เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุม ด้านตะวันออกของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ยังมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นเป็นบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9 - 14 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้อากาศเย็นลงกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-7 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพและปริมณฑลอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 9 ? 14 พ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย ส่วนประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย




*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศหนาวเย็นลงบริเวณประเทศไทยตอนบนกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงที่ 13 พฤศจิกายน 2564)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 08 พฤศจิกายน 2564

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว และจะแผ่เข้าปกคลุม ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในวันนี้(วันที่ 8 พ.ย. 26564) ซึ่งจะปกคุลมถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 3-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ในวันที่ 9- 13 พฤศจิกายน 2564 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ควรระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ช็อก ฉลามขย้ำชายอังกฤษ ริมหาดออสเตรเลีย เมียสุดเศร้า หมดทางช่วย

ชายอังกฤษ ถูกฉลามทำร้าย ขณะลงว่ายน้ำในทะเลใกล้ชายหาดในออสเตรเลีย ภรรยาอยู่บนหาด แต่หมดทางช่วย ด้าน จนท.ค้นหาร่าง 2 วันแต่ยังไม่พบ เจอแต่แว่นตาสำหรับว่ายน้ำ


Cr ภาพ :@WA Police

เมื่อ 8 พ.ย.64 เดลี่เมลรายงานเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ นายพอล มิลลาชิป ชายชาวอังกฤษวัย 57 ปี ถูกฉลามขาวยักษ์ ตัวยาวนับ 4.5 เมตร กัดทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะว่ายน้ำทะเล ใกล้ชายหาดนอร์ท ฟรีแมนเทิล ในเมืองเพิร์ท รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ภรรยาอยู่ริมชายหาด แต่หมดทางช่วย

ด้านเจ้าหน้าที่และหน่วยยามฝั่งของออสเตรเลียได้พยายามค้นหานายมิลลาชิป เป็นเวลา 2 วัน แต่ยังไม่พบศพ เพียงแต่หลักฐานสำคัญที่พบ คือ แว่นตาสำหรับว่ายน้ำของเขาเท่านั้น

จากการเปิดเผยของภรรยานายมิลลาชิป ซึ่งไม่ขอเผยชื่อ และอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ กล่าวว่า สามีของเธอเสียชีวิตขณะทำในสิ่งที่เขารัก ที่ชื่นชอบในการเล่นเซิร์ฟ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยปกติ สามีจะลงว่ายน้ำทะเลบริเวณริมชายหาดในตอนเช้าเป็นประจำ พร้อมทั้งยกย่องสามีผู้ล่วงลับว่าเป็นสามีและพ่อที่มหัศจรรย์ ขอให้เขาหลับให้สบาย อีกทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียที่พยายามค้นหาศพของสามีอย่างสุดความสามารถ

มีหนุ่มวัยรุ่น 4 คนอยู่บนชายหาดขณะนั้น เล่าว่าพวกเขาเห็นฉลามตัวหนึ่งว่ายอยู่ริมชายหาด แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นฉลามพันธุ์อะไร โดยหลังเกิดเหตุสุดสลด เจ้าหน้าที่ได้แจ้งผู้คนที่ลงว่ายน้ำหรือเล่นเซิร์ฟให้ขึ้นจากทะเลเพื่อความปลอดภัย พร้อมกับติดป้ายปิดหาดบริเวณนี้ทันที.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2237964
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ครั้งแรก! "วาฬบรูด้าแม่จ๊ะเอ๋" โชว์งานวิทยาศาสตร์ 9-19 พ.ย.

โชว์ "วาฬบรูด้าแม่จะ๊เอ๋" ผ่านโครงการดูกสมบูรณ์ที่สุดในไทย ความยาว 11 เมตร หลังวิจัยเพื่อต่อจิ๊กซอว์แล้วเสร็จ เพื่อให้คนรู้จักสัตว์สงวนตัวล่าสุดของไทย พร้อมโชว์ครั้งแรกในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งขาติ 2564 ที่เมืองทองธานีวันที่ 9-19 พ.ย.นี้



วันนี้ (8 พ.ย.2564) นายชลวิทย์ ทองเจริญชัยกิจ นักวิชาการ 6 สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า ในมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยีแห่งขาติ 2564 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 พ.ย.นี้ อพวช.เน้นนิทรรศการโคร่งร่างสร้างเรื่องหรือ SKeleton โดยต้องการให้เด็กๆได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงกระดูกของจริงที่นำมาจัดแสดง

"ความโดดเด่น คืองานวิจัยซากวาฬบรูด้าแม่จ๊ะเอ๋ ที่ตายเมื่อปี 2563 โดยทีมวิจัยต้องใช้เวลากว่า 1 ปีในการทำวิจัยโครงกระดูก 11 เมตร เพื่อศึกษาถึงร่องรอยโรค และทำชิ้่นส่วนกระดูกกว่า 120 ชิ้นมาประกอบเป็นโครงที่สมบูรณ์ที่สุดในไทย"


เรียนจากกระดูกวาฬไร้ชีวิต-สู่วาฬในทะเลที่มีเพียง 60 ตัว

นายชลวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการสื่อสารเรียนรู้ผ่านโครงการดูกวาฬบรูด้าแม่จ๊ะเอ๋ เพราะต้องการให้เด็กๆ และคนทั่วไปทำความรู้จักวาฬบรูด้าทะเลไทยที่มีเพียง 60 กว่าตัว และเพิ่งขึ้นบญชีสัตว์สงวนตัวล่าสุดใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เพราะหากบ้านของวาฬบรูด้า ถูกทำลายก็จะทำร้ายสัตว์ทะเลทางอ้อม

"การเข้ามาชมนิทรรศการไม่ใช่แค่จะเห็นแต่โครงวาฬบรูด้า แต่ยังมีการเรื่องเล่าของแม่จะเอ๋ในตอนที่มีชีวิตโดยใช้มือถือสแกน QR Code เป็นตัวละคร AR วาฬบรูด้าในอิริยาบถต่างๆ เนื่องจากวาฬแต่ละตัวที่มีการตั้งชื่อจะมีอัตลักษณ์ เช่น แม่จะเอ๋ จะชอบขึ้นมางับปลา และมีรอยแหว่งในตำแหน่งครีบวาฬ "


โครงร่างอาจารย์ใหญ่-ตัวแทนชีวิตมนุษย์

นอกจากนี้วาฬบรูด้าแล้ว ยังมีโครงร่างอาจารย์ใหญ่จากโรงพยาบาลศิริราช 2 โครงร่าง จะบ่งชี้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง อายุ รวมทั้งจะเป็นตัวแทนบ่งชี้สุขภาพตอนที่เสียชีวิต เพราะจะเห็นรอยโรคบางโรคที่ปรากฏในกระดูกได้ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ออฟฟิศซินโดรม

นอกจากนี้ยังมีนส่วนกระดูกสัตว์ที่โดดเด่น เช่น กระดูกคอยีราฟที่ยาวที่สุด และชิ้นส่วนกระดูกต้นขาไดโนเสาร์ซอโรพอดที่ใหญ่ และขุดพบที่ประเทศไทยนำมาจัดแสดง โดยมีจุดให้ผู้เข้าชมได้เทียบความสูงกับโครงกระดูกที่มีความสูง 1-2 เมตรอย่างใกล้ชิด

ไม่เพียงแต่ซากโครงกระดูกแต่งานครั้งนี้ ยังมีการนำเสนอกระดูกสัตว์ที่ยังมีชีวิต เช่น ปลาที่มีตัวใสจนเห็นกระดูก 2 ชนิดคือปลากั้งพระร่วงและปลาแป้นแก้ว รวมทั้งฟันเลื่อยของปลาฉนาก ซากฉลาม เป็นต้น

สำหรับการเข้าชมนิทรรศการภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ทำให้ต้องจัดรอบเพื่อลดความแออัดเป็น 3 เวลาคือ 09.00-12.00 น. เวลา 12.00-15.00 น.และเงลา 15.30-19.00 น. ซึ่งวันธรรมดารองรับจองได้ 7,500 คน และวันเสาร์-อาทิตย์ 5,000 คน รวมทั้งจะใช้รูปแบบ Virtual Science จากทางบ้านได้ด้วย ทั้งนี้วันที่ 10 พ.ย.นี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะมาเปิดงาน




https://news.thaipbs.or.th/content/309482

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


น้ำท่วม : กทม. "จะจมน้ำ" ย้อนดูคำเตือนจากกรีนพีซและธนาคารโลก หลังปรากฏการณ์ทะเลหนุน


ที่มาของภาพ,PANUMASSANGUANWONG

ภายในปี พ.ศ. 2573 หรือ ค.ศ. 2030 มากกว่า 96% ของพื้นที่กรุงเทพฯ อาจถูกน้ำท่วมหากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่กว่าปกติในรอบ 10 ปี...

ใจความหลักจากรายงานโดยกรีนพีซที่ตีพิมพ์เมื่อกลางปีที่ผ่านมาฟังดูน่ากังวลยิ่งขึ้นหลังเมื่อเช้านี้ (8 พ.ย.) เกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ริมน้ำในพื้นที่ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ และ จ.นนทุบรี รวมถึงถนนหลายสายที่น้ำท่วมสูงจนรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ขณะที่การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ยังดำเนินไป สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และบางจังหวัดปริมณฑล ดูจะเป็นอีกสัญญาณเตือนหนึ่งว่าโลกจะได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศโลกที่แปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆ หากมนุษย์ไม่สามารถจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้

บีบีซีไทยสำรวจประกาศเตือนภัยที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของกรุงเทพมหานคร (กทม.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงเช้าวันนี้ ไม่พบว่ามีการแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูง มีเพียงการให้ข้อมูลว่าระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนี้ คาดการณ์โดยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ว่าน้ำขึ้นสูงสุดเวลา 09.55 น. สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 2.16 ม.


ที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX

น.ส. ธนวรรณ รอดกลับ ประชาชนใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เล่าเหตุการณ์ให้บีบีซีไทยว่า ระดับน้ำจากคลองลัดหลวง ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เช้า จนกระทั่งทะลักล้นประตูน้ำไหลเข้าท่วมชุมชนริมคลอง รวมถึงบ้านของเธอ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2554 ที่น้ำทะเลหนุนสูงจนท่วมบ้าน

สำหรับพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูงวันนี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ (เขตยานนาวา เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางพลัด เขตสัมพันธวงศ์) อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ (อ.พระประแดง และ อ.เมืองสมุทรปราการ)

ส่วนถนนที่มีรายงานน้ำท่วมสูงจนกระทบการจราจรอย่างหนัก เช่น ถ.พระราม 3 ถ.บางนา-ตราด ถ.สุขุมวิท (ช่วงสะพานข้ามคลองมหาวงษ์-หน้าโรงเรียนนายเรือ) ถ.รัตนาธิเบศร์ (จุดกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้า) น. ถ.ราษฎร์บูรณะ (ช่วงสะพานข้ามคลองดาวคะนอง) และบริเวณสะพานกรุงธน เป็นต้น


ที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX


คำเตือน

ย้อนไปเมื่อเดือน มิ.ย. กรีนพีซตีพิมพ์รายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแบบสภาวะสุดขีดใน 7 เมืองของเอเชียภายในปี 2573 หรือ ค.ศ. 2030 (The Projected Economic Impact of Extreme Sea-Level Rise in Seven Asian Cities in 2030) ซึ่งมีกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในนั้น

กรีนพีซระบุว่า เมืองชายฝั่งทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น โดยอ้างข้อมูลจาก คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(IPCC) ที่เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ระหว่าง 0.43-0.84 เมตรภายในปี พ.ศ.2643

กรีนพีซยังระบุอีกว่า ตลอดศตวรรษที่ 21 พายุมีความเร็วลมรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกว่าในอดีต

ใจความสำคัญของรายงานชุดนี้เกี่ยวกับกรุงเทพฯ คือ "มากกว่า 96% ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่เสี่ยงน้ำท่วมหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ที่จะเกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2573"

"อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี" หรือที่ในรายงานภาษาอังกฤษใช้คำว่า "ten-year flood" หมายถึงเหตุการณ์น้ำท่วมชายฝั่งที่เกิดจากคลื่นพายุซัดฝั่งและระดับน้ำขึ้นสูงสุด โดยมีโอกาส 10% ต่อปีที่จะเกิดน้ำท่วมสูงเกินระดับน้ำทะเล

นอกจากนี้ กรีนพีซบอกว่า หากเกิดปรากฏการณ์นั้นขึ้น สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาแห่งใหม่ของไทยเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม กรุงเทพฯ จะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่ารวม 512,280 ล้านเหรียญสหรัฐ และประชากร 10.45 ล้านคนในนครหลวงอาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมชายฝั่งในปี พ.ศ.2573 โดยความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็น 96% ของจีดีพี หรือตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของกรุงเทพฯ (มูลค่าดังกล่าวคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐโดยสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้า อัตราเงินเฟ้อคิดตามหลักความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ หรือ purchasing power parity - PPP)


ที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX

อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนไปหลายปีก่อนหน้านี้ ธนาคารโลกเคยออกรายงานระบุว่า กรุงเทพฯ จาการ์ตา และโฮจิมินห์ซิตี้ เป็น "จุดเสี่ยง" ที่จะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พายุเขตร้อนที่รุนแรง และฝนตกหนัก เนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยยืนยันว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ใช่ความเสี่ยงที่ไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้

เมื่อปี 2561 ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของกรีนพีซ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยว่า "หากเราไม่ทำอะไรเลย กรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้น้ำในเวลา 10-15 ปี เพราะการใช้ที่ดินและสูบน้ำบาดาล"

รายงานของธนาคารโลกชิ้นดังกล่าวบอกว่า กรุงเทพฯ มีโอกาสจะจมอยู่ใต้น้ำเป็นอาณาบริเวณกว้าง ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยความเสี่ยงนี้ เกิดจากภาวะโลกร้อนที่มีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ในตอนนั้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าที่ทางการเร่งดำเนินการเตรียมรับมือหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นขุดคลอง สร้างสถานีสูบน้ำ และอุโมงค์ใต้น้ำ เพื่อระบายน้ำออกหากเกิดวิกฤต เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น


https://www.bbc.com/thai/international-59204934

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:24


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger