เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5 ? 6 ก.พ. 65 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 10 ก.พ. 65 ลมฝ่ายตะวันตกยังคงปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยเกิดขึ้นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 5 ? 6 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ และชาวเกษตกร และประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 10 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณภาคเหนือตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2565

ในช่วงวันที่ 5?6 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และกำแพงเพชร มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสในภาคเหนือตอนบน สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-11 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ตะลึง ธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ละลายเร็ว 'บางลง 54 ม. ในเวลา 25 ปี'

นักวิทย์พบธารน้ำแข็งบนยอดเขาเอเวอเรสต์ กำลังละลายเร็วกว่าอัตราสะสมถึง 80 เท่า ชี้ ธารน้ำแข็งบางลงไปถึง 54 เมตร ในเวลาแค่ 25 ปี ขณะที่ต้องใช้เวลาสะสมกว่าน้ำแข็งจะหนาขนาดนี้ถึง 2 พันปี



เมื่อ 4 ก.พ. 65 เว็บไซต์ เมโทรและซีบีเอสนิวส์ รายงาน นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ที่น่าหวั่นวิตกของธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลก กำลังละลายอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อน โดยจากผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ นำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมน ในสหรัฐอเมริกา ที่ถูกนำมาตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 3 ก.พ. 65 พบว่า ธารน้ำแข็งในบริเวณที่เรียกว่า South Col (เซาท์ คอล) บนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ละลายบางลงไปถึง 180 ฟุต หรือ 54.8 เมตร ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา

การละลายของธารน้ำแข็งเซาท์ คอล (บริเวณริมคมเทือกเขาระหว่างยอดเอเวอเรสต์ และ Lhotse) ที่บางลงไปถึง 180 ฟุต แสดงให้เห็นว่าธารน้ำแข็งในบริเวณนี้มีอัตราการละลายเร็วกว่าอัตราการสะสมของน้ำแข็ง จนได้ความหนาในระดับนี้ ถึงกว่า 80 เท่า หรือธารน้ำแข็งต้องใช้เวลายาวนานถึงเกือบ 2,000 ปี จึงจะสามารถสะสมน้ำแข็งจนมีความหนาในระดับนี้ได้

จากงานวิจัยนี้ได้ข้อมูลมาจาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก และภารกิจเพื่อโลกของโรเล็กซ์ ที่นำเครื่องตรวจวัดไปตั้งบริเวณธารน้ำแข็งเซาท์ คอลของยอดเอเวอเรสต์ ในปี 2562 ได้ยืนยันให้เห็นว่า ธารน้ำแข็งบนยอดเขาสูงที่สุดในโลกได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจากน้ำมือมนุษย์มาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990

การละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ในเทือกเขาหิมาลัย ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดหิมะถล่ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อนักปีนเขา และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในทวีปเอเชียกว่า 1 พันล้านคนที่ใช้น้ำจากแม่น้ำต่างๆ ซึ่งหล่อเลี้ยงโดยธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2306702

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 05-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฮือฮา! พบ "กระเบนนก" สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ แหวกว่ายกลางน้ำสวยใสที่ "เกาะสุรินทร์"

อช.หมู่เกาะสุรินทร์ เผยคลิปหาชมยาก "กระเบนนก" แหวกว่ายอย่างสวยงาม ท่ามกลางนำทะเลสวยใสที่อ่าวไทรเอน เกาะสุรินทร์ จ.พังงา


พบกระเบนนกสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ระดับโลก ที่เกาะสุรินทร์ (ภาพจาก อช.หมู่เกาะสุรินทร์)

เพจ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - Mu Ko Surin National Park เผยคลิปสั้น ๆ แต่หาชมยากของ "กระเบนนก" กำลังแหวกว่ายอย่างสวยงาม ท่ามกลางน้ำทะเลสวยใส โดยแอดมินเพจระบุว่า พบกระเบนนกตัวนี้บริเวณอ่าวไทรเอน ซึ่งนาน ๆ จะพบเห็นสักครั้ง

กระเบนนก (Spotted Eagle Ray) หรือกระเบนจุดขาว หรือกระเบนเนื้อดำ หรือกระเบนค้างคาว (ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Aetobatus ocellatus)

กระเบนนก ได้รับฉายาว่าเป็น "วิหคแห่งท้องทะเล" เป็นสัตว์ที่อยู่ในบัญชีแดง (Red List) ของ IUCN องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มีสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) ในระดับโลก

กระเบนนกมีลักษณะลำตัวเป็นทรงขนมเปียกปูน มีจุดสีขาวกระจายทั่วไปบนหลัง ส่วนหางยาวมากเมื่อเทียบกับลำตัว ที่โคนหางมีเงี่ยง 2-6 อัน โดยจะออกลูกครั้งละ 1-6 ตัว ขนาดโตเต็มวัยลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร

ปัจจุบันกระเบนนก พบกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ส่วนในน่านน้ำของท้องทะเลไทยทั้งอ่าวไทยและอันดามัน จะพบเจอกระเบนชนิดนี้ได้ยาก นาน ๆ จะเจอสักครั้ง อาทิ ที่เกาะเต่า เกาะพีพี และที่หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นต้น

สำหรับ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์" ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความสมบูรณ์ สวยงาม จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดไทย

"หมู่เกาะสุรินทร์" ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี (เกาะสตอร์ค) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะไข่ (เกาะตอรินลา)

อช.หมู่เกาะสุรินทร์ นอกจากจะเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามแล้ว ยังมีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสวยใส และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ อ่าวช่องขาด อ่าวไม้งาม อ่าวสุเทพ อ่าวแม่ยาย อ่าวผัดกาด อ่าวเต่า อ่าวจาก อ่าวไทรเอน และหมู่บ้านมอแกน เป็นต้น


https://mgronline.com/travel/detail/9650000011743

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 05-02-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


การคุกคามเขตแดนทางทะเลจากเรือประมงต่างชาติ ................. โดย ณัชชา สุขะวัธนกุล คณะนิติศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์



เป็นที่ทราบกันดีว่า น่านน้ำของไทยนั้นถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่อาณาเขตทางทะเล หลากหลายส่วนแตกต่างกันไป บ้างเป็นพื้นที่ที่รัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตยเต็ม บ้างก็เป็นพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐ

การทำกิจกรรมประมงร่วมกันกับรัฐอื่น หรือการอนุญาตให้รัฐอื่นทำประมงในเขตน่านน้ำของประเทศไทย ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีมีข้อตกลง หรือมีความร่วมมือกันระหว่างรัฐภายใต้กรอบของความตกลง สนธิสัญญาและกรอบของกฎหมาย เช่น กฎหมายในระดับสากลอย่างอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (The United Nation Convention of the Law of the Sea; UNCLOS) รวมถึงกฎหมายภายในเกี่ยวกับการทำประมงของแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น กฎหมายเกี่ยวกับสัญชาติเรือ พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2558 พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 และ พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เป็นต้น อันสืบเนื่องมาจากการที่ความต้องการบริโภคสัตว์น้ำและทรัพยากรพันธุ์ปลาที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการทางทะเล ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำประมงในเขตน่านน้ำไทย เช่น ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หน่วยลาดตระเวนทหารเรือและกองเรือไทย ประกาศถึงการจับกุมเรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้านขณะแอบเข้ามาคราดปลิงทะเล

อีกทั้งลักลอบจับปลามังกร ในบริเวณห่างจากปากแม่น้ำบางนรา จ.นราธิวาส ประมาณ 26 ไมล์ทะเล และในพื้นที่บริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางทิศเหนือประมาณ 40 ไมล์ทะเล พร้อมรวบตัวลูกเรือต่างชาติ

การเข้าตรวจสอบกลุ่มเรือประมงต่างชาติ การไล่จับกุมเรือ เมื่อมีการหลบหนีจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเตือนตามหลักการตรวจค้นของกองทัพเรือแต่ก็ไม่เป็นผล อีกทั้งยังเร่งเครื่องหนีและปล่อยเชือกลากบริเวณท้ายเรือเป็นอุปสรรคต่อการไล่ติดตาม มีเหตุการณ์ที่จุดไฟเผาเรือและลูกเรือกระโดดลงทะเล

ทั้งนี้ ได้ช่วยเหลือลูกเรือขึ้นเรือและควบคุมตัวกลับมายังท่าเทียบเรือประมงนราธิวาสเพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดี และเนื่องจากเป็นการจับกุมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะจึงได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดไว้ 5 ข้อหา ดังนี้

การร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตทำการประมง (ตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 129 วรรคสอง) ทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 11 วรรคหนึ่ง) เป็นคนต่างด้าวร่วมกันทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมงโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 มาตรา 5 ทวิ มาตรา 11 ทวิ)

รวมถึงการไม่เข้าออกตามช่องด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานีหรือท้องที่ที่กำหนด ไม่เข้าออก ตามเวลาที่กำหนด (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 62) และการเข้ามาหรือออกไปโดยไม่ยื่นรายการและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบมาตรา 62)



เป็นที่น่าสังเกตและพิจารณาว่า ในยุคปัจจุบันยังมีเรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศซึ่งมีความร่วมมือในระดับภูมิภาคในด้านต่าง ๆ กับประเทศไทยยังคงเข้ามาทำการประมงโดยรุกล้ำน่านน้ำไทย เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทางน้ำของตนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ และความมั่งคั่งทางทะเลที่มีความตกลงร่วมกันมาและการพัฒนาต่อไปในด้านอื่น ๆ

ทั้งยังขัดกับหลักการสร้างความมั่งคั่งทางทะเล (Blue Economy) ของธนาคารโลกอันเป็นแนวนโยบายสากลเป็นอย่างมาก หากแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความต้องการบริโภคสัตว์ทะเลแปลกและความชอบเฉพาะตัวก็ยังเปิดช่องทางให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่เนืองๆ

เมื่อวิเคราะห์จากการที่เรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้านได้พุ่งชนเรือทำความเสียหายต่อเรือของกองทัพเรือนั้น ถือเป็นการกระทำที่รุนแรง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือได้ทำการจับกุมอย่างละมุนละม่อมโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง โดยได้เพิ่มความเข้มงวดตามมาตรการในการจับกุมให้มากขึ้น

แต่เนื่องจากเรือประมงต่างชาติกลุ่มนี้อาจจะมีสายข่าว ที่คอยแจ้งเตือนเมื่อเจ้าหน้าที่จะออกดำเนินการจับกุม รวมถึงในยุคปัจจุบันเรือประมงที่ลักลอบเข้ามา ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีศักยภาพที่สามารถตรวจจับเรือของเจ้าหน้าที่ของไทยได้เมื่ออยู่ในระยะใกล้ก่อนเข้าจับกุม จึงทำให้เรือประมงกลุ่มนี้มีเวลาเพียงพอในการหลบหนี

ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์การก้าวไปในยุคแห่งความล้ำสมัยและการเติบโตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ การรักษารากฐานทางการค้าและผลผลิตจากอุตสาหกรรมประมงแห่งน่านน้ำไทยให้คงอยู่อย่างมั่งคง เบื้องต้นการดำเนินการในทางกระบวนการยุติธรรมยังคงต้องมีอยู่ต่อไป เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายไทยและผลักดันผู้กระทำความผิดและเรือที่ชักธงสัญชาติดังกล่าวกลับประเทศต่อไป

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งแม้ในปัจจุบันจะได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว อาจต้องเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้มากขึ้น อาทิเช่น การเพิ่มสายข่าวซึ่งเป็นกลุ่มชาวประมงของไทยในการแจ้งข้อมูล เพิ่มเทคโนโลยีเพื่อติดตามจับกุมเรือประมงที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในประเทศ เพื่อปกป้องและรักษาทรัพยากรทางทะเลของประเทศให้ได้อย่างเต็มความสามารถ

รวมถึงในระดับความรับรู้ในเวทีโลกและในภูมิภาคอาเซียน ควรจัดให้มีการประสานความร่วมมือในทางกฎหมาย ซึ่งมีการบังคับใช้และมีบทลงโทษระหว่างรัฐต่อความผิดดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย

มิเช่นนั้นเมื่อมีกรณีการกระทำความผิดก็จะต้องอาศัยความเกี่ยวพันกับรัฐเจ้าของธงเป็นหลัก ทำให้มิอาจปราบปรามขบวนการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย โดยอาศัยกฎหมายของราชอาณาจักรไทยได้อย่างเต็มที่.


https://www.bangkokbiznews.com/columnist/986547

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:03


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger