู่ริมทะเล และติดกับบ้านของตน กลัวว่าคลื่นจะซัดจนอ่างเก็บน้ำถล่มบ้านของตน หากถล่มลงมาทับบ้านตน ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนแล้ว ตอนนี้ระหวาดระแวงมาก เวลากลางคืนต้องออกมาดูตลอด หากไม่แก้ไขปัญหาในปีนี้ ปีหน้าบ้านเรือนของประชาชนก็จะพังหมด

นายอิสมะแอ สาฮะ ผญบ. ม.1 บ้านปาตา ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง เปิดเผยว่า ลักษณะของการกัดเซาะชายฝั่งหายไปประมาณ 50 เมตร บ้านเรือนของชาวบ้านก็ได้รับความเสียหาย อีกทั้งเรือประมงขนาดเล็กก็พังไปหลายลำ ล่าสุดบ้านเรือน 2 หลังพังเสียหาย เบื้องต้นมีการเยียวยา แจกข้าวสารอาหารแห้ง ตอนนี้ผู้อาศัยทั้ง 2 หลังก็ย้ายไปอยู่บ้านญาติแล้ว สำหรับเรื่องนี้ก็อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหา ลงพื้นที่มาตรวจสอบ และประเมินว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะเป็นปัญหาซ้ำซาก หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบหนัก


https://www.thaipost.net/main/detail/94935

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:53


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger