เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2554

กรมอุตุนิยมวิทยา



สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคใต้บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากขึ้นได้ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 25-27 มีนาคม 2554


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคกลางมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-5 องศา และคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร

สำหรับในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค. จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้ ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 24-25 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และ ลมกระโชกแรง ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 มี.ค.ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ สำหรับชาวเรือในอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง

รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	Forecast3.jpg
Views:	0
Size:	64.5 KB
ID:	11259  
รูป
 
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ไทยรัฐ

...................
รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	110325_Thairath_01.jpg
Views:	0
Size:	193.6 KB
ID:	11261   คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	110325_Thairath_02.jpg
Views:	0
Size:	199.6 KB
ID:	11262  
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ผู้จัดการออนไลน์


แผ่นดินไหวในพม่าทำชาวแม่สายดับ 1-รพ.เชียงรายวุ่นอพยพผู้ป่วยทั้งตึก



เชียงราย - เหตุแผ่นดินไหวในพม่าทำชาวบ้านในแม่สายดับ 1 ราย หลังแรงสั่นสะเทือนทำให้ฝาพนังบ้านพังทับตายคาที ขณะที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์วุ่นหนัก ต้องอพยพผู้ป่วยหนีกันอย่างโกลาหล

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์บริเวณภาคตะวันออกของพม่า เมื่อเวลาประมาณ 20.55-20.58 น.วันนี้(24 มี.ค.54) ทำให้ประชาชนรหลายจังหวัดภาคเหนือ รวมถึง กทม.รู้สึกถึงแรงสั่ยนสะเทือนได้นั้น ในพื้นที่เชียงราย ทำให้ประชาชนทั่วไปต่างแตกตื่นโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตามตึกสูง เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ ต่างแตกตื่นและวิ่งออกมาที่ราบอย่างโกลาหล ขณะที่มีกระแสไฟฟ้าหลายแห่งดับและระบบโทรศัพท์ระบุเครือข่ายสัญญานไม่ว่าง ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้พักใหญ่ ประชาชนจำนวนมากต่างออกมายังลานกว้างๆ หรือที่ราบและพยายายามโทรศัพท์เพื่อสอบถามข่าวกันพักใหญ่

หลังเกิดเหตุทางกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมีศูนย์กลางอยู่ในเขตประเทศพม่าเหนือ จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทางเมืองเชียงตุงในเขตรัฐฉาน โดยมีความแรงตามมาตราวัดริคเตอร์ถึง 6.7 ริคเตอร์ ซึ่งแรงที่สุดในรอบหลายปีรวมทั้งรุนแรงกว่าเมื่อครั้งแผ่นดินไหวเมื่อเดือน พ.ค.2550 จนทำให้ยอดฉัตรของพระธาตุจอมกิตติ อ.เชียงแสน หักโค่นลงมาด้วย

ทั้งนี้แผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณ ละติจูด : 20 องศา 52 ลิปดา 12 ลิปดา เหนือ และลองจิจูด 99 องศา 54 ลิปดา 36 ลิปดา ตะวันออก ระยะเวลานานประมาณ 10 วินาที และมีการสั่นไหวตามมาหรืออาร์ฟเตอร์ช็อคแต่ประมาณ 3 ครั้งๆ ละ 3-4 ริคเตอร์

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าแผ่นดินไหวดังกล่าว ทำให้เกิดอาคารร้าวหลายแห่ง โดยที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์พบว่าอาคารสมเด็จย่าและอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ได้เกิดรอยร้าวหลายแห่ง ผู้ป่วยต่างแตกตื่นทำให้ทางแพทย์และพยาบาลต้องตรวจสอบสถานการณ์ และได้ช่วยกันอพยพผู้ป่วยลงจากตึกสูงไปยังชั้นล่าง

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ด้านพื้นที่ อ.แม่สาย ทาง พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ ยศแผ่น ผกก.สภ.แม่สาย ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 10 ต.เวียงพางคำ เพราะถูกฝาบ้านล้มทับ จึงพร้อมพนักงานสอบสวนและแพทย์เวรไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียวฐานะยากจน และพบศพผู้เสียชีวิตชื่อนางหงส์ คำปิง อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านถูกฝาในห้องนอนล้มลงมาทับตั้งแต่ศีรษะถึงร่างกายจนทำให้เสียชีวิตคาที่

สอบสวนทราบว่าช่วงเกิดแผ่นดินไหวคนในบ้านแตกตื่นและพากันวิ่งหนีออกไปอยู่ที่ลานหน้าบ้านหมด เหลือเพียงผู้ตายที่เข้าหลับนอนแล้วโดยอาจจะไม่ทราบว่ามีแผ่นดินไหวจึงทำให้เมื่อฝาบ้านล้มลงมาเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว

ด้านนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และนายเชษฐา โมสิกรัตน์ รักษาราชการแทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย ได้แจ้งให้ทุกท้องที่สำรวจความเสียหายโดยเฉพาะที่ อ.เชียงแสน ซึ่งมีโบราณสถานอายุหลายร้อยปีตั้งและคาดว่าจะมีความเสียหายด้วยเช่นกัน

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 22.57 น.ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงจังหวัดเชียงใหม่ด้วย


***************************************************


เผยดินไหวชายแดนพม่า-ไทยตาย 2 ศพ สะเทือนไกลถึงจีนและเวียดนาม


แพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเชียงราย ช่วยกันอพยพผู้ป่วยออกจากตึกสูงตามหลังแผ่นดินไหว

เอเอฟพี - เผยแผ่นดินไหวรุนแรงในพม่าติดชายแดนไทยเมื่อวันพฤหัสบดี(24) คร่าชีวิตพลเรือนของสองประเทศไป 2 ราย ขณะที่สื่อมวลชนจีนอ้างมีคนตายอย่างน้อย 10 ศพจากเหตุดินถล่มในรัฐฉานอันสืบเนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของธรณีพิโรธครั้งนี้ที่สามารถรับรู้ได้ไกลถึงมลฑลยูนนานและเมืองหลวงของเวียดนาม

สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าชาวบ้านผู้ตื่นตระหนกต่างพากันอพยพหนีออกจากบ้าน อาคาร โรงพยาบาลและโรงเรียนต่างๆ หลังแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวแผ่รัศมีไกลถึง ฮานอย บางส่วนของจีนและกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางเกือบ 800 กิโลเมตร

เบื้องต้นสำนักธรณีวิทยาระบุว่าสามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 7.0 ก่อนปรับลดลงเหลือ 6.8 ทั้งนี้มีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง โดยหนหนึ่งสามารถวัดระดับความรุนแรงได้ถึง 5.4

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯระบุว่าแผ่นดินไหว 2 ครั้งห่างกันไม่ถึงนาทีนี้ เกิดขึ้น ณ เวลาประมาณ 20.55 น. มีศูนย์กลางห่างจากจังหวัดเชียงรายของไทยเพียง 111 กิโลเมตร โดยครั้งแรกมีศูนย์กลาง ณ ความลึก 10 กิโลเมตร ส่วนครั้งที่สองมีศูนย์กลาง ณ ความลึก 230 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่ของพม่ารายหนึ่งเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ โดยเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งตามแนวชายแดนติดกับไทยใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหว สืบเนื่องจากถูกอาคารถล่มลงมาทับ ขณะเดียวกันก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน

ข้ามชายแดนมายังฝั่งไทย ตำรวจในอำเภอแม่สายบอกว่าพบสตรีวัย 52 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตหลังถูกกำแพงบ้านถล่มลงมาทับ "บ้านของผู้หญิงคนนี้ที่ไม่แข็งแรงและไม่สามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้" พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ ยศแผ่น ผกก.สภ.แม่สาย ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยืนยันการเสียชีวิตของผู้หญิงรายนี้ พร้อมระบุว่าได้พยายามอพยพผู้คนออกจากอาคารสูงและมีคำสั่งย้ายคนไข้ทั้งหมดของโรงพยาบาลแม่สายไปยังเชียงรายแล้ว

ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากจังหวัดเชียงราย 90 กิโลเมตรและจังหวัดเชียงใหม่ เมืองอันดับ 2 ของไทย แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ราว 235 กิโลเมตร และพบว่าอาคารสูงหลายแห่งในกรุงเทพฯสั่นสะเทือนระหว่างเกิดแผ่นดินไหว

ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในจีน ชาวบ้านในมลฑลยูนนาน ห่างจากชายแดนพม่า 40 กิโลเมตรบอกว่าอาคารต่างๆสั่นไหวราว 1 นาทีระหว่างแผ่นดินไหว โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเมงไฮ ต้องอพยพครูและนักเรียนกว่า 350 คน หลังพบว่าอาคารเรียนร้าว

ขณะที่ประชาชนในหนานหนิง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกือบ 900 กิโลเมตร ก็รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในจีน

กระนั้นก็ดีสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) ระบุได้รับแจ้งข่าวจากภายในพม่าว่า ได้เกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินถล่มในรัฐฉาน อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย แต่ยังไม่ยืนยันข่าวนี้

ในฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม อีกประเทศที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ก็สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆได้เป็นเวลาหลายวินาทีเช่นกัน ส่งผลให้ชาวบ้านบางส่วนมีอาการตื่นตระหนกและหนีออกไปอยู่ที่โล่ง

ไม่มีคำเตือนสึนามีตามหลังแผ่นดินไหว ขณะที่นักธรณีวิทยาบอกว่าธรณีพิโรธเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินห่างไกลจากทะเลมาก ดังนั้นจึงมิอาจก่อคลื่นยักษ์ทำลายล้างในมหาสมุทรอินเดียได้


***************************************************


เวียดนามสั่งปลดป้าย "หาดจีน" ให้หมดจากด่าหนัง ประกาศิตหยุดใช้คำนี้


ภาพแฟ้ม 24 มิ.ย.2552 เรือหาปลารูปทรงกลมๆแบบพื้นบ้านถูกนำขึ้นจอดบน "หาดจีน" หรือ ไชน่าบีช (China Beach) ใช้กันมาตั้งแต่ช่วงสงคราม กองทัพอเมริกันได้ใช้หาดทรายในนครด่าหนัง (Đà Nẵng) แห่งนี้เป็นแหล่งตากอากาศ ในวันนี้ริมหาดสวยมีสิ่งปลูกสร้างทั้งโรงแรมรีสอร์ทหรู คอนโดมีเนียม แหล่งบริการการท่องเที่ยวผุดขึ้นมามากมาย สัปดาห์นี้ทางการนครใหญ่แห่งภาคกลาง ได้ประกาศให้ถอดป้ายชื่อ "หาดจีน" ออกให้หมด ให้ลบคำๆ นี้ออกจากเว็บไซต์ต่างๆ และสิ่งพิมพ์ด้วย หนังสือพิมพ์ของทางการรายงาน.--AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam.

กรณีพิพาทหมู่เกาะกำลังลามไปสู่อีกหลายเรื่อง ตั้งแต่จีนเลื่อนการสร้างรถไฟความเร็วสูงไปชายแดนเวียดนาม และจีนขึ้นราคากระแสไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่เวียดนาม คราวนี้เวียดนามเป็นฝ่ายดำเนินการบ้าง

สัปดาห์นี้ทางการนครด่าหนัง ได้สั่งให้ปลดป้ายทุกแผ่นที่มีข้อความว่า "หาดจีน" ซึ่งหมายถึงหาดทรายท่องเที่ยวชายทะเลสำคัญและสวยงามของนครใหญ่แห่งนี้ และห้ามใช้คำนี้ในสารระบบของการท่องเที่ยวอีก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษหนัก

ด่าหนัง (Đà Nẵng) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอยู่ในใจกลางแห่งความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับจีน เนื่องจากหมู่เกาะหว่างซา (Hoàng Sa) หรือ หมูเกาะพาราเซล (Paracel Islands) หนึ่งในสองหมู่เกาะพิพาทกับจีน เป็นอำเภอหนึ่งของนครภาคกลางแห่งนี้

ทางการนครด่าหนังได้สั่งห้ามใช้ชื่อ "ไชน่าบีช" (China Beach) ในภาษาอังกฤษอย่างเด็ดขาด และให้ลบชื่อนี้ออกจากเว็บไซต์ต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ตลอดจนในโบรชัวร์ และสิ่งพิมพ์ทุกชนิดที่มีคำๆ นี้ และให้ใช้ชื่อ "บ๋าย เบี๋ยน นอน เนื๊อก" (Bãi biển Non Nước) หรือ "หาดนอนเนื๊อก" ในภาษาเวียดนามแทน

เวียดนามกล่าวว่า หมู่เกาะหว่างซา เป็นของตนแต่โบราณกาล โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์สนับสนุนมากมาย ในปี 2550 ทางการมณฑลไหหลำของจีนได้ประกาศรวมเอาหมู่เกาะทั้งหมดในทะเลจีนใต้ เข้าอยู่ในเขตปกครองของอำเภอที่ตั้งขึ้นใหม่ จีนได้กล่าวอ้างสิทธิเหนือหมู่สแปร็ตลีส์ (Spratlys) ที่อยู่ใต้ลงไป เช่นกัน

ยังมีอีกหลายประเทศและดินแดนคือ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และจีนไทเป (ไต้หวัน) ที่กล่าวอ้างสิทธิเหนือบางเกาหรือหลายเกาะ ในสแปร็ตลีส์ ที่เชื่อกันว่ารุ่มรวยด้วยน้ำมันดิบและก๊าซ

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ทางการได้กล่าวเตือน บริษัทต่างๆ ที่ให้ "ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ" ในการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของหาดทรายสวยงามดังกล่าว จะถูกลงโทษสถานหนัก

สัปดาห์ต้นเดือนนี้กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ออกคำแถลง ต่อต้านการฝึกซ้อมของเรือรบจีนในเขตน่านน้ำหมู่เกาะสแปร็ตลีส์ ซึ่งเวียดนามระบุว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของเวียดนาม

สัปดาห์เดียวกันรัฐมนตรีการค้าของจีนได้กล่าวกับคณะผู้แทนจากมณฑลหยุนหนัน ที่ไปร่วมการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในกรุงปักกิ่งว่า รัฐบาลกำลังจะสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าพม่าในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นสายแรกในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน

ส่วนอีกสายหนึ่งที่จะสร้างจากนครหนานหนิง มณฑลกว่างซีไปยังชายแดนเวียดนามจะต้องเลื่อนออกไปเนื่องจาก "ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้" รัฐมนตรีจีนกล่าว ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ไชน่านิวส์ และสำนักข่าวรอยเตอร์

ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนามในสัปดาห์กลางเดือนนี้ รัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเวียดนามยังไม่สามารถตกลงกับฝ่ายจีนได้ เกี่ยวกับราคาไฟฟ้าที่จีนจะขายให้เวียดนามประจำปี 2554 นี้ เนื่องจากฝ่ายจีนได้ขึ้นราคา 30-40%

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดความบาดหมางครั้งล่าสุด เกี่ยวกับกรณีพิพาทเหนือหมู่เกาะใน “ทะเลตะวันออก”

อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีหาดทรายท่องเที่ยวสวยงามอีกแห่งหนึ่งที่เมืองโฮยอาน (Hội An) ใน จ.กว๋างนาม (Quảng Nam) ที่เรียกกันว่า “หาดจีน” ในภาษาอังกฤษ ยังไม่ทราบว่า ทางการจังหวัดได้สั่งให้มีการเปลี่ยนชื่อด้วยหรือไม่.

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ผู้จัดการออนไลน์


ช่วยชีวิต Venice: เมืองราชินีแห่งทะเล Adriatic ......................... โดย สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.


จตุรัสเซ็นต์มาร์ก ถูกน้ำท่วม

นักประวัติศาสตร์โรมันได้บันทึกว่า Venice ถือกำเนิดในราว พ.ศ. 964 เมื่อผู้คนได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานใน Venice ซึ่งประกอบด้วยเกาะเล็กๆ 118 เกาะ และคลอง 160 สาย ที่มีความยาวทั้งสิ้น 45 กิโลเมตร การตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งที่เส้นละติจูด 45 องศา 27 ลิปดาเหนือ และลองจิจูด 22 องศา 20 ลิปดาตะวันออก ตัดกันบนฝั่งทะเล Adriatic ทำให้ Venice อบอุ่นในฤดูร้อน และไม่หนาวจนน้ำในคลองจับแข็งในฤดูหนาว คลองที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของเมืองคือ Grand Canal ซึ่งมีความยาว 4 กิโลเมตร และคดเคี้ยวผ่านเกาะเล็กเกาะน้อย โดยสองฟากฝั่งของคลองมีอาคารและตึกที่สร้างในสไตล์ Rococo, Romanesque, Renaissance, Baroque และ Gothic มากมาย คลองมีระดับน้ำลึกที่สุด 4 เมตร ตื้นที่สุด 2 เมตร และกว้างที่สุด 69.5 เมตร Venice มีสะพานประมาณ 500 สะพาน ซึ่งนับว่ามากเพียงพอให้ชาวเมืองใช้เดินติดต่อกันได้ทั้งเมือง Venice ไม่มีถนนสายใหญ่ มีเพียงทางเดินแคบๆ และมีจัตุรัสบ้าง ผู้คนจึงใช้จักรยานในการสัญจร พาหนะสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของ Venice คือ เรือกอนโดลาและเรือยนต์ Venice ติดต่อกับผืนแผ่นดินใหญ่ได้โดยทางรถไฟที่สถานี Mestre

สถานที่สำคัญของเมืองได้แก่ จัตุรัส San Marco, มหาวิหาร St. Mark, หอนาฬิกา (Campanile), พระราชวังอายุประมาณ 600 ปีของ Doge (ผู้ครองนคร) ในวังมีภาพวาดขนาดใหญ่ประดับผนังมากมาย นอกจากนี้ Venice ยังมีโบสถ์ Santa Maria della Salute, พิพิธภัณฑ์ Academy of Fine Arts, สะพาน Rialto ซึ่งบนสะพานมีร้านค้า และมีอาคาร Ca’ d’Oro ที่โดดเด่นในสไตล์ Gothic เป็นต้น

ความสวยงามและความหรูหราของชีวิตคนในเมืองนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้จิตรกรหลายคนสร้างสรรค์ผลงานอมตะมากมาย เช่น Tiepolo, Canaletto, Capriccio, Giotto, Tintoretto, Bellini, Veronese และ Titian ซึ่งเป็นคนที่จักรพรรดิ Charles ที่ 5 ทรงโปรดปรานมากถึงขนาดไม่ให้จิตรกรคนอื่นวาดพระสาธิตลักษณ์ของพระองค์นอกจาก Titian คนเดียว


รูปปั้นเจ้าชายสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 หน้าจตุรัส San Marco แสดงอาการกังวลที่ระดับน้ำสูงขึ้น

นักประพันธ์หลายคนก็ตกหลุมรัก Venice เช่น Lord Byron ได้เคยเรียก Venice ว่าเป็น fairest city of the heart และเมื่อครั้งที่ Byron เยือน Venice ท่านลอร์ดได้เคยว่ายน้ำใน Grand Canal กลับที่พักในยามดึก หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมคู่รัก ซึ่งเมื่อถูกสลัดรักก็ได้กระโดดน้ำตายที่ Grand Canal นั่นเอง ส่วน Mark Twain ผู้ประพันธ์เรื่อง The Adventures of Tom Sawyer ได้เคยเปรียบเรือกอนโดลาที่ถูกทาสีดำทั้งลำเรือ (ตามที่กฎหมาย พ.ศ. 2105 ได้ระบุไว้) ว่ายามล่องในลำคลองดูเสมือนงูสีดำเลื้อยไปบนผิวน้ำ Thomas Mann ได้เรียบเรียงบทประพันธ์เรื่อง Death in Venice หลังจากที่ได้เยือนเมืองนี้ ทั้ง Henry James, Truman Capote และ Ernest Hemingway ต่างได้กล่าวถึง Venice ว่าเป็นเสมือนผู้หญิงที่ใครๆ ก็ถวิลถึง จิตรกร Claude Monet และ Joseph Turner ก็ได้วาดภาพอมตะไว้หลายภาพ วิถีชีวิตใน Venice ที่แปลกและฟู่ฟ่านี้ ได้ทำให้กษัตริย์ Henry ที่ 3 แห่งฝรั่งเศสได้เคยตรัสใน พ.ศ. 2117 ว่า ถ้าพระองค์ไม่เป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงประสงค์จะเป็นชาว Venice แต่สำหรับจักรพรรดิ Napoleon เมื่อพระองค์ทรงยึด Venice ได้ใน พ.ศ. 2340 พระองค์ทรงคิดว่า Venice ไม่ใช่เมืองธรรมดา เพราะมีแต่คลอง พระองค์จึงมีพระราชดำริให้สร้างถนนแทน แต่ไม่ทันได้ดำเนินการ โครงการสร้างถนนก็ต้องล้มเลิกไป เพราะ Venice ได้ตกไปอยู่ในความปกครองของออสเตรีย

ณ วันนี้ Venice ซึ่งในอดีตมีคลองเป็นคูเมืองสำหรับป้องกันข้าศึกไม่ให้ยกทัพเรือมาบุกรุก(เพราะคลองใน Venice ตื้นจนเรือเข้าไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ลึกเกินที่กองทัพจะเดินทัพเข้ายึดเมืองได้) กำลังประสบภัยจากน้ำท่วมเนืองๆ และมากจนชาว Venice ที่คิดว่าทะเลได้เคยปกป้องเมือง มาบัดนี้ทะเลกำลังรุกรานแทน จน Venice ประสบเหตุ “acqua alta” (น้ำมาก) ท่วมเมืองบ่อยจนเกาะหลายเกาะถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะที่จัตุรัส St. Mark เป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมมากที่สุด

สถิติน้ำท่วมที่โครงการ CORILA (The Consortium for Coordinate Research Activities Concerning the Venice Lagoon Systems) ได้รวบรวมไว้ระบุว่า ในช่วงปี 2466-2475 จัตุรัส St. Mark ถูกน้ำท่วมปีละ 4 ครั้ง และจำนวนครั้งที่น้ำท่วมได้เพิ่มขึ้นทุกปี จนถึงช่วงปี 2536-2545 จำนวนครั้งได้เพิ่มถึงปีละ 53 ครั้ง และถ้าแนวโน้มเป็นเช่นนี้อีก 90 ปี Venice จะจมน้ำทั้งปี

วิศวกรพบว่าปัญหาน้ำท่วมเกิดจากการที่พื้นดินในเมือง Venice ทรุดลงๆ เพราะชาวเมืองขุดบ่อบาดาลจำนวนมากตลอดหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทำให้ดินทรุดลงประมาณ 10 เซนติเมตรต่อปี เมื่อ 20 ปีก่อน เทศบาลนคร Venice จึงได้ออกกฎหมายห้ามขุดบ่อบาดาลอย่างเด็ดขาด ทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่หมด นักธรณีวิทยายังได้พบอีกว่าเปลือกทวีปส่วนที่เมือง Venice ตั้งอยู่ได้ทรุดลงปีละ 0.5-1 มิลลิเมตร นักสมุทรศาสตร์เองก็ได้พบว่า ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นๆ สาเหตุจากภาวะโลกร้อนประมาณปีละ 2.3 มิลลิเมตร ± 0.7 มิลลิเมตร (เพราะความไม่แน่นอนของการวัด) เหตุการณ์นี้ทำให้ Roberto Frassetto เสนอให้รัฐบาลอิตาลีสร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำทะเลไม่ให้เข้ามาไหลท่วมเมือง เพราะในสถานที่อื่นๆ ของโลกก็มีการสร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำทะเลเช่นกัน อาทิ ลอนดอน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สำหรับเขื่อน Maeslant ในประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น ใครๆ ก็รู้ดีว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ข้อเสนอของ Frassetto เกี่ยวกับการสร้างเขื่อน กว่าจะได้เริ่มดำเนินการก็ล่วงเข้าปี 2546 และเขื่อนกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2556


เรือกอนโดลาใน Grand Canal

วิศวกรที่สร้างเขื่อนเรียกประตูเขื่อนว่า MOSE (Moses คือผู้แหวกน้ำทะเลตามคัมภีร์ไบเบิล) จากชื่อเต็มว่า Modulo Sperimentale Elettromeccanico ซึ่งมีมูลค่า 1,200 ล้านล้านบาทMOSE ประกอบด้วยประตูระบายน้ำ 79 บาน โดยภายในบานประตูกลวง และขอบด้านหนึ่งของประตูถูกสร้างให้ติดก้นทะเล เวลาไม่ใช้ ภายในบานประตูจะมีน้ำอยู่เต็ม แต่เวลาน้ำหนุน อากาศจะถูกสูบเข้าในส่วนกลวงของบานประตูเพื่ออัดให้น้ำในบานประตูไหลออก แล้วบานประตูจะตั้งตรงในแนวดิ่งเป็นกำแพงกั้นน้ำทะเลไม่ให้ไหลเข้าเมือง เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการนี้ต้องอาศัยวิทยาการหลายด้าน เช่น hydrodynamics, sediment, morphology, ecology, environment และ climate change

ทั้งๆที่งบประมาณของโครงการนี้มากมหาศาล แต่ชาว Venice เองก็ยังถกเถียงกันไม่ยุติว่าโครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ และเขื่อนจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้านานๆ ได้ ว่าอีก 50 ปีธรรมชาติของโลกจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ถ้าเขื่อนทำงานได้จริง งบประมาณในการดำเนินการของเขื่อนก็สูงมากคือถึงปีละ 360 ล้านบาท แต่เสียงต่อต้านที่รุนแรงและดังมากที่สุดมาจากองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุผลว่าชาว Venice มักทิ้งขยะลงน้ำ โดยหวังให้น้ำทะเลไหลพาขยะออกสู่ทะเล Adriatic วันละ 2 ครั้ง เพื่อขยะจะไม่ตกค้างเป็นอาหารของสาหร่ายในลำคลอง ดังนั้นการมีเขื่อนที่ปิดบ้างและเปิดบ้าง ซึ่งทำให้สมดุลการระบายขยะเสียไป จะมีผลทำให้สาหร่ายในลำคลองเจริญเติบโตจนเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรไปมา

ด้วยเหตุนี้ องค์กรสิ่งแวดล้อมจึงกำหนดให้มีการปิด-เปิดประตูเขื่อน โดยไม่รบกวนจังหวะการไหลถ่ายเทน้ำทะเลกับน้ำคลอง ซึ่งสามารถทำได้โดยให้ประตูเขื่อนปิดในช่วงเวลาสั้นๆในฤดูหนาว อันเป็นเวลาที่อุณหภูมิของน้ำต่ำและแสงอาทิตย์มีน้อยจนสาหร่ายไม่สามารถเจริญเติบโตได้เร็ว แม้คนหลายกลุ่มจะมีความเห็นที่แตกต่างและมีข้อกังขา แต่ทุกคนก็เห็นพ้องว่าเขื่อนมิได้เป็นวิธีแก้ปัญหาน้ำท่วม Venice เพียงวิธีเดียว


การจราจรคนในเวนิสยามน้ำท่วม

ในขณะที่เขื่อนยังสร้างไม่เสร็จ ชาวเมือง Venice จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเองไปก่อน เช่นเวลาน้ำทะเลหนุน อาคารใหญ่ๆ ก็เลิกใช้ห้องน้ำชั้นล่าง คอยซ่อมแซมกำแพงบ้านที่สึกกร่อนเนื่องจากถูกคลื่นจากเรือยนต์ซัด เวลาพายุ Sirocco จากทะเล Adriatic พัดเข้า Venice ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปีละ 10 วันทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลขึ้นสูง 1-2 เมตร ชาวเมืองจึงต้องเงี่ยหูฟังพยากรณ์อากาศเพื่อจะได้เตรียมป้องกันทัน ในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา เพราะเวลาน้ำท่วม นักท่องเที่ยวจะเลื่อนหรืองดการมาเยือนซึ่งจะทำให้รายได้ของชาวเมืองตกต่ำ

แต่ถ้าประตูเขื่อนสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ดี ชาว Venice ก็อยากจะอยู่ในเมืองเพราะสถิติระบุว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ประชากร Venice มีมากถึง 120,000 คน แต่บัดนี้เหลือเพียง 60,000 คน ชาว Venice เองก็หวังจะให้มีคนมาอาศัยอยู่มากๆ เพื่อให้มาลงทุนทำธุรกิจ แทนที่จะมาเที่ยวเฉยๆ และมาช่วยกันทำให้ Venice คงสภาพในเมืองมรดกโลก

เหล่านี้คือความหวัง แต่จะสำเร็จเหมือนฝันที่เป็นจริงหรือเป็น “ฝันเปียก” อนาคตเท่านั้นที่จะตอบได้

คุณสามารถหาอ่านหนังสือเกี่ยวกับการช่วยชีวิต Venice ได้จาก The Science of Saving Venice โดย Caroline Fletcher และ Jane Da Mosto จัดพิมพ์โดย Umberto Allemande หนา 92 หน้า ราคา 14.50 ดอลลาร์ หรือจากหนังสือ Venice, Fragile City: 1797-1997 โดย Margaret Plant จัดพิมพ์โดย Yale University Press หน้า 448 หน้า ราคา 55 ดอลลาร์

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ข่าวสด


สึนามิถล่มแอตแลนติส .......................... คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดย น้าชาติ ประชาชื่น

ถึง น้าชาติ

ผมสงสัยว่าตำนานเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติสถูกสึนามิถล่มเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน และแอตแลนติสอยู่ตรงไหนของโลกกันแน่ครับ

จาก คนอยากรู้


ตอบ คนอยากรู้



หนังสือ "10 ตำนานสะท้านโลก" โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ กล่าวว่า ตำนานแอตแลน ติสมาจากบทสนทนา "ตีเมอุส" ของเพลโตที่บันทึกไว้เมื่อ 360 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งกล่าวถึงกรุงเอเธนส์ว่าทำศึกชนะมหาอาณาจักรแอตแลนติสได้ ต่อมาอาณาจักรแอตแลนติสถูกเทพเจ้าลงโทษ บันดาลให้เกิดแผ่นดินไหวและอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้อาณาจักรแอตแลนติสจมหายไปในมหาสมุทรในวันและคืนเดียว

เพลโตเชื่อว่านครแอตแลนติสอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก มีคูน้ำรูปวงแหวนโอบล้อมถึงสามชั้น สลับคั่นด้วยแถบพื้นดินที่มีกำแพงเป็นปรา การตั้งเป็นแนวรอบ โดยมีวิหารเทพแห่งโพไซดอนเป็นศูนย์ กลาง อาณาจักรนี้มีอารย ธรรมในยุคสำริดที่เจริญถึงขีดสุดเมื่อ 9,500 ปีก่อนคริสตกาล แต่ความจริงแล้วในยุค 9,500 ปีก่อนคริสตกาล นั้น มนุษย์ยังอยู่ในยุคหินอยู่เลย!

ต่อมา เอ็ดการ์ เคย์ซี (มีชีวิตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน) นำแนวคิดของเพลโตไปต่อยอด โดยเขาเชื่อว่าแอตแลนติสมีอารยธรรมสูงส่ง มีเรือสินค้า อากาศยาน และระบุว่าแอตแลนติสเป็นทวีปขนาดใหญ่อยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทวีปอเมริกากลาง ครอบคลุมพื้นที่ยุโรปบางส่วน

แอตแลนติสประสบอุทกภัยครั้งใหญ่หลายครั้ง และครั้งสุดท้ายเมื่อ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล และทำนายว่าจะมีการค้นพบบางส่วนของแอตแลนติสในปี 2511-2512 และเมื่อมีการค้นพบแผ่นหินปูนเรียงต่อกันเป็นทางยาวนอกชายฝั่งบิมินีในพ.ศ.2511 จึงมีคนเชื่อกันว่านี่คือซากของแอตแลนติส แต่นักธรณีวิทยาพบว่าหินปูนเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีอายุ 1,200-300 ปีก่อนคริสต์ศักราช



ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ก่อน ศ.ริชาร์ด ฟรอยด์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์ตฟอร์ด รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐ อ้างว่า "ค้นพบแอตแลนติส" โดยเผยแพร่ในสารคดีของเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ว่าจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ศึกษา ทั้งเรดาร์สำรวจพื้นผิวระดับลึก เทคนิคการสร้างภาพดิจิตอลและภาพถ่ายดาว เทียม ในที่สุดก็พบเสาหินและเมืองเก่าที่เชื่อว่าชาวแอตแลนติสที่รอดชีวิตจากสึนามิมาสร้างเมืองใหม่แถบตอนกลางของประเทศสเปน พร้อมระบุว่าแอตแลนติสที่ค้นพบนี้อยู่ในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำในอุทยานแห่งชาติโดนานญา ทางเหนือของเมืองกาดิช ประเทศสเปน

อย่างไรก็ตาม นายฆวน โรเบลส ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาของรัฐบาลสเปน แย้งว่าข้อมูลของศ.ฟรอยด์ยังไม่น่าเชื่อถือ และ ดูเหมือนจงใจนำไปเชื่อมโยงกับตำนานทวีปแอตแลนติสมากเกินไป และยังไม่มีข้อสรุปว่าภาพถ่ายจากดาวเทียมที่อ้างว่าเป็นซากเมืองโบราณของแอตแลนติสเป็นทวีปแอตแลนติสที่สาบสูญไปจริงหรือไม่

แอตแลนติสจึงยังเป็นปริศนาต่อไป

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

กรุงเทพธุรกิจ


แผ่นดินไหวทำพม่าเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย



เหตุแผ่นดินไหวทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย จากเหตุดิน และตึกถล่มลงมา

สำนักข่าวซินหัว รายงาน อ้างกรมอุตุนิยมและอุทกวิทยาของพม่าว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.29 น ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อคืนวานนี้ (24 มี.ค.) วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร อยู่ที่เมืองลอมเว้ ในรัฐฉาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า และเกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.4 ริกเตอร์ ในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา

สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐ ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ราว 6.8 ริกเตอร์

แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ในหลายเมืองของพม่า รวมถึง ตองยี พะโค ชเวยิน เนย์ปิดอว์ มัณฑะเลย์ และตองอู โดยเฉพาะที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก รับรู้ได้มากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ในจังหวัดนี้ แนะนำให้ประชาชนออกมาอยู่ภายนอกบ้านเรือน

นอกจากนี้ สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ทำให้ตึกในกรุงฮานอยเกิดการสั่นไหว สร้างความแตกตื่นให้กับผู้พักอาศัยตามตึกสูง

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:40


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger