|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับยังคงมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีการกระจายของฝนน้อย เว้นแต่บริเวณรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 24 ? 25 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 30 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงวันที่ 26 - 27 มิย. มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ข้อควรระวัง ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
พบซากเรืออายุหลายร้อยปี นอกชายฝั่งสิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะ มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเส้นทางเดินเรือทั่วโลก โดยเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้มาช้านาน ล่าสุด ได้มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าในอดีตของภูมิภาคนี้ เมื่อคณะกรรมการ มรดกแห่งชาติสิงคโปร์และสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค เผยว่าค้นพบซากเรืออายุกว่า 200 ปีลำที่ 2 นอกพื้นที่เปดรา บรังกา ซึ่งเป็นภูเขาหินตั้งอยู่ทางตะวันออกของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ.2558 มีการขุดค้นใต้ท้องทะเลและได้พบซากเรือลำแรก เนื่องจากนักดำน้ำบังเอิญไปเจอแผ่นเซรามิก จนกระทั่งต่อมาก็ได้ค้นพบซากเรือลำที่ 2 คาดว่าจะเป็นเรือชาห์ มันชาห์ (Shah Munchah) ซึ่งเป็นเรือสินค้าที่ต่อขึ้นในอินเดียและอับปางลงในปี พ.ศ.2339 ขณะแล่นจากจีนไปยังอินเดีย ของที่กู้คืนจากซากเรือลำที่ 2 มีตั้งแต่เครื่องเซรามิกของจีน ไปจนถึงวัตถุทำจากแก้วและหินโมรา รวมถึงสมอ และปืนใหญ่ที่มักถูกติดตั้งบนเรือเดินสมุทรที่ใช้โดยบริษัทอินเดียตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ของจักรวรรดิอังกฤษที่ขยายออกไปในเอเชียช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 มีการตั้งข้อสังเกตว่าวัตถุบางชิ้นที่จมอยู่กับเรือ ดูคล้ายกับสิ่งประดิษฐ์ที่พบในการขุดค้นทางโบราณคดีบนบก นั่นแสดงให้เห็นว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าก่อนการมาถึงของยุคอาณานิคมอังกฤษ อย่างไรก็ตาม การสำรวจและการกู้คืนสิ่งประดิษฐ์จากซากเรือทั้ง 2 ลำดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2122860 ********************************************************************************************************************************************************* หุ่นยนต์ขนาดแบคทีเรีย ใช้กำจัดไมโครพลาสติก พลาสติกชิ้นเล็กจิ๋วนั้นแทรกตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่สภาพแวดล้อมในเมืองไปจนถึงถิ่นห่างไกลมลพิษ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าพลาสติกจะย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์ จริงอยู่ที่สารประกอบที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งถูกกระตุ้นโดยแสงแดดสามารถเร่งกระบวนการได้ แต่การทำให้สารประกอบเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับไมโครพลาสติกที่มีขนาดไม่ถึง 5 มิลลิเมตรนั้นทำได้ยาก ล่าสุด มีรายงานใน ACS Applied Materials & Interfaces เผยว่า มีกลุ่มวิจัยได้พัฒนาไมโครโรบอทแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่สามารถว่ายน้ำและยึดติดกับพลาสติกจากนั้นก็ทำลายพลาสติกเหล่านั้นได้ ในรายงานระบุว่าในการเปลี่ยนวัสดุตัวเร่งปฏิกิริยาให้เป็น ?ไมโครโรบอท? ที่ขับเคลื่อนด้วยแสง พวกเขาได้สร้างอนุภาครูปดาวของสารประกอบอนินทรีย์ที่เรียกว่าบิสมัทวานาเดต (Bismuth vanadate-BiVO4) แล้วเคลือบโครงสร้างที่มีความกว้าง 4-8 ไมโครเมตรอย่างสม่ำเสมอด้วยเหล็กออกไซด์ ไมโครโรบอทนี้จะว่ายไปตามช่องว่างท่ามกลางความยุ่งเหยิงของไมโครพลาสติก เพื่อจัดการกับชิ้นส่วนไมโครพลาสติกตลอดความยาวของพวกมัน นักวิจัยพบว่าภายใต้แสงที่มองเห็นได้ ไมโครโรบอทจะมุ่งไปที่พลาสติกทั่วไป 4 ประเภท ทีมได้ฉายแสงไปยังชิ้นส่วนพลาสติก 4 ประเภทที่เคลือบด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาไมโครโรบอทซึ่งอยู่ในสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เจือจางเป็นเวลา 7 วัน ทีมสังเกตพบว่าพลาสติกสูญเสียน้ำหนักไป 3% และพื้นผิวเปลี่ยนจากเรียบเป็นหลุม ทั้งยังพบโมเลกุลจิ๋วและส่วนประกอบของพลาสติกในสารละลายที่เหลือ ชี้ให้เห็นว่าตัวเร่งปฏิกิริยาไมโครโรบอทที่ขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้ ปูทางไปสู่ระบบที่สามารถดักจับและย่อยสลายไมโครพลาสติกในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2122861
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ตื่นเต้น! พบวาฬเพชฌฆาตแคระ 40 ตัว ว่ายน้ำหากินที่เกาะเต่า สุราษฎร์ธานี - สุดตื่นเต้น! พบวาฬเพชฌฆาตแคระกว่า 40 ตัว โผล่ว่ายน้ำหาอาหาร และแหวกว่ายคลอเคลียเรืออาสาสมัครทีมวางประการังเทียมที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ทีมอาสาสมัครชุดครูสอนดำน้ำคนไทย จำนวน 14 คน ได้นำเรือออกไปวางปะการังเทียม และเก็บขยะใต้ทะเล ร่วมกับทีม KTDT และนักดำน้ำชาวต่างชาติ ระหว่างออกเรือได้พบ False killer whal หรือวาฬเพชฌฆาตแคระ จำนวนกว่า 40 ตัว กำลังแหวกว่ายหาอาหารที่หัวแหลมเทียนจนถึงอ่าวโตนดของเกาะเต่า เมื่อฝูงวาฬเพชฌฆาตแคระ เห็นเรือวิ่งมาจึงว่ายน้ำมาวนอยู่กับเรือประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นดำน้ำหายไป ครูวีม หนึ่งในทีมอาสาสมัครได้บอกว่าหลังจากเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ท้องทะเลได้พักฟื้นเต็มที่ ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอย่างมาก จึงทำให้ฝูงวาฬเข้ามาหากินในพื้นที่รอบๆ เกาะเต่า และมีโอกาสได้พบบ่อยขึ้น นับเป็นเรื่องที่ดี และช่วยสร้างสีสันให้แก่ทะเล https://mgronline.com/south/detail/9640000061245
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
พบเหยื่อฉลามอายุมากสุดในโลก นักวิทย์ผงะ790แผลอายุ3พันปี พบเหยื่อฉลามอายุมากสุดในโลก ? วันที่ 24 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการถูกฉลามโจมตี มีอายุเก่าแก่ถึง 3 พันปี ถือเป็นเหยื่อฉลามโจมตีที่มีอายุมากที่สุดในโลก ผลงานดังกล่าวเป็นฝีมือของนักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ที่แหล่งขุดค้น สึคุโมะ บริเวณทะเลเซโตะใน ประเทศญี่ปุ่น โดยการตรวจสอบพบว่าโครงกระดูกนี้เป็นของชายที่เสียชีวิตจากบาดแผลกว่า 790 แผล ทั่วร่างกายตั้งแต่แขน ขา อกด้านหน้า และท้อง นางเจ. อลิซซา ไวต์ และนายริก ชุลติง หนึ่งในคณะนักขุดค้น ระบุว่า รู้สึกงุนงงมากว่าชายผู้นี้เสียชีวิตจากสาเหตุใดถึงมีบาดแผลได้มากเพียงนี้ เป็นบาดแผลฉกรรจ์อย่างน้อย 790 จุด แผลหลายจุดเหมือนถูกของมีคม ลักษณะแหลมเป็นรูปร่างตัววี แทงลงไปลึกมาก ไม่เหมือนกับอาวุธที่ใช้ในยุคโจวมอน และไม่เหมือนกับลักษณะฟันของสัตว์กินเนื้อบนบกในยุคนั้นด้วย คณะวิจัย กล่าวว่า หลังจากการตรวจสอบไปเรื่อยๆ ไม่พบว่าเป็นสาเหตุเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างมนุษย์ หรือเป็นสัตว์ล่าเนื้อทั่วไป แต่เป็นฉลาม คาดว่าเป็นฉลามหัวค้อน หรือฉลามขาวยักษ์ คณะนักวิจัยยังทำงานร่วมกับนายจอร์จ เบอร์เกสส์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยฉลามรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของฉลาม นายชุลติง ระบุว่า ทางโบราณคดีแล้วมีตัวอย่างของเหยื่อที่ถูกฉลามขย้ำเสียชีวิตน้อยมาก โดยศพเดียวที่พบมาจากแหล่งขุดค้นจากเปอร์โตริโก มีอายุเก่าแก่มาตั้งแต่เมื่อค.ศ. 1000 "เหตุผลที่เราพบน้อยมาก เพราะว่าเหตุฉลามโจมตีมนุษย์นั้นเกิดขึ้นน้อยมาก แม้แต่ปัจจุบันที่จำนวนคนบนโลกมีมากขึ้น เมื่อเทียบสัดส่วนแล้วก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่อฉลามโจมตีน้อย" ภายหลังการศึกษาพบว่า ชายผู้นี้เสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วง 1,370 ถึง 1,010 ปีก่อนคริสตกาล หรือประมาณกว่า 3,000 ปีที่ผ่านมา จากนั้นจึงนำโครงกระดูกมาวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบเรือนร่างและบาดแผล ผู้เชี่ยวชาญ สันนิษฐานว่า ชายผู้เสียชีวิตนั้นเป็นนักล่าสัตว์ และตอนเกิดเหตุน่าจะมีชีวิตอยู่ เนื่องจากตำแหน่งบาดแผลที่กระจายไปทั่วเรือนร่าง มือซ้ายก็หายไป แปลว่า เป็นแผลจากการต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด นายชุลติง ระบุว่า นักล่าคนนี้น่าจะออกไปตกปลา อาจไปคนเดียว หรือไปกับเพื่อนหลายคน อาจตกปลาจากเรือ หรือดำน้ำเก็บหอย หรืออาจถึงขั้นล่าฉลาม เพราะฟันฉลามนั้นสามารถพบได้ตามแหล่งขุดค้นยุคโจวมอน "เราคิดว่าน่าจะเป็นฉลามตัวเดียว หรือหลายตัวก็ไม่ทราบได้แน่ชัด เข้าโจมตีชายผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ขณะอยู่ในน้ำ อาจจะเสียศูนย์พลัดตกจากแพ หรือถูกลากลงไปจากแพ หรือถูกเบ็ดลากลงไปในทะเล ที่แน่ใจได้คือ ฉลามไม่ได้ตัวเล็กแน่นอน" "บาดแผลจำนวนมากบนร่างกายของชายคนนี้หมายความว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นนั้นกินเวลานานพอสมควร" ชุลติง ระบุ ต่อมาศพของชายคนนี้ถูกเพื่อนๆ นำมาฝังพร้อมทำพิธี โดยขาขวาของชายผู้นี้หายไป ส่วนขายซ้ายนั้นถูกวางไว้บนตัวของผู้เสียชีวิต นายมาร์ก ฮัดสัน หนึ่งในคณะนักวิจัย จากสถาบันมักซ์พลังค์ ประเทศเยอรมนี ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่านักโบราณคดีสามารถจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากเหตุการณ์ในอดีตได้จากการขุดค้นหลักฐานโบราณ https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6472722
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ภัยน้ำทะเลสูง คาดพื้นที่ 'กรุงเทพ' 96% เสี่ยงน้ำท่วมภายในปี 73 กรีนพีซ คาด "กรุงเทพ" ติดหนึ่งใน 7 เมืองของเอเชีย มีระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมแนวชายฝั่งในสภาวะสุดขีด ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก เปิดรายงานฉบับใหม่วันพฤหัสบดี (24 มิ.ย.) ที่กรุงโซล ระบุว่า ภายในปี 2573 มากกว่า 96% ของพื้นที่กรุงเทพ อาจถูกน้ำท่วม หากเกิดอุทกภัยอุบัติซ้ำ ประกอบกับพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีความหนาแน่นสูงใจกลางเมือง ในรายงานระบุว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และน้ำท่วมแนวชายฝั่งในสภาวะสุดขีดใน 7 เมืองของเอเชียในอีก 10 ปีข้างหน้า อาจนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 724,000 ล้านดอลลาร์ "ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้เหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด" คิม มี กยอง ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกระบุ และกล่าวว่า รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศนั้น ไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด "รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องยกเลิกแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในทันทีและเร่งการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เรากำลังเผชิญกับสภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น เราต้องเสริมสร้างการวางแผนจัดการภัยพิบัติและการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เมืองของเราหลายแห่งในเอเชียเสี่ยงต่อน้ำท่วม เราไม่อาจรอได้" คิม มีกยองกล่าว รายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่า ภายในปี2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ข้อค้นพบหลักจากรายงาน ?ภายในปี 2573 มากกว่า96%ของพื้นที่กรุงเทพฯ อาจถูกน้ำท่วมหากเกิดอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ รวมถึงพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีความหนาแน่นสูงใจกลางเมือง ?กรุงจาการ์ตาเผชิญกับภัยคุกคามสองประการ ทั้งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและแผ่นดินทรุด ราว17%ของพื้นที่ทั้งหมดของจาการ์ตาซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ในปี 2573 อาจถูกน้ำท่วมภายใต้สถานการณ์อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ซึ่งจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ?พื้นที่ลุ่มต่ำทางตะวันออกรวมถึงแขวงโคโตซึ่งเป็น1ใน23แขวงพิเศษของกรุงโตเกียว (ประกอบด้วยเขตสุมิดะ โคโตะ อาดาจิ คัตสึชิกะและเอโดงาวะ)มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 68,000 ล้านดอลลาร์ อาจจะเกิดขี้นจากน้ำท่วมชายฝั่งภายในปี 2573 หรือคิดเป็น10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมของกรุงโตเกียว ?ในกรุงไทเป สถานีกลางไทเป ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่สุดทางตอนเหนือของไต้หวัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกับเขตต้าถงอันเก่าแก่ คิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจราว24%ของจีดีพี รวมของกรุงไทเป ?เกือบ87%ของพื้นที่กรุงมะนิลาเป็นที่ลุ่มต่ำที่เสี่ยงน้ำท่วมซึ่งหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ10ปี ที่จะเกิดขึ้นภายในปี2573ผู้คนมากกว่า1.54ล้านคน อาจได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ารวม3.9หมื่นล้านดอลลาร์ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/945283
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
คนเขาใหญ่ออกแคมเปญ "NO DAM" ค้าน 7 อ่างผุดกลางป่า "มรดกโลก" ชาวบ้านคลองมะเดื่อ-เครือข่ายอนุรักษ์ ติดป้ายค้านผุดเขื่อนกลางมรดกโลก "ดงพญาเย็น-เขาใหญ่" หลังกรมชลประทาน มีแผนศึกษา และเดินหน้าอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง เสี่ยงถูกถอดมรดกโลก ช้างและสัตว์ป่าหากินหนักกระทบชุมชน พร้อมออกแคมเปญล่ารายชื่อผ่าน change.org วันนี้ (24 มิ.ย.2564) น.ส.อรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์และนักวิชาการเกือบ 30 องค์กร เช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, มูลนิธิโลกสีเขียว, สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย, สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย, กลุ่มรักษ์เขาใหญ่ ร่วมออกแถลงการณ์คัดค้านการเห็นชอบรายงานอีเอชไอเอ และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการอนุมัติโครงการเพื่อรักษาถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า นอกจากนี้ ยังเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมลงชื่อคัดค้านโครงการผ่านทาง change.org แคมเปญคัดค้านโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ?.?จันทบุรี พื้นที่อุทยานเขาสิบห้าชั้น ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.มีผู้ร่วมลงชื่อ 2,300 คน น.ส.อรยุพา ระบุว่า การสูญเสียป่า เพื่อสร้างเขื่อนจะกระทบต่อระบบนิเวศตามมา เพราะเขื่อนจะบล็อกพื้นที่หากินของสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างที่ออกนอกพื้นที่เป็นประจำในบริเวณแก่งหางแมว จะยิ่งออกนอกป่า และเพิ่มปัญหากับชุมชน "เขื่อนมีความจุอ่าง 99 ล้าน ลบ.ม.ถือเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ จึงอยากให้พิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ รอบด้าน เพื่อไม่เสี่ยงที่จะสูญเสียป่านับหมื่นไร่ " ชาวบ้าน-กลุ่มอนุรักษ์ ค้านเขื่อนในป่ามรดกโลก ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ตัวแทนเครือข่ายมรดกโลก-ดงพญาเย็นเขาใหญ่ กล่าวว่า หลังจากมีความชัดเจนว่ากรมชลประทาน เข้ามาศึกษาโครงการเขื่อนในเขตป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งพบว่าจะมีโครงการอ่างเก็บน้ำ 7 แห่งในป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติตาพระยา ทำให้ชาวบ้านบางส่วน เริ่มออกมาเคลื่อนไหว ไม่เห็นด้วยกับโครงการ เพราะมองว่าไม่คุ้มกับการสูญเสียพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ "โดยเฉพาะอ่างคลองมะเดื่อ จ.นครนายก ที่ถือว่ามีก้าวหน้ามากที่สุด กรมชลประทานเข้ามาทำรายงานสิ่งแวดล้อม ศึกษาโครงการเสนอให้กับคชก.แล้ว ขณะที่ชาวบ้านมีการทำป้ายคัดค้าน ไม่เอาเขื่อน มีการพูดคุยกับทางเครือข่ายอนุรักษ์ เพราะกังวลผลกระทบจากช้างป่าเขาใหญ่ ที่จะออกนอกพื้นที่มากขึ้น" นอกจากนี้แหล่งข่าวจากเครือข่ายมรดกโลก-ดงพญาเย็นเขาใหญ่ ระบุอีกว่า บริเวณนี้มีเขื่อนขุนด่านปราการชล ห่างไปประมาณ 5 กิโลเมตร ชาวบ้านไม่ได้ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง และไม่ตอบโจทย์การจัดการน้ำในพื้นที่ แต่มองว่าเขื่อนทั้ง 7 แห่งที่แบ่งเป็น 3 เฟสจะใช้น้ำไปป้อนให้กับทางอีอีซี "ทางเครือข่าย ห่วงว่าพื้นที่เขาใหญ่ เป็นเกาะ และไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อีกแล้ว จะยิ่งเสียพื้นที่ป่าที่มีเหลือน้อย จนเสี่ยงต่อการถูกถอดจากมรดกโลก และยิ่งบีบให้สัตว์ป่า ทั้งช้าง กระทิง ออกนอกพื้นที่รอบๆเขาใหญ่หนักขึ้น แทนที่จะแก้ปัญหากลับสร้างปัญหา " #NODAM มรดกโลกดงพญาเย็นเขาใหญ่ มี 7 อ่าง ปัจจุบันมีการขออนุญาตสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่มรดกโลกดงพญาเย็นเขาใหญ่ ทั้งหมด 7 อ่าง โดยแต่ละอ่างได้เตินตามขั้นตอน ดังนี้ - อ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครนายก อยู่ในขั้นตอนส่ง EIA ให้คณะ คชก.พิจารณาและถูกตีกลับมาให้ทำประเด็นเพิ่มเติม เสียพื้นที่ป่าประมาณ 1,000 ไร่ - อ่างเก็บน้ำห้วยสโตน อุทยานแห่งชาติตราพระยา จ.สระแก้ว อยู่ในขั้นตอนของกรมชลประทาน ยื่นขอใช้พื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำจากกรมอุทยานฯ เสียพื้นที่ป่าประมาณ 4,700 ไร่ - อ่างเก็บน้ำลำพระยาธาร อุทยานแห่งขาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี อยู่ในขั้นตอนขอเข้าสำรวจพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำจากรมอุทยานเพื่อออกแบบและหาจุดที่เหมาะสม - อ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี อยู่ในขั้นตอนขอเข้าสำรวจพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำจากรมอุทยานฯ เพื่อออกแบบและหาจุดที่เหมาะสม - อ่างเก็บน้ำคลองวังมืด อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี อยู่ในขั้นตอนขอเข้าสำรวจพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำจากรมอุทยานเพื่อออกแบบและหาจุดที่เหมาะสม - อ่างเก็บน้ำคลองหนองแก้ว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี อยู่ในแผนการขอเข้าสำรวจในปี 2572 - 2575 - อ่างเก็บน้ำคลองบ้านนา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครนายกอยู่ในขั้นตอนการขอให้สร้างจากสภาเกษตรกร https://news.thaipbs.or.th/content/305480
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|