เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 29-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนอุณหภูมิลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3 ? 5 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยในขณะที่ในช่วงวันที่ 2 - 3 ก.พ. 66 มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งเกิดขึ้น สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 29 ? 30 ม.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 21 (42/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 29-30 มกราคม 2566)

มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนห่างฝั่งทะเลอันดามันมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้น






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 29-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ไข่ดก! มาอีกแล้ว "แม่อัลฟ่า" ขึ้นวางไข่รังที่ 8

พังงา - มาอีกแล้ว "แม่อัลฟ่า" ขึ้นวางไข่รังที่ 8 ปล่อยฟักตามธรรมชาติ ไม่มีการเคลื่อนย้ายไข่



นับว่าเป็นแม่เต่ามะเฟืองที่ขึ้นวางไข่บ่อยที่สุดในฤดูกลาลนี้ "แม่อัลฟ่า" ล่าสุด วันนี้ (28 ม.ค.) สทช.6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานเครือข่ายฯ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ที่ 14 (ตะกั่วทุ่ง พังงา) และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ได้รับแจ้งจากนายสมยศ เสาเวียง ราษฎรตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา พบการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟือง

จึงเข้าไปทำการตรวจสอบ พบเต่ามะเฟือง วางไข่เสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังทำการกลบหลุม ขุดหลุมหลอก และเดินลงสู่ทะเลบริเวณชายหาดนาเกลือ ห่างจากคอกกั้นฟักไข่เต่ามะเฟือง ศูนย์เฝ้าระวังฯ ไปทางทิศเหนือ 900 เมตร ตรวจวัดขนาดพายหน้าจากซ้ายไปขวา 220 ซม. ขนาดอก 110 ซม. ทำการขุดค้นหาจนพบที่ความลึก 84 ซม. ขนาดไข่ 5.2 ซม.

ตรวจสอบแล้วบริเวณหลุมฟักไข่ไม่อยู่ในแนวน้ำทะเลท่วมถึง จึงไม่ย้ายไข่ โดยจะปล่อยให้ลูกเต่าฟักเองตามธรรมชาติ ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ ทำการกั้นคอกเพื่อป้องกันอันตราย พร้อมร่วมกับอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เครือข่ายชุมชนพื้นที่เฝ้าพิทักษ์ดูแลต่อไป นับเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และสำหรับการวางไข่ของแม่เต่ามะเฟืองตัวดังกล่าวคาดว่าเป็นแม่เต่าอัลฟ่า ที่ขึ้นมาวางไข่ก่อนหน้านี้แล้ว 7 รัง และรังนี้นับว่าเป็นรังที่ 8 ของแม่เต่ามะเฟืองตัวนี้


https://mgronline.com/south/detail/9660000008787

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 29-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


จากเจ้าพระยาถึงขั้วโลกเหนือ "สุชนา" นักวิทย์ ยืนยัน "ขยะ" ไปไกลกว่าที่คิด



ลองจินตนาการ เมื่อทิ้งขยะลงคลองหน้าบ้าน แล้วไหลออกสู่ทะเล อาจไปโผล่อีกทวีป และเมื่อกุ้งหอย ปู ปลา กินขยะพลาสติกเล็กจิ๋วเข้าไป ย้อนกลับมาที่ผู้บริโภค เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือมีข้อมูลยืนยัน

ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ! ขวดน้ำที่ทิ้งๆ ขว้างๆ ลงทะเล เมื่อถูกซัดไปมาสามารถไหลไปไกลถึงขั้วโลกเหนือ เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันจากทีมนักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางไปไกลถึงนอร์เวย์ พบว่า ขยะเหล่านั้นมีผลต่อสัตว์น้ำที่อยู่ในพื้นที่หนาวเย็นอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และอาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมทีมงาน 12 ชีวิต เดินทางไปประเทศนอร์เวย์ เพื่อทำวิจัยท่ามกลางธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ ภายใต้โครงการวิจัยโลกตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

พวกเขาเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำจำนวนกุ้ง หอย ปู และปลา ที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน เพื่อศึกษาว่ามีพยาธิมากน้อยเพียงใด เมื่อเร็วๆ นี้ผลวิจัยเพิ่งแล้วเสร็จ (เพราะติดปัญหาการระบาดโควิด) พบว่า มีไมโครพลาสติกสะสมในท้องสัตว์เหล่านั้นด้วย

ขยะพลาสติกที่ย่อยสลายเป็นชิ้นเล็กจิิ๋วไปอยู่ในท้องสัตว์ทะเลขั้วโลกเหนือได้อย่างไร ทั้งๆ ที่พื้นที่อยู่ไกลจากนักท่องเที่ยว และมนุษย์ที่จะโผล่ไปที่นั่นน้อยมาก

ศ.ดร.สุชนา เล่าถึงสิ่งที่พบเห็นตอนนั้นว่า ถ้าขยะพวกนั้นหลุดออกไปถึงมหาสมุทร โอกาสขึ้นไปถึงขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ ก็มีเยอะ กระแสน้ำสามารถพัดพาไปไกล โชคดีไม่เจอฉลากประเทศไทยจากขยะขวดน้ำ เนื่องจากฉลากหายหมดแล้ว เพราะน้ำพัดพามาไกล

"ขยะขวดน้ำมาได้ยังไง ทั้งๆ ที่เป็นเกาะเหนือสุดของโลก ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไป นักวิทยาศาสตร์แบบเราก็ไปน้อยมาก อย่างสาหร่าย แมงกะพรุน ไม่น่าจะเจอที่ขั้วโลกเหนือ แต่เจอเยอะ เพราะน้ำแข็งละลาย สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง นั่นเพราะผลกระทบจากโลกร้อน เห็นชัดที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ถูกกระทบมานานแล้ว"

ขวดพลาสติกที่ทิ้งแบบไม่คิด ลงในแม่น้ำหรือทะเล ย่อมมีผลต่อชีวิตพืช สัตว์ และมนุษย์ รวมถึงสิ่งแวดล้อม อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อปีที่แล้วทีมอาจารย์สุชนา จึงจัดทำโครงการติดตั้งกล้องบันทึกภาพ เพื่อติดตามปริมาณขยะลอยน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

และโครงการปล่อย bottle tracking ขวดน้ำที่บรรจุสัญญาณดาวเทียมติดตามการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำและขยะ เพื่อศึกษาว่า ขยะเมื่อถูกทิ้งลงทะเล จะไหลไปที่ไหนได้บ้าง

"bottle tracking มีหลายตัว ตัวที่ปล่อยจากจ.ชลบุรี เราตามสัญญาณจากดาวเทียม มันไหลไปไกลมาก ออกจากภูเก็ตไปเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย อีกสองตัวเราปล่อยตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ มันไหลไปถึงจ.ชุมพร และจ.สุราษฎร์ธานี

เราทำส่วนนี้เพื่อเป็นข้อมูลให้หน่วยงานบริหารจัดการในเรื่องขยะ ส่วนโครงการติดกล้องบริเวณสะพานแถวแม่น้ำเจ้าพระยา จะตอบโจทย์ได้ว่า ถ้าบริหารจัดการขยะได้ดี ขยะจะน้อยลง เราทำงานกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง"

เมื่อถามไปว่า ทำไมการติดตามขยะในทะเล ต้องทำงานกับประเทศเพื่อนบ้าน...ได้รับคำตอบว่า

"เพื่อดูว่า มีขยะไหลเวียนไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร ถ้าปล่อยจากจ.สมุทรปราการแล้วไปลงชุมพร ถ้าเจอตรงนั้นเยอะ ขยะน่าจะมาจากด้านบนอ่าวไทย แล้วจะทำยังไงไม่ให้ขยะมาทางด้านนี้

ส่วนใหญ่ขยะจากแม่น้ำไหลลงทะเลประมาณ 70-80 % บางทีก็มาจากที่อื่นด้วย เรื่องเหล่านี้อยู่ที่การจัดการ ไม่ว่าทะเลหรือแม่น้ำ และสามารถเก็บขยะกลับมาได้แค่ 20 % การศึกษาของเราเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา แนวทางการป้องกันไม่ให้ขยะลงทะเลหรือแม่น้ำ ย่อมดีกว่า"

การสร้างความตระหนักในเรื่องการทิ้งขยะ อาจารย์สุชนา มองว่า บางทีข้อมูลบางเรื่องก็ไปไม่ถึงชาวบ้าน

"ที่ผ่านมาทีมเราเคยทำเรื่องสร้างความตระหนักรู้เรื่องการลดขยะที่สัตหีบ จ.ชลบุรี ประชาชนเคยบอกว่า เรื่องการจัดการขยะก็อยากทำ แค่จะใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก พวกเขาไม่มีถุงผ้า ไม่มีเครื่องมือในการลดขยะ

บางทีเราก็มองข้าม ขณะที่คนส่วนใหญ่บอกว่าต้องมีแอพฯ ช่วยในการลดขยะ แค่ถุงผ้ายังไม่มีใช้เลย แต่คนมองว่าถุงผ้ามีเยอะ หรือเจอฟูก(ที่นอน)ทิ้งในแม่น้ำลำคลอง เพราะไม่รู้จะทิ้งที่ไหน นั่นเพราะการจัดการขยะไม่ดีพอ"

หากถามว่า ไม่ใช้ถุงพลาสติกเลยเป็นไปได้ไหม ประชาชนทั่วไปมีเวลาคิดเรื่องเหล่านี้ไหม ลำพังการเลี้ยงชีวิตตัวเอง ก็ยากแล้ว

"เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้พลาสติกเลย ขอแค่ใช้แล้วทิ้งให้ถูกวิธี เพราะพลาสติกมีหลายแบบ ที่เห็นแยกขยะกัน ก็มีแยกขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะรีไซเคิล

ในญี่ปุ่นแยกกันตั้งแต่ฝาขวด แผ่นฉลาก ในยุโรปแยกประเภทขยะ แต่ในสังคมบ้านเรา ต้องมีความชัดเจน ประชาชนสามารถทำตามได้สบายๆ" อาจารย์สุชนา กล่าว

เหล่านี้คือบทสะท้อนเรื่องขยะพลาสติก ที่มีข้อมูลสำรวจยืนยันว่า มันไปไกลถึงขั้วโลก.


https://www.bangkokbiznews.com/lifes...prakai/1050005

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:25


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger