เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 08-12-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,217
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ในขณะที่ลมตะวันออกพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางและลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนล่างของภาคใต้และประเทศมาเลเซีย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ในช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. 65 ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8 ? 10 ธันวาคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ในขณะที่ลมตะวันออกในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกิดขึ้นได้ ส่วนบริเวณภาคใต้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 13 ธันวาคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอุณหภูมิจะลดลงอีก 1 - 3 องศาเซลเซียส

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางและลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มตลอดช่วงไว้ด้วย และประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนควรดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 08-12-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,217
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ชะตาพะยูนไทย วิกฤตหรือเอาอยู่ ?

อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยสถานการณ์พะยูนไทย ปัจจุบันมีประมาณ 273 ตัว ส่วนใหญ่ตายเพราะขยะในทะเล ปีที่ผ่านมาเสียชีวิตไป 18 ตัว ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตแต่อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง ต้องเร่งช่วยกันปกป้อง



วันที่ 7 ธ.ค. 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "ชะตาพะยูนไทย วิกฤตหรือเอาอยู่ ?"

โดย นายอรรถพล กล่าวในช่วงนึงว่า จำนวนพะยูนในประเทศไทย ปัจจุบันมีประมาณ 273 ตัว ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย เท่าที่ได้รับรายงานมา ปีงบประมาณที่แล้ว พะยูนเสียชีวิตไป 18 ตัว เมื่อเทียบกับปริมาณประชากรที่มีอยู่ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตแต่เข้าขั้นน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ต้นปีถึง ต.ค. 65 เสียชีวิตไป 3 ตัว ชันสูตรซากพบว่าตายจากโรค และอ่อนแอ จากการที่ได้รับขยะ คุณภาพน้ำ และการติดเครื่องมือของชาวประมง

แต่เรื่องล่าเอาเขี้ยวยังไม่มี ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยงานต้องมาช่วยกันดูแล ทั้งปัญหาการทำประมง ตรวจคุณภาพน้ำทะเล และขยะในทะเลซึ่งเยอะมาก เรื่องนี้ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา


https://mgronline.com/onlinesection/.../9650000116581


******************************************************************************************************


พบซากเต่าตนุ หนัก 60 กิโลกระดองแตก ตายเกยชายหาดชะอำ

เพชรบุรี - พบซากเต่าตนุ อายุกว่า 10 ปี หนัก 60 กิโลกรัม คาดเป็นเพศเมีย กระดองแตกยาว 1 เมตร ตายเกย บริเวณชายหาดชะอำ อ. ชะอำ จ.เพชรบุรี



เย็นวันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายทัศนัย ไผ่นาค อายุ 24 ปี ผู้ประกอบบการม้าชายหาดชะอำ ว่าได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พบเต่าตนุขนาดใหญ่ตายลอยมาเกยหาดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ที่บริเวณชายหาดชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรีร่วมตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุเป็นชายหาดหน้าโรงแรมวีรันดา พบเต่าตนุ อายุกว่า 10 ปี น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม คาดเป็นเพศเมีย ตายลอยมาเกยหาดส่งกลิ่นเหม็น ตรวจสอบบริเวณกระดองพบมีรอยแตกเป็นทางยาวประมาณ 1 เมตร มีไส้ทะลักออกมา เจ้าหน้าที่จึงทำการวัดความกว้างความยาวของเต่าเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นายโชคชัย อธิกปาลี ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งจังหวัด เพชรบุรี เล่าว่า สำหรับเต่าที่พบเป็นเต่าตนุ ความยาว 125 cm เซนติเมตร อายุกว่า 10 ปี น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม เบื้องต้นสาเหตุการตายพบมีร่องรอย ของกระดองด้านหลังแตกยาวประมาณ 1 เมตรมีเครื่องในทะลักออกมา ส่วนสาเหตุการตาย เตรียมประสานศูนย์วิจัยทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันตก ที่มีทีมสัตวแพทย์ มารับซากเต่าไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมฝากไปถึงชาวประมงนักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการควรอนุรักษ์สัตว์น้ำทะเลที่ใกล้จะสูญพันธุ์นี้ไว้


https://mgronline.com/local/detail/9650000116533
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 08-12-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is online now
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,217
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ม็อบทวงคืนชายหาด ปักหลักทำเนียบ ค้านสร้างกำแพงกันคลื่น จี้ยกเลิกมติครม.

ม็อบทวงคืนชายหาด ปิดถนนหน้าทำเนียบ ค้านสร้างกำแพงกันคลื่น จี้ 'บิ๊กตู่' ยกเลิกมติครม. เผย ปักหลักค้างแรม รอผลเจรจาหน่วยงาน



เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. 2565 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก เครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด และกลุ่ม "บีช ฟอร์ ไลฟ์" นำโดยนายเจกะพันธ์ พรหมมงคล หรือนายเรียง สีแก้ว คณะทำงานสภาประชาชนภาคใต้ และนายอภิศักดิ์ ทัศนีย์ ผู้ประสานงานกลุ่มบีช ฟอร์ ไลฟ์ นัดชุมนุมคัดค้านไม่ให้มีการสร้างกำแพงกันคลื่นในทะเล

โดยกลุ่มดังกล่าวได้ตั้งแนวขวางถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตั้งแผงเหล็กปิดขวางตามแนวสะพาน ปิดเส้นทางการจราจรหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกพาณิชยการจนถึงแยกมิสกวัน ส่งผลให้การจราจรบริเวณถนนพิษณุโลกติดขัดอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเลิกงาน และกำลังเดินทางกลับบ้าน

กลุ่มดังกล่าวได้ยื่นขอติดตามเรื่องที่เคยยื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปแล้วก่อนหน้านี้ และย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2534 ที่ให้อำนาจกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้สร้างกำแพงป้องกันชายฝั่ง 2.การสร้างกำแพงกันคลื่น ต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก่อนที่จะพิจารณาก่อสร้างกำแพง เพื่อให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วม

และ 3.ขอให้กำหนดให้มีแผนฟื้นฟูชายหาดที่ได้รับความเสียหายจากกำแพงกันคลื่น โดยมีนายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางนลินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสาธิต สุทธิเสริม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการประสานมวลชนและองค์กรประชาชน เป็นตัวแทนรับเรื่อง พร้อมพูดคุยเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม

นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า เครือข่ายฯ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า หลังจากที่ได้มายื่นหนังสือถึงนายกฯ สำหรับกำแพงกันคลื่นนี้เกิดขึ้นในหลายจังหวัดที่เป็นชายฝั่งทั่วประเทศ ทั้งภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยผลที่เกิดขึ้นจากการสร้างกำแพง ทำให้ชายหาดหายไปเป็นแนวยาว และส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่บางพื้นที่เกิดการกัดเซาะแบบชั่วคราว แต่การใช้โครงสร้างแข็งเป็นกำแพงกันคลื่นนั้น มันไม่สมเหตุสมผล

นายเจกะพันธ์ กล่าวต่อว่า การสร้างกำแพงความยาว 2 กิโลเมตร ทำให้ชายหาดหายไปหมด นักท่องเที่ยวก็หายไปด้วย ดังนั้น ผลเสียคือมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว การกระจายรายได้สู่ชุมชน และระบบนิเวศชายฝั่ง ได้รับผลกระทบทั้งหมด ขอให้พิจารณาสร้างกำแพงกันคลื่นตามความจำเป็น บางพื้นที่ไม่ได้เกิดการกัดเซาะรุนแรง แค่กัดเซาะชั่วคราว แต่กลับไปใช้โครงสร้างชั่วโคตร วิธีการแก้ไขปัญหา เช่น การปักไม้ถ่ายเททรายให้เป็นเนินทราย ซึ่งเป็นมาตรการสากลที่ใช้กันอยู่ แต่บ้านเรากลับไม่ใช้วิธีนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันที่จะปักหลักชุมนุมค้างแรม อยู่ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อรอผลการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะมีการประชุม ในเวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานก.พ.เดิม ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้


https://www.khaosod.co.th/politics/news_7403536

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:26


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger