เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฏาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21 ? 23 ก.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 24 ? 26 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21 ? 24 ก.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย



*******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 21 - 24 กรกฎาคม 2565)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2565

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย


จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้

วันที่ 21 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎ์ธานี ระนอง พังงา และภูเก็ต


วันที่ 22 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต


วันที่ 23-24 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก และกำแพงเพชร

ภาคตะวันออก: จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง และพังงา


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


โปรดทราบ อช.เกาะพีพี ประกาศปิด "อ่าวมาหยา" 2 เดือน ในช่วงฤดูมรสุม

ข่าวเศร้านักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี ประกาศปิด "อ่าวมาหยา" 2 เดือน ช่วงฤดูมรสุม ตั้งแต่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.นี้ จากสภาวะคลื่นลมแรง และป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับ นทท.



เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 65 นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. ของทุกปี เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูมรสุม ซึ่งส่งผลให้คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ทางอุทยานฯ จึงจำเป็นต้องปิดการท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลบางจุด โดยในส่วนของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ประกาศงดกิจกรรมท่องเที่ยวทุกรูปแบบบริเวณอ่าวมาหยา และอ่าวโล๊ะซะมะ ในพื้นที่เกาะพีพี ตั้งแต่ 1 ส.ค. - 30 ก.ย. 2565

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับ นทท.จากสภาวะคลื่นลมแรง ประกอบกับเป็นการปิดพื้นที่ เพื่อให้ทรัพยากรทางธรรมชาติบนอ่าวมาหยา ได้มีเวลาพักฟื้นตัวเองในช่วงเวลาดังกล่าว.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2449958

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


รังแรก 88 ตัว! "ลูกเต่าตนุ" ฝังอยู่ในสันทรายฟักออกเป็นตัวแล้วที่หาดอาดัง-แหลมสน



สตูล - ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ! ชมภาพความน่ารัก "ลูกเต่าตนุ" ฝังอยู่ในสันทรายรังแรก ฟักออกเป็นตัวแล้ว 88 ตัว ที่หาดอาดัง-แหลมสน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล

ภาพนาทีประทับใจ และน่าตื่นเต้นของลูกเต่าตนุทั้ง 88 ตัว ที่อยู่ใต้สันทรายบริเวณหาดอาดัง-แหลมสน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล และทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ทำการปล่อยลูกเต่าตนุทั้ง 88 ตัว ปล่อยคลานลงสู่ทะเล เป็นภาพที่น่ารัก และสร้างความประทับใจ

ทั้งนี้ นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ ตต.5 (แหลมสน-เกาะอาดัง) จากการที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เฝ้าระวัง และติดตามการฟักไข่ของเต่าทะเล ที่แม่เต่าได้ขึ้นมาวางไข่ไว้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 จนกระทั่งถึงเย็นวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 เวลา ประมาณ 16.20 น. พบว่าทรายบริเวณหลุมฟักไข่เกิดการยุบตัวลงอย่างชัดเจน และพบเห็นลูกเต่าพากันดันขึ้นมา จึงทำการปล่อยลูกเต่าที่ฟักออกทั้งหมดลงทะเล จำนวน 88 ตัว คิดเป็น 84% ของไข่ที่แม่เต่าขึ้นมาฟัก 105 ฟอง และทุกตัวมีสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง


https://mgronline.com/south/detail/9650000069014


******************************************************************************************************


สธ.เตือนนักท่องเที่ยว งดเล่นน้ำทะเลช่วงมรสุม ระวัง "คลื่นทะเลดูด - คลื่นดอกเห็ด" ชี้มีโอกาสเกิดได้ทุกหาด

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนนักท่องเที่ยวช่วงมรสุมไม่ควรลงเล่นน้ำทะเล เนื่องจากมีคลื่นลมแรง และอาจถูกกระแสน้ำย้อนกลับ หรือคลื่นทะเลดูด คลื่นดอกเห็ด พร้อมแนะวิธีสังเกตและวิธีการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ



วันนี้ (20 กรกฎาคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน จนถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงมรสุมจึงส่งผลให้ระหว่างช่วงเดือนดังกล่าวมีฝนตกชุก ทะเลมีคลื่นลมแรงไม่สามารถเล่นน้ำได้ ทางกรมควบคุมโรคจึงขอเตือนนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำบริเวณชายหาด ให้ระวังคลื่นลมแรง และกระแสน้ำย้อนกลับ คลื่นทะเลดูด หรือคลื่นดอกเห็ด (Rip Current) ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้แทบทุกหาด

กระแสน้ำย้อนกลับ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า คลื่นทะเลดูด หรือคลื่นดอกเห็ด (Rip Current) เป็นกระแสน้ำรุนแรงที่เกิดขึ้นตามชายหาด เกิดจากการที่คลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง แล้วไหลออกสู่ทะเล แต่เจอสิ่งกีดขวาง เช่น โขดหินหรือสันทรายขวางอยู่ ทำให้น้ำทะเลไหลรวมกันผ่านช่องแคบๆ ระหว่างสิ่งกีดขวางเหล่านั้น

กระแสน้ำจึงพัดออกจากฝั่งด้วยความแรง ส่วนบริเวณที่เกิดคลื่นทะเลดูด หรือคลื่นดอกเห็ดนั้น สามารถสังเกตได้จาก 1) สีของน้ำทะเล จะมีสีที่ขุ่นขาวกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากกระแสน้ำได้พัดเอาตะกอนใต้น้ำฟุ้งขึ้นมา 2) บริเวณชายหาด จะมีคลื่นแบบไม่ปะติดปะต่อกัน มีลักษณะเป็นร่อง แนวคลื่นขาดหาย และ 3) บริเวณปลายกระแสน้ำ มักเป็นรูปคล้ายดอกเห็ด


สำหรับการป้องกันและวิธีการเอาชีวิตรอด คือ

1) ควรเล่นน้ำในบริเวณที่กำหนดไว้
2) ห้ามลงเล่นน้ำในบริเวณที่มีธงแดง และ
3) หากตกเข้าไปอยู่ในกระแสน้ำย้อนกลับ หรือคลื่นทะเลดูด หรือคลื่น ดอกเห็ด ควรตั้งสติให้ดี ไม่ว่ายทวนกระแสน้ำเพราะจะทำให้หมดแรงและจมน้ำได้ ควรว่ายน้ำขนานไปกับชายฝั่ง เมื่อพ้นจากแนวกระแสน้ำย้อนกลับแล้วจึงว่ายกลับเข้าฝั่ง

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค โดยกองป้องกันการบาดเจ็บ ได้จัดทำสื่อเรื่องดังกล่าวในรูปแบบเทคโนโลยีโลกเสมือน (Augmented Reality) หรือสื่อ AR ให้ผู้ใช้งานในระบบ Android สามารถเข้าไปติดตั้งแอปพลิเคชัน "ป้องกันจมน้ำ" ได้ที่ Play Store เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกัน และวิธีการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำเพิ่มเติมได้


https://mgronline.com/travel/detail/9650000069251

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


'ประมงหาดเขาปิหลาย-เอกชน' ถกได้ข้อสรุป ปมผลกระทบเขื่อนกันคลื่น



19 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีชาวประมงพื้นบ้านชุมชนเขาปิหลาย ที่บริเวณชายหาดเขาปิหลาย หมู่ 14 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ได้รับความเดือดร้อนในการจอดเรือหลบลมมรสุมในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงและคลื่นลมแรงมานานร่วม 100 ปี กระทั่งมีนายทุนอ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินทำโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นแนวชายหาด ทำให้กลุ่มประมงพื้นบ้านไม่มีพื้นที่จอดเรือ ขณะมีคลื่นซัดฝั่งรุนแรงอีกทั้งน้ำทะเลหนุนเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ชาวเรือต้องนำเรือขึ้นเกยชายฝั่งเพื่อหลีกหนีคลื่นลมในทะเล สร้างความเสียหายแก่เรือและอุปกรณ์หาสัตว์น้ำ ทำให้กลุ่มประมงได้รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นองค์กรประมงท้องถิ่นเขาปิหลาย ยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอตะกั่วทุ่ง เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและเปิดเวทีเจรจา

ล่าสุดนายพจน์ หรูวรนันท์ ปลัดจังหวัดพังงา พร้อมนายอำเภอตะกั่วทุ่ง เจ้าท่าฯพังงา สทช.6 ที่ดินอำเภอตะกั่วทุ่ง อบต.โคกกลอย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน และกลุ่มประมงพื้นบ้าน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ที่ทำการ อบต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยมีการเจรจาแก้ปัญหาดังกล่าวจนเป็นที่น่าพอใจโดยสรุปว่าให้นายอำเภอตะกั่วทุ่งเปิดเวทีกลุ่มย่อย สอบถามปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวประมง จากนั้นจะนัดฝ่ายเจ้าของที่ดินเข้าเจรจาอีกครั้ง โดยทางบริษัทเอกชนแจ้งว่าก่อนหน้านี้ได้เสนอให้ทางกลุ่มประมงพื้นบ้านในเรื่องการจอดเรือเพื่อช่วยแก้ปัญหาไปแล้ว แต่ทางกลุ่มประมงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว?

นายพล ศรีรัฐ ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น (อนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ) ชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว ทราบว่า ก่อนหน้านี้ชาวประมงได้พูดคุยนอกรอบกับทางตัวแทนผู้ถือกรรมสิทธ์ที่ดิน แต่ไม่เป็นผล จึงยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอตะกั่วทุ่ง โดยมีข้อเรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการตรวจสอบ แนวเขตกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว อีกเรื่อง คือ ทาง อบต.โคกกลอย อนุญาตให้มีการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นได้อย่างไรมีการศึกษาผลกระทบหรือไม่

ด้านตัวแทนบริษัทเอกชน กล่าวว่า ทางบริษัทฯซึ่งถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย เห็นว่ามีน้ำทะเลหนุนสูงคลื่นซัดสร้างความเสียหายจนเริ่มเข้าแนวเขตที่ดิน จึงต้องทำการก่อสร้างแนวกันคลื่นกัดเซาะตลอดแนวชายฝั่งซึ่งอยู่ในพื้นที่กรรมสิทธิ์และตรงตามกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนการแก้ปัญหาให้ชาวประมงนั้น ทางบริษัทฯเคยเสนอที่จอดเรือ รวมถึงอุปกรณ์การลากจูงเรือให้ทางกลุ่มประมงแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ กระทั่งการประชุมเจรจาครั้งนี้ทางบริษัทพร้อมรับฟังข้อเสนอเพื่อได้อยู่ร่วมกันได้ ซึ่งทางบริษัทฯมีความจำเป็นสร้างแนวกันคลื่นเพื่อความชัดเจนในการเสนอให้นักลงทุนต่างชาติได้พิจารณาลงทุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมเปิดให้ชาวบ้านในพื้นที่มีการสร้างงานและรายได้เข้า

ขณะที่นายพจน์ หรูวรนันท์ ปลัดจังหวัดพังงา กล่าวว่า ผลสรุปการประชุมครั้งนี้นับว่าเป็นผลดีทั้งทางบริษัทและกลุ่มประมงพื้นบ้าน โดยจะมีการประชุมกลุ่มเล็กทางนายอำเภอตะกั่วทุ่งเป็นประธานหารือความต้องการเพื่อเป็นข้อเสนอจากชาวประมงให้แก่ทางบริษัทและร่วมกันหาทางออก ส่วนภาครัฐเบื้องต้นไม่พบว่าการก่อสร้างแนวกันคลื่นของทางบริษัทฯจะขัดกับกฎหมายด้านต่างๆ


https://www.naewna.com/likesara/667682

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


พบ "ฝูงโลมาหลังโหนก" 6 ? 8 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเลปัตตานี

พบ "ฝูงโลมาหลังโหนก" 6 ? 8 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเลปัตตานี ผลพวงจากกรมประมงเร่งสร้างความเข้าใจ และชาวประมงขานรับ พร้อมปฏิบัติตามแผน MMPA ของประเทศไทย เพื่อป้องกัน และบรรเทาผลกระทบจากการทำประมงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม



นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลปัตตานี กองตรวจการประมง ว่าเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2565 มีนักท่องเที่ยว พบฝูงโลมาหลังโหนก (Indopacific humpback dolphin) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sousa chinensis จำนวน 6 ? 8 ตัว ว่ายน้ำอยู่แถวชายหาดแฆแฆ ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี

ซึ่งบริเวณดังกล่าว เป็นเขตอนุรักษ์ของชุมชนปะนาเระ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำที่ฟื้นคืนกลับมา หลังกรมประมงเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจร่วมกับพี่น้องชาวประมงในพื้นที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือประมงอย่างไร ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

รวมถึงการช่วยเหลือสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมเบื้องต้น และกรมประมงได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการทำการประมงในพื้นที่ห้าม การใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย หรือการใช้เครื่องมือประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง เป็นต้น

โดยที่ผ่านมากรมประมงได้ผลักดันการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำเพื่อคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (Marine Mammal Protection Act : MMPA) ของสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามูลค่าการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐอเมริกา

โดยหลังจากที่ประเทศไทย ได้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการประเมินความเท่าเทียมในการดำเนินการตามกฎระเบียบ MMPA อาทิ ข้อมูลสถานภาพสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมในพื้นที่ทำการประมง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง กฎระเบียบในประเทศ ข้อบังคับด้านการทำประมงเชิงพาณิชย์ ข้อมูลระบบทะเบียน และการอนุญาตทำการประมง หรือมาตรการที่เกี่ยวข้องในการลดการตายหรือลดการบาดเจ็บของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นสัตว์น้ำพลอยจับ (Bycatch) ฯลฯ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

เพื่อเป็นการแสดงถึงเจตจำนงของประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการสำหรับสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรูปธรรม เป็นไปตามหลักสากล และพันธกรณีระหว่างประเทศ ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินของสหรัฐอเมริกา และจะมีการประกาศผลการพิจารณาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 และบังคับใช้กฎหมาย MMPA ในวันที่ 1 มกราคม 2566

ประเทศไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566 ? 2570 ภายใต้ข้อกำหนดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA) ซึ่งประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ 19 แผนงาน 51 โครงการ ดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1 การติดตามและประเมิน (Monitoring & Estimation)

กลยุทธ์ที่ 2 การวิจัยและพัฒนา (Research & Development)

กลยุทธ์ที่ 3 การอนุรักษ์และจัดการ (Conservation & Management)

กลยุทธ์ที่ 4 การบังคับใช้ (Enforcement)

และกลยุทธ์ที่ 5 การสื่อสาร (communication) รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อม

โดยหารือร่วมกับผู้ประกอบการในการจัดทำโครงการเร่งด่วนเพื่อรองรับกฎระเบียบ MMPA ที่จะประกาศบังคับใช้ โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบกลาง 35,687,200 บาท ให้ดำเนินการโครงการเร่งด่วนจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสัตว์น้ำ เพื่อรองรับ Marine Mammal Protection Act ของประเทศสหรัฐอเมริกา

2. โครงการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมง และวิธีการทำการประมงเพื่อป้องกันการติดโดยบังเอิญของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

3. โครงการการควบคุมเฝ้าระวังพื้นที่ทำการประมงในบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

4. โครงการการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเครื่องมือประมงที่มีผลกระทบต่อพะยูน

ทั้งนี้ นอกจากการบริหารจัดการทรัพยากรประมงโดยใช้กลไกต่างๆ แล้ว กรมประมงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน และพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมง และโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของการทำประมงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม และเป็นไปอย่างยั่งยืน


https://www.bangkokbiznews.com/business/1016464

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 21-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,204
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


เนเธอร์แลนด์พัฒนา หุ่นยนต์ฉลาม ช่วยเก็บขยะและวัดคุณภาพน้ำ

เนเธอร์แลนด์ พัฒนาหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายฉลาม ทำหน้าที่คอยเก็บขยะชิ้นเล็กไปจนถึงขนาดกลางในแม่น้ำ และสามารถวัดระดับคุณภาพของน้ำได้



ทีมผู้พัฒนาหุ่นยนต์ฉลามเก็บขยะ ได้แรงบันดาลใจในการผลิตมาจากฉลามวาฬ ที่มีปากขนาดใหญ่ที่คอยงับเหยื่อ หุ่นยนต์ฉลามถูกออกแบบให้มีซี่กรงที่เหมือนซี่ฟันฉลาม ที่จะคอยช่วยกรองและคัดแยกขยะ เช่น ขวดน้ำ ถุงพลาสติก สาหร่าย และเศษขยะที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ หลังจากที่หุ่นยนต์ฉลามเก็บขยะที่อยู่ในน้ำแล้ว ก็จะนำไปรวมที่จุดคัดแยกขยะ เพื่อนำไปกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสมหรือนำไปรีไซเคิลต่อไป

โดรนหุ่นยนต์ฉลามสามารถเก็บและบรรทุกขยะได้ 500 กิโลกรัม/วัน ทำงานได้ 10 ชั่วโมง แล่นได้ในระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยทำความเร็วได้ 3 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล่นในโหมดอัตโนมัติได้ 6 ชั่วโมง แล้วควบคุมจากทางไกลผ่านคลื่นวิทยุ นอกจากนี้ยังมีระบบ GPS ที่ช่วยในการนำทางพร้อมระบุตำแหน่ง ระบบเซนเซอร์ที่ช่วยให้หุ่นยนต์หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีระบบข้อมูลสภาพน้ำในแหล่งน้ำที่สามารถดูได้แบบเรียลไทม์

บริษัทผู้ผลิตออกแบบให้หุ่นยนต์ฉลามใช้งานได้ในหลายพื้นที่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ ในระหว่างที่หุ่นยนต์กำลังทำงาน จึงไม่มีการก่อให้เกิดมลภาวะ เพราะไม่มีการใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ จึงนำไปใช้กับแหล่งน้ำในเขตเมือง ชนบท เขตอุตสาหกรรม หรือแหล่งน้ำในสวนสาธารณะได้ และด้วยขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะมีน้ำหนักเพียง 72 กิโลกรัม หุ่นยนต์จึงเข้าไปเก็บขยะได้ในพื้นที่แคบ ๆ ที่เรือเก็บขยะเข้าไปไม่ถึงได้

แผนการต่อไปของผู้ผลิต คือการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวต้นแบบตัวใหม่ที่สามารถทำงานที่มีความท้าทายมากขึ้น เช่น การแก้ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในหลายพื้นที่ที่ต้องประสบกับปัญหานี้ โดยเน้นไปที่รัฐฟลอริด้าและพื้นที่ที่เป็นอ่าว ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแผนการนี้จะเริ่มต้นภายในปี 2022


https://news.thaipbs.or.th/content/317502

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:14


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger