เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนบนมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยประเทศไทยตอนบนมีหมอกบางกับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนตลอดช่วง ประกอบกับในช่วงวันที่ 3 ? 4 ก.พ. 67 ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลง 1 ? 2 องศาเซลเซียส ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกอุณหภูมิสูงขึ้น 1 ? 2 องศาเซลเซียสกับมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 8 ก.พ. 67 ลมตะวันตกเฉียงเหนือในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนบางแห่ง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วยตลอดช่วง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 03-02-2024 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


"Freedom Beach" หาดลับๆ บนเกาะเต่า



พลันที่ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ชวนร่วมทริปเที่ยวเกาะแบบไทยๆ ด้วยการนั่งรถไปเกาะเต่า แบบชิลๆ เสียงเพลง "ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ" ของปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล เมื่อ 30 ปีก่อน ก็ลอยมาทันที

ทริปนี้หมุดหมายแรกของเราคือ เกาะเต่า สวรรค์ของนักดำน้ำที่ติดอันดับ 5 ในจำนวน 10 เกาะยอดนิยมจากการเลือกของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง 'Tripadvisor' และติดอันดับ 1 ของเกาะยอดนิยมในเอเชีย ไม่รวมการได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 10 ของแหล่งเรียนดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกบนเว็บไซต์ Lonely Planet เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับเกาะเล็กๆ ในเขตอำเภอเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แห่งนี้

ผอ.ททท.สมุย บอกว่า ส่วนใหญ่แล้ว นักท่องเที่ยวนิยมที่จะมาดำน้ำที่เกาะเต่า เพราะมีจุดดำน้ำมากกว่า 20 จุดรอบเกาะ ที่สามารถดำได้ทั้งแบบฟรีไดฟ์ สน็อกกลิ้ง หรือ Scuba ข้อดีของเกาะเต่าสำหรับคนที่สนใจอยากดำน้ำก็คือเกาะเต่าสามารถดำน้ำได้ทั้งปี

จริงๆแล้วเกาะเต่าถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ในช่วงเวลาแค่ 70 กว่าปี สมัยก่อนถ้ามาเที่ยวทะเลแถบนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงเกาะสมุย เกาะนางยวน เกาะพะงัน มากกว่าจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่บนเกาะ บอกว่า กว่า 70 ปีที่แล้ว เกาะเต่าเป็นเกาะร้าง จนกระทั่งมีชาวบ้านจากเกาะสมุยล่องเรือมาเจอและเข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะ จากนั้นคนจากเกาะอื่นๆ

ใกล้เคียงทั้งเกาะสมุย เกาะพะงัน ก็ชวนกันย้ายมาอยู่ที่เกาะเต่า จนกลายเป็นชุมชนเล็กๆ หาเลี้ยงครอบครัวด้วยอาชีพเกษตร ประมง กระทั่งประมาณปี 2520 เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มลัดเลาะมาดำน้ำ และพบว่าที่นี่คือสวรรค์ของการดำน้ำ ชื่อเสียงของเกาะเต่าก็เริ่มโด่งดังตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา

สำหรับทริปเกาะเต่า...คราวนี้ ททท.สมุย ไม่ได้พาพวกเราไปดำน้ำเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว เพราะชื่อเสียงเรื่องการดำน้ำสำหรับเกาะเต่าดังระดับโลกไปแล้ว แต่ ผอ.ททท.พาเราไปรู้จักกับหาดลับๆ บนเกาะที่ชื่อว่า Freedom Beach ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ไม่ไกลจากอ่าวโฉลกมากนัก

ร่มเงาของต้นเทียนทะเลริมชายหาด ฟรีด้อม บีช ผสานกับ หาดทรายขาวละเอียด ทำให้ที่นี่เหมาะกับการนอนเล่นพักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติมากกว่าที่อื่นๆ บนเกาะ จริงๆแล้วชื่อเดิมของหาดนี้ ชาวบ้านเรียกว่า หาดตาโต๊ะกลาง เป็นชื่อที่มาจากแนวก้อนหินใหญ่ที่ชื่อว่า หินตาโต๊ะ ซึ่งอยู่บริเวณปลายแหลมของหาดทรายที่ทอดยาวแห่งนี้

และเพราะความสงบ ไม่ไกลจากชายหาด แค่ว่ายน้ำออกไปใกล้ๆ คุณอาจจะได้เห็นปลาฝูงใหญ่ว่ายเข้ามาใกล้มากๆ และถ้าเขยิบออกไปอีกนิด ก็จะเป็นจุดที่สามารถดำน้ำตื้นหรือสน็อกกลิ้ง ดูปะการังได้อีกด้วย

ก่อนถึงปลายแหลมมีชายหาดเล็กๆอีกแห่ง ปกคลุมด้วยต้นมะพร้าว ชาวบ้านเรียกว่า "อ่าวตาโต๊ะเล็ก" หรือ "หาดฟรีด้อมบีชสอง" เรียกว่า เป็นหาดลับๆในมุมเล็กๆอีกแห่งที่น่าค้นหา

การมาเที่ยวที่หาดฟรีด้อม บีช สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่โด่งดังที่สุดของเกาะเต่า ชื่อ "จุดชมวิวจอห์น?สุวรรณ" ซึ่งใช้เวลาเดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาที โปรแกรมนี้ หลายคนแม้จะอยากมองเห็นวิวสวยๆแต่ก็ขอ Bye นอนเล่นรอเพื่อนอยู่ที่ชายหาดแบบอิสระ ตามชื่อ Freedom ดีกว่า

จากบริเวณชายหาดฟรีด้อม สามารถเดินตามทางคอนกรีตเล็กๆ เลาะชายฝั่งไปเที่ยวหาดตาโต๊ะใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเวลาน้ำลงยังสามารถเดินต่อไปถึงอ่าวโฉลกบ้านเก่าได้ด้วย

การเดินทางมาเที่ยว Freedom Beach ไม่ยากอย่างที่คิด สามารถขับรถประมาณ 10 นาทีจากหาดทรายรี และท่าเรือแม่หาด โดยหาดฟรีด้อมอยู่ปลายถนนทางเหนือจดทางใต้ของเกาะเต่า โดยสามารถจอดรถไว้ที่อ่าวตาโต๊ะ แล้วเดินไปประมาณแค่ 2 นาที อิสระเสรีบนชายหาดที่สวยงามก็เป็นของเราแล้ว

ข้อที่ต่างจากหาดอื่นๆบนเกาะเต่า สำหรับที่นี่ก็คือ ต้องจ่ายค่าเข้าชายหาดคนละ 100 บาท ทั้งคนไทยและฝรั่ง เป็นค่าบำรุงรักษาเกาะ ซึ่งหลายประเทศก็ทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นเกาะก็จะเสื่อมโทรมโดยเฉพาะเรื่องของการกำจัดขยะ ที่เป็นปัญหาในหลายๆเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

"หลังจากพวกเรามาที่นี่ ที่นี่ก็จะไม่ใช่หาดลับๆบนเกาะเล็กๆแห่งนี้อีกแล้ว" ผอ.ททท.สมุย บอกไม่ใช่แค่ Freedom Beach เท่านั้นที่เย้ายวนใจ บนเกาะเต่ายังมีอีกหลายหาดที่สวยไม่แพ้กัน และความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยที่เป็นมากกว่า Soft Power นี่ล่ะ ที่กำลังโบกมือทักทาย เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ไปผ่อนคลาย ทอดกายกับทะเล ท้องฟ้า และสายลม เหมือนในเพลงฟังสบายๆที่ว่า

...

"ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ มีชีวิตกลางแดดและคลื่นลม จะจูบอำลาสังคม แสงสีในเมืองนภา หากเบื่อชีวิตในเมืองกรุง และคิดใจมุ่งแสวงหา มีธรรมชาติในวิญญา ตามฉันมาเป็นชาวเกาะเอย".


https://www.thairath.co.th/lifestyle...travel/2760183

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ว้าว! "โลมาปากยาว" อวดโฉมบริเวณเกาะบอน อช. หมู่เกาะสิมิลัน

ชวนตื่นตา "โลมาปากยาว" ออกมากระโดดโชว์ตัวบริเวณเกาะบอน ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา


ภาพจาก อช. หมู่เกาะสิมิลัน

เฟซบุ๊กเพจ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park" โพสต์ภาพของ "โลมาปากยาว" ที่ออกมาโชว์ตัวบริเวณเกาะบอน พร้อมให้ข้อมูลว่า

โลมาปากยาว Delphinus carpensis ssp. tropicalis (เป็นชนิดย่อยของ common dolphin: D. carpensis) พบได้ในมหาสมุทรอินเดียและมีการกระจายพันธุ์ถึงทะเลอันดามันของไทย ซึ่งพี่ๆเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้พบเจอบริเวณเกาะบอน

สำหรับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จ.พังงา เดิมอช.หมู่เกาะสิมิลัน ประกอบด้วยเกาะ 9 เกาะ คือ เกาะหนึ่ง(หูหยง) เกาะสอง(ปายัง) เกาะสาม(ปาหยัน) เกาะสี่(เมียง) เกาะห้า เกาะหก(ปายู) เกาะเจ็ด(หินปูซาร์) เกาะแปด(สิมิลัน) และเกาะเก้า(บางู)

ต่อมาทางกรมอุทยานฯได้ผนวกรวมเกาะตาชัยและเกาะบอนที่อยู่ในน่านน้ำละแวกเดียวกันเพิ่มเข้าไปอีก 2 เกาะ ทำให้หมู่เกาะสิมิลันปัจจุบันมี 11 เกาะด้วยกัน

สำหรับจุดไฮไลต์หลักของหมู่เกาะสิมิลัน มี 2 เกาะ หลัก ๆ ได้แก่ เกาะสี่ และ เกาะแปด

บนเกาะสี่ มีจุดท่องเที่ยวหลัก คือ ?หาดเจ้าหญิง? อันสวยงาม ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสวยใสแจ๋ว และ ?หาดเล็ก? ที่มีความเป็นธรรมชาติและเป็นส่วนตัว

ส่วนเกาะแปด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดสำคัญที่สุดของหมู่เกาะสิมิลัน เพราะมี "หินเรือใบ" ที่ถือเป็นไฮไลต์ประจำเกาะและเป็นดังสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแห่งนี้


https://mgronline.com/travel/detail/...10028?tbref=hp

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


ถอดรหัสคลื่นความร้อนของทวีปแอนตาร์กติกา และผลกระทบในอนาคต

คลื่นความร้อนในทวีปแอนตาร์กติกาในเดือนมีนาคม พ.ศ.2565 มีสาเหตุมาจากสภาพอากาศลานีญา พายุหมุนเขตร้อน และกระแสน้ำที่คดเคี้ยว คลื่นความร้อนทำให้เกิดการละลายอย่างกว้างขวาง และการล่มสลายของหิ้งน้ำแข็งคองเกอร์



Key points

- ความเปราะบางของแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติก และศักยภาพของคลื่นความร้อนที่ถี่ และรุนแรงมากขึ้นในอนาคต

- พื้นที่ขนาดใหญ่ของแอนตาร์กติกาตะวันออกมีอุณหภูมิสูงถึง 40?C เหนือระดับปกติ

- คลื่นความร้อนทำให้ปริมาณน้ำแข็งในทะเลลดลงอีก ซึ่งแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์


เหตุการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงความเปราะบางของแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติก และศักยภาพของคลื่นความร้อนที่ถี่ และรุนแรงมากขึ้นในอนาคต นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ นั่นหมายถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับวิธีการทำงานของสภาพอากาศยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ต้องการ แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแย่ลง ความประหลาดใจ และเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ยังคงเกิดขึ้น

ข้อมูลของ World Economic Forum ระบุว่า ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2565 แอนตาร์กติกาเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ไม่ธรรมดา พื้นที่ขนาดใหญ่ของแอนตาร์กติกาตะวันออกมีอุณหภูมิสูงถึง 40?C เหนือระดับปกติ และทำลายสถิติอุณหภูมิที่ทำลายสถิติ มันเป็นคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก

เหตุการณ์ที่น่าตกตะลึง และเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทำให้ชุมชนวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศแอนตาร์กติกต้องตะลึง มีการเปิดตัวโครงการวิจัยระดับโลกที่สำคัญเพื่อคลี่คลายสาเหตุเบื้องหลัง และความเสียหายที่เกิดขึ้น ทีมนักวิจัย 54 คน รวมทั้งฉันด้วย ได้เจาะลึกความซับซ้อนของปรากฏการณ์นี้ ทีมงานนำโดยนักอุตุนิยมวิทยาชาวสวิส โจนาธาน วิลเล และผู้เชี่ยวชาญจาก 14 ประเทศ ความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้มีการเผยแพร่เอกสารที่แปลกใหม่สองฉบับในวันนี้

ผลลัพธ์ที่น่าตกใจ แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเขตร้อนกับแอนตาร์กติกา และเปิดโอกาสให้ประชาคมโลกได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่โลกร้อน

อาจนำมาซึ่งเรื่องราวที่ซับซ้อนซึ่งเริ่มต้นจากครึ่งโลกที่ห่างไกลจากทวีปแอนตาร์กติกา ภายใต้สภาวะลานีญา ความร้อนแบบเขตร้อนใกล้อินโดนีเซียได้หลั่งไหลสู่ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรอินเดีย ในเวลาเดียวกัน กระแสลมสภาพอากาศซ้ำแล้วซ้ำอีกซึ่งเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกก็เกิดจากแอฟริกาตอนใต้ ปัจจัยเหล่านี้รวมกันเข้าในช่วงปลายฤดูพายุไซโคลนเขตร้อนในมหาสมุทรอินเดีย

ระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2565 มีพายุโซนร้อน 12 ลูกเกิดขึ้น พายุห้าลูกหมุนวนจนกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อน และความร้อน และความชื้นจากพายุไซโคลนบางลูกก็รวมกัน สายน้ำที่คดเคี้ยวพัดพาอากาศนี้ และพัดพามันไปเป็นระยะทางอันกว้างใหญ่ไปยังทวีปแอนตาร์กติกาอย่างรวดเร็ว

ด้านล่างของประเทศออสเตรเลีย สายน้ำเจ็ตนี้มีส่วนในการปิดกั้นเส้นทางความกดอากาศสูงไปทางทิศตะวันออกด้วย เมื่ออากาศเขตร้อนปะทะกับสิ่งที่เรียกว่า "การปิดกั้นที่สูง" มันทำให้เกิดแม่น้ำในชั้นบรรยากาศที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นในแอนตาร์กติกาตะวันออก สิ่งนี้ได้ผลักดันความร้อนและความชื้นของเขตร้อนลงใต้สู่ใจกลางทวีปแอนตาร์กติก

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หิ้งน้ำแข็งคองเกอร์ที่เปราะบางพังทลายลงในที่สุด แต่ผลกระทบก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่ควร นั่นเป็นเพราะว่าคลื่นความร้อนเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ทวีปแอนตาร์กติกาเปลี่ยนไปสู่ฤดูหนาวที่มืดมิด และหนาวจัด หากคลื่นความร้อนในอนาคตมาถึงในฤดูร้อน ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้นภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นหายนะ

แม้จะมีคลื่นความร้อน แต่อุณหภูมิภายในประเทศส่วนใหญ่ก็ยังต่ำกว่าศูนย์ การพุ่งสูงขึ้นนี้รวมถึงอุณหภูมิสูงสุดตลอดกาลใหม่อยู่ที่ -9.4?C เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ใกล้กับสถานีวิจัยคอนคอร์เดียในทวีปแอนตาร์กติกา เพื่อให้เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งนี้ ให้พิจารณาว่าอุณหภูมิสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ ตำแหน่งนี้คือ -27.6?C ณ จุดสูงสุดของคลื่นความร้อน พื้นที่ 3.3 ล้านตารางกิโลเมตร ในแอนตาร์กติกาตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดเท่าประเทศอินเดีย ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน

ผลกระทบ ได้แก่ ฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และพื้นผิวละลายตามพื้นที่ชายฝั่ง แต่ภายในประเทศ ความชื้นในเขตร้อนลดลงราวกับหิมะ - หิมะจำนวนมาก สิ่งที่น่าสนใจคือ น้ำหนักของหิมะชดเชยการสูญเสียน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาตลอดทั้งปี สิ่งนี้เป็นการบรรเทาชั่วคราวจากการมีส่วนร่วมของแอนตาร์กติกาต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก

การศึกษานี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือระหว่างประเทศในชุมชนวิทยาศาสตร์ของทวีปแอนตาร์กติกา รวมถึงการแบ่งปันชุดข้อมูลแบบเปิด ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นมาตรฐานของสนธิสัญญาแอนตาร์กติก สิ่งนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างสันติ และควรได้รับการเฉลิมฉลอง

คลื่นความร้อนที่ไม่ธรรมดาแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์สภาพอากาศที่ปะปนกันในเขตร้อนอาจส่งผลต่อแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกอันกว้างใหญ่ได้อย่างไร คลื่นความร้อนยังทำให้ปริมาณน้ำแข็งในทะเลลดลงอีก ซึ่งแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว การสูญเสียน้ำแข็งในทะเลนี้รุนแรงขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้มีน้ำแข็งในทะเลฤดูร้อน และฤดูหนาวต่ำที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ มันแสดงให้เห็นว่าความวุ่นวายในหนึ่งปีอาจทวีคูณในปีต่อๆ ไปได้อย่างไร


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1111207

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


สหรัฐฯ ช่วยไทยภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัย 19 ก.พ.-4 มี.ค.

ข่าวดี! สหรัฐฯ ยื่นมือช่วยไทย เตรียมลงสำรวจ "เรือหลวงสุโขทัย" แบบจำกัด เริ่ม 19 ก.พ.-4 มี.ค.นี้ ภายใต้การฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ตั้งเป้าค้นหา 5 ผู้สูญหาย-ปลดยุทโธปกรณ์ และสาเหตุการจม



วันนี้ (2 ก.พ.2567) พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และ นายโรเบิร์ต เอฟ.โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศ ไทย เป็นประธานร่วมฝ่ายสหรัฐฯ พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนจากกองทัพเรือ แถลงการฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ไฮไลท์ปีนี้ จะมีการเปิดปฏิบัติการสำรวจเรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด ระหว่างกองทัพสหรัฐ กับกองทัพเรือไทย

นายโรเบิร์ต กล่าวว่า การฝึกคอบร้าโกลด์ มีส่วนสนับสนุนความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางทหารระหว่างไทยและสหรัฐฯ หลายด้าน เช่นภารกิจของกองทัพอากาศไทย ในการอพยพคนไทยจากซูดานเมื่อเดือนเม.ย.2566 และในปีนี้กองทัพเรือสหรัฐจะร่วมกับกองทัพเรือไทยปฏิบัติการสำรวจเรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด จะดำเนินการภายใต้การฝึกคอบร้าโกลด์ 2024

"ภารกิจนี้จะนำมา ซึ่งกำลังใจและข้อสรุปให้แก่ครอบครัวของทหารเรือ และนาวิกโยธินผู้กล้าหาญทั้งหมดที่สูญหายไป"


ภารกิจค้นหา 5 ผู้สูญหาย-ปลดยุทโธปกรณ์

พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า การกู้เรือสุโขทัยแบบจำกัดตามที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ระบุคือการกู้เรือแบบ Light Savage มี 4 เรื่อง ได้แก่ การค้นหาผู้สูญหาย 5 คน การลงไปสำรวจหลักฐานใต้น้ำ เพื่อน้ำมาประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริง การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ หมดความสามารถที่จะใช้งานต่อไป และกองทัพเรือจะนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่างขึ้นมา

สาเหตุที่ไม่ให้สหรัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือในการกู้เรือหลวงสุโขทัยตั้งแต่แรก เนื่องจากกองทัพเรือ ของบประมาณในการกู้เรือจากรัฐบาลไปแล้ว เมื่อเดือนก.ค.2566 และกองทัพเรือ มั่นใจว่าจะดำเนินการกู้เรือขึ้นมาได้ทั้งลำ ซึ่งแนวทางที่จะดำเนินการในขณะนั้น ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด


ไม่มีผู้คุณสมบัติ-งบจำกัด-สหรัฐยื่นมือช่วย

ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเรือ เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ ที่มีคุณสมบัติในการกู้เรือ เข้ามาเสนอราคาโดยเปิดโอกาส 2 ครั้งด้วยกัน แต่ยังไม่มีบริษัทใดผ่านการพิจารณาของกองทัพเรือ ทำให้กองทัพเรือมองว่าการจ้างบริษัทมากู้เรือเป็นเรื่องยาก ประกอบกับงบประมาณประจำปี 2566 มีกรอบระยะเวลาในการใช้และระยะเวลาในการเบิกจ่าย ซึ่งต้องดำเนินการก่อนเดือนก.ย.2567

โดยสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอมาพอดี และสิ่งที่กองทัพเรือได้พูดคุยกับสหรัฐฯสอดคล้องกัน ถือเป็นสิ่งที่บรรลุวัตถุประสงค์ของและเชื่อมั่นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

"ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไหน ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีบริษัทจากจีน ได้รับเลือกเข้ามากู้เรือสุโขทัย ในความเป็นจริงยังไม่มีบริษัทใดได้รับการคัดเลือก"


เริ่มภารกิจ 19 ก.พ.-4 มี.ค.

สำหรับปฏิบัติการกู้เรือสุโขทัยแบบจำกัด ในช่วงการฝึกคอบร้าโกลด์จะอยู่ระหว่างวันที่ 19 ก.พ.- 4 มี.ค.นี้ โดยกำลัง ที่เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ในส่วนของกองทัพเรือ ประกอบด้วยเรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือต่อต้านทุ่นระเบิด จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ เรือระบายพลขนาดกลาง 18 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD 40 นาย ในขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ส่งเรือ Ocean valor พร้อม เจ้าหน้าที่ EOD 20 นาย สนับสนุนปฏิบัติการในครั้งนี้

สำหรับการฝึกคอบร้าโกลด์ นับเป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่ และมีประวัติยาวนานที่สุดการฝึกหนึ่งใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี


https://www.thaipbs.or.th/news/content/336623

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


กองฉลามมหึมา-ปลาโรนัน ที่วางขายเสรีในตลาดปลาไทย บอกอะไรสังคมช่วงใกล้ตรุษจีน ................... โดย ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล


"ตราบใดที่ตลาดยังต้องการ ก็มีการไปจับที่แหล่งอยู่ดี?
ที่มาของภาพ,NUTCH PRASOPSIN

เช้าวันหนึ่งของวันเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ นัชญ์ ประสพสิน ตั้งใจไปซื้อปลากะพง เพื่อมาทำกับข้าวที่ตลาดปลาชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.สมุทรสาคร แต่ภาพที่เธอพบ กลับเป็น "ฉลามกองมหึมา" หลากหลายสายพันธุ์ ที่วางจำหน่ายอย่างไม่ปิดบัง

แม้แต่ปลาโรนัน ที่มีลักษณะคล้ายฉลามและเป็นปลาหายากใกล้สูญพันธุ์ ก็ถูกนำมาวางขาย

นัชญ์ สอบถามพ่อค้าปลา ซึ่งเขาก็ยืนยันว่านี่คือปลาโรนัน ที่อนุสัญญาไซเตส ขึ้นบัญชีเป็นสัตว์คุ้มครอง ส่วนทั่วตลาดปลาที่เธอตระเวนสำรวจ ก็พบทั้ง ฉลามครีบดำ ฉลามครีบขาว โดยมีทั้งตัวเต็มวัย และที่ยังตัวเล็กเป็นลูกฉลาม

"ตกใจมาก โรนันเลยหรือ ในฐานะนักดำน้ำ มันหายากมาก" นัชญ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ "ทูนหัวของบ่าว" (Kingdom of Tigers) บอกบีบีซีไทย

ปลาโรนัน หากินตามพื้นท้องน้ำและพื้นทรายเหมือนปลากระเบน ดังนั้น ในฐานะนักดำน้ำที่เคยดำเจอโรนัน 2 ครั้ง นัชญ์จึงมั่นใจว่า "การที่จับมันขึ้นมาได้ ต้องเป็นอวนลากแน่นอน แต่เศร้าใจมาก ตัวเบบี๋ (ลูกปลา) ขนาดแค่คืบ ก็ยังจับมา"

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ชี้ว่า ชนิดพันธุ์ปลาฉลามและกระเบนทั่วโลก ราว 1 ใน 3 กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากการทำประมงเกินขนาด ขณะที่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ชี้ว่า ฉลามในน่านน้ำไทยกว่าครึ่ง หรือ 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์-ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง โดยปัจจัยหลักมาจากการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้ (bycatch) กล่าวคือเป็นปลาที่ถูกจับขึ้นมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ


ค้าฉลามเฟื่องฟู ฉลองตรุษจีน

ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ ผู้รณรงค์ยกเลิกการบริโภคฉลามมายาวนาน ชี้ว่า ปริมาณการค้าฉลามที่เพิ่มขึ้นตามตลาดปลา-แพปลา ในไทย มักเพิ่มขึ้นสูงในช่วงต้นปี โดยเฉพาะเมื่อใกล้เทศกาลตรุษจีน

"เราอยู่ในยุคที่ทุกคนเห็นความวิกฤตของธรรมชาติ แต่ก็ยังบริโภคฉลามอยู่" ดร.เพชร ระบุ "เห็นภาพแบบนี้แล้วสิ้นหวัง ดำน้ำเกือบตาย อยากเจอมาก มาเดินสะพานปลา เจอหมดเลย"

"สิ่งที่น่ากลัวคือ รณรงค์มา 20 ปีแล้ว แต่ประชากรในเมืองกลุ่มใหญ่ ก็ยังอยากลองทานหูฉลามอยู่... ตราบใดที่ตลาดยังต้องการ ก็มีการไปจับที่แหล่งอยู่ดี"

เมื่อพิจารณาภาพการขายฉลามที่ นัชญ์ ถ่ายมาได้ ดร.เพชร ตั้งข้อสังเกตว่า มีลักษณะการคัดขนาดและรูปร่างของฉลาม ซึ่งสวนทางกับคำกล่าวอ้างของผู้ค้าและชาวประมงว่า เป็น "สัตว์น้ำพลอยได้" คือติดขึ้นมากับอุปกรณ์ประมงพร้อมกับสัตว์น้ำเป้าหมาย

ส่วนตัวแล้ว ดร.เพชร "ไม่อยากกล่าวโทษชาวประมง" แต่ชี้ถึง "ช่องโหว่" ในกฎหมายไทยที่อนุญาตให้จำหน่ายฉลามเกือบทุกชนิดในไทยในฐานะ "สัตว์น้ำพลอยได้" เนื่องจากยังไม่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ยกเว้นฉลามหัวค้อนที่อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน และฉลามวาฬ ที่เป็นสัตว์สงวน

ที่น่าตกใจคือ "ไทยเป็นประเทศเดียวในโลก" ที่ขอสงวนสิทธิการขึ้นทะเบียน-เลื่อนบัญชีชนิดพันธุ์ ฉลามครีบดำทุกชนิด ให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไซเตส เป็นเวลา 7 ปี เพื่อเตรียมความพร้อม

"ขอสงวนสิทธิ ชนิดพันธุ์ที่พบว่ามีการค้ามากในไทยที่มีการบรรจุอยู่ในบัญชีไซเตส หรือปรับเลื่อนบัญชี ได้แก่ ปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae" มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ม.ย. 2566 ระบุ

ดร.เพชร แสดงความกังวลว่า ภาพการค้าฉลามที่ปรากฏในสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง จะสร้างภาพลักษณ์ในประชาคมโลกว่า รัฐไทยเปิดช่องให้ค้าฉลามและสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์

"ถ้าเวลาผ่านไป เราก็จะกลายเป็นเป้าว่า ทำไมไทยสงวนสิทธิประเทศเดียว แต่ยังค้าฉลามดังภาพที่ปรากฏในสื่อ" ทั้งที่ "ไม่มีประเทศไหนที่ขอยกเว้นไม่บังคับใช้ รวมถึงประเทศอื่นที่พบการค้าฉลามอย่างมาก อาทิ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์"


ฉลามก็แค่ปลา ?

ภายหลังโพสต์ภาพการค้าฉลามที่ตลาดปลาในสมุทรสาครของ นัชญ์ กลายเป็นไวรัลและสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ก็มีประชาชนส่งภาพหลักฐานการค้าฉลามเข้ามาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

"ฉลามหัวค้อนพวกนี้ ขายที่ปัตตานี ขายกันทุกวันเป็นตัน ๆ" นัชญ์ เล่าถึงภาพที่ได้มาจากประชาชนในปัตตานีที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ

เธอเองก็ยอมรับว่า พบเห็นการค้าฉลามตามตลาด-แพปลา อยู่บ่อย ๆ ยิ่งได้เห็นภาพที่ผู้คนส่งมาให้ดู ก็พบว่า "มันเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย" และ "สะท้อนว่า มันยังมีการกินฉลามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เราฉลองไม่ฉลาม แต่คนไม่ได้ตระหนักถึง ยังมีการสั่งซื้อกันอยู่"

คอมเมนต์ต่าง ๆ ในโพสต์ของเธอ แม้ส่วนมากจะแสดงการต่อต้าน แต่มีจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การค้า-การกินฉลาม ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีผู้อ้างว่า ฉลามเหล่านี้ถูกจับนอกน่านน้ำไทย หรือบางครั้งก็ซื้อต่อมาจากชาวประมงชาติอื่น

"คนที่กิน คิดว่าเป็นแค่ปลาตัวหนึ่ง" นัชญ์ บอกถึงคอมเมนต์ที่สะเทือนใจเธอมาก "มันมีปลาอีกมากที่โลกเราอนุญาตให้กิน กินปลาอื่นเถอะ นี่เรากำลังกิน 'เดอะบอสของท้องทะเล' กันนะ"


ฉลองไม่ฉลาม

ฉลามถือเป็นสัตว์นักล่าแห่งท้องทะเล และมีส่วนสำคัญในการรักษาระบบนิเวศน์ แต่ประชากรฉลามที่ลดลงอย่างมากจากการประมงเกินควรและสัตว์น้ำพลอยได้ ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์

"ฉลามสะท้อนสุขภาพมหาสมุทร ทะเลที่ดีคือทะเลที่มีฉลาม มันเป็นตัวควบคุมสมดุล หากเราสูญเสียฉลามไป ระบบนิเวศน์ต่าง ๆ จะรวนไปหมด" ดร.เพชร อธิบาย

ในความเป็นจริงนั้นประเทศไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการฉลาม พ.ศ. 2563-2567 แล้ว แต่ ดร.เพชร ชี้ว่า มีการบังคับใช้ที่ยังหละหลวมอยู่ เพราะเขาสำรวจแล้ว ยังพบการค้าฉลามในหลายจังหวัดทั่วไทย รวมถึง ระนอง ภูเก็ต สงขลา ปัตตานี และสมุทรสาคร เป็นต้น

สิ่งที่ภาครัฐควรเร่งทำในความเห็นของเขา คือ "ต้องรู้ว่าจับจากไหน ตรวจสอบว่าเรือประมงที่จับฉลามเหล่านี้ ถูกกฎหมายหรือไม่ และหากอ้างว่าไม่ได้จับจากน่านน้ำไทย ก็ต้องระบุที่มาได้"

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.เพชร ชี้ว่า ทางการไทยยังบังคับใช้กฎหมายอย่างหละหลวม เพราะยังพบเห็นการจับปลาด้วย "การลากอวน" ที่ถือเป็น "เครื่องมือทำลายล้างพันธุ์สัตว์น้ำ" และมีโทษฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 100,000-500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

แต่สิ่งที่ ดร.เพชร ชี้ว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายังเห็นภาพการค้าฉลาม จนเกือบ ?เหมือนปกติ? คือความต้องการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาใกล้ตรุษจีน

องค์กรไวลด์เอด ช่วยสัตว์ป่า เคยเปิดเผยผลสำรวจพบว่า แต่ละปีมีฉลามตาย 100 ล้านตัว ในจำนวนนี้ 73 ล้านตัวถูกฆ่า เพื่อนำครีบมาเป็นซุปหูฉลาม และไทยเองมีตลาดค้าครีบฉลามที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 ไวลด์เอด ได้เผยแพร่ผลการศึกษาดีเอ็นเอผลิตภัณฑ์หูฉลามจากตัวอย่าง 206 ชิ้น จากหลายจังหวัด พบว่ามาจากฉลามอย่างน้อย 15 ชนิดพันธุ์ อีกทั้งปลาฉลามส่วนใหญ่กว่า 62% ที่พบในหูฉลามที่ขายในไทยยังมาจากสายพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ โดยเป็นฉลามที่มีสถานภาพถูกคุกคามตามบัญชีแดงของ IUCN ด้วย

ไม่เพียงแต่ครีบเท่านั้น ดร.เพชร ในฐานะที่ปรึกษาของไวลด์เอด ยังระบุว่าได้พบ "เทรนด์ใหม่" ในการใช้อวัยวะทุกส่วนของฉลามมาใช้ประโยชน์ อาทิ ฉลามตากแห้งเพื่อเป็นอาหารทานเล่นของหมาแมว นั่นหมายความว่า เกิดอุปสงค์ใหม่ต่อการจับฉลาม ไม่ว่าจะจับในฐานะสัตว์น้ำพลอยได้หรือไม่ก็ตาม

ดังนั้น จึงควร "ต้องยกเลิกการบริโภคฉลามไปเลย" และหากไม่มีกฎหมายรองรับจริง "สังคมก็ต้องประณาม" นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ระบุ

สำหรับ นัชญ์ ที่รักและช่วยเหลือแมวผ่านเพจ "ทูนหัวของบ่าว" แต่ในฐานะนักดำน้ำและผู้รักท้องทะเล เธอก็อยากช่วยรณรงค์ "ฉลองไม่ฉลาม" เพื่อให้ประชาชนเลิกทานอาหารจากฉลามเสียที ด้วยการเผยแพร่ภาพฉลามตายที่ถูกวางขายอย่างเป็นสาธารณะในตลาดปลา-แพปลา หลายจังหวัดทั่วไทย ก่อนที่มันจะเปลี่ยนกลายเป็นหูฉลามในซุปใส ที่คนเชื่อว่าทานแล้วจะเป็นสิริมงคลและมีสุขภาพดี

เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรคนที่กำลังตัดสินใจทานซุปหูฉลาม เธอกล่าวว่า

"อยากให้มองถึงโลกที่ลูกหลานเราจะอยู่ในอนาคต ฉลามเป็นตัวควบคุมระบบนิเวศทางทะเล ควรยกเลิก [การกินหูฉลาม] ได้แล้ว"


https://www.bbc.com/thai/articles/ckrd72v8jz5o

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:14


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger