เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 12-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับมีหมอกหนาบางพื้นที่บริเวณประเทศไทยตอนบน ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 12 ? 13 ก.พ. 65 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 14 ? 16 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่

หลังจากนั้นในวันที่ 17 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณหัวเกาะสุมาตรา ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 13 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 ? 16 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565

ในช่วงวันที่ 12?13 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้


วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง: จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด


วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 12-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


แชร์ว่อน น้ำในคลองเปลี่ยนเป็นสีขาวข้นคล้ายน้ำนม เชื่อเกิดจากโรงงานในพื้นที่ปล่อยน้ำเสีย

กระบี่ ? แชร์ว่อน! น้ำในคลองบ้านทุ่ง ต.เขาคราม จ.กระบี่ เปลี่ยนสี กลายเป็นสีขาวข้น คล้ายน้ำนม ชาวบ้านเชื่อเกิดจากโรงงานยางแห่งหนึ่งปล่อยน้ำเสียลงคลอง จี้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดการขั้นเด็ดขาด



วันนี้ ( 11 ก.พ.) ชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านทุ่ง ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ได้นำคลิปวีดีโอ ซึ่งเป็นภาพของน้ำสีขาวขุ่นข้น ภายในลำคลอง พร้อมข้อความ "คนเขาคราม ตะลึง รวยกันแล้ว น้ำในคลองกลายเป็นน้ำนม สร้างมูลค้าโดยไม่ต้องพึ่งพาหน่วยงานราชการ" มาโพสต์ลงบนเฟสซบุ๊ก พร้อมกับบรรยายว่า ตอนนี้โรงงานกำลังถ่ายน้ำลงคลอง เชื่อว่าเป็นน้ำจากบ่อบำบัดน้ำเสียภายในโรงงานยางแห่งหนึ่งในพื้นที่ และมีการแชร์ต่อๆ กันจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารโรงงาน เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนว่า โรงงานแห่งนี้มีการปล่อยน้ำเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ทางโรงงานรับปากว่าจะแก้ไขให้ ทั้งปัญหาน้ำเสียและกลิ่นเหม็น แต่ผ่านมาไม่ถึง 10 วัน ก็มาเกิดเหตุน้ำสีขาวข้นเต็มคลอง

ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรม จ.กระบี่ นายอรุณ ภูมิภมร นายก อบต.เขาคราม นายกิตติ กิตติธรกุล เลขานุการนายก อบจ.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ในพื้นที่ ได้มีการเข้าตรวจสอบพบว่าโรงงานยางมีการปล่อยน้ำเสียและปล่อยกลิ่นเหม็นจากขบวนการผลิต และให้โรงงานยางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งโรงงานรับปากว่าจะแก้ปัญหาให้ แต่ผ่านมาไม่ถึง 10 วัน พบว่าในคลองที่อยู่ข้างโรงงาน เกิดน้ำเปลี่ยนสี กลายเป็นสีขาวขุ่นข้น ก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นอีก

สำหรับโรงงานดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการปล่อยน้ำเสียลงคลอง และมีกลิ่นเหม็น ทำให้น้ำในคลองเน่าทั้งคลองจนชาวบ้านทนไม่ไหวรวมตัวเรียกร้อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและได้มีการแก้ไข ได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าโรงงานจะอ้างว่าไม่ได้ปล่อยก็ตาม แต่จู่ๆในวันนี้ ได้มีการปล่อยน้ำเสียลงคลองอีก อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและแก้ไขเร่งด่วน เพราะปัญหาน้ำเสียกลิ่นเหม็นเกิดซ้ำซาก


https://mgronline.com/south/detail/9650000014303


*********************************************************************************************************************************************************


ฟาดอีก! "หยุดสร้างกำแพงกันคลื่น โซน 3 หาดปราณบุรี"

ชายหาดนี้อาจจะหายไปตลอดกาล ..เนื่องจากหาดทรายจะถูกแทนที่ด้วยเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ( กว้าง 15-18 เมตร ยาว 250 เมตร )



แคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมที่สังคมเฝ้าจับตา ออกมาเรียกร้องผ่าน change.org ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหยุดสร้างเขื่อนกันคลื่นบนหาดทรายผืนสุดสุดท้ายใน อ.ปราณบุรี พื้นที่โซน 3 ( ชายหาดหน้าศาลเสด็จเตี่ย) ความยาวเขื่อนฯ ประมาณ 250 โดยตั้งข้อสังเกตุไว้ 3 ประเด็น

เจ้าของแคมเปญ 'เอ รักเลปราณ' ตั้งใจจะนำรายชื่อไปยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะอาจเป็นโอกาสสุดท้าย ก่อนหาดแห่งนี้จะหายไปตลอดกาล ล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนในแคมเปญของ ฅนรักทะเลและชายหาดปากน้ำปราณ แล้ว 1,891 คน ขอแรงช่วยให้ถึง 2,500 รายชื่อ! หยุดการสร้างเขื่อนกันคลื่นขั้นบันไดที่ชายหาดศาลเสด็จเตี่ย อ.ปราณบุรี

เราเตรียมตัวจะเดินทางเพื่อจะไปยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ กทม. เพื่อขอให้ท่านอธิบดีฯช่วยยกเลิกการสร้างเขื่อนกันคลื่นที่ชายหาดศาลเสด็จเตี่ย ชายหายสุดท้ายของพวกเรา ณ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ( For the last beach )...

* โครงการเขื่อนกันคลื่นป้องกันการกัดเซาะและการปรับภูมิทัศน์ ความยาว 900 เมตร ต.ปากน้ำปราณ ( เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ปี 2562 และจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 )

* โครงการดังกล่าวแบ่งเป็น 3 โซน : โซนที่ 1 และ 2 ความยาวรวมกันประมาณ 600 เมตร เราไม่ได้ทำการคัดค้านใดๆในพื้นที่ โซนที่ 1และ 2 เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการกัดเซาะจริงครับ...

* แต่เราขอคัดค้านเฉพาะพื้นที่โซนที่ 3 ( ชายหาดหน้าศาลเสด็จเตี่ย) ความยาวเขื่อนฯประมาณ 250 เมตร (จากโครงการ 900 เมตร ) โดยตั้งข้อสังเกตุ 3 ข้อ ถึงเหตุผลที่ควรยกเลิกการสร้างเขื่อนฯในโซนที่ 3 (เหลือเพียงแค่ทำการปรับภูมิทัศน์เท่านั้น) ดังนี้

1. #ความจำเป็น.. การสร้างเขื่อนในโซนที่ 3 บริเวณนี้ #ไม่มีความจำเป็นใดๆ เนื่องจากชายหาดบริเวณนี้ไม่มีการกัดเซาะ และสมดุล ( มาเป็นเวลามากว่า 10 ปี ) มีข้อมูลทั้งที่เก็บโดยจิตอาสากลุ่มฅนรักทะเลและชายหาดปากน้ำปราณ , ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี และ ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ที่มีความเห็นตรงกันว่า พื้นที่ชายหาดบริเวณนี้เป็นชายหาดสมดุลและไม่มีการกัดเซาะ

2. #ความเหมาะสม.. เนื่องจากโครงการนี้มีการปรับภูมิทัศน์บรรจุเข้ามาในตัวโครงการด้วย ซึ่งเราไม่ได้ค้านเรื่องการปรับภูมิทัศน์เพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย..แต่การปรับภูมิทัศน์ควรต้องมีความเหมาะสมกับพื้นที่ ควรจัดให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆอยู่ด้านในหลังจากเนินทราย ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด เพื่อลดความเสี่ยงให้แก่สิ่งปลูกสร้างในระยะยาว..

3. #ความถูกต้อง... กระบวนการที่ใช้ถูกต้องหรือไม่ ..การรับฟังความคิดเห็นต่างๆ การสื่อสารกับชุมชน ด้วยการชี้ชวนที่ไม่เป็นจริง.. ว่าถ้าชาวบ้านต้องการให้มีการปรับภูมิทัศน์ #ต้องทำการสร้างเขื่อนกันคลื่น บริเวณชายหาดนี้ด้วย. ( ขายเหล้าพ่วงเบียร์) ซึ่งความจริงสามารถทำโครงการแยกออกจากกันได้ ถ้ามีความจริงใจในการที่จะช่วยเหลือพัฒนาชุมชนจริงๆ

ในโพสต์เรียกร้องดังกล่าว อธิบายอีกว่า

ข้อสำคัญ คือ การสร้างเขื่อนในบริเวณชายหาดศาลเสด็จนี้จะทำให้ ชายหาดนี้หายไปตลอดกาล ..เนื่องจากหาดทรายจะถูกแทนที่ด้วยเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ( กว้าง 15-18 เมตร ยาว 250 เมตร ) อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้เกิดการกัดเซาะที่รุนแรงขึ้น ณ จุดสิ้นสุดของเขื่อนฯดังกล่าว และทำให้ชายหาดในบริเวณถัดไปถูกกัดเซาะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำการสร้างความเสียหายต่อชายหาดถัดไปเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรงครับ เพราะเขื่อนฯ ดังกล่าวจะทำให้เราสูญเสียชายหาดสุดท้ายแห่งนี้ไปอย่างถาวร (ซึ่งบริเวณนี้เหลือพื้นที่ชายหาดธรรมชาติที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อน เหลือเพียงแค่ 700 เมตรเท่านั้น) ชายหาดนี้มีคนในชุมชนใช้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น คนสูงวัยใช้เดินออกกำลังกาย, นอนฝังทรายเพื่อบำบัดความปวดเมื่อย, ใช้ตกปลา หาหอย ตามวิถีชาวบ้าน, เด็กๆใช้วิ่งเล่น เตะบอล เล่นว่าว เล่นน้ำทะเล, นักท่องเที่ยวใช้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อผ่อนคลาย, นักกีฬาไคท์เซิรฟใช้เป็นพื้นที่เล่นไคท์เพื่อฝึกซ้อมเตรียมแข่งขัน นกทะเลหลายร้อยตัวใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพื่อวางไข่และเลี้ยงลูกน้อย และ อื่นๆอีกนานานับประการ


Fighting.. For the last beach

นักอนุรักษ์หลายคนออกมาย้ำว่าโครงการสร้างกำแพงคอนกรีตกันคลื่นบริเวณหน้าหาดทรายอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาน้ำเซาะฝั่งที่เหมาะสมเสมอไป เพราะมีหลายโครงการที่สร้างไปแล้วพบว่าหาดทรายหายไปถาวร ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง ทั้งคนและสัตว์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม

"ขอความช่วยเหลือจากทุกท่าน ช่วยสนับสนุนแคมเปญนี้ของพวกเรา เพื่อช่วยรักษาชายหาดสุดท้ายแห่งนี้ไว้ให้ลูกหลานและทุกๆคนสืบต่อไปครับ เชื่อว่าทุกท่านจะมีโอกาสที่จะได้มาดื่มด่ำกับบรรยากาศและธรรมชาติสวยๆแห่งนี้ครับ ปากน้ำปราณยินดีต้อนรับครับ" เอ รักเลปราณกล่าวในโพสต์


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9650000014122

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 12-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


ออสเตรเลียขึ้นบัญชี 'โคอาลา' สัตว์ใกล้สูญพันธุ์



รัฐบาลออสเตรเลียขึ้นบัญชีโคอาลาทั่วภูมิภาคชายฝั่งตะวันออกของประเทศเป็น "สัตว์ใกล้สูญพันธุ์" อย่างเป็นทางการแล้ว ชี้ผลกระทบจากภาวะแห้งแล้ง, การแผ้วถางที่ดิน, โรค และโดยเฉพาะไฟป่าครั้งใหญ่ทำให้จำนวนสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว นักอนุรักษ์ประเมินว่าเหลือไม่ถึง 1 แสนตัว

รายงานเอเอฟพีอ้างคำประกาศของซูซาน ลีย์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าเธอได้ขึ้นบัญชีประชากรโคอาลาเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มการคุ้มครองระดับสูงขึ้นแก่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดนี้ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์, ออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี และควีนส์แลนด์

นักอนุรักษ์กล่าวกันว่า ประชากรโคอาลาลดลงอย่างมากในออสเตรเลียตะวันออกช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และเตือนว่า สัตว์ที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ป่าที่พบเฉพาะในออสเตรเลีย ขณะนี้กำลังเข้าสู่ภาวะสูญพันธุ์ เมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้โคอาลาในฝั่งตะวันออกเคยถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ในกลุ่ม "เสี่ยง"

ลีย์กล่าวว่า ออสเตรเลียกำลังดำเนินมาตรการเพื่อคุ้มครองโคอาลาแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่นานมานี้รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะให้งบประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1,170 ล้านบาท) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ของโคอาลา

นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยินดีกับสถานะใหม่ของโคอาลา แต่ขณะเดียวกันก็โจมตีความล้มเหลวของออสเตรเลียในการปกป้องสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์นี้จนถึงปัจจุบัน พวกเขากล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุจำนวนประชากรโคอาลาในรัฐทางตะวันออกที่ได้รับผลกระทบ แต่คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ด้านชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอิสระของรัฐบาล ชี้แนะว่า จำนวนของโคอาลาลดลงจาก 185,000 ตัวในปี 2544 เหลือเพียง 92,000 ตัวในปี 2564

โจซีย์ ชาร์ราด ผู้จัดการรณรงค์ชีวิตสัตว์ป่าของกองทุนสวัสดิภาพสัตว์นานาชาติ กล่าวว่า โคอาลาของออสเตรเลียอยู่บนปากเหวมาตั้งแต่ก่อนเกิดไฟป่าทำลายล้าง "แบล็กซัมเมอร์" เมื่อปี 2562-2563 เพราะการแผ้วถางที่ดิน, ภาวะแห้งแล้ง, โรค, โดนรถชน และสุนัขกัด แต่ไฟป่าคือฟางเส้นสุดท้าย และนี่ควรเป็นสัญญาณเตือนออสเตรเลียและรัฐบาลให้ดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อปกป้องถิ่นที่อยู่ที่สำคัญจากการพัฒนาและแผ้วถางที่ดิน และแก้ไขผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง.


https://www.thaipost.net/abroad-news/83872/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:42


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger