เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 20-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนกำลังอ่อนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20 ? 21 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ส่งผลทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 22 - 25 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 22 - 25 ต.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนขอให้ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วงไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 20-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ผงะ! น้ำทะเลชายหาดดวงตะวัน จ.ระยอง เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

ระยอง ? ผงะ! น้ำทะเลบริเวณชายหาดดวงตะวัน ตลอดแนวยาวถึงแหลมลูกโยน-วังแก้ว จ.ระยอง เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มซ้ำส่งกลิ่นเหม็นตลอดระยะทาง 3 กม. ชาวบ้านวอนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน



วันนี้ ( 19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสมศักดิ์ พงษ์ศักดิ์ ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กท่าเรือแกลง อ.เมืองระยอง ว่าน้ำทะเลบริเวณชายหาดดวงตะวัน ตลอดแนวยาวถึงแหลมลูกโยน-วังแก้ว รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ได้เป็นเป็นสีเขียวเข้มอมดำและยังมีลักษณะเป็นสายคล้ายวุ้นส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

โดยในเบื้องต้นคาดว่าไมใช่ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือแพลงก์ตอนบลูม ดังที่เคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

และยังได้รับการยืนยันจากชาวประมงในพื้นที่ว่า ได้พบเห็นน้ำสีเขียวเข้มอมดำซึ่งมีลักษณะเป็นสายคล้ายวุ้น ลอยกลางทะเลห่างจากฝั่งเกาะมันนอกและบริเวณหน้าเกาะทะลุ รวมทั้งเกาะมะขาม มาหลายวันแล้วโดยไม่คิดว่าจะถูกคลื่น ซัดเข้าชายหาดตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้

"เมื่อน้ำลงกลุ่มสีเขียวคล้ายวุ่นเหล่านี้ก็จะพากันไหลลงทะเลไปด้วย เมื่อตกบ่ายน้ำทะเลขึ้นก็กลับมามีสีเขียวเช่นเดิมและยังส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงขึ้น" ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กท่าเรือแกลง กล่าว

ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เข้าพักผ่อนในรีสอร์ทชายทะเล ได้รับความเดือดร้อนและเมื่อลงเล่นน้ำยังเกิดอาการคันตามร่างกาย จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นการด่วน

https://mgronline.com/local/detail/9640000103654


*********************************************************************************************************************************************************


กรมทะเล เผยผลตรวจสอบน้ำทะเลเปลี่ยนสี ท่าเรือแกลง เกิดจากการสะพรั่งของแพลงก์ตอน



วันนี้ (19 ตุลาคม 2564) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออก เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งข่าวกรณีน้ำทะเลเป็นสีเขียว ผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ โดยนายสมศักดิ์ พงษ์ศักดิ์ ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กท่าเรือแกลง อ.เมือง จ.ระยอง ให้สัมภาษณ์ว่าน้ำทะเลบริเวณชายหาดดวงตะวัน ตลอดแนวยาวถึงแหลมลูกโยน-วังแก้ว อ.เมือง จ.ระยอง รวมระยะทางประมาณ ๓ กม. ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มอมดำและยังมีลักษณะเป็นสายคล้ายวุ้นส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว และยังทำให้นักเที่ยวที่ลงเล่นน้ำเกิดอาการคัน แต่ไม่พบสัตว์น้ำตาย

จากผลการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากการสะพรั่งของแพลงก์ตอนพืชกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca scintillans ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่สร้างสารชีวพิษ และมักเป็นสาเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออก ทั้งนี้มีการพบกรณีเดียวกันเมื่อวันที่ 7ตุลาคม 2564 โดยพบบริเวณแหลมแม่พิมพ์


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000103777


*********************************************************************************************************************************************************


หนุ่มตรังเพาะพันธุ์ปลากระเบนสวยงามส่งออกต่างประเทศ จนมียอดจองข้ามปี

ตรัง - หนุ่มวัย 30 ปีชาวจังหวัดตรัง ทำบ่อเพาะพันธุ์เลี้ยงปลากระเบนน้ำจืด มีลวดลายสวยงามแปลกใหม่ ส่งออกขายต่างประเทศที่มีความต้องการเพียบจนผลิตไม่ทัน มียอดจองข้ามปี ส่งผลให้ราคาสูงถึงหลักหมื่นบาท



วันนี้ (18 ต.ค.) นายจิรโรจน์ ดีจุฑามณี หรือเอ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ที่ 5 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง ได้ใช้พื้นที่บริเวณหลังบ้านและใต้ถุนบ้าน ทำบ่อเพาะพันธุ์เลี้ยงปลากระเบนสวยงาม โดยเป็นปลากระเบนน้ำจืด ตระกูลหางสั้น จำนวน 4-5 สายพันธุ์ ได้แก่ โปตาโมไทรกอน โมโตโร่ โปตาโมไทรกอนจาบูติค โปตาโมไทรกอนเรียลโพดี และลูกผสมไฮบริด ซึ่งจะมีลวดลายเป็นลายหินอ่อน ลายจุดขาวดำ หรือลายเผือก ที่มีริ้วสวยงาม

และแต่ละตัวจะมีลวดลายเล็กใหญ่ที่แตกต่างกัน รวมทั้งมีความสวยงามเฉพาะตัว ทำให้มีราคาแต่ละตัวละหลักร้อย ไปจนถึงตัวละหลักหมื่นบาท เน้นส่งขายต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปอเมริกาและทวีปยุโรป มีออเดอร์เข้ามาจำนวนมากแบบจองข้ามปี จนเพาะพันธุ์ไม่ทันต่อความต้องการ และทำให้ราคาปลากระเบนสวยงามพุ่งสูงขึ้นเท่าตัว

สำหรับปลากระเบนสวยงามที่นำมาเพาะเลี้ยงเหล่านี้ เป็นปลากระเบนน้ำจืดที่นำเข้ามาจากประเทศในทวีปอเมริกาใต้ เช่น บราซิล เปรู โคลัมเบีย โดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี เพราะการเลี้ยงปลากระเบนในระบบปิดค่อนข้างควบคุมได้ยาก เนื่องจากแร่ธาตุต่างๆ ภายในน้ำไม่สามารถทำให้เหมือนธรรมชาติได้ ฉะนั้นผู้เลี้ยงจะต้องมีความเข้าใจอย่างละเอียด และดูแลเรื่องระบบน้ำให้ดี



ส่วนการให้อาหารต้องเอาใจใส่และต้องสังเกตอยู่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นเพียงแค่ 3 วัน ปลากระเบนอาจจะตายได้ เพราะเป็นสัตว์กระดูกอ่อน จะให้มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้เลย ดังนั้น ภายในบ่อจะใช้แค่เกลืออย่างเดียว และจะต้องคุมน้ำให้สะอาด แต่ถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับคุณภาพของปลากระเบนที่ออกมา ยิ่งหากได้ลวดลายที่สวยงามแปลกตา จะยิ่งได้ราคาสูงนับหมื่นบาท

ในส่วนการผสมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลากระเบนสวยงาม นายจิรโรจน์ จะใช้วิธีการนำไปปล่อยในบ่อแบบธรรมชาติจนครบ 3 เดือน ปลากระเบนจะเกิดลูกออกมา 1-20 ตัว หลังจากนั้น จะนำตัวลูกปลากระเบนออกมาอนุบาลไว้ เมื่อได้ไซส์ตามขนาด 4.5 นิ้วขึ้นไป จะส่งออกขายต่างประเทศ แต่จะต้องมีอายุ 1 เดือนขึ้นไป เพราะจะเป็นช่วงที่ปลามีความแข็งแรงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในการเลี้ยงปลากระเบนนั้นต้องระมัดระวังด้วย เนื่องจากปลาชนิดนี้ค่อนข้างตกใจง่าย และจะมีเงี่ยงเป็นอาวุธในการทำร้ายศัตรูเพื่อเอาตัวรอด แต่ปลากระเบนไม่ใช่สัตว์ดุร้ายหากไม่ไปรบกวนหรือทำให้ตกใจ แถมกำลังกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ให้ผู้เลี้ยงอย่างงดงาม เพียงแค่ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเท่านั้น


https://mgronline.com/south/detail/9640000103177
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 20-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


GCRMN เผย "โลกสูญเสียแนวปะการัง 14% ในช่วงทศวรรษเดียว"


ม้ว่าปี 2021 จะเป็นปีที่ดีสำหรับสุขภาพของปะการัง แต่ปะการังในแนวปะการัง Great Barrier Reef ได้ลดลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


Global Coral Reef Monitoring Network (GCRMN) เป็นเครือข่ายตรวจสอบแนวปะการังทั่วโลก ออกรายงาน ?Status of Coral Reefs of the World 2020? ฉบับที่ 6 (ฉบับแรกออกมาตั้งแต่ปี 2008) ให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของชุดข้อมูลทั่วโลกต่อเหตุการณ์การฟอกขาวของปะการังทั่วโลกที่เกิดบ่อยครั้งมากขึ้น

เครือข่าย GCRMN ระบุผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นต่อแนวปะการังทั่วโลก ว่าเกิดจากอุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้นเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์

ล่าสุดพบการสูญเสียแนวปะการังทั่วโลกประมาณ 14% เมื่อนับตั้งแต่ปี 2009 (พ.ศ.2552) หรือประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่แนวปะการังที่มีชีวิตทั้งหมดในออสเตรเลีย และการฟอกขาวของปะการังที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างถือเป็นเป็นรบกวนแนวปะการังที่รุนแรงที่สุด เฉพาะในปี 1998 (พ.ศ.2541) มีปะการังทั่วโลกตายไปถึง 8%


Great Barrier Reef ของออสเตรเลียได้สูญเสียปะการังไปมากกว่าครึ่งตั้งแต่ปี 1995 เนื่องจากทะเลที่ร้อนขึ้น

แนวปะการังทั่วโลก อยู่ในพื้นที่มากกว่า 100 ประเทศ ถึงแม้จะครอบคลุมพื้นทะเลเพียง 0.2% แต่ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อระบบนิเวศของสัตว์ทะเลอย่างน้อย 25% รวมถึงสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยในการปกป้องชายฝั่ง แนวปะการังเป็นแหล่งอาหารที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่มนุษย์โลก

อย่างไรก็ตาม แนวปะการังเป็นระบบนิเวศที่เปราะบางที่สุดในโลกต่อแรงกดดันจากมนุษย์ รวมถึงยังมีภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้มหาสมุทรเป็นกรดมากขึ้นเกิดจากมลภาวะบนบก เช่น การใช้สารเคมีทางการเกษตร ส่วนมลภาวะทางทะเล เช่น การทำประมงเกินขนาด หรือการทำประมงแบบทำลายล้าง

ข้อมูลอ้างอิง https://www.unep.org/resources/statu...efs-world-2020


Credit Clip International Coral Reef Initiative

วัตถุประสงค์ของ GCRMN คือรายงานสถานะของแนวปะการังของโลกที่อธิบายสถานะและแนวโน้มของแนวปะการังทั่วโลก รายงาน GCRMN Status of Coral Reefs of the World ฉบับที่ 6 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 และเป็นครั้งแรกที่อิงจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของชุดข้อมูลทั่วโลกที่รวบรวมจากข้อมูลการตรวจสอบดิบซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 300 รายในเครือข่าย ชุดข้อมูลทั่วโลกครอบคลุมมากกว่า 40 ปีตั้งแต่ปี 1978 ถึง 2019 และประกอบด้วยการสังเกตการณ์เกือบ 2 ล้านครั้งจากไซต์มากกว่า 12,000 แห่งใน 73 ประเทศที่มีแนวปะการังทั่วโลก


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000103773

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 20-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


นักวิจัยจับ "ปลาพระอาทิตย์" กว้างกว่า 3 ม. ใช้เครนยกมาศึกษาก่อนปล่อย



นักวิจัยจากสถานีชีววิทยาทางทะเลเอสเตรโช มหาวิทยาลัยเซบีญา ประเทศสเปน มีโอกาสที่หาได้ยากในการเก็บตัวอย่างเพื่อศึกษา ปลาพระอาทิตย์ หรือ ปลาโมลา ( Mola ) ขนาดมหึมา ที่ว่ายมาติดอวนประมงนอกฝั่งเมืองกวยตา ดินแดนสเปนนอกชายฝั่งทางเหนือของแอฟริกา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. เป็นที่มาของคลิปแสดงให้เห็นการใช้เครนถึง 2 ตัวจากเรือสองลำ เพื่อยกปลาขนาดมหึมาขึ้นมาให้นักวิจัยได้วัดขนาด ประเมินน้ำหนัก และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอก่อนปล่อยลงทะเล ซึ่งเป็นภารกิจที่เครียดไม่น้อยกับความใหญ่โตของขนาด และความพยายามป้องกันอุบัติเหตุ

ปลาพระอาทิตย์ มีรูปร่างแบนเหมือนจาน หัวขนาดใหญ่มากจนดูเหมือนเป็นทั้งตัวของมัน ส่วนหางเล็ก สิ่งมีชีวิตชนิดนี้เป็นปลากระดูกแข็งหนักที่สุดในโลก จุดที่พบอยู่ห่างราว 500 เมตรจากชายฝั่งเมืองกวยตา แหล่งธรรมชาติที่สามารถพบเห็นสัตว์ทะเลนานาพันธุ์ ทั้งเต่าหัวค้อน เต่าทะเล วาฬหรือโลมา ตามกระแสน้ำที่ไหลมาจากช่องแคบ ตาข่ายดักปลาแห่งนี้ จับปลาพระอาทิตย์ได้เป็นประจำ ปีที่แล้ว เคยพบถึง 572 ตัวในวันเดียว แต่ไม่เคยเจอตัวใหญ่แบบนี้มาก่อน

ปลาตัวนี้วัดความยาวได้ 2.9 เมตร ความกว้างหรือระยะจากครีบทั้งสองข้าง 3.2 เมตร ส่วนน้ำหนัก มากเกินกว่าจะใช้เครื่องชั่งที่รับน้ำหนักได้เต็มที่ 1 พันกก. แต่ประเมินจากความอ้วนท้วนและเทียบกับปลาตัวอื่น คาดว่าปลาตัวนี้น้ำหนักน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ตัน เอนริเก ออสตาเล ผู้ประสานงานสถานีชีววิทยาทางทะเล มหาวิทยาลัยเซบีญา กล่าวว่า ปลาพระอาทิตย์ที่เคยจับได้ในญี่ปุ่น วัดขนาดได้ 2.7 เมตร หนัก 2.3 ตัน

ปัจจุบัน นักวิจัยจากห้องแลบชีววิทยาทางทะเลของสหรัฐ ( US Marine Biology Laboratory ) นำโดย ศาสตราจารย์ โฆเซ่ คาร์ลอส การ์เซีย โกเมซ กับทีมงานจากสวิตเซอร์แลนด์ กำลังร่วมกันศึกษาประชากรปลาพระอาทิตย์ในน่านน้ำกวยตา เพื่อแยกความแตกต่างทางโครงสร้างและพันธุกรรมระหว่างปลาโมลาสองชนิดพันธุ์ ได้แก่ โมลา โมลา กับ โมลา อเล็กซานดรินี ( Mola alexandrine หรือ southern sunfish ) แต่ตัวใหญ่ที่พบล่าสุดนี้เชื่อว่า เป็น โมลา อเล็กซานดรินี ที่พบได้ยากกว่า ทั้งสองชนิดพันธุ์เป็นปลาไม่ดุร้าย กินพวกแมงกะพรุนเป็นอาหารส่วนใหญ่

กวยตา เป็นหนึ่งในดินแดนสเปน 9 แห่งในทวีปแอฟริกา ติดชายแดนโมร็อกโก เลียบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับแอตแลนติก


https://www.komchadluek.net/news/488807

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 20-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


อิสราเอลพบดาบ 900 ปีจากสงครามครูเสดใต้ก้นทะเล

นักประดาน้ำค้นพบดาบเก่าแก่ 900 ปีที่เชื่อว่าเป็นของนักรบสงครามครูเสด ใต้ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน



รอยเตอร์สและเดอะนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค. หน่วยงานโบราณวัตถุของอิสราเอลเผยว่านักประดาน้ำค้นพบดาบที่เชื่อว่าเป็นของนักรบสงครามครูเสดที่แล่นเรือไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อเกือบ 1,000 ปีก่อน ใต้ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

นักประดาน้ำคนดังกล่าวคือ ชโลมี แคทซิน ซึ่งกระโดดลงไปในน่านน้ำนอกชายฝั่งคาร์เมลของอิสราเอลเพื่อสำรวจใต้ท้องทะเลพร้อมกับกล้องโกโปรที่ติดอยู่ที่หน้าผาก

แม้ว่าจะถูกปกคลุมด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในทะเล แต่ใบมีดและด้ามดาบที่ยาวเป็นเมตรก็มีความโดดเด่นมากพอที่จะสังเกตเห็นได้หลังกระแสน้ำใต้ทะเลเคลื่อนทรายที่ปิดบังไว้

นักโบราณคดีเผยภายหลังว่าดาบดังกล่าวมีน้ำหนัก 4 ปอนด์ ยาวประมาณ 4 ฟุต และเชื่อว่ามีอายุประมาณ 900 ปี โดยมีต้นกำเนิดมาจากสงครามครูเสดครั้งที่ 3 ซึ่งจะถูกนำมาจัดแสดงหลังจากที่ทำความสะอาดและฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ แคทซินค้นพบโบราณวัตถุมาแล้วหลายชิ้นด้วยกัน รวมถึงสมอหินและเศษเครื่องปั้นดินเผาที่มีอายุหลายร้อยปี แต่เขาเผยว่าไม่มีของชิ้นไหนน่าประทับใจไปกว่าดาบเล่มนี้อีกแล้วเพราะมันหายากมาก

โคบี ชาร์วิต ผู้อำนวยการฝ่ายโบราณคดีทางทะเลของหน่วยงานโบราณวัตถุอิสราเอล กล่าวว่า โดยปกติแล้วเรามักจะค้นพบดาบโบราณในสภาพที่ไม่ดี แต่ดาบเล่มนี้พบอยู่ใต้น้ำ และถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพดีมาก "นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบดาบที่สวยงามเช่นนี้"

พร้อมชี้ว่า ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอ่าวธรรมชาติใกล้กับเมืองท่าไฮฟา ซึ่งเคยเป็นที่หลบภัยของนักเดินเรือ พื้นที่ตรงนี้ดูดเรือสินค้ามาหลายยุคหลายสมัย ทำให้มีการค้นพบทางโบราณคดีมากมาย



โจนาธาน ฟิลลิปส์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ของสงครามครูเสดจาก Royal Holloway แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน เผยว่า สมเหตุสมผลแล้วที่จะพบดาบเล่มนั้นในทะเลเพราะการสู้รบหลายครั้งเกิดขึ้นใกล้ชายหาด ซึ่งทหารคริสเตียนลงจอดและบางครั้งก็ถูกกองกำลังมุสลิมโจมตี ดาบเล่มนั้นอาจเป็นของนักรบที่ตกลงไปในทะเลหรือพ่ายแพ้ในการต่อสู้ในทะเล

เอลี เอสโคซิโด ผู้อำนวยการทั่วไปของหน่วยงานโบราณวัตถุของอิสราเอลกล่าวยกย่องแคทซิน โดยระบุว่าโบราณวัตถุทุกชิ้นที่พบช่วยให้ไขปริศนาทางประวัติศาสตร์ของดินแดนอิสราเอลได้

ทั้งนี้ สงครามครูเสดเป็นชุดสงครามทางศาสนาในช่วงยุคกลาง ซึ่งคริสตจักรละตินเป็นผู้ริเริ่ม โดยประสงค์จะปลดปล่อยเยรูซาเล็มกับพื้นที่รายรอบให้พ้นจากการปกครองของมุสลิม

โดยมีสงครามครูเสดเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ครั้งสำคัญที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึง 13 ซึ่งมีสงครามใหญ่ๆ เกิดขึ้นถึง 9 ครั้งในมหาสงครามครั้งนี้ และยังมีสงครามย่อยๆ เกิดอีกหลายครั้งในระหว่างนั้น และสงครามบางครั้งก็เกิดขึ้นภายในยุโรปเอง เช่น ที่สเปน นอกจากนี้ยังมีสงครามย่อยๆ เกิดขึ้นตลอดศตวรรษที่ 16 จนถึงยุคเรอเนสซองซ์ และการปฏิรูปศาสนา


https://www.posttoday.com/world/665902

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:35


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger