เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 31-01-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,108
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศลาวตอนบน เวียดนามตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในวันนี้ (31 ม.ค. 65) ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. ? 3 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 5 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 1 ? 5 ก.พ. 65 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. ? 5 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ส่วนชาวเกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 31-01-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,108
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เรื่องธรรมชาติ กองทัพหอยแมลงภู่ แนวโขดหินริมทะเล หาดสมิหลา

นักวิชาการประมงฯ แจงภาพกองทัพหอยแมลงภู่ แนวโขดหินริมทะเล หาดสมิหลา บอกเป็นเรื่องธรรมชาติที่ชาวบ้านเห็นจนชินตา ดูหอยตัวใหญ่ คาดเป็นเพราะมุมกล้อง



จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Hongsanart Prachakittikul ได้โพสต์ภาพ "หอยแมลงภู่" จำนวนมากที่ขึ้นอยู่บริเวณแนวโขดหินริมทะเลหาดสมิหลา พร้อมข้อความระบุว่า "หอยแมลงภู่ริมหาดสมิหลา 23/01/2565 แนวโขดหินริมทะเลระหว่างศาลาไทยกับเสาหลักศุลกากรค่ะ" ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าหอยแมลงภู่เหล่านี้มาได้อย่างไร เป็นลางบอกเหตุอะไรหรือไม่ ซึ่งหอยแมลงภู่ที่เห็น จะเป็นหอยตัวเล็ก ขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร เกาะกันแน่นเต็มโขดหิน

นายราตรี สุขสุวรรณ์ ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ให้ข้อมูลว่า หอยแมลงภู่มีขนาดเล็กมาก อายุคงไม่เกิน 2 เดือน ขนาดโดยเฉลี่ยไม่เกิน 2 ซม. จริงๆ เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ และเมื่อโตก็จะถูกเก็บจนหมดไป ซึ่งบริเวณดังกล่าวสภาพน้ำมีความเหมาะสมทำให้มีแพลงก์ตอน เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะทำให้ตัวอ่อนสามารถลงเกาะได้

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เป็นปกติทุกปีที่จะมีหอยแมลงภู่มาเกาะตามโขดหินบริเวณชายหาดสมิหลาแบบนี้ อีกสักประมาณ 2-3 เดือนก็น่าจะโตเต็มที่ จากนั้นก็จะมีชาวบ้านเก็บไปกิน ไปขายกัน

ล่าสุด ดร.เพ็ญศรี เมืองเยาว์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณโขดหิน จุดที่พบหอยแมลงภู่จำนวนมากอาศัยอยู่ ซึ่งห่างจากรูปปั้นนางเงือกประมาณ 200 เมตร จากการสังเกตตามโขดหินพบหอยแมลงภู่จำนวนมาก มีขนาดตั้งแต่ 1 ซม.ขึ้นไป จนถึง 3 ซม.

ดร.เพ็ญศรี กล่าวว่า จากกรณีที่พบหอยแมลงภู่จำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นฤดูการวางไข่ ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ คือปกติหอยแมลงภู่จะวางไข่ทั้งปี และช่วงที่วางไข่มากที่สุดจะเป็นช่วงพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงหน้ามรสุมด้วย ในการวางไข่ช่วงแรกลูกหอยแมลงภู่จะมีลักษณะล่องลอยไปกับน้ำ พอช่วงหน้ามรสุมจะมีกระแสน้ำพัดพามา จากนั้นลูกหอยแมลงภู่ตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป หรือ 17-21 วัน ลูกหอยจะอยู่ในระยะลงเกาะ ซึ่งกระแสน้ำจะพัดพาไปในที่ที่มีการยึดเกาะ



นอกจากนี้หากสังเกตบริเวณหาดสมิหลา ก็จะมีโขดหินซึ่งเป็นที่ยึดเกาะของลูกหอย ซึ่งเมื่อกระแสน้ำพัดพามา เราก็จะเห็นลูกหอยแมลงภู่เกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของหาดสมิหลา แต่โดยทั่วไปจริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ และสิ่งที่ทำให้ลูกหอยมีชีวิตรอดอยู่จากสภาวะแวดล้อมและอาหาร ซึ่งลูกหอยเป็นสัตว์กรองกินแพลงก์ตอน หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในน้ำ และบริเวณหาดสมิหลาซึ่งเปรียบเหมือนปากทะเลสาบเป็นจุดที่น้ำจืดน้ำทะเลไหลมารวมกัน ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ของอาหารธรรมชาติ เช่น แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารของลูกหอยได้เป็นอย่างดี

ส่วนภาพในโซเชียลที่พบว่ามีหอยแมลงภู่จำนวนมากและขนาดใหญ่นั้น โดยปกติระดับน้ำขึ้นลงในแต่ละวันนั้นจะไม่เท่ากัน และขนาดลูกหอยที่เราเห็นนั้นขนาดประมาณ 2-3 ซม. โดยปกติหอยแมลงภู่จะเจริญเติบโตเดือนละ 1 ซม. เพราะฉะนั้นหอยแมลงภู่ที่พบนั้นก็น่าจะประมาณ 2-3 ซม. ถ้านำมาเปรียบเทียบภาพในโซเชียลคิดว่าน่าจะเป็นมุมกล้องมากกว่า จากที่เก็บตัวอย่างหอยแมลงภู่มาเปรียบเทียบขนาดก็ขนาดอายุไม่เกิน 3 ซม. หรือ 3 เดือนเท่านั้น.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2301162

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 31-01-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,108
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ผลชันสูตรซาก "โลมา-เต่ากระ" ตายกลางทะเลออกแล้ว อธิบดีฯ เผยสาเหตุ

ทช. เผยผลชันสูตรซาก "โลมา-เต่ากระ" ในพื้นที่น้ำมันรั่วระยอง ไม่พบการปนเปื้อนคราบน้ำมันทั้งภายใน-ภายนอก ระบุโลมาตายแล้ว 7-10 วัน ส่วนเต่ากระตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน ชี้ซากเน่ามากไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้



เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตามที่มีการพบเห็นซากเต่าและโลมา ในพื้นที่การเกิดน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง ในวันนี้ สัตว์แพทย์กรมทรัพยากรฯ ผ่าชันสูตรซากแล้ว มีผลดังนี้

1. ซากโลมาที่พบเป็นโลมาปากขวดอินโดแปซิฟิก (indo-pacific bottlenose dolphin: Tursiops aduncus) ขนาดความยาวซากที่เหลืออยู่ 2.35 เมตร สภาพซากเน่ามาก (advanced decomposition หรือที่ระดับ 4/5) จากสภาพซาก โลมาตัวนี้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7-10 วัน จากการตรวจสอบกล้ามเนื้อและผิวหนังหลุดร่อน อวัยวะหลายส่วนได้หลุดหายไปเนื่องจากผนังช่องท้องได้เปิดออกจากการเน่าตามธรรมชาติ ทางเดินอาหารพบ gastric content เล็กน้อย ตลอดทางเดินหายใจและทางเดินอาหารไม่พบสิ่งแปลกปลอม และคราบน้ำมัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพเน่ามาก ไม่สามารถหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนได้

2. ซากเต่าทะเลที่พบเป็นเต่ากระ (Hawksbill turtle: Eretmochelys imbricata) ขนาดกระดองกว้าง 74 เซนติเมตร กว้าง 83 เซนติเมตร เพศเมีย อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ สภาพซากเน่ามาก (advanced decomposition หรือที่ระดับ 4/5) เป็นเต่าที่เกิดและโตในธรรมชาติไม่พบหมายเลขไมโครชิพและแถบเหล็กระบุตัวตน จากการตรวจสอบจากสภาพซากเต่าได้เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน เต่าทะเลมีไขมันสะสมตามช่องท้องค่อนข้างน้อย บ่งบอกการป่วยที่เรื้อรัง ตลอดทางเดินอาหารพบอาหารตามธรรมชาติเล็กน้อย ได้แก่ ปะการังอ่อน เปลือกหอย ไฮดรอยเป็นต้น ทั้งนี้ยังพบ ขยะทะเลจำนวนหนึ่ง เช่น ถุงพลาสติก เศษเชือก เศษกระสอบ หนังยางรัดแกง แต่ไม่พบการอักเสบของทางเดินอาหาร ทั้งนี้ไม่พบการปนเปื้อนหรือคราบน้ำมัน ทั้งภายในและภายนอกของเต่าทะเล อย่างไรก็ตามเนื่องจากซากเน่ามากทำให้ไม่สามารถสรุปหาสาเหตุการตายได้


https://www.dailynews.co.th/news/717105/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 31-01-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,108
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


หวั่นซ้ำรอยอ่าวมาหยา! กรอ.กระบี่ห้ามถ่ายหนัง MEG 2 ที่อ่าวไร่เล ชี้ผลเสียมากกว่าได้



กระบี่ - หวั่นซ้ำรอย "อ่าวมาหยา" เวที กรอ.จังหวัดกระบี่ ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง MEG 2 ที่อ่าวไร่เล แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกระบี่ แจงเหตุผลขัดกับปรัชญาการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และขัดกับข้อห้ามตามประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ ขณะที่อดีตโจทก์ฟ้องอ่าวมาหยา ขานรับ ระบุมีเสียมากกว่าได้

จากกรณีที่ทางนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 2 /2565 ที่ห้องพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เลขที่ 9/10 และเชื่อมโยงผ่านระบบ ZOOM โดยในการประชุม กรอ.ครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องการเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์ในจังหวัดกระบี่ เข้าพิจารณาในที่ประชุม

ด้วยบริษัท อินโดไชน่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ได้รับมอบหมายจากบริษัท Deep Blue Production ในเครือวอร์เนอร์ บราเธอร์ เป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 16 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2565 ซึ่งได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในบริเวณหาดพระนาง หาดต้นไทร อ่าวไร่เล และมีการสร้างรีสอร์ตจำลองในพื้นที่โล่งบนฝั่งกระบี่ ใกล้โรงแรมเชลซี โดยจะมีการถ่ายทำฉากสำคัญต่างๆ เช่น ฉากถ่ายทำในทะเล ฉากเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร มีการสร้างรีสอร์ตชั่วคราวบริเวณชายหาด และฉากอื่นๆ

ประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกขับเจ็ตสกีเข้ามาช่วยเหลือคนที่หน้าหาดไร่เล ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ที่ห้ามมีกิจกรรมเจ็ตสกี เรือสกูตเตอร์ เรือลากกล้วย ลากร่ม ร่มชายหาด และ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท้อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ.2559 ซึ่งบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี และเพิ่งขยายระยะเวลาบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ไปอีก 2 ปี ลงนามโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยประกาศนี้ ห้ามกระทำการหรือกิจกรรมใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณ ซึ่งห้ามเรือสกูตเตอร์ เจ็ตสกี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมในเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว และมีการพูดถึงเจ็ตสกี ของอุทยานแห่งชาติฯ 2 ลำ และของเจ้าท่า 1 ลำ ที่ได้รับมาก็ไม่กล้าที่จะนำมาใช้ในพื้นที่ ซึ่งจะกลายเป็นว่าจังหวัดกระบี่ขับเจ็ตสกีได้

นอกจากนี้ ในเรื่องการก่อสร้างสะพานหน้าหาด การปิดหาดเพื่อถ่ายทำ ในช่วงระหว่าง 16 เม.ย.-9 พ.ค.65 เป็นระยะเวลาเกือบเดือน ซึ่งจะกระทบต่อผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวไร่เล และมีความประสงค์เดินเที่ยว เล่นน้ำหน้าหาด การสร้างรีสอร์ตชั่วคราวหน้าหาด ตลอดจนฉากที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร เป็นต้น

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวในที่ประชุมว่า จำได้ไหมคนกระบี่ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนกระบี่ วันที่ได้ไปเปิดอ่าวมาหยา ไม่ได้ภูมิใจที่ไปเปิด หลังจากที่ต้องปิดมา 3 ปี การสูญเสียทรัพยากร สูญเสียมูลค่าการท่องเที่ยวในระยะเวลา 3 ปี คงคำนวณออกว่าสูญเสียไปเท่าใด หากไม่มีวันนั้น (อนุญาตให้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช) มูลค่าทางการท่องเที่ยวของกระบี่จะเท่าใด บัจจุบันเราจะให้เจออย่างนั้นอีกหรือ สมมติว่าอนุญาตให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีคำถามตามมาว่า ทำไมกองนี้ถ่ายได้ กองนั้นถ่ายไม่ได้ รู้มั้ย ฉากหนึ่งกี่ซีน ที่ทราบมาคร่าวๆ กองถ่ายใช้คน 400 คน

"ใช่ผมอยากได้เม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจของกระบี่ แต่ถ้าสูญเสียเหมือนกรณีถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ใครรับผิดชอบ ผู้ว่าฯ บาป มันอยู่ที่การตัดสินใจของพวกเรา สุดท้ายคนที่โดนด่าคือผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผมรับผิดชอบเอง ขอให้ตัดสินใจกันมา"

สรุปคือทำเรื่องไปถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปย้ำประกาศกระทรวงทรัพย์ ของคนที่เซ็นประกาศมาว่า ท่านยังคงศักดิ์สิทธิ์ในการเซ็นหรือไม่ หรือเป็นการอนุญาตเป็นการเฉพาะกรณี

ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้กล่าวต่อไปว่า อยากเอามติที่ประชุม กรอ.ยืนยันให้รับทราบว่า คนกระบี่คิดอย่างไร หากทุกคนเห็นด้วย ผมก็เห็นด้วย หรือจะเป็นข้อแม้ก็ได้ ถ้ากังวลเรื่องเม็ดเงิน ขออย่างเดียว อย่าเอาอะไรไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติตามประกาศที่มีอยู่ กองถ่ายปฏิบัติได้มั้ย ที่นี่เป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทยเหมือนกัน อะไรจะเกิด อีก 3 ปี ผมก็ไปแล้ว แต่เป็นตราบาปผมไปชั่วชีวิต

หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้ขอมติ ซึ่งที่ประชุมไม่อยากให้มาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเพียง 1 รายที่เห็นด้วย และมีผู้เข้าประชุมอีกส่วนหนึ่งที่ไม่แสดงความคิดเห็นด้วยการยกมือว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย

ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะชาวกระบี่ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ที่ไม่อนุญาตให้บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เพราะมีเสียมากกว่าได้ และที่ผ่านมา การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ที่อ่าวมาหยา ทุกคนก็เห็นแล้วว่า ความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรมากแค่ไหน ประเมินความเสียหายไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่ตนรู้ดี เพราะว่าตนเป็นคนหนึ่งในขณะที่เป็นนิติกร อบจ.กระบี่ ได้เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง รมต. อธิบดี รวมถึงบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้น เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาท แต่จนถึงตอนนี้ เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์มักจะอ้างว่าเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และประเทศให้ ซึ่งด้วยศักยภาพของจังหวัดกระบี่ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาพยนตร์ในการประชาสัมพันธ์ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย อ่าวมาหยาเป็นต้นแบบความเสียหายจากกองถ่ายทำภาพยนตร์ หากว่าใครอนุญาตให้มีการถ่ายทำเกิดขึ้น เตรียมตัวถูกฟ้อง


https://mgronline.com/south/detail/9650000009842


*********************************************************************************************************************************************************


"Adidas" สร้างสนามเทนนิสลอยน้ำจาก "พลาสติกรีไซเคิล" เหนือแนวปะการัง Great Barrier Reef



Parley for the Oceans องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับ Adidas ในการออกแบบและสร้างสนามเทนนิสที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล และให้ลอยอยู่เหนือ Great Barrier Reef แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างความตระหนักถึงขยะพลาสติกในมหาสมุทร และหลังการแข่งขัน Parley และ Adidas ได้บริจาคสนามเทนนิสให้กับโรงเรียนในท้องถิ่นเพื่อให้ต่อไป

นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเทนนิสในปี 2022 ของ Adidas ยังได้รับการออกแบบโดยใช้พลาสติกรีไซเคิลจากมหาสมุทรของ Parley และได้แรงบันดาลใจจากสีที่พบในแนวปะการัง Great Barrier Reef นับเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายของบริษัทในการช่วยยุติขยะพลาสติกและยกเลิกการใช้โพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ภายในปี 2025

แชนนอน มอร์แกน ผู้อำนวยการอาวุโส สาขาแปซิฟิกของ Adidas กล่าวถึงการใช้พลาสติกรีไซเคิลของบริษัทว่า "เรารวบรวมพลาสติกจากชุมชนริมชายฝั่งก่อนที่มันจะลงเอยในมหาสมุทร และเปลี่ยนให้เป็นเส้นด้าย นักกีฬาของเราในสนามที่ Australian Open สวมเสื้อผ้าเหล่านี้ เรากำลังใช้การแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปของเรา เพื่อแสดงถึงความงดงามของแนวปะการังอย่างแท้จริง?

ทั้งนี้ รายงาน THAIHEALTH WATCH 2021 พบว่า ปัญหาขยะทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติก กำลังเป็นภัยคุกคามระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจากทุกๆ ปีจะมีขยะพลาสติก 12 ล้านตันถูกทิ้งลงสู่ทะเลและมหาสมุทร โดยมีเพียง 5%ที่พบเห็นเป็นชิ้นส่วนลอยอยู่ในทะเล ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้น้ำหรือถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรทั่วโลก โดยในปี 2562 มีหลักฐานการพบเศษขยะทะเลพลาสติกอยู่ที่ก้นร่องลึกก้นสมุทรมาเรียน่า (Mariana Trench) ซึ่งเป็นร่องสมุทรที่ลึกที่สุดในโลก ที่ระดับ 11 กิโลเมตรต่ำกว่าระดับทะเล

นอกจากนี้ รายงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยจอร์เจีย และสมาคมการศึกษาทางทะเล (Sea Education Association) ในรัฐแมสซาชูเซทส์สหรัฐฯ ที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Science Advances ระบุว่า ขยะพลาสติก 6,300 ล้านตันที่ทิ้งในปี พ.ศ.2558 มีเพียงร้อยละ 9 เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ร้อยละ 12 ถูกนำไปเผาซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และที่เหลือร้อยละ 79 ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม

หากการผลิตพลาสติกและแนวโน้มการกำจัดของเสียยังคงดำเนินเช่นปัจจุบัน จะมีพลาสติกปริมาณ 1.2 หมื่นล้านตันที่ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม หรือมีน้ำหนักเทียบเท่ากับวาฬสีน้ำเงิน 100 ล้านตัว หรือคิดเป็น 5,000 เท่าของประชากรวาฬสีน้ำเงินที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9650000009729

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:01


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger