เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 13-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,107
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนระลอกใหม่ได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนกลางแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. 66 ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16?17 ก.พ. 66 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์เล็กน้อยเนื่องจากมีการระบายอากาศดี เว้นแต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ฝุ่นละอองยังสะสมอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมาก


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 12 ? 13 ก.พ. 66 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดพาความหนาวเย็นจากที่ราบสูงทิเบตและประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนน้อย

ส่วนในช่วงวันที่ 14 ? 17 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกจะมีกำลังแรงขึ้น

ส่วนคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 16 ? 18 ก.พ. 66 ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4 ? 6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 18 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 14 ? 17 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่ 15 ? 18 ก.พ. 66 ชาวเรือบริเวณอ่าวไทย ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน
ฉบับที่ 3 (49/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 14 ? 17 กุมภาพันธ์ 2566)


ในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16 ? 17 ก.พ. 66 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย และดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 13-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,107
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


นักท่องเที่ยวตื่น! น้ำทะเลชายหาดแม่น้ำ เกาะสมุย กลายเป็นสีเขียวมีกลิ่นคาวหวั่นอันตราย

สุราษฎร์ธานี - นักท่องเที่ยวตื่น ไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเลชายหาดแม่น้ำ เกาะสมุย หลังเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลสีเขียวลอยเป็นคราบ แถมมีกลิ่นคาว หวั่นเกิดอันตราย ขณะที่ชาวบ้านเผยเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบูม คาด 1-2 วัน กลับสู่สภาวะปกติ



วันนี้ (12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์น้ำในทะเลมีสีเขียวลอยเป็นบริเวณกว้าง ชายหาดบ้านแม่น้ำ หมู่ 4 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายรายเกิดกังวลและตกใจกับสภาพน้ำทะเลที่เป็นสีเขียว และบางรายไม่กล้าลงไปเล่นน้ำ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายต่อผิวหนังได้

โดยบริเวณปลายแหลมอ่าวบ้านแม่น้ำ พบว่าน้ำมีสีเขียวคล้ำถูกคลื่นซัดติดที่โขดหิน และบนพื้นทราย และน้ำทะเลเป็นคราบสีขุ่น มีกลิ่นคาว ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินมาดูต่างตกใจที่เห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวกินพื้นที่ตลอดแนวชายหาด สอบถามชาวบ้านพบว่าวันนี้เป็นวันแรกของการเกิดปรากฏการณ์

ขณะที่นายภูมินทร์ นาคเพชรพูล ชาวบ้านกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบูม หรือชาวบ้านเรียกขี้ปลาวาฬ มีหลายสาเหตุ คือ แพลงก์ตอนบูมที่มาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือมีสารอินทรีย์จากการทำการเกษตรพื้นดินที่ไหลมาตามลำคลองไหลสู่ลงทะเล ทำให้น้ำทะเลกับน้ำจืดมีปฏิกิริยาจนทำให้เกิดแพลงก์ตอนบูมขึ้น หรือจากสาหร่ายทะเลเน่าเสีย โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดอยู่ไม่นาน ถ้าไม่มีฝนตกลงมาซ้ำ คาดว่าภายใน 1-2 วัน จะหายไปเอง สำหรับนักท่องเที่ยวช่วงนี้แนะ นำให้หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำบริเวณชายหาดดังกล่าวไปก่อน


https://mgronline.com/south/detail/9660000013840


******************************************************************************************************


วิกฤตโลกร้อนเล่นงาน สวิสเซอร์แลนด์ ถูก "กระบองเพชร" ขึ้นแทนที่หิมะ คุกคามความหลากหลายทางชีวภาพ



เมื่อพูดถึง "กระบองเพชร" ใครหลายคนจะนึกถึงต้นไม้รูปร่างแปลกตามีหนามแหลมเป็นเอกลักษณ์ ที่มักจะเติบโตในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง ทะเลทราย แต่ด้วยวิกฤตจากสภาวะโลกร้อน ทำให้ รัฐวาเลส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ส่วนมากจะปกคลุมไปด้วยหิมะจนชินตา กลับถูกแทนที่ด้วยกระบองเพชร ที่กำลังกระจายพันธุ์อย่างรวดเร็วคุกคามพื้นคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพ

เจ้าหน้าที่ทางการรัฐวาเลส์กล่าวว่า รัฐวาเลส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ จะมีอากาศที่หนาวเย็นและถูกกปกคลุมด้วยหิมะ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนในช่วงฤดูร้อน อันเป็นผลพวงจากวิกฤตโลกร้อน ทำให้พบต้นกระบองเพชรในสกุล Opuntia หรือที่บางคนเรียกว่า ลูกแพร์หนาม เพิ่มจำนวนขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของรัฐวาเลส์ และยังรุกล้ำเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ การกระจายพันธุ์ที่รวดเร็วนี้มีผลมาจาก มีผลมาจากอุณหภูมิอุ่นขึ้นที่เอื้อต่อการขยายพันธุ์

"กระบองเพชรซึ่งชื่นชอบสภาพอากาศแห้งและร้อน พืชที่เข้ามารุกรานและไม่ใช่พืชพื้นเมืองนี้ ไม่เป็นที่ต้อนรับในพื้นที่ทุ่งหญ้าแพรรีและทุ่งหญ้าแห้งที่มีความสำคัญระดับชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์"

นอกจากนี้ ยังพบกระบองเพชรเหล่านี้ในภูมิภาคอัลไพน์ รวมทั้งทีชีโนและกริสันของสวิตเซอร์แลนด์ และหุบเขาออสตาและวาลเทลลินาในอิตาลีด้วย

ปีเตอร์ โอลิเวอร์ บามการ์ตเนอร์ ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาซึ่งมีความสนใจด้านพฤกษศาสตร์ กล่าวว่า "กระบองเพชรสปีชีส์นี้ทนอุณหภูมิ -10 หรือ -15 องศาเซลเซียสได้โดยไม่มีปัญหา แต่พวกมันต้องการอยู่ในที่แห้งและไม่ชอบหิมะปกคลุม"

แต่ด้วยสภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นวิกฤตสภาพอากาศในปัจจุบัน ข้อมูลจากอุตุนิยมวิทยาสวิสระบุว่า ขณะนี้ หิมะถือว่าเป็นสิ่งที่จะหายากขึ้นในพื้นที่ระดับความสูงต่ำ โดยในพื้นที่ระดับความสูงต่ำกว่า 800 เมตรทั่วสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า จำนวนวันลดลงเหลือแต่ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขปี 1970

รัฐวาเลส์ (Valais) สวิตเซอร์แลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีทิวทัศน์ภูเขางดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยทั่วไปพื้นที่จะปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาวและดอกเอเดลไวส์ในฤดูร้อน เป็นภาพวิวที่ถ่ายภาพออกมายังไงก็สวย ความสวยงามของภูมิประเทศภูเขาในวาเลส์ทำให้บริเวณเขตอนุรักษ์ยุงเฟา - อาเลตช์ (Jungfrau-Aletsch) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ ขององค์การยูเนสโก แต่ด้วยผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามจากหิมะ ในอนาคตสวิตเซอร์แลนด์จะยังคงเป็นแบบในภาพจำของเราอยู่หรือไม่


https://mgronline.com/science/detail/9660000013886
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 13-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,107
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


'เกาะอาดัง' ลุ้นดัง ยกระดับสู่เวิลด์คลาส ................ สกู๊ปหน้า 1



กรณี นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ระบุว่า ศอ.บต.เตรียมยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว เกาะอาดัง จ.สตูล เป็น world class southern border, Thailand. The rivera of south east asia หลังจากพบว่าบรรยากาศการท่องเที่ยว จ.สตูล มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความแออัด จึงมีแนวคิดยกระดับและพัฒนาเกาะอาดังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นเกาะที่มีศักยภาพสูงมาก เตรียมนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล

นายชนธัญกล่าวว่า ประเด็นการพัฒนาจะต้องไปดูรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอาดังเป็นแบบเวิลด์คลาส (world class) หรือระดับโลก จะเป็นแบบ เวลเนส (wellness) หรือ แบบฮาลาล (halal) หรือเป็นแบบผสมผสานกัน เป็นเรื่องที่ประชาชนจะไปคุยกันต่อ แต่ทิศทางของการพัฒนาของเกาะอาดังต้องตอบโจทย์ 2 เรื่องคือ การพัฒนาที่ตรงความต้องการของประชาชน และส่วนที่ 2 คือใช้การพัฒนาไปช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เคยเสียไป หรือการพัฒนาที่ไร้ทิศทาง ไร้ทางกำกับ อาดังจะเป็นตัวนำในเรื่องของการพัฒนา ความสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคืออาดังจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาที่เชื่อมโยงไปยังการท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ ของ จ.สตูล รวมทั้งให้พื้นที่การท่องเที่ยวต่างๆ ได้รับการพัฒนาโดยพร้อมกัน

"การท่องเที่ยวไม่ได้เป็นแบบ สแตนด์อะโลน (stand alone) หรือ โดดเดี่ยว จะสามารถอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง แต่เป็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะเภตรา ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จำเป็นจะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะท่าเรือ ถนน หรือว่าหลักโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา เป็นการพัฒนาสตูลทั้งระบบให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวในทุกคนทุกช่วงวัย" นายชนธัญกล่าว

ขณะที่ นายสุไลมาน อาดำ ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคม จ.สตูล เปิดเผยว่า ได้ประสานงานกับทีมงานเครือข่ายของภาคประชาสังคมเห็นด้วยในการยกระดับ และการพัฒนาพื้นที่เกาะอาดัง การเชื่อมโยงของภาคประชาสังคม การทำงานร่วมกัน ระหว่างภาคประชาสังคมในจังหวัดและระหว่างประเทศ คือมาเลเซียและอินโดนีเซีย จุดยุทธศาสตร์สำคัญคือต้องคำนึงถึงภาคชายฝั่งและภาคทางทะเล

เป็นการดำเนินการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมค่อนข้างน้อยมาก บุคคลที่เป็นบุคคลในพื้นที่ จ.สตูล ไม่ค่อยได้มีโอกาสนำเสนอบทบาทการทำงานร่วมพัฒนาเชิงพื้นที่ ทำให้เสียโอกาส เพื่อดำเนินการการพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับเวิลด์คลาส แต่สิ่งสำคัญจะต้องดำเนินการให้เชื่อมโยงการท่องเที่ยว หรือมิติของการดำรงอัตลักษณ์วิถีชีวิต และการท่องเที่ยวในระดับของชุมชนให้คงอยู่ในพื้นที่ จ.สตูล

ส่วนเสียงสะท้อนจากภาคการท่องเที่ยว จ.สตูล โดย เจตกร หวันสู ประธานสภาการท่องเที่ยว อบจ.สตูล เปิดเผยว่า เพิ่งทราบข่าวไม่นานว่า ศอ.บต.เตรียมยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอาดัง จ.สตูล เป็น world class southern border, Thailand. The rivera of south east asia ส่วนตัวยอมรับว่าตกใจและดีใจเพราะไม่คาดคิดมาก่อน เป็นเรื่องดี เพราะสินค้าของ จ.สตูล จัดเป็นสินค้าระดับเวิลด์คลาส ไม่ว่าจะเป็นทางบก หรือทางทะเล เรามีอุทยานธรณีโลก และมีแหล่งท่องเที่ยว กรีน แอทแทร็กชั่น (Green Attraction) หลายแห่ง แต่ติดปัญหาการบริหารจัดการ

เจตกรกล่าวว่า คนสตูลจะต้องทำหลังจากนี้คือการเปลี่ยนทัศนคติ ต้องมององค์รวมทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาทำตลาดล่าง หากมีการยกระดับการท่องเที่ยวให้เป็นเวิลด์คลาสต้องวางแผนเป้าหมายมองไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในด้านการเดินทาง ความปลอดภัย คนมีหน้าที่รับผิดชอบ เกาะอาดัง จ.สตูล มีความเหมาะสม 100 เปอร์เซ็นต์ จะเป็น world class southern border, Thailand. The rivera of south east asia วันที่ 27 ก.พ.นี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล ต้องฟังแผนการดำเนินงาน และเตรียมพร้อมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ด้าน จักรกริช ติงหวัง ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน CBT สตูล เปิดเผยว่า เห็นด้วยจะยกระดับการท่องเที่ยว จ.สตูล ให้เป็นเวิลด์คลาส นิยามและวิธีการต้องทำอย่างไร ในฐานะทำการท่องเที่ยวโดยชุมชนมองว่าสิ่งที่ชุมชนจะได้คือทางอ้อมเท่านั้น เพราะการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดดเด่นในระดับหนึ่ง ยังขาดการนำเสนอ ความเข้มแข็งของชุมชนยังไม่ว้าว มีพื้นที่หลักๆ เขาคลอง ทะเลชายฝั่งหลายชุมชนทั้ง อ.ทุ่งหว้า มีถ้ำภูผาเพชร น้ำตกวังสายทอง ฤดูกาลผลไม้มีผลไม้จีไอ ต้องดูกระบวนการและวิธีการหลังจากยกระดับแล้วว่าใครจะได้ประโยชน์จากการยกระดับในครั้งนี้ กี่ชุมชน กี่คนที่ได้ หรือว่ากลุ่มอาชีพไหนจะได้ประโยชน์จากการยกระดับในครั้งนี้ หรือยกระดับแค่ชื่อ ทางชุมชนเองก็อยากได้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมของเรา หน่วยงานหลักๆ ก็สำคัญว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างไร กระดุมเม็ดแรกของการยกระดับไม่ใช่แค่ชื่อ หมายถึงวิธีการ จุดเริ่มต้นแบบไหน ท่องเที่ยวโดยชุมชนเองก็พร้อมจะยกระดับการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ไปพร้อมกันด้วย

สำหรับ "เกาะอาดัง" เป็นเกาะกลางทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะตะรุเตา เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา หรืออุทยานแห่งชาติตะรุเตา อยู่ใกล้กับเกาะหลีเป๊ะ หรือเกาะลีเป๊ะ มีความยาว 6 กิโลเมตร กว้าง 5 กิโลเมตร จุดสูงสุดของเกาะคือ 690 เมตร สภาพของเกาะอาดังมีความสงบ สะอาด เป็นสถานที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา บนเกาะมีที่พักของเอกชนให้บริการ 1 ราย มีบ้านพักของหน่วยพิทักษ์อุทยาน และจุดให้กางเต็นท์ ผู้จะมาท่องเที่ยวจึงมักจะไปพักค้างแรมบนเกาะหลีเป๊ะที่อยู่ใกล้กันมากกว่า

นอกจากนี้ มีน้ำตกอย่างน้อย 2 แห่งบนเกาะ ทางทิศตะวันออกของเกาะเป็นหาดทรายขาว ยาวราว 200 เมตร ในน้ำเต็มไปด้วยปะการังโขดและปะการังชนิดอื่นๆ รวมถึงสัตว์ทะเลต่างๆ เช่น ดาวทะเล, เม่นทะเล, ปลาสลิดหิน, ปลาขี้ตังเบ็ด, ปลานกแก้ว


https://www.matichon.co.th/region/news_3820513

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:40


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger